ฉันไม่คิดว่าการที่ฉันตัดสินใจมาทำงานที่นี่มันจะทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ "รามสูร" หรือว่า "พี่ราม" เขาคือคนที่เข้ามาทำให้ชีวิตฉันต้องเปลี่ยนไป ผู้ชายเอือยเฉื่อยที่มาพร้อมกับใบหน้าไร้อารมณ์ที่มาพร้อมกับข้อเสนอให้ฉัน "แอรีส" ไปเป็นหมอนข้างให้เขา เพราะความอวดดีทำให้ฉันต้องยอมรับต่อชะตากรรมนั้น แต่ใครจะไปรู้ละว่าการเป็นหมอนข้างของผู้ชายที่ชื่อว่ารามสูรคนนั้นมันจะเปลืองตัวมากขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีฉันก็ตกเป็นของเขาโดยไม่มีเงื่อนไขซะแล้ว “พะ พี่ราม” “ใช่ นั่นคือชื่อของผัวเธอ จำไว้ว่าต่อจากนี้ไปเธอคือเมียฉัน และอย่าได้ริไปให้ไอ้เหี้ยนั่นกอดหรือจูบเธออีก ไม่งั้นเอาให้ตายแน่”
ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่มีขนาดห้องค่อนข้างใหญ่มีของตกแต่งห้องเพียงแค่ไม่กี่อย่าง ตรงกลางห้องมีโซฟาตัวยาวที่สามารถเปลี่ยนเป็นเตียงนอนได้ รอบๆ โซฟามีข้าวของต่างๆ กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด ของที่ว่านั้นมันไม่ใช่ขยะแต่เป็นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรี ซึ่งประกอบไปด้วยกีตาร์ไฟฟ้า เบส กลองชุด และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับเล่นดนตรีอีกมากมาย ถัดจากนั้นเป็นห้องน้ำที่สามารถอาบน้ำและทำธุระส่วนตัวได้ และนอกเหนือจากนั้นในห้องห้องนี้ยังมีบาร์น้ำเล็กๆ ไว้สำหรับบริการคนที่อยู่ในห้องนี้อีกด้วย
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มข้างนอกทำให้สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างครึกครื้นไปโดยปริยาย ที่นี่คือห้องพักนักดนตรีที่ค่อนข้างหรูหราไปสำหรับไว้นั่งพัก เพราะการตกแต่งห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องนี้ทำให้รู้สึกว่าห้องนี้ไม่ต่างจากโรงแรมดีๆ เลยก็ว่าได้ จะขาดก็แค่เตียงนอนก็เท่านั้นส่วนที่เหลือมีครบทุกอย่าง
ที่เปรียบห้องห้องนี้เป็นเหมือนโรงแรมก็คงเป็นเพราะว่าตรงมุมห้องที่ไม่ค่อยเป็นที่สนใจสักเท่าไหร่มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนัวเนียกันอย่างเมามันอยู่ แต่จะว่านัวเนียกันก็คงไม่ถูกเพราะฝ่ายหญิงฝ่ายเดียวเท่านั้นที่เป็นฝ่ายกระทำทุกอย่าง ส่วนฝ่ายชายได้แค่นั่งนิ่งๆ ปล่อยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนปรนเปรอให้กับเขาเป็นฝ่ายเดียวเท่านั้น
ร่างบางในชุดสุดเซ็กซี่เป็นฝ่ายนั่งอยู่บนพื้นห้องโดยใบหน้าของเธอกำลังซุกไซร้อยู่ที่หว่างขาของชายหนุ่ม ซึ่งเธอกำลังใช้ริมฝีปากของเธอมอบความสุขให้กับเขาด้วยความเต็มใจเพราะเธอมีความหวังเล็กๆ ว่าคนคนนี้จะพอใจแล้วเก็บเธอไว้เป็นคนข้างกาย ถึงความหวังนั้นจะเป็นฝันลมๆ แล้วก็เถอะ
“อืม”
หญิงสาวเจ้าของร่างแสนเซ็กซี่ครางออกมาด้วยความพึงพอใจเมื่อสิ่งที่อยู่ในปากของเธอที่เธอกำลังเล้าโลมอยู่นั้นมันเริ่มขยายใหญ่ขึ้นจนคับปาก ก่อนที่เธอจะปรือตาหวานเยิ้มของเธอขึ้นไปมองหน้าชายหนุ่มที่เธอกำลังปรนเปรอความสุขให้กับเขาอยู่เพื่อดูปฏิกิริยาโต้ตอบของชายหนุ่มคนนั้น
