“ฉันไม่เคยรู้จักคำว่า ‘เมีย’ ที่รู้จักและคุ้นเคยดีก็มีแค่คำว่า ‘นางบำเรอ’ ” ++ เพเรอคลิส ซาเวลลาส ++ ทายาทลำดับที่หนึ่งของกลุ่มธุรกิจ Black Dragon ธุรกิจที่คลอบคลุมทุกตารางเมตรของประเทศกรีซ เขาเถื่อน ถ่อย และดุกระด้าง เหี้ยมเกรียมจนไม่มีอริศัตรูหน้าไหนกล้าต่อกร แต่กระนั้นกลับถูกลวงให้ตกลงไปในหลุมสวาทที่มีลูกสาวของแม่บ้านผู้ทะเยอทะยานเป็นเหยื่อล่อ เขาควรจะต่อต้านและจับแม่สาวน้อยหน้าหวานโยนลงไปจากเตียง แต่สิ่งที่ทำกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่คิดเหลือเกิน เมื่อมังกรดำอย่างเขาเลือกที่จะเดินลงไปในหลุมสวาท และขย้ำกัดกินเหยื่อล่อด้วยความเต็มใจ ++ แสนดี อริยาวัฒน์ ++ หล่อนคือเหยื่อที่ถูกแม่แท้ๆ จับใส่พานไปถวายผู้ชายอันตรายอย่างเพเรอคลิสถึงบนเตียงนอน แม้รสสวาทจากชายหนุ่มจะแสนมหัศจรรย์สักเพียงไหน แต่ในเช้าวันต่อมาสวรรค์ยามค่ำคืนก็ถูกแทนที่ด้วยขุมนรกอย่างไม่ทันตั้งตัว ผู้ชายที่ประครองกกกอดหล่อนมาตลอดทั้งคืนกลายร่างเป็นซาตานเถื่อน ฟาดแส้แห่งความเหยียดหยันลงบนหัวใจสาวอย่างไร้ความปรานี
Black Dragon คือกลุ่มธุรกิจโรงแรม และการเงินที่รุ่งเรืองสุดขีดของประเทศกรีซในขณะนี้ ห้าสิบปีกับการถ่ายอำนาจจากรุ่นสู่อีกรุ่นกับห้าทศวรรษที่ไม่เคยมีใครวัดรอยเท้าได้ ยิ่งนานวันตระกูลซาเวลลาสก็ยิ่งแผ่ขยายอำนาจผงาดขึ้นควบรวมทุกธุรกิจเอาไว้ในกำมือ ความร่ำรวยทรงอำนาจทำให้ทายาทมังกรดำทั้งสี่ยิ่งเหี้ยมเกรียมและดุร้าย ศัตรูไม่เคยทันได้เงื้อดาบก็ต้องศิโรราบยอมคุกเข่า กล่าวกันว่าหากต้องการมีชีวิตรอดในเกมธุรกิจก็ต้องยอมเป็นพันธมิตรกับ Black Dragon และแน่นอนว่ามันคือเรื่องจริง
ซาเวลลาส ตระกูลมังกรดำผู้ยิ่งใหญ่ ทายาททั้งสี่คือนักธุรกิจฝีมือฉกาจและแสนจะอันตรายต่อคู่แข่ง พวกเขาสามารถคว่ำศัตรูได้เพียงแค่สบตาครั้งเดียวเท่านั้น คำกล่าวขานถึงความเหี้ยมโหดของหนุ่มหล่อทั้งสี่ดังไกลข้ามไปถึงต่างแดน นับครั้งไม่ถ้วนที่ถูกลองดี แต่พวกเขาก็ชนะได้อย่างง่ายดาย และไม่ใช่แค่สงครามในสนามรบเท่านั้นที่พวกหนุ่มหล่อซาเวลลาสชื่นชอบ แต่สงครามสวาทบนเตียงก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่หนุ่มๆ มังกรดำขาดไม่ได้ สาวสวยมากมายต่างพากันเสนอตัวเพื่อต่อแถวขึ้นเตียงกับหนุ่มมังกรดำ แม้จะรู้ว่าเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่จะถูกเรียกมาใช้บริการ แต่พวกเธอก็ยินดีเพราะคำล่ำลือถึงความเก่งฉกาจในเชิงรักของหนุ่มมังกรดำนั้นช่างยั่วยวนใจนัก แล้วไหนจะค่าตอบแทนที่จะได้รับหลังจากกิจกรรมหวามเสร็จสิ้นอีก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หนุ่มมังกรดำทั้งสี่จะมีสาวๆ มานอนรอบนเตียงทุกค่ำคืน
‘Dragon Castello’ สถานที่พักอาศัยของมังกรดำทั้งสี่ ปราสาทหรูหลังมหึมาถูกสร้างขึ้นด้วยเม็ดเงินมูลค่ากว่าห้าสิบล้านยูโรหรือประมาณหนึ่งพันแปดร้อยล้านบาท ทั้งหลังสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่ดีที่สุดจากทุกมุมโลก ที่นี่ดุจดั่งสรวงสวรรค์ที่มีแต่แขกชั้นสูงเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้เข้าเยี่ยมชม และเขา เพเรอคลิส ซาเวลลาสคือพี่ใหญ่ของ Black Dragon
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของใบหน้าสมบูรณ์แบบดุจเทพเจ้าสรรค์สร้างความหล่อเหลาราวกับไม่ใช่มนุษย์เดินดิน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่อยู่ใต้ปื้นคิ้วหนาดกคมกริบประดุจคมดาบ ริมฝีปากหยักสวยสีแดงระเรื่อรับกับจมูกที่โด่งเป็นสันงดงาม คางเหลี่ยมมองดูแกร่งกระด้างมีไรหนวดสีเข้มขึ้นอยู่ประปราย
และไม่ใช่แค่ใบหน้าของเพเรอคลิสเท่านั้นที่น่าดึงดูด แต่เรือนร่างสูงสง่าของเขาก็ทำให้ใจสาวๆ ละลายได้เช่นกัน ด้วยความสูงถึงหกฟุตสามนิ้ว ผิวกายสีแทนเนียนไปทั้งร่าง ช่วงบ่าบึกบึนผึ่งผาย สองขาเพรียวทรงพลัง แผ่นหลังที่กว้างมากรับกับสะโพกสอบได้อย่างลงตัว เพเรอคลิสคือนักล่าตัวจริง เขาดุดัน ป่าเถื่อน และไม่เคยปรานีศัตรูแต่กระนั้นก็ยังมีมนุษย์ไม่รักชีวิตกล้าลองดีกับเขาไม่เลิก
“ออกไปได้แล้ว”
น้ำเสียงทุ้มแข็งกระด้างดังออกมาจากลำคอแกร่ง ดวงตาคมกริบจ้องหน้าคู่สนทนาจนอีกฝ่ายตัวสั่น
“ค่ะ คุณชายใหญ่”
คนรับคำสั่งกุมมือที่เปียกชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อเข้าหากันแน่นเพื่อบรรเทาอาการหวาดหวั่น
“เรียกแม่บ้านใหญ่เข้ามาหาฉันด้วย”
“ค่ะ ได้ค่ะ ดิฉันขอตัวนะคะ”
ไม่มีเสียงดังออกมาจากลำคอของเพเรอคลิสอีก นอกจากศีรษะทระนงที่ผงกขึ้นลงหนึ่งครั้งเท่านั้น สาวใช้รีบโค้งคำนับและวิ่งออกไปจากห้องทำงานของมังกรดำลำดับที่หนึ่งที่ขึ้นชื่อลือชามากกับความเหี้ยมเกรียมอย่างไม่คิดชีวิต พอพ้นออกมาได้ก็ยืนหอบหายใจระรัว
