เสือดำอย่าง 'เฮยอวิ้น' จู่ๆ ก็มีเจ้าสาววิ่งเข้ามาหาถึงถิ่น นานมาแล้ว หลังจากทำสัญญาระหว่างมนุษย์และสัตว์ป่าจะไม่ก้าวก่ายกัน แต่หญิงสาวผู้นั้นทำให้เขาเลียริมฝีปาก คิดว่า.. งานนี้ได้มีอาหารอันโอชะตกถึงท้องแล้ว!
เสือดำอย่าง 'เฮยอวิ้น' จู่ๆ ก็มีเจ้าสาววิ่งเข้ามาหาถึงถิ่น นานมาแล้ว หลังจากทำสัญญาระหว่างมนุษย์และสัตว์ป่าจะไม่ก้าวก่ายกัน แต่หญิงสาวผู้นั้นทำให้เขาเลียริมฝีปาก คิดว่า.. งานนี้ได้มีอาหารอันโอชะตกถึงท้องแล้ว!
ร้านผ้าสกุลจือ ทางเหนือของเมืองหลวงแคว้นซั่นกวง...
หญิงสาวในชุดแต่งงานสีแดงสดตัวใหม่ถูกแม่สื่อจูงมือพาเดินออกจากประตูร้าน นี่คือชุดใหม่ที่นางมี ชุดใหม่ที่นางไม่ต้องเสียเงินซื้อมา แต่ใครเล่าจะยินดี หากต้องถูกบังคับให้แต่งเป็นอนุภรรยาคนที่สี่ของอันธพาลอวดดีประจำเมือง
สีหน้าใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงเต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัว นางไม่ยินดีกับงานแต่งที่ถูกบังคับเช่นนี้ ต่อให้ยากไร้ยิ่งกว่านี้นางก็ไม่ยินดี!
ใช่แล้ว นางไม่ควรถูกบังคับให้ออกเรือนตั้งแต่แรก เพราะนางไม่มีบิดามารดาให้ห่วงใย ไม่มีญาติพี่น้อง ในแคว้นซั่นกวงแห่งนี้ นางเป็นเพียงหญิงกำพร้าธรรมดาคนหนึ่ง
หญิงสาวครุ่นคิดขณะก้าวเท้าข้ามธรณีประตู เดินไปทางเกี้ยวสี่คนหาม แต่แล้วจู่ๆ นางก็หยุดชะงัก ไม่ยอมขึ้นเกี้ยว
แม่สื่อที่จูงมือนางอยู่ด้านข้างก้มหน้ากระซิบถาม “มีอะไรรึ”
นางสูดหายใจ ยืนนิ่งเงียบ
งานแต่งนี้นางไม่ต้องการด้วยซ้ำ ทั้งที่บิดามารดาหรือก็มิได้จัดขึ้นเพื่อนาง นั่นเพราะนางสูญเสียทั้งสองท่านไปตั้งแต่เล็ก แล้วเหตุใดคนพวกนี้ต้องบังคับนางเพียงเพราะเป็นลูกจ้างของเถ้าแก่เนี้ยจือเหนียงด้วย!
สวรรค์ นางไม่ต้องการแต่งงานกับคนผู้นั้น แต่ควรทำอย่างไรดีเล่า!
หากนางร้องขอความช่วยเหลือ ชาวบ้านแม้เห็นใจ แต่คงไม่มีใครยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือแน่ เพราะหนึ่ง คนที่นางแต่งด้วยเป็นอันธพาลเมือง สอง นางมีดาวแห่งความโชคร้ายในตัว เป็นหญิงที่โชคร้ายที่สุดในเมืองแห่งนี้ หากช่วยเหลือนาง พวกเขาก็จะพลอยโชคร้ายไปด้วย
“แม่นาง เจ้าหยุดเท้าทำไมรึ” แม่สื่อถามอีกครั้ง แต่นางยังยืนนิ่ง สีหน้าซีดเผือด
ทำอย่างไรดี! หากขึ้นเกี้ยวนี้ไปแล้ว นางจะไม่ได้เป็นแค่หญิงโชคร้ายอาภัพ แต่จะกลายเป็นผู้หญิงที่ต่ำตมที่สุด ถึงเหลิ่งซานเหวินจะแต่งนางเข้าบ้านอย่างถูกต้อง แต่นางเคยได้ยินมาว่าผู้ชายคนนั้นชอบทรมานภรรยาของตนเป็นที่สุด
ถึงนางยากจนก็ใช่ว่าจะยอมถูกรังแกถึงเพียงนั้น!