แต่..สิ่งที่เธอได้กลับเป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า เพราะชายหนุ่มไม่ได้มองมาที่เธอเลยแม้แต่นิด แต่ที่ทำให้เธอคาดเดาอารมณ์ของเขาได้ยากมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเป็นเพราะว่าเจ้าของใบหน้านั้นใช้แมสปิดปากปิดบังหน้าตัวเองไว้ครึ่งหนึ่ง ส่วนที่โผล่มาก็แค่ใบหน้าส่วนบนซึ่งถูกประดับด้วยนัยน์ตาคมเข้มที่มองยังไงก็น่าดึงดูดใจแต่ตอนนี้มันถูกผิดบังด้วยเปลือกตาของเขาบอกกับบนหัวของเขามีหมวกสวมทับศีรษะไว้อีกเลยทำให้เธอแทบไม่สามารถเห็นใบหน้าของชายหนุ่มในตอนนี้ได้เลย มันเลยทำให้เธอไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอกำลังทำนั้นมันเป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับเขาหรือเปล่า หวังว่าจะมองเพื่อดูปฏิกิริยาตอบรับเผื่อว่าเธออาจจะได้ไต่เต้าไปอยู่ในจุดที่อยู่สูงเหนือกว่าคนอื่นแต่สิ่งที่ได้กลับกลายเป็นความเฉยชาและว่างเปล่า และมันก็ทำให้เขาเหมือนกับคนที่กำลังหลับ
แต่มีเพียงบางอย่างที่ทำให้รู้ว่าเขายังไม่หลับเพราะตอนนี้นิ้วมือของเขามันกำลังเคาะไปตามจังหวะเพลงที่เขากำลังฟังจากหูฟังที่เขาเสียบคาที่ใบหูทั้งสองข้างอยู่ มันเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอและดูเหมือนว่าเขาจะจดจ่อกับสิ่งสิ่งนั้นมากกว่าเธอเสียด้วยซ้ำการกระทำของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมากแต่เธอก็เรียกร้องอะไรขึ้นมาไม่ได้เพราะกว่าเธอจะไต่เต้ามาอยู่ตรงหน้าเขาได้ในวันนี้ เธอต้องฟาดฟันกับผู้หญิงมากหน้าหลายตามาตั้งเท่าไหร่ เธอไม่ยอมให้โอกาสดีๆ แบบนี้หลุดพ้นมือของเธอไปแน่นอนและก็อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เธอมั่นใจว่าเขาไม่ได้หลับนั่นก็คือสิ่งสิ่งนั้นที่อยู่ในปากของเธอยังไงละ
คิดได้อย่างนั้นเธอก็ใช้ริมฝีปากของเธอทำหน้าที่ของมันต่ออย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพราะเธอคิดว่าประสบการณ์ที่เธอได้สะสมมามันอาจทำให้ผู้ชายคนนี้พึงพอใจในตัวเธอได้บ้าง และเพราะความคิดเข้าข้างตัวเองของเธอนั้นทำให้เธอรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเอื้อมมือของเธอขึ้นไปลูบไล้ร่างกายของชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะ
พรึบ!
และทันทีที่มือของเธอแตะถูกร่างกายของชายหนุ่ม ชายหนุ่มเจ้าของร่างก็ลืมตาของเขาขึ้นมาทันที เจ้าของนัยน์ตาคมเข้ม กับจมูกโด่งคมสัน เพียงแค่ส่วนประกอบแค่สองอย่างบนใบหน้าก็สามารถการันตีได้เลยว่าภายใต้แมสปิดปากอันนั้นต้องซ่อนความงดงามไว้อย่างแน่นอน และนั่นมันก็เป็นความจริงเพราะใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในแมสอันนั้นมันเป็นที่เลื่องลือในหมู่สาวๆเป็นอย่างมาก เพราะไม่อย่างนั้นพวกเธอคงไม่ฟาดฟันต่อสู้กันเพื่อใกล้ชิดกับผู้ชายคนนี้หรอก
หมับ!