“นึกว่าจะไม่รอดเสียแล้ว”
“เป็นอะไรไปเหรอเดลล่า หน้าตาตื่นเชียว”
เสียงสดใสคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง เดลล่ารีบหันขวับไปมอง ก่อนจะทำย่นจมูกใส่เพื่อนสนิทที่ทำงานรับใช้คุณชายมังกรดำทั้งสี่ด้วยกันมานาน
“ยังจะมีหน้ามาถามอีก ก็คุณชายใหญ่น่ะสิ แซนดี้”
แซนดี้ หรือ แสนดี อริยาวัฒน์ หญิงสาววัยยี่สิบปีผู้มีใบหน้างดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย รูปร่างของหล่อนอ้อนแอ้นอรชร ด้วยหุ่นที่ไม่สูงมากนักเพราะเชื้อชาติแท้จริงแล้วเป็นคนเอเชียทำให้แสนดียิ่งดูบอบบางน่าทะนุถนอม ดวงตากลมโตสีดำสุกใสตลอดเวลา แม้ว่าชีวิตของหล่อนจะถูกข่มเหงด้วยฝีมือของแม่แท้ๆ อยู่บ่อยครั้งก็ตาม
เดลล่ามองเพื่อนรักด้วยความชื่นชมในความสมบูรณ์แบบของแสนดี ตั้งแต่ใบหน้ารูปไข่ขาวเนียนสะอาดตา ริมฝีปากที่อิ่มเต็มสีระเรื่อราวกับสีของลูกพีชสุก แก้มสาวก็เนียนใสไร้ฝ้ากะ และแม้จะซ่อนตัวอยู่ในชุดฟอร์มของสาวใช้ตลอดเวลา แต่ก็ไม่อาจจะซ่อนสัดส่วนเย้ายวนตาของแสนดีเอาไว้ได้ เอวคอด สะโพกผายกลมกลึง ซึ่งเป็นที่ปรารถนาของสาวทุกคน ต่างอยู่ในการครอบครองของแสนดีทั้งหมด เพื่อนๆ สาวใช้ด้วยกันใน ดาร์กอน คาสเทลโลต่างพากันอิจฉาในความงดงามของแสนดี แต่หล่อนกลับไม่เคยคิดจะอิจฉาเพื่อนเลย เพราะแสนดีนั้นอ่อนหวานและบริสุทธิ์เกินกว่าจะทำใจให้เกลียดชังได้ลง
“คุณเพนน์เหรอ”
แก้มนวลของแสนดีเป็นระเรื่อเมื่อพูดถึงผู้ชายที่ตัวเองแอบหลงรัก ซึ่งแน่นอนว่าเดลล่ารู้ทัน
“ใช่ยะ ก็พ่อยอดขมองอิ่มของเธอนั่นแหละ”
“ชูว์”
แสนดีรีบก้าวเข้ามาประชิดตัวของเดลล่า และรีบยกมือขึ้นส่งสัญญาณด้วยความเป็นกังวล
“อย่าพูดแบบนี้สิเดลล่า เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า”
“ใครจะมาได้ยินล่ะ เรายืนอยู่กันแค่สองคนเอง”
แต่กระนั้นแสนดีก็ยังไม่สบายใจ หญิงสาวหันไปมองรอบตัวด้วยตลอดเวลา
“แต่ฉันก็ยังกังวลอยู่ดี เดลล่า อย่าพูดอีกนะ ฉันกลัว”
เดลล่าถอนใจเบาๆ และพยักหน้าน้อยๆ
“ฉันจะไม่พูดอีกก็ได้ เลิกทำหน้าจะร้องไห้ได้แล้วแม่แซนดี้คนงาม”
แสนดีฝืนยิ้มแต่ก็ยังมีความวิตกกังวลติดมาอยู่ดี “ขอบใจเธอมากนะเดลล่า”
เดลล่ามองเพื่อนรักอย่างเห็นใจ ก่อนจะคว้ามือนุ่มขึ้นมาบีบแผ่วเบา
“ถ้าเธอทำได้ ควรหยุดความรู้สึกที่มีต่อคุณชายใหญ่ได้แล้ว”
“ฉัน...”
