เธอ...แค่จูบ แต่อีกคน...กลับไม่หยุดแค่นั้น เธอ...แค่จดทะเบียนเพื่องาน แต่อีกคน...กลับต้องการใช้ทะเบียนสมรสมัดเธอไว้ โปรย... นายหัวปัณณ์ ปัณณธร หัวใจถูกปิดตายมาหลายปี จนกระทั่งถูกโปรดิวเซอร์สาวสวยปล้นจูบกลางงานแถลงข่าวงานหนึ่ง เธอยังประกาศต่อหน้าสื่ออย่างไม่อายปากว่ากำลังคบหาดูใจกับเขาและกำลังจะแต่งงานกัน ชายหนุ่มตกหลุมพรางเกมร้ายของแม่จอมป่วนจนกลายเป็นสามีในทะเบียนของเธออย่างไม่คาดฝัน แต่ไม่นานแม่สาวไซส์มินิสั่นคลอนหัวใจของเขาให้ไหวยวบลง เขาจะแก้เผ็ดความร้ายกาจของเธอได้อย่างไร ในเมื่อตกหลุมรักเธอไปเต็มเปา “ฮึม! ในเมื่อเธอต้องการเป็นเมียฉัน ฉันจะจัดให้อย่างสาสม” ต้องรัก เตชะการุณ โปรดิวเซอร์สารายการท่องเที่ยวและอาหาร เธอหลงเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งปีกับความฝันสูงสุดในการทำรายการที่มีเรตติ้งสูงที่สุด เพื่อปิดฉากความฝันสวยหรูก่อนอำลาวงการสื่อและกลับไปทำหน้าที่หลานกตัญญู กลับเข้าไปบริหารธุรกิจของครอบครัว “ชิส์! ในเมื่อคำว่าต้องได้คือทางเลือกเดียว ฉันก็ต้องงัดทุกกลเม็ดเพื่อที่จะได้มา แม้กระทั่งปล้นจูบ หลอกล่อ วางแผน หรือแต่งงาน” ......................................................................................... “สามีในทะเบียน หอมวันละร้อยครั้งก็ไม่ผิด” ชายหนุ่มยิ้มยั่ว หอมโชว์อีกครั้ง “นายหัวปัณณ์!” เสียงของต้องรักเข้มขึ้นกว่าเดิม “ไหนลองเรียกว่าสามีขาซิ เผื่อว่าเสียงจะหวานขึ้น เรียกเสียงเข้มแบบนี้ไม่ค่อยรื่นหูเลย” ชายหนุ่มแกล้งเย้า ...................................................................................................... “เราลองมีกันมั้ย!” ชายหนุ่มถามเย้าหยอก “บ้า! อยู่ๆ ไม่ใช่จะท้องขึ้นมาได้เลยสักหน่อย” หญิงสาวบอกค้อนๆ “ฉันรู้ว่าก่อนมีลูกต้องทำอย่างไรบ้าง อายุปูนนี้ไม่ต้องให้สอนหรอก คุณพ่อพร้อม! คุณลูกที่อยู่ในตัวคุณพ่อก็พร้อม ว่าแต่คุณแม่พร้อมหรือยัง” ชายหนุ่มยังแกล้งหญิงสาวต่อ ยักคิ้วข้างเดียวมองใบหน้าระเรื่อของเธอเธอด้วยแววตาวิบวับเจ้าเล่ห์
หญิงสาวชะลอรถและจอดสนิทริมชายหาด เรียวขายาวค่อยๆ ยื่นออกมาและก้าวให้พ้นตัวรถ ไม่นานหญิงเจ้าของรถก็มายืนเทียบกับรถคันหรูของเธอ หญิงสาวเลื่อนมือขึ้นไปถอดแว่นกันแดดเสียบไว้ตรงคอเสื้อที่เลื่อนต่ำมองเห็นหน้าอกออกมาอย่างจงใจ ปรายตามองป้ายรีสอร์ทหรูที่อยู่ด้านหน้า
มืออีกข้างยกโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของตัวเองขึ้นมามอง เธอพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้เบาๆ ก้มจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง แต่จะเรียกว่าดึงคอเสื้อให้เลื่อนต่ำลงเสียมากกว่าที่จะจัดให้ดูสุภาพ