ชายหนุ่มเอื้อมมือของเขาไปจับมือคู่นั้นของหญิงสาวเอาไว้ทันที และการกระทำของเขาทำให้เจ้าของร่างแสนเซ็กซี่หยุดชะงักการกระทำของตนเองไปทันที ก่อนที่เธอจะผละริมฝีปากของเธอออกจากสิ่งสิ่งนั้นของเขาแล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเจ้าของมือคู่นั้นที่กำลังจับมือของเธอไว้แน่นอยู่
“มะ มีอะไรคะ”
เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัยก่อนที่ใจของเธอจะรู้สึกสั่นขึ้นมาเมื่อเผลอไปสบตากับเขาเข้า เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ช่างน่าดึงดูดใจนัก และมันก็ทำให้เธออยากครอบครองเขา เพียงแค่สบตากับเขาเธอก็ใจสั่นได้มากขนาดนี้ นี่ถ้าเธอได้นอนกับเขาเธอจะรู้สึกมีความสุขมากแค่ไหนกันนะ
“มือสกปรก ใครใช้ให้มาแตะต้องตัวฉัน”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับแฝงไปด้วยความเยือกเย็นมันเลยทำให้เจ้าของร่างที่นั่งอยู่ระหว่างขาของเขาตัวสั่นขึ้นมาได้ในพริบตา
“ขอโทษค่ะ ต่อไปฉันจะไม่ทำอีก”
เธอรู้ว่ามันเป็นข้อห้ามตั้งแต่ตกลงที่จะมาทำเรื่องแบบนี้กับเขาแล้ว ข้อห้ามของเขาคือห้ามจูบและห้ามแตะต้องตัวเขานอกจากสิ่งที่เขาให้เธอทำ มันเป็นข้อห้ามที่เธอบังเอิญฝืนแหกกฎทั้งๆ ที่รู้แก่ใจดี
“ไม่ได้เรื่อง”
ชายหนุ่มเอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วปล่อยมือของเธอให้เป็นอิสระแล้วใช่สายตาเรียกการ์ดที่ยืนเฝ้าประตูห้องมาลากผู้หญิงคนนี้ออกไป
“ไม่นะคะ ฉันขอแก้ตัวก่อน”
“ขอโทษนะครับคุณผู้หญิง คุณหมดหน้าที่ของคุณแล้ว เชิญครับ”
แล้วหญิงสาวก็ถูกการ์ดตัวโตลากออกไปจากห้องก่อนที่ประตูห้องจะถูกปิดลงแล้วกลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายก่อนที่มือของเขาจะเอื้อมมารูดซิปกางเกงของตัวเองให้เข้าที่แล้วหลับตาของเขาลงอีกครั้ง
“เฮ้อ ไอ้เฉื่อย อารมณ์ไม่ดีก่อนขึ้นแสดงมันไม่ดีนะเออ”
ใช่ว่าห้องห้องนี้จะมีแค่ชายหนุ่มอยู่เพียงคนเดียว แต่ในนี้กลับมีผู้ชายอีกสองคนร่วมอยู่ด้วย และพวกเขาก็อยู่ในนี้แล้วตั้งแต่ต้น เพราะเรื่องแบบนี้พวกเขาเห็นมันจนชินตาและมันก็เป็นเรื่องปกติของพวกเขา มันเลยไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไรถ้าจะมีคนมาแสดงหนังสดที่แสนร้อนแรงต่อหน้าพวกเขา
ห้องห้องนี้ถูกจัดไว้เพื่อพวกเขาเป็นพิเศษ จัดไว้เพื่อใช้เป็นห้องพักนักดนตรีก่อนขึ้นแสดง ซึ่งห้องนี้จะมีแค่พวกเขาเท่านั้นที่ใช้ได้ ส่วนนักดนตรีวงอื่นๆ จะใช้ห้องอื่นที่อยู่ถัดออกไปพอสมควรและพวกเขาก็คือนักดนตรีประจำผับสุดหรูแห่งนี้ยังไงละ
“ยุ่ง”
ชายหนุ่มตอบเพียงแค่นั้นก่อนที่จะเข้าสู่หมดเงียบของเขาต่อ ถึงใบหน้าของเขาจะไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมาให้เห็นแต่คนสนิทอย่างพวกเขาก็พอเดาออกว่าตอนนี้ชายหนุ่มคนนี้กำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่และนั่นมันเป็นการบอกไปนัยๆ ว่าพวกเขาไม่ควรยุ่งกับชายหนุ่มในเวลานี้ แต่...
“เออ กูลืมบอกมึง พรุ่งนี้นักร้องใหม่จะเริ่มทำงานวันแรกนะ”
เนื่องด้วยความสนิทเลยทำให้พวกเขาลดความเกรงกลัวนั่นลง
“เฮ้ย จริงดิ ผู้หญิงผู้ชายวะ”
ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยถามด้วยความกระตือรือร้น
“หญิง”
“วู้ววว เข้าทางกูละ”
ป๊าบ!