“ใครๆ ก็ชอบคุณชายใหญ่ทั้งนั้น แต่เธอควรจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร คุณชายใหญ่อยู่สูง ในขณะที่คนใช้อย่างพวกเราต่ำต้อย ไม่มีทางที่แผ่นฟ้าจะโน้มลงมาหาก้อนกรวดบนแผ่นดินอย่างพวกเราหรอก เธอควรจะตัดใจได้แล้วนะแซนดี้ ยิ่งรักก็ยิ่งทรมาน”
แสนดีก้มหน้าซ่อนน้ำตาเอาไว้สุดความสามารถ
“และที่สำคัญที่สุดก็คือ... คุณชายใหญ่ไม่ได้ชอบผู้หญิงอ่อนหวานแบบเธอด้วย”
แสนดีเงยหน้าขึ้นสบตากับเดลล่า ก่อนจะนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน วันที่หล่อนถูกผู้หญิงของเพเรอคลิสตบหน้าเพราะบังอาจทำน้ำหกใส่ หล่อนเจ็บตัวยังไม่เสียใจเท่ากับการที่ถูกเพเรอคลิสไล่ตะเพิดออกมาอย่างป่าเถื่อน
“ฉันรู้... ฉันกำลังพยายาม...”
“เอาน่า เดี๋ยวฉันจะแนะนำญาติห่างๆ ให้รู้จักนะ บางทีเธออาจจะชอบก็ได้”
เดลล่าตบบ่าบอบบางของเพื่อนเพื่อให้กำลังใจ แต่สีหน้าของแสนดีก็ยังคงเศร้าหมองอยู่เช่นเดิม
“อย่าทำหน้าแบบนี้สิ เดี๋ยวใครก็รู้กันหมดพอดีว่าเธออกหักจากคุณชายใหญ่น่ะ”
“เดลล่า อย่าพูดสิ ฉันขอร้อง”
“งั้นก็ยิ้ม ยิ้มให้กว้างๆ ฉันจะได้หยุดพูด”
แสนดีรู้ดีว่าเดลล่ากำลังพยายามจะทำให้หล่อนลืมความทุกข์ใจ หญิงสาวจึงฝืนยิ้ม
“ฉันยิ้มแล้วนี่ไงเดลล่า”
“ดีมาก งั้นเราไปทำงานชั้นล่างกันเถอะ อยู่ตรงนี้เดี๋ยวแจ็คพ็อตแตกถูกคุณชายใหญ่เรียกใช้อีกแล้วจะยุ่ง”
ข้อมือของแสนดีถูกเดลล่ารั้งให้เดินตาม แต่กระนั้นหญิงสาวก็อดที่จะเอี้ยวตัวมองด้านหลังไม่ได้ เพเรอคลิสอยู่หลังบานประตูไม้แกะสลักรูปมังกรนั้น
“เลิกมองได้แล้ว แซนดี้”
“ฉัน... ฉันไม่ได้มองแล้วเดลล่า”
“ดีแล้ว มองมากก็ตัดใจไม่ได้สักที มานี่ ตามฉันมา”
ในที่สุดแสนดีก็ก้าวพ้นบันไดลงไป และไม่อาจจะมองเห็นห้องทำงานของเพเรอคลิสได้อีก
วันนี้หล่อนยังไม่มีโอกาสได้แอบมองเพเรอคลิสเหมือนกับที่ทำในทุกๆ วันเลย หล่อนคิดถึงเขาใจจะขาดอยู่แล้ว
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