“แม่นาง?” แม่สื่อกระตุ้นถาม ก่อนปล่อยมือนาง แล้วหันเดินไปทางจือเหนียง เดาว่าคนละแวกนี้ก็คงสงสัยในการกระทำของว่าที่เจ้าสาวไม่ได้ และแม่สื่อคงจะไปหาจือเหนียงเพื่อให้จือเหนียงบีบบังคับนางขึ้นเกี้ยว ดังที่บีบบังคับนางให้แต่งกับเหลิ่งซานเหวิน
ถึงตอนนี้ นางคิดว่าเรื่องเงินไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ถึงชีวิตจะยากลำบาก แต่ก็ไม่ควรอยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเหง การเป็นภรรยาของเหลิ่งซานเหวินคงทรมานยิ่งกว่าการขาดเงิน ต่อให้จือเหนียงบีบบังคับนางแล้วอย่างไรล่ะ บนโลกนี้ไม่มีคนที่นางต้องห่วงใยสักนิด แล้วจะสนใจไปไย!
ชั่วอึดใจสั้นๆ นั้นเอง นางฉวยโอกาสที่ทุกคนหันไปสนใจจือเหนียง รวบชายกระโปรงขึ้น แล้วออกวิ่งเต็มเหยียด ทั้งยังดึงผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงทิ้งข้างทาง
นางวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตา ก้าวขาวิ่งด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี ลัดเลาะเข้าตรอกนั้นออกซอยนี้
คนหามเกี้ยว แม่สื่อ และจือเหนียงต่างออกวิ่งตาม ปากตะโกนบอกให้นางหยุด อีกทั้งข่มขู่สารพัดวิธี แต่เหตุใดนางต้องกลัวคำขู่เหล่านั้นด้วยเล่า ให้แต่งกับเหลิ่งซานเหวินน่ะหรือ สู้ปล่อยให้นางตายข้างถนนไม่ดีกว่าหรือไง
นางวิ่งสุดขา ถลกกระโปรงยาววิ่งบ้างกระโดนบ้าง กระทั่งคนด้านหลังที่วิ่งตามนางไม่มีแล้ว นางถึงเพิ่งรู้ว่าตนวิ่งเข้ามาในป่า เท้าซึ่งไร้รองเท้าตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้เหยียบเข้ากับกิ่งไม้แห้งดัง ‘เป๊าะ!’ เสียงกิ่งไม้หักใต้เท้าดังก้องป่าชวนขนหัวลุก นางเดินอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ว่าตนอยู่ตรงส่วนไหนของป่า และไม่รู้ว่าควรออกจากป่าทันทีหรือเข้าไปให้ลึกขึ้นอีก อย่างไหนถึงจะเป็นหนทางรอด
แต่ว่า...ออกไปก็ตาย เข้าไปก็ตาย ไม่ว่าทางไหนนางล้วนตายอยู่แล้ว!
ตอนนั้นเองที่กิ่งไม้เกี่ยวชายกระโปรงทำให้นางก้าวต่อไปไม่ได้ นางตระหนกเล็กน้อย แต่ก็หันหลังกลับไปดึงกระโปรงออกจากกิ่งไม้ ทว่าดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก นางจึงกระชากอย่างสุดแรงจนชายกระโปรงเจ้าสาวสีแดงฉีกขาดติดกับกิ่งไม้นั่น หัวใจนางหล่นวูบ นี่คือลางร้าย
ช่างปะไร ตอนตัดสินใจวิ่งหนีออกจากขบวนเจ้าสาว นางก็รู้แก่ใจดีแล้วว่าไม่มีทางให้ถอยกลับอีกแล้ว หากถูกเหลิ่งซานเหวินจับได้ นั่นหมายถึงนางต้องได้รับโทษทรมานจากเขา แล้วยังจะห่วงอะไรกับแค่ชายกระโปรงฉีกขาด!
เมื่อตัดสินใจยอมตายดีกว่าแต่งงานกับชายอันธพาล หญิงสาวเดินเข้าป่าไปเรื่อยๆ พลางคิดว่า ‘ตายก็ตายสิ’ ในตอนนั้นเอง เสียงที่ไม่ควรได้ยินก็ดังขึ้นเหนือศีรษะนาง
กรร...
เป็นเสียงคำรามของสัตว์ป่า!
สองขาของหญิงสาวหยุดชะงัก
กรร... กรร...
มันคำรามอีกสองที ราวกับยืนยันให้นางรู้ว่านั่นคือเสียงของสัตว์ร้ายจริงๆ
นานทีเดียวกว่าจะกล้าหันหลังกลับไปมองอย่างเชื่องช้า เมื่อเงยหน้าขึ้น สิ่งที่เห็นคือเสือดำขนมันเงาตัวใหญ่ยืนบนกิ่งไม้หนาเหนือศีรษะนาง ปากของมันมีน้ำลายเหนียวหยดย้อนย้อยลงมา ดวงตาแดงฉานจ้องมองนางราวกับนางคือก้อนเนื้ออันโอชะ
นางกลืนน้ำลายด้วยความกลัว คราวนี้นางตายจริงๆ แน่แล้ว
สวรรค์! สวรรค์! นางร่ำร้องในอก แต่เมื่อคิดได้ว่านี่คือความปรารถนาของนางมิใช่หรอกหรือ นางก็หยุดสั่น จ้องมองเสือดำตัวนั้นนิ่ง
เสือดำเฮยอวิ้น ราชาสัตว์ผู้ปกครองป่าเฮยหู่แห่งนี้ การตายด้วยคมเขี้ยวของมันอาจเป็นเกียรติของนางแล้วก็ได้!
เพิ่งคิดว่านางต้องตายในคราเดียว และการตายด้วยคมเขี้ยวของเสือดำอาจดีกว่าต้องแต่งงานกับเหลิ่งซานเหวิน เสือดำตัวนั้นก็กระโจนใส่นางตอนที่นางกางแขนทั้งสองข้างออก และเบือนหน้าหลับตาปี๋
เท้าทั้งสองของมันตระปบตะปบบนหัวไหล่นาง แรงกระแทกนั้นทำให้นางล้มหงายหลัง คมเล็บแหลมคมกดลงบนหัวไหล่เนื้อนางจนเลือดไหล กลิ่นเลือดเข้มข้นในจมูก นางขบริมฝีปากรอให้เสือดำกัดกิน และวินาทีหลังจากนี้นางต้องตายแน่แล้ว อาจจะเจ็บเพราะถูกฉีกกระชากในคราแรก แต่หลังจากนั้นนางอาจจะไม่เจ็บอีกเพราะนางตายแล้ว... นางคิดอย่างสงบและเป็นขั้นเป็นตอน
ทว่าช่วงที่นางกำลังลุ้นว่าเสือดำจะตะกรุ่นกินนางจากส่วนไหนก่อน จู่ๆ ริมฝีปากของนางก็รับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่อุ่นร้อนและเปียกชื้นทาบทับลงมา
เสือดำคงแทะเล็มนางจากปากก่อนสินะ!
ริมฝีปากนางถูกขบเล็มอย่างละเมียดละไม ขณะที่นางยังหลับตารอคอยความตายอย่างเงียบๆ
การถูกเสือดำกินไม่ทำให้นางเจ็บสักนิด ทว่าเหตุใดเสือดำถึงแทะเล็มเฉพาะปากของนางนานเช่นนี้ นานจนกระทั่งทำให้นางหมดสติเพราะความหวาดกลัว!
ท่ามกลางสงครามระหว่างแคว้น “กงอวิ๋นเทียน” รองแม่ทัพแคว้นเป่ยซีที่บาดเจ็บสาหัสถูกช่วยเหลือโดยหญิงเก็บสมุนไพร เขาสูญเสียความทรงจำ และตกหลุมรักนาง... เพราะรักมาก จึงหมายเอาเปรียบ เพราะรักเกินไป จึงเผลอทำร้ายอย่างแสนสาหัส เป็นเพราะความรักที่บดบังตาจนกระทำเรื่องเห็นแก่ตัว และไม่ตระหนักสักนิดเลยว่า เหตุใดตัวตนของนางจึงเป็นปริศนา คำตอบแน่ชัดอยู่แล้ว เพราะนางหาใช่มนุษย์ แต่เป็น...ปีศาจ!
นาง...ศิษย์สำนักเต๋า เรียบร้อยดุจผ้าขาวที่พับไว้ เขา...เจ้าสำนักดินแดนตะวันตก ดิบเถื่อนและไม่ไว้หน้าใคร เมื่อนางต้องมาพบกับเขา ความอดทนและความเป็นกุลสตรีของนางต้องแตกออกเป็นเสี่ยงไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ! “อยู่กับข้าไม่ดีตรงไหน ข้าเป็นถึงเจ้าสำนักเสือขาว เป็นลูกบุญธรรมของข่านเผ่าทูเจวี๋ย หน้าตาหล่อเหลา มีวรยุทธ์สูงส่ง เจ้าคิดว่าข้ายังไม่ดีพอสำหรับเจ้าอีกหรือ” ชายหนุ่มกล่าว “ข้าไม่สน” นางตอบกลับโดยไม่หยุดคิด คราวนี้เขาไม่พูดอะไรอีก ยอมปล่อยมือจากนางแต่โดยดี หนำซ้ำยังลุกขึ้นยืน มือเกี่ยวบนขอบกางเกงซึ่งเป็นอาภรณ์ชิ้นเดียวบนตัวของเขา ดวงตาก็มองจดจ่อบนใบหน้าของนาง ระหว่างที่นางมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาก็ถอดกางเกงของตนต่อหน้าต่อตานางโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า หญิงสาวลืมตัวเบิกตามองส่วนสงวนของเขาเต็มๆ คนเปลือยเปล่าล่อนจ้อยต่อหน้านางกลับไม่สะทกสะท้าน ยังหันกลับมากำชับนาง “ข้าจะอาบน้ำ อย่าแอบดูข้าล่ะ” หญิงสาวหน้าแดงแจ๋ เปล่งเสียงคำรามใส่ด้วยความเดือดดาล ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปทันที “สายตาของข้าแปดเปื้อนแล้ว คนสารเลว!”
'เรนกิ ซูซูกิ' ทำงานเป็นบรรณาธิการให้กับสำนักพิมพ์ชื่อดังแห่งหนึ่ง 10 ปีที่ทุ่มเทให้กับงาน ผลตอบแทนคือถูกเนรเทศให้ไปอยู่หมวด BL นอกจากต้องหงุดหงิดกับความมืดมนของนักเขียนนามว่า 'ยูโกะ' ยังต้องทนกับความตีสต์ขั้นเทพ แต่ในที่สุด ความทรมานใจเหล่านั้นก็จบลง เมื่อเรนกิประสบอุบัติเหตุระหว่างทางไปอพาร์ตเม้นต์ของยูโกะ ทว่า.... "ขอต้อนรับสู่โลกใบใหม่" เจ้านักเขียนตีสต์แตกพูดกับเขา ในขณะที่เรนกิแตกตื่น วิญญาณของเขาก็ได้เข้ามาอยู่ในร่างของจอมมาร ในมังงะ Yaoi 18+ และยังเป็นฝ่ายรับ ถูกผู้กล้าข่มเหงตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง ไม่ว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงเนื้อเรื่องเรท 18+ อย่างไร แต่คนที่เข้ามาพัวพันกับเขาก่อนมักจะเป็นผู้กล้าทุกครั้ง และอีกอย่าง เขาได้พบความลับของโลกใบนี้ ซึ่งที่จริงแล้ว....
แค่ทะลุมิติมาในโลกยุคโบราณก็นับว่าแย่มากพอแล้ว แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เธอต้องมาแต่งงานกับท่านอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าอำมหิตมากที่สุดในเมืองหลวง แล้วจางอวิ๋นซีจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของท่านอ๋องจอมโฉดได้อย่างไร
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ปรมะพลาดพลั้งมีความสัมพันธ์กับนักศึกษาของตัวเองจนตั้งท้อง เขาจำใจต้องรับผิดชอบอย่างไม่มีทางเลือก แต่ผู้ชายระดับไฮเอ็นเช่นเขาไม่ยอมเข้าตาจนง่ายๆ หรอก ในเมื่อพลาดไปแล้วก็ช่างมัน รับแค่ลูกเอาไว้ และเขี่ยแม่ของเด็กทิ้งลงถังขยะ นี่แหละคือทางออกที่ยอดเยี่ยมที่สุด! ตัวอย่างเล่ม : ระหว่างที่รองเท้าสีดำเงาวับกำลังย่ำลงไปบนพื้นกระเบื้องราคาแพง เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาชนเข้าที่ขาด้านหลัง ปรมะหยุดเดิน และก็หมุนตัวกลับไปมองสิ่งที่พุ่งเข้ามาปะทะร่างกายของตัวเอง เด็กผู้หญิงถักเปียสองข้าง... เขายิ้มที่มุมปากน้อยๆ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งเผชิญหน้ากับเด็กตัวจ้อย “อย่าวิ่งซนนะครับเด็กดี...” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมามองเขา ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างดีใจ “คุณพ่อ...” เขาไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของเด็กหญิงตรงหน้า แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจจนแทบช็อกคือใบหน้าของเด็กหญิงคนนี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับเขาตอนเด็กไม่มีผิด ปรมะถึงกับอึ้งงันไป แต่เด็กน้อยยังคงยิ้มแถมยังยกมือขึ้นลูบหน้าของเขาไปมา “คุณพ่อจริงๆ ด้วย... ไข่มุกไม่ได้ฝันไป... เย้...” “หนู...” ตอนนี้แม้แต่จะพูดออกมาให้เป็นคำยังยากสำหรับปรมะเลย เด็กคนนี้เรียกเขาว่าพ่อ แถมยังมีหน้าตาถอดแบบมาจากเขาในตอนเด็กอีกต่างหาก ซีรีส์ในชุดที่เกี่ยวข้องกัน 1. ขายหัวใจให้ท่านประธาน 2. มลทินรัก CEO 3. คืนเผลอรัก 4. อุ้มรักเมียแสนชัง
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
© 2018-now MeghaBook
บนสุด