“เฉยไปเหอะมึง เอ่อ กูถือว่ามึงรับรู้แล้วนะ ยังไงก็อย่าใจร้ายกับนักร้องใหม่ของเราให้ละ สงสารเด็กมัน”
ชายหนุ่มหันไปตบหัวชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ เขาครั้งหนึ่งก่อนที่จะเบนสายตามองไปยังมุมห้องแล้วตะโกนบอกคนคนนั้นให้รับรู้กับสิ่งที่เขาพึ่งเอ่ยไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงประตูห้องดังขึ้นแล้วประตูห้องที่พวกเขาอยู่ก็ถูกเปิดเข้ามา
“ได้เวลาขึ้นแสดงแล้วครับ”
“อืม”
พวกเขาตอบรับเพียงแค่นั้นก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบเอาอุปกรณ์ดนตรีประจำตัวของตัวเองมาถือไว้ ซึ่งชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของใบหน้าอบอุ่นเป็นคนเล่นกีตาร์และร้องนำ ชายอีกคนหน้าตาทะเล้นเป็นคนเล่นในตำแหน่งมือเบส และคนสุดท้ายที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่ลึกลับที่สุดและท่าทางเอื่อยเฉื่อยนั้นรับหน้าที่เป็นมือกลองของวง และพวกเขาทั้งสามคนก็เป็นนักดนตรีใต้ดินที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นในช่วงนี้
“ไอ้เฉื่อย ได้เวลาแล้ว”
“อืม”
ชายหนุ่มที่เอาแต่เงียบมาโดยตลอด ครางรับก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแล้วจึงค่อยๆ พยุงร่างกายของเขาลุกขึ้นด้วยความเอื่อยเฉื่อย การกระทำของเขามันดูช้าในสายตาคนมอง แต่ไม่น่าเชื่อว่าคนท่าทางแบบนี้จะเป็นมือกลองที่รัวกลองอย่างบ้าคลั่งเวลาอยู่บนเวที คนนะ มันรู้หน้าแต่ไม่รู้ใจหรอก
ชีวิตของนักศึกษาปีสี่ที่ทั้งเรียนทั้งทำงานหาเช้ากินค่ำอย่างฉัน "สายลม" ก็วุ่นวายมากพอแล้ว แต่ชีวิตของฉันต้องวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อฉันเจอกับไอ้โหดหน้านิ่งนั่น "นาวา" ผู้ชายที่มาพร้อมกับรอยสักเต็มตัว เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ควรจะหลีกเลี่ยงให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทำไมเหมือนยิ่งฉันหนีเขา ผลักไสเขา เขายิ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตฉันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันควรจะทำยังไงกับผู้ชายคนนี้ดี ใครก็ได้เอาไอ้เถื่อนนี่ไปจากชีวิตฉันที "ฉันเป็นคนทานง่าย เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย ไม่เรื่องมากหรอก เอาแต่ใจนิดหน่อย ไม่ชอบให้ใครขัด" "...." "และตอนนี้ฉันก็โสดด้วย ส่วนเรื่องซิงเสียไปตั้งแต่มอสามแล้ว อยากรู้อะไรอีกไหมฉันยินดีบอกนะ" WHAT!!!
ชีวิตของนักศึกษาปีสี่ที่ทั้งเรียนทั้งทำงานหาเช้ากินค่ำอย่างฉัน "สายลม" ก็วุ่นวายมากพอแล้ว แต่ชีวิตของฉันต้องวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อฉันเจอกับไอ้โหดหน้านิ่งนั่น "นาวา" ผู้ชายที่มาพร้อมกับรอยสักเต็มตัว เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ควรจะหลีกเลี่ยงให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทำไมเหมือนยิ่งฉันหนีเขา ผลักไสเขา เขายิ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตฉันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันควรจะทำยังไงกับผู้ชายคนนี้ดี ใครก็ได้เอาไอ้เถื่อนนี่ไปจากชีวิตฉันที "ฉันเป็นคนทานง่าย เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย ไม่เรื่องมากหรอก เอาแต่ใจนิดหน่อย ไม่ชอบให้ใครขัด" "...." "และตอนนี้ฉันก็โสดด้วย ส่วนเรื่องซิงเสียไปตั้งแต่มอสามแล้ว อยากรู้อะไรอีกไหมฉันยินดีบอกนะ" WHAT!!!
ฉันเชื่อว่าคนเราต้องเคยเจอเรื่องที่บังเอิญไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่มันเป็นเพราะความบังเอิญหรือโชคชะตากันแน่ที่ทำให้ฉันได้มาเจอกับเขา "โซ่" เขาคือผู้ชายที่มีดีทั้งหน้าตา ฐานะ และความสามารถ และเขาก็เป็นนักดนตรีหนุ่มชื่อดังที่สาวๆเกือบครึ่งประเทศล้วนเทใจให้กับเขา แต่แจ็คพอตมันดันมาแตกที่ฉัน เมื่อฉันดันบังเอิญตื่นขึ้นมาบนเตียงของเขา พร้อมกับประโยคแรกที่เขาเอ่ยพูดกับฉันมาว่า.. "ตื่นแล้วเหรอ" เอ๊ะ ฉันมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ยยยยยย!!!!! . . "ในเมื่อเธอก็ได้ลายเซ็นต์ของฉันไปแล้ว เธอช่วยลืมเรื่องวันนี้ไปให้หมดหน่อยได้ไหม"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว