“นี่คุณ ปล่อยฉันนะไม่อย่างนั้นฉันจะตะโกนเรียกคุณป๋า ท่านจะได้รู้ว่าคุณมันไว้ใจไม่ได้” น้ำเสียงเธอตกใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็โดนอีกฝ่ายจู่โจมถึงตัวเอาแบบนี้ “คุณไม่รู้หรอกหรือว่าคุณป๋าคุณเปิดทางให้ผมแค่ไหน” เขากระซิบข้างหูคนตัวเล็กอย่างจงใจ “ปล่อยฉันนะ คุณอย่ามารุ่มร่ามกับฉันแบบนี้นะ” “รุ่มร่ามที่ไหนกันก็แค่กอดเมีย” คนกวนพยายามจะหอมแก้มขาวนวล ทว่าอีกฝ่ายหลบได้ทันเสียก่อน “นี่คุณ” ไม่ได้ห้ามอย่างเดียว ทว่ากำปั่นเล็กทุบเข้าที่หน้าอกเขาเต็มแรง แต่ดูเหมือนคนทุบจะเจ็บมือเองเสียเปล่า ๆ เพราะมันไม่ได้สะทกสะท้านหรือระคายเคืองอะไรกับแผงอกหนาเอาเสียเลย “ถ้ายอมให้หอมก็จะปล่อย” “มันจะมากไปแล้วนะ” เสียงที่ดังลอดไรฟันค่อนข้างเอาเรื่อง “แค่หอมมากไปทีไหนกัน ... โอ๊ย! นี่คุณชาติก่อนเป็นหมาหรือไง” ศิวัฒน์ยังไม่ทันได้กวนโทสะอีกฝ่ายจนสุด ก็ต้องร้องเสียงหลงออกมาเมื่อคนในวงแขนแข็งแรงหันไปกัดเอาที่ต้นแขนนั้นจมเขี้ยว ทำเอาคนที่กำลังคิดว่าตัวมีชัยอยู่ถึงกับต้องปล่อยแขนออกจากเอวบางทันที
บทนำ
“คลินิกปิดแล้วค่ะ”
เสียงเจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์ดังขึ้น มือก็จัดเก็บเอกสารเข้าที่ไปด้วย สายตาพลางมองหญิงสาวตัวเล็ก ที่กำลังเดินเข้าตรงเข้ามาที่เคาน์เตอร์ หากพิจารณาจากบุคลิกและเสื้อผ้าหน้าผมแล้วทุกอย่างที่เห็น ไม่ว่าจะชุดจั๊มสูทแขนกุดสีดำสนิท กระเป๋าสะพายแบรนด์ดัง แว่นตาสีชาก็น่าจะแบรนด์แท้ทั้งหมด
“ดิฉันนัดคุณหมอไว้ค่ะ”
เจ้าของร่างเล็กเอ่ยขึ้น มือเรียวขยับแว่นตาเล็กน้อย ริมฝีปากสวยยิ้มบาง ๆ ให้เจ้าหน้าที่อย่างเป็นมิตร หากดูจากสีปากที่แดงสด กับการแต่งหน้าที่ดูจะจัดไปสักหน่อย ซึ่งถ้ามองผิวเผินหลายคนคงคิดว่าเจ้าตัวน่าจะเป็นผู้หญิงร้าย ๆ เอาแต่ใจตัวเอง ขี้วีนขี้เหวี่ยงแน่นอน หากแต่เพียงแค่ระบายยิ้มออกมา แม้เพียงเล็กน้อย ก็พลอยให้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ยิ้มตามด้วย
“อ้าวหนูฟ้า ไหนบอกว่ามาถึงแล้วจะโทรมาหาอาไงคะ”
เสียงอีกคนดังขึ้น พร้อม ๆ กับเดินออกมาจากห้อง ที่ติดป้ายหน้าห้องไว้ว่า ‘แพทย์หญิงวันดี’ นั่นคือบุคคลที่เจ้าของร่างเล็กอ้างว่านัดไว้เมื่อครู่
“ฟ้าเห็นว่าไม่มีคนแล้ว เลยไม่โทรหาค่ะ”
“อือ... ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราเข้าไปคุยกันในห้อง ออนี่คุณฟ้า หลานสาวหมอเอง”
คุณหมอสาวคนสวยบอกให้เจ้าหน้าที่คนเมื่อครู่ได้รู้จัก และเมื่อรู้ว่าสาวสวยตรงหน้าเป็นใครเจ้าหน้าที่จึงรีบยกมือขึ้นเตรียมจะไหว้ทำความเคารพ ทว่าอีกฝ่ายปรามเอาไว้ทันเสียก่อน
“ไม่ต้องไหว้ฟ้าหรอกค่ะ เราน่าจะรุ่นใกล้ ๆ กัน”
ผู้มาเยือนบอกอย่างเป็นกันเอง
“เก็บของเสร็จแล้วก็กลับได้เลยนะ เดี๋ยววันนี้หมอปิดคลินิกเอง”
แพทย์หญิงบอกเจ้าหน้าที่คนเดิมก่อนคว้าเอวบางของคนที่เพิ่งบอกว่าเป็นหลานเดินเข้าห้องตรวจไป
“ประมาณหกสัปดาห์แล้วละ”
แพทย์หญิงบอกมือก็เลื่อนเครื่องตรวจไปทั่วบริเวณหน้าท้องที่ยังคงแบนราบของคนตัวเล็กไปมาครู่หนึ่ง แล้วจึงจัดการเก็บอุปกรณ์ในการตรวจ
“นี่ฟ้าท้องจริง ๆ เหรอคะอาหมอ”
ว่าที่คุณแม่ถามขึ้นเมื่อกลับมานั่งที่โต๊ะบุหนังตัวเดิมที่เคยนั่งเมื่อสักสิบห้านาทีที่แล้ว
“เมื่อกี้ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เห็นค่ะ แต่ฟ้าไม่คิดว่าจะติดนี่คะ”
แม้จะเป็นเรื่องที่น่าตกใจสำหรับผู้หญิงทั่วไปที่ยังไม่มีสามีเช่นเธอ ทว่าทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของคนพูดไม่ได้เป็นกังวลอย่างที่ควรจะเป็นเอาเสียเลย
“แล้วเรื่องราวมันมายังไง เล่าให้อาฟังได้ไหม”
แพทย์หญิงวันดี รู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องเป็นความลับ ทว่าจะให้เก็บเป็นความลับไปตลอดมันคงเป็นไปได้ยาก เพราะอีกประมาณเจ็ด-แปดเดือนเจ้าก้อนในท้องก็จะโตขึ้น และออกมาเปิดเผยความลับอยู่ดี
ร่างเล็กทิ้งแผ่นหลังกับพนักพิงเก้าอี้ แล้วผ่อนลมหายใจออกมา ตาเหลือบมองกระเป๋าแบรนด์ดังคอลเลกชันใหม่ล่าสุด ราคาหลายแสนและที่สำคัญคือไม่มีขายในประเทศไทยแน่นอน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว
สามเดือนก่อน ณ ผับหรูเมืองภูเก็ต
“เฮ้ย!... พวกแกนั่นมันคุณศิวัฒน์น์นี่ มาเที่ยวไกลถึงภูเก็ตเลยเหรอวะ”
เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางวงสาว ๆ ที่กำลังนั่งดื่มคลอเสียงเพลงในผับหรูใต้โรงแรมดัง ที่เวลานี้ผู้คนเริ่มหนาตาขึ้น ด้วยเพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว
“ศิวัฒน์น์ไหนวะ แล้วแกไปรู้จักเขาได้ยังไง”
ฟ้า หรือ ‘นพจิรา’ ถามขึ้นพร้อมกับเทวิสกี้ลงคอรวดเดียวจนหมด สายตาพลางมองไปยังชายหนุ่มที่เพื่อนรักมองอยู่ตอนนี้
“ก็คุณศิวัฒน์น์ ไชยวัฒนะกุล นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ฉายาเจ้าพ่อวงการยานยนต์ ดีเลอร์ใหญ่หนึ่งเดียวที่นำเข้ารถหรู ที่แกเองก็มีเอาไว้จอดโก้ ๆ อยู่ที่คฤหาสน์ของแกนั่นแหละยายฟ้า”
อินทุอร หญิงสาวคนเดิมเอ่ยขึ้น มิวายแซวทิ้งท้ายเรื่องรถคันหรูของเพื่อนสาวไว้ให้ด้วย
“ออ เคยได้ยินชื่อเพิ่งเคยเห็นตัวเป็น ๆ หน้าตาก็ดีนี่”
นพจิรา หรี่ตามองชายหนุ่มที่กำลังพูดถึง ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่พลาดที่จะมีผู้หญิงควงคู่มานั่งในด้วย
“ต้องบอกว่าเทพบุตรถึงจะถูก และที่สำคัญเจ้าชู้ตัวพ่อเลยละ”
คนเปิดเรื่องเป็นฝ่ายบอกต่อ
“อืมมม...”