หญิงสาวเจ้าของมาตรฐานหุ่นนางแบบในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขาสั้นต่อด้วยผ้าซีทรูสีครีมรับกับทรวดทรงองเอวและท่วงท่าการเดินเฉิดฉาย รองเท้าส้นสูง 4 นิ้วเพิ่มความเพรียวระหงให้ปลีน่อง ส่งให้เจ้าของที่สูงเกือบ 170 เซนติเมตรยิ่งสูงสง่า เธอเดินเข้าไปข้างใน
หญิงสาววางมือเท้าบนเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของรีสอร์ท ส่งยิ้มบางๆ ให้พนักงานที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าใต้เคาน์เตอร์ เหมือนอีกฝ่ายกำลังซ่อมอะไรบาง
“นายหัวปัณณ์ ปัณณธรอยู่หรือเปล่า” หญิงสาวเอ่ยถาม ใบหน้างามของคนถามยังคงเชิดรั้น
ชายหนุ่มที่กำลังซ่อมสายโทรศัพท์โผล่หน้าออกมามองคนถาม เขายังไม่ตอบ แต่ถามกลับหญิงสาวตรงหน้าเสียงราบเรียบสุภาพ
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับนายหัวครับ”
“ไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่ต้องถาม ปกติพนักงานที่นี่ต้อนรับแขกอย่างนี้หรือไง เจ้าของรีสอร์ทรู้หรือเปล่าว่าพวกคุณทำงานกันอย่างนี้ แล้วพนักงานต้อนรับไปไหนไม่ทราบคะ” หญิงสาวบอกเชิงตำหนิ เขาก็แค่ช่างซ่อมที่บังเอิญเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ประจำเคาน์เตอร์ไม่อยู่ เลยได้เสนอหน้ามาอยู่หน้าเคาน์เตอร์แทน
ชายหนุ่มยิ้มปากกว้าง “พนักงานต้อนรับ เธอไปเข้าห้องน้ำครับ คุณรอที่นี่สักครู่ เดี๋ยวผมไปตามให้นะครับ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเดินออกไป ในมือยังมีอุปกรณ์ที่เขาเพิ่งซ่อมสายโทรศัพท์ให้กลับมาใช้งานได้
ชายหนุ่มเดินเลี่ยงกลับไปบอกลูกน้องสาวที่อยู่ในห้องน้ำให้ออกมารับแขก ก่อนที่รีสอร์ทจะโดนสาวสวยคนนี้คอมเพลนเข้าเสียก่อน
เพียงไม่นานพราวก็รีบเดินออกมายกมือทำความเคารพแขกอย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะขอโทษที่ทำให้รอนะคะ ไม่ทราบว่าติดต่อเรื่องอะไรคะ” หญิงสาวเอ่ยถามแขก ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะ ฉันมาขอพบนายหัวปัณณ์ เรื่องขออนุญาตถ่ายทำสกู๊ปพิเศษที่เกาะรังนกค่ะ” หญิงสาวบอกออกไปพร้อมกับยื่นนามบัตรของเธอให้พราว ตำแหน่งและชื่อสถานีการันตีได้เป็นอย่างดี
พราวยิ้มอ่อนอีกครั้ง “นายหัวยังไม่กลับจากเกาะรังนกเลยค่ะ นายมีธุรกิจหลายอย่าง ไม่ค่อยอยู่กับที่สักเท่าไหร่ เดี๋ยวดิฉันแจ้งนายหัวแล้วจะติดต่อกลับไปนะคะ”
“แล้วนายหัวจะกลับมาวันไหนคะ”
“ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” หญิงสาวตอบไปตามที่เจ้านายสั่ง
“มีเบอร์.ติดต่อไหมคะ”
“รอทางเราติดต่อกลับไปดีกว่าค่ะ ดิฉันไม่สะดวกที่จะให้เบอร์นายหัวโดยที่ยังไม่ได้ขออนุญาตจากนายหัวก่อน”
สาวพยักหน้าเบาๆ เธอคงทำอะไรไม่ได้มากกว่าทำตามที่บอก แต่พอมองรอบๆ รีสอร์ท เธอก็นึกอะไรได้บางอย่าง อย่างน้อยเธอก็ควรจะใช้เวลาที่นี่ให้เป็นประโยชน์ สมกับที่เจ้านายเลือกเธอ
“ฉันขอพักที่นี่ 2 คืนค่ะ” หญิงสาวหันกลับไปบอก
“สักครู่นะคะ ขอเช็คห้องสักพักพอดีว่าช่วงนี้ห้องพักเราค่อนข้างจะแน่น และไม่มีห้องว่าง” พนักงานสาวบอกพร้อมกับก้มลงไปมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอ กดแป้นพิมพ์แล้วเลื่อนเมาส์อยู่สักพัก เธอก็เงยหน้าขึ้นบอกลูกค้าคนสวยอีกครั้ง
“ห้องของรีสอร์ทที่นี่เต็มค่ะ คุณจะสะดวกเข้าไปพักที่โรงแรมในเมืองไหมคะ”
“นายหัวมีโรงแรมในเมืองหรือ” หญิงสาวถามตัวเก็บข้อมูล ทั้งที่ทราบรายละเอียดคร่าวๆ มาบ้าง
“มีค่ะ โรงแรมที่กำลังจะเปิดตัวในอีกสองวันข้างหน้า แต่ห้องพักเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อย เปิดให้เข้าพักได้แล้วค่ะ โรงแรมแห่งนี้เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างนายทุนชาวอเมริกา” พราวตอบออกมา แต่ก็ไม่ลืมที่จะไปช่วยนายหัวหนุ่มโปรโมทโรงแรม
หญิงสาวอมยิ้มอย่างพอใจ ตอบรับข้อเสนออย่างเต็มใจ เป็นอีกทางที่เธอจะเข้าถึงตัวนายหัวหนุ่มได้ บางทีที่โรงแรมคงมีข้อมูลให้เธอได้เก็บมากกว่าอยู่ที่นี่
“ได้ค่ะ”
“คุณสะดวกที่จะขับรถไปเองใช่ไหมคะ” พราวบอกพร้อมกับยื่นเอกสารใบหนึ่งให้เธอ “แผนที่ค่ะ”
หญิงสาวยื่นมือไปรับเอกสาร ยิ้มน้อยๆ แล้วเดินออกไป เธอรีบต่อโทรศัพท์หานัตตี้ให้ช่วยอำนวยความสะดวก ให้เธอสามารถเข้าไปช่วยในงานแถลงข่าวได้ หลังจากนั้นเพียงไม่นานเธอก็ได้รับไฟเขียว เป็นสื่อมวลชนหนึ่งในสามจากเรนโบว์แชนแนล แม้งานที่อยู่ในความรับผิดชอบของเธอจะไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่เพราะผู้ใหญ่หนุนหลัง ทำให้เธอมีโอกาสดีๆ กว่าใครคนอื่นเสมอ
หลังจากที่หญิงสาวหันหลังเดินออกไปไม่นาน นายหัวหนุ่มก็รีบเดินออกมาหาพราวทันที จังหวะเดียวกับที่ตะวันวาดเดินจูงน้องลูกหยีเดินเข้ามา
“เธอบอกว่าไง” เขาเอ่ยปากถามลูกน้องสาว
“จะขอไปถ่ายทำและทำสกู๊ปที่เกาะมาหยามันตราค่ะ”
“อีกวันสองวันก็ให้อิทธิโทรไปปฏิเสธได้เลยนะ ฝากด้วย” นายหัวหนุ่มสั่งลูกน้องเหมือนอย่างที่เขาเคยทำ พราวเองก็รู้คำตอบอยู่ก่อนหน้าแล้ว
เกาะรังนกเป็นพื้นที่หวงแหนที่สุดของเขา ที่นั่นเป็นความทรงจำในวัยเด็ก เขาไม่อยากให้ใครเข้าไปป้วนเปี้ยนและไม่อยากเปิดเผยให้โลกภายนอกได้เห็น อยากเก็บความทรงจำดีๆ ไว้คนเดียว แม้กระทั่งความลับบางอย่าง สงวนเฉพาะแค่คนในครอบครัวเท่านั้น
แม้แต่ตะวันวาดกับลูกหยีก็เพิ่งได้รับการอนุญาตให้เข้าไปบนเกาะเมื่อไม่กี่ปี แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปที่เกาะมาหยามันตรา ตะวันวาดบอกอย่างติดตลกว่าขอไปเห็นตอนงานแต่งงานเจ้าของเกาะทีเดียว และให้เหตุผลว่าอยากให้ความทรงจำดีๆ นั้น เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่เขารักคนแรกมากกว่า จากที่เห็นความหวงแหนของเขา
ทั้งที่นายหัวหนุ่มพูดย้ำอยู่เสมอว่า ตะวันวาดกลับลูกหยีเป็นผู้หญิงที่เขารักมาก แม้จะไม่ได้ลงเอย แต่เขาก็ยังมองตะวันวาดเป็นเหมือนญาติ เป็นครอบครัวเป็นน้องสาวของเขา
“หนีนักข่าวอีกแล้วล่ะสิ” ตะวันวาดพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ตัวเธอจะเดินมาถึง ส่วนสาวน้อยลูกหยีกางแขนแล้วรีบวิ่งมาหานายหัวหนุ่มอย่างดีใจ เพราะพ่อทูนหัวของเธอคนนี้ไม่เคยขัดใจสักครั้ง
“พ่อปัณณ์!” เสียงใสร้องเรียกมาแต่ไกล พร้อมกับกางแขนกว้างวิ่งถลาเข้ามาหานายหัวหนุ่ม
นายหัวหนุ่มไม่ได้ตอบตะวันวาด เขาหันกลับไปยิ้มให้สาวน้อยและย่อตัวลงพรางกางแขนออกเหมือนกับที่เด็กน้อยกำลังทำ รอรับหญิงสาวร่างป้อม ทันทีที่เด็กหญิงเดินมาถึงนายหัวหนุ่มก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างหนักหน่วง กดจมูกโด่งฝังลงบนสองแก้มนุ่มหนักๆ หลายต่อหลายครั้งติดกันเพราะความรักและคิดถึง
“หมั่นเขี้ยว! พ่อปัณณ์คิดถึงที่สุดเลย มีพ่อพีทแล้วลืมพ่อปัณณ์คนนี้นะ ต้องทำโทษให้เข็ด” นายหัวหนุ่มบอกพร้อมกับกอดร่างป้อมเอาไว้แน่นแล้วลุกขึ้นเหวี่ยงหมุนตัวไปรอบๆ
“อ๊ากก...อ๊าก...” สาวน้อยร่างป้อมหัวเราะเสียงดังลั่น สนุกทุกครั้งที่มาหาพ่อทูนหัวของเธอ
ลูกหยีหรือเด็กหญิงพชรตะวัน เป็นลูกสาวของตะวันวาดและพชร หากแต่นายหัวหนุ่มก็ยังยืนยันที่จะเป็นพ่ออีกคน จนในที่สุดเขาก็ได้รับตำแหน่งพ่อทูนหัวไป หากแต่ พชรก็ไม่ยอมปล่อยให้ลูกสาวกับเมียรักมาที่รีสอร์ทของนายหัวหนุ่มบ่อยนักเพราะความหวงแม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมานานแล้วก็ตาม
ตะวันวาดส่ายหน้ามองอย่างเอ็นดู เธอก็รู้สึกไม่ต่างจากนายหัวหนุ่ม เขาเป็นครอบครัว เป็นพี่ เป็นคนที่หวังดีกับเธอทุกเรื่อง และเธอก็หวังเป็นที่สุดว่า เขาจะลงเอยกับใครสักคน และมีความสุขในชีวิตครอบครัว มีลูกที่น่ารักเป็นของตัวเองสักวัน
“ปล่อยลูกลงได้แล้วค่ะ” คนเป็นแม่บอก เพราะความเคยชินที่ตะวันวาดเรียกว่าลูกจนชินปาก แม้พชรจะมีอาการหึงหวงขัดเคืองอยู่บ้าง แต่เธอก็ปฏิบัติกับนายหัวหนุ่ม เช่นเดิมตลอดมา
“เมื่อไหร่จะลงเอยกับใครสักทีนะ ตะวันอยากเห็นพี่ปัณณ์มีความสุข” ตะวันวาดเปรยขึ้นมาลอยๆ นายหัวหนุ่มยอมหยุดหันกลับมามองหญิงสาว แต่ยังอุ้มสาวน้อยไว้ในอ้อมกอด
“เรานี่ก็เหมือนเดิมนะตะวัน พยายามที่จะจับคู่ให้พี่อยู่นั่นแหละ ความสุขของพี่ก็แค่ได้อยู่กับลูกหยีอย่างนี้เท่านั้นก็พอ เนอะลูกหยี” ชายหนุ่มหันหน้ามาหาเด็กหญิงพชรตะวันหาแนวร่วม สาวน้อยรีบพยักหน้าเห็นด้วยทันที โดยที่ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่พูดอะไรกัน