คนฟังได้แต่ครางเสียงในลำคอเพียงแต่นั้น
“ไม่ลองจีบดูหน่อยเหรอฟ้า ชอบไม่ใช่เหรอผู้ชายเจ้าชู้ ถ้าคนนี้เรื่องเจ้าชู้รับประกัน แถมโพรไฟล์เลิศจีบติดขึ้นมานี่บอกได้คำเดียวว่ายิ่งกว่ากิ่งทองใบหยกอีก มีลูกมานี่ลูกแกสบายไปยันตาย”
เพื่อนรุ่นพี่สาวประเภทสองคนหนึ่งเอ่ยสมทบขึ้น
“ไม่ละ ขี้เกียจต้องมาวิ่งหนี”
หญิงสาวบอกอย่างมั่นใจในตัวเอง พลางหยักไหล่เล็กน้อย แล้วก็เทวิสกี้ที่เด็กทางร้านเพิ่งส่งให้เมื่อครู่ลงคออีกรอบ
“ใช่สิ กี่คน ๆ แกก็ต้องวิ่งหนีเขาหมด แต่คนนี้ไมแน่นะ แกอาจต้องเป็นฝ่ายตามเขาก็ได้นะยายฟ้า ทั้งหล่อทั้งรวย”
หญิงสาวหนึ่งในกลุ่มเพื่อนเอ่ยขึ้นบ้าง
“ไอ้เรื่องหล่อรวยน่ะไม่ใช่เรื่องสำคัญของยายฟ้ามันหรอก ฉันว่าที่สำคัญคือเจ้าชู้ นี่ถ้ายายฟ้าทำให้ผู้ชายเจ้าชู้มาสยบได้นี่สิมันท้าทายกว่าเยอะ”
รุ่นพี่สาวประเภทสองเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ก็จริงอย่างที่เจ๊ชาช่าบอกนะ ไม่ลองหน่อยเหรอจีบเล่น ๆ ถ้าติดมาแล้วแกอยากจะเทก็ไม่น่ายาก”
อินทุอรทำเป็นกระซิบกระซาบ แต่เป็นการกระซิบที่ได้ยินกันทั่วหน้า
“ไม่ละ”
คนโดนยุ ปฏิเสธทันควัน
“หว้า... อุตส่าห์ว่าจะเดิมพันด้วยกระเป๋าใบนี้สักหน่อย”
ชาช่าแสร้งเปรยขึ้นพร้อมกับเปิดรูปกระเป๋าคอลเลกชันใหม่ล่าสุดของแบรนด์ดัง ซึ่งเป็นแบรนด์ที่นพจิราโปรด และไม่เคยพลาดคลอเลกชันใหม่ ๆ เลยสักใบ
“บ้าไปแล้วเจ๊ ราคาไม่เบาเลยนะคอลเลกชันนี้ ที่สำคัญไม่น่ามีมาเมืองไทยแน่ ๆ”
“ก็อาทิตย์หน้าฉันว่าจะบินไปสอยกลับมา และคิดว่าถ้ายายฟ้ามีซัมติงกับพ่อเทพบุตรคนนี้ได้ฉันก็จะสอยให้นางอยู่หรอก แต่เสียดายนางไม่เล่นด้วย”
สองสาวต่างวัย ต่างเพศ ที่เวลานี้เข้ากันดีต่างมองหน้ากันและยิ้ม ๆ อย่างรู้กัน
“โอเค ๆ ไม่ต้องพูดเยอะ อาทิตย์หน้าฟ้าบินไปด้วย”
พูดจบร่างเล็กก็ลุกขึ้นยืนเต็มตัว แล้วเดินตรงไปที่โต๊ะเจ้าพ่อยานยนต์ พร้อมกับแก้ววิสกี้ในมือสองใบ พอถึงโต๊ะก็หันมาขยิบตาให้กลุ่มเพื่อน แล้วก็ไปแทรกตัวลงนั่งระหว่างเขากับผู้หญิงที่เขาหิ้วมาสั่งดริ้งด้วยอย่างไม่สนใจ
ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ และปัจจัยอะไรหลายอย่างทำให้เรื่องราวมันเลยเถิดจนไปจบบนเตียงในโรงแรมหรู มันเป็นความยินยอมพร้อมใจของคนทั้งคู่
‘One Night Stand’ คู่นอนคืนเดียว หญิงสาวคิดเพียงแค่นั้นจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาพบกับอาหมอ ผู้เป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวบิดาเธอเช่นนี้
“พรีม ๆ หยุดก่อน” เขาร้องเรียกหญิงสาวเอาไว้ เสียงดังฟังชัดทำเอาเด็กน้อยถึงกับหันมามองคนเรียก “คุณลุง” น้องพอวาเห็นหน้าก็จำได้ว่า เขาคือคนที่ได้เจอที่หน้าห้องน้ำเมื่อตอนมาถึงที่ร้าน พริมาภาตกใจไม่น้อยที่ได้ยินบุตรสาวร้องทักเขาขึ้น จริงอยู่ว่าหญิงสาวต้องการให้เขารับรู้ว่าเด็กที่เธอจับมือเอาไว้อยู่นี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา หากแต่ไม่ใช่ตอนนี้ “น้องพอวา” “คุณลุงจำชื่อน้องพอวาได้ด้วย” เด็กน้อยบอกเสียงแจ๋วด้วยดีใจที่มีคนจำชื่อตัวเองได้ “จำได้สิคะ” “น้องพอวา หนูรู้จักคุณ ... เอ่อ คุณลุงด้วยเหรอคะ” “คุณลุงช่วยน้องพอวากดสบู่ให้ตอนน้องพอวาล้างมือค่ะ” เด็กน้อยบอกเสียงใสเลยทีเดียว “พรีม เด็กคนนี้ ...” “น้องพอวาเป็นลูกสาวพรีมค่ะ” เธอไม่รีรอที่จะบอกออกไปเช่นนั้น เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปิดไม่ให้เขารู้ว่าเธอมีลูกแล้ว คำตอบนั้นทำให้ใบหน้าหล่อคมเข้มถึงกับร้อนวูบขึ้นมา พร้อม ๆ กับหลากหลายความรู้สึกที่วิ่งแทรกเข้ามา ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นความรู้สึกอะไรกันแน่
“พี่ภีมโกรธวาเรื่องอะไรคะ” “หยุด! ต่อไปนี้เธอไม่ต้องเรียกฉันว่า ‘พี่’ ฉันมียายพลอยเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น” น้ำเสียงดุกร้าวไม่แพ้แววตา “นี่มันอะไรกันคะวางงไปหมดแล้ว พี่ภีมช่วยอธิบายให้วาเข้าใจหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวร้องขอความกระจ่างจากเขา ยังคงสะอื้นไห้อยู่เช่นเดิม “อธิบายเหรอ... ยังจะต้องให้ฉันอธิบายอะไรอีก หรือต้องการให้ฉันประจานต่อหน้าป้าอิ่มและนวลว่าเธอมันเลวชาติ... หน้าด้าน หน้าทน ขนาดไหน” “คุณภีม! / พี่ภีม!” วาทิตา นางอิ่ม อุทนทานเรียกชื่อเขาพร้อมๆ กันเลยทีเดียว ด้วยคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้ออกจากปากเขาได้ “อยากรู้ว่าตัวเองเลวยังไง ฉันว่าไอ้นี่คงจะอธิบายได้อย่างชัดเจนถึงความเลวของเธอนะวาทิตา” ภาคิน ปาก้อนกระดาษที่เขาขยำไว้ในมืออย่างโกรธแค้นจนกลายเป็นก้อนกลมๆ ใส่หน้าหญิงสาวอย่างแม่นยำ ทว่าหากเวลานี้ในมือเขาสามารถประจุไฟขึ้นมาได้กระดาษแผ่นนั้นคงไม่เป็นก้อนอยู่อย่างที่เห็น มันคงกลายเป็นเถ้ากระดาษไปนานแล้ว วาทิตารีบคลี่ก้อนกระดาษที่เขาปาใส่หน้าเธออย่างเต็มแรงจนแก้มขาวนวลข้างซ้ายขึ้นรอยแดงอย่างเห็นได้ชัดทันที นัยน์ตากลมโตค่อยๆ ไล่อ่านทุกตัวอักษรยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งถอดสี ศีรษะส่ายไปมาเล็กน้อย เหมือนต้องการส่งสัญญาณให้บุคคลที่กำลังจ้องมองอยู่ตรงหน้านั้นได้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงตามข้อความในกระดาษนี้ สายตาชายหนุ่มที่กำลังจ้องมองประดุจเสือร้ายกำลังจ้องกวางน้อยและรอเวลาตะคลุบเหยื่อมาเป็นอาหารอันโอชะอยู่อย่างไม่ละสายตา ทำให้เขาเห็นทุกอากัปกิริยาของเธอ เขากระตุกยิ้มมุมปากนิดหนึ่งอย่างเหยียดๆ “ไม่จริง! นะคะพี่ภีม ไม่จริง”
หากไม่ใช่เพราะพินัยกรรมฉบับนั้นเธอคงไม่ได้เป็นเจ้าสาวของเขาในวันนี้หรอก “ก็แค่สามปี” กัญญ์ณรัณพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติที่สุด “ฉันคงไม่ปล่อยให้รตีต้องรอฉันจนถึงสามปีหรอก” “แต่ในพินัยกรรมบอกว่าเราต้องใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากันสามปีนะคะ” “เธอก็เป็นเมียฉันไปตามพินัยกรรมบ้าบออะไรนั่นไปสิ ส่วนฉันก็จะเป็นผัวในแบบของฉัน และจำไว้ว่ารตีคือคนที่ฉันรัก และจะเป็นเมียฉันคนเดียวเท่านั้น”
นิยายรัก แบบฉบับครอบครัว นางเอกแยกทางกับพระเอกโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองท้อง แล้วกลับมาเจอกันอีกครั้ง ตอนลูกสาวโตอายุได้ปรมาณ 4 ขวบ
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!