เธอ...ถูกส่งตัวมาทดสอบถุงยางบริษัทของเขา แต่พลาดท้อง เขา...เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และไม่ยอมรับ และหาว่าเธอหน้าเงิน หญิงสาวต้องหอบลูกพิสูจน์ "เด็กคนนี้คือลูกของเขา" แต่ไม่คิดอยากได้พ่อเด็กหรอกนะแค่จะสวยให้หมามันน้ำลายหกเล่น ผัวที่ดีคือผัวใหม่เท่านั้น เธอทำให้เขาขาดความมั่นใจในตัวเอง เธอทำให้เพลย์บอยคลั่งไคล้แม่ลูกอ่อนจนโงหัวไม่ขึ้น และเธอก็ใจแข็งเหลือเกินกลับมาเถอะนะ *************************************** "ฉันท้อง!" "ท้องงั้นเหรอ! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ฉันใส่ถุงยางทุกครั้ง และฉันก็มั่นใจผลิตภัณฑ์ของบริษัทฉัน" ลีอาห์แค่นเสียงถาม มองมายาวีย์อย่างดูแคลน สุดท้ายการที่ผู้หญิงที่บอกว่าเกลียดเขาทุกวินาทีกลับมาขอพบด้วยประเด็นเหนือชั้นกว่าเดิม คงหนีไม่พ้น เงิน "หึ! มุกตื้นๆ แพทเทิร์นเดิมๆ ของผู้หญิงหากิน แค่เธออ้าปากฉันก็มองทะลุปรุโปร่ง คิดจะจับผู้ชายรวยง่ายๆ ฉันไม่ได้มีเขาอยู่บนหัวนะ แล้วก็ไม่ใช่พ่อพระที่จะยอมรับเด็กที่ไม่รู้ว่าเกิดจากสเปิร์มของใครมาเป็นลูกแน่นอน เล่นผิดคนแล้วล่ะ" "ฉันไม่เคยคิดจะให้คุณยอมรับ ลูกของฉันอยู่แล้ว ฉันเลี้ยงเองได้ ที่มาแค่จะมาบอกว่าฉันจะฟ้องบริษัทของคุณที่ผลิตถุงยางไม่ได้คุณภาพต่างหาก" "เธอจะบ้าหรือไง เธอมีหลักฐานอะไรมายืนยัน" ชายหนุ่มโกรธ มายาวีย์จ้องกลับอย่างท้าทาย "คอยดูความบ้าของฉันก็แล้วกัน มันจะเป็นตลกร้ายที่คุณจะจำฉันไม่มีวันลืมเลยทีเดียว" ปึก!! มายาวีย์โยนเอกสารลงที่โต๊ะทำงานของลีอาห์ "นี่เป็นผลตรวจการตั้งครรภ์ของฉัน รอผลตรวจดีเอ็นเอ แล้วก็ไปเจอกันที่ศาล หรือคุณจะยอมรับว่าใช้ถุงยางอนามัยของบริษัทอื่นทำฉันท้องก็ได้นะ" ไปตามลุ้นกันต่อนะคะ สุดท้ายจะลงเอยแบบไหน แอบกระซิบว่าพระเอกครางเป็นหมาเลยค่ะ นางเอกใจเด็ดมากเลยทีเดียว
เขาเรียกว่าบริหารเสน่ห์ อย่าหาว่าหนูแรดนะคะ นะคะ" "แรดเงียบๆ แอบกินเนียนๆ แต่เซียนต้องหลบ" อันดา เจ้าของสโลแกน ‘ถ้าผู้ชายคิดจะมอมเหล้าแล้วลากเข้าโรงแรม ผู้ชายตายก่อนเพราะเปลือง’ เด็กวิศวะก่อสร้างสุดแสบ สายปาร์ตี้ และนักล่าแต้มบริหารเสน่ห์ อันดาถูกครอบครัวมั่นหมายให้กับผู้ชายคนหนึ่งตั้งแต่ลืมตาดูโลกวันแรก เธอเรียกคู่หมั้นว่าห่วงคล้องคอ โซ่ตรวนที่กักขังอิสระของเธอมาตลอดชีวิต เธอตั้งป้อมเกลียดเขา โดยไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอยากเอาชนะหรือความรู้สึกจริงๆ กันแน่ ถึงแม้จะเผลอมีอะไรกับเขาในวันที่เธอเมาหนัก เธอก็สั่งให้เขาลืมเรื่องวันนั้น และห้ามตอกย้ำกับเธออีก เธอไม่แคร์กับเรื่องแค่นั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง…เขายอมหลีกทางให้เธอกับผู้ชายคนใหม่ วันนั้นเธอถึงได้รู้ความจริง ว่าเธอขาดผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ปฏิบัติการตามล่าเฮียเบิ้มกลับมาทำผัวจึงเกิดขึ้น…
เรื่องชุลมุนเกิดขึ้น เพราะเขาดันไปเผลอพลาดท่า มีอะไรกับนักศึกษาฝึกงานเสียนี่ แถมเจ้าหล่อนยังทำเมินต่อพรหมจารีที่สูญเสีย หล่อนทำให้เขาเสียเซลฟ์ขาดความมั่นใจอยู่หลายวัน จนเขาจะต้องค้นหาความจริง หล่อนมีดีอะไรกันแน่ ถึงทำให้เขาลุ่มหลงได้มากขนาดนี้ คีรติหวงความโสดขั้นสุด รอดมือแม่เสือสาวนักล่ามาหลายปี แต่ดันมาตกม้าตาย ติดกับดักนักศึกษาสาว โดนเด็กตกเข้าให้ หัวใจแพ้ลูกอ้อนอ่อนยวบ แต่ร่างกายกลับฟิตปึ๋งปั๋งซะนี่ "เอาสิ! อยากจับตรงไหนก็เชิญ" วิเวียน นักศึกษาฝึกงานทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ก่อสร้าง แต่เธอกลับถูกส่งไปดูแลห้องของเจ้านายในกรณีพิเศษ แต่ก็ทำปลาหายากราคาสูงลิบของเขาตายไป 9 ตัว เธอจึงต้องทำงานชดใช้เขาต่อหลังจากฝึกงาน บอสคีย์ ผู้ชายฮอตแห่งปี ควงสาวไม่ซ้ำหน้าแถมดีกรีแต่ละคนไม่ธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมลงเอยกับใคร ประธานบริษัทที่แสนดุ เฮี๊ยบและโหดขั้นสุด ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขาต้องสมบูรณ์เป๊ะทุกองศา
“รอยจูบ” ที่เธอมอบให้เขาเพราะความสะใจ แต่มันกลับกลายเป็นพันธนาการให้เธอดิ้นไม่หลุด เพลย์บอยร้ายอย่างเขาจะไม่ยอมให้ใครจูบฟรี!
สำหรับปราบ...เขาก็แค่สนุก แต่กลับผูกพันจนอยากกักตัวเธอไว้ สำหรับแป้งฝุ่น เธอแค่รอให้ข้ามคืน แค่กลับเป็นพันธนาการรั้งเธอไว้ชั่วชีวิต
หล่อนถูกหลอกให้มานอนอยู่บนเตียงนายหัวกริน และถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการให้ แรกเริ่มจำยอม...ก่อเกิดรักจนตั้งท้อง...แต่ตัวจริงก็มาทวงคืน เขาเฉดหัวเธอออกจากบ้านพร้อมกับลูกในท้อง!!! นายหัวกริน เทวารักษ์ สมิธ(Smith) ผู้ชายที่เกลียดผู้หญิงในสังคมเมือง แต่เขากลับต้องตกกระไดรับเมียบรรณาการที่มารดาส่งมาให้จากกรุงเทพอย่างไม่ทันตั้งตัว สาวแรกแย้มที่สามารถแย้มหัวใจด้านชาให้กลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง พลอยขวัญ เพียงเกตุ สาวสวยลูกกำพร้าที่ถูกกดทับด้วยหน้าที่คนรับใช้ แต่มีโอกาสได้เรียนจบปริญญาตรีแต่เธอก็ถูกศยามลกดขี่และล้ำเลิกบุญคุณตลอดเวลา จนเกิดจับพลัดจับพลูได้เดินแบบเฉิดฉายบนแคทวอร์ก สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เมื่อพลอยขวัญต้องมานอนอยู่บนเตียงนายหัวหนุ่มเมืองใต้ และถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการอย่างไม่ทันตั้งตัว แรกเริ่มจำยอม...ผ่านมารัก...ตัวจริงกลับมาทวงคืน และเธอต้องเลือก...ระหว่าง “กตัญญู” กับ “หัวใจ”
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!