ชายหนุ่มที่ผิดหวังในความรักเข้าขั้นสาหัส จนอาการหนักแอนตีผู้หญิงไปแล้วทั้งโลกอย่างเพลิง มีอันต้องป่วนหัวใจ เมื่อเธอก้าวเข้ามาวุ่นวายในสวนส้มตะวันฉาย ผู้หญิงอะไรน่ารักน่าหยิก แถมมาด้วยเป้าหมายไม่ธรรมดา อย่างนี้ต้องแกล้ง...เสียให้เข็ด เมื่อถูกยื่นข้อเสนอให้ไปเป็นสปายสายลับจับเกย์ ในสวนส้มตะวันฉาย ตวงรักจึงตะครุบงานนี้ไว้อย่างรวดเร็ว แต่ทว่าตั๋วเครื่องบินไปสวิส พร้อมกับพอกเก็ตมันนี่ มันจะคุ้มไหมนะ ถ้าเจอกับคนเจ้าเล่ห์แสนเนียนอย่างอีตาเพลิง! “ไม่มีครายเข้าใจผมเลยสักคน รู้ไหม คุณตวงรัก” น้ำเสียงยานคาน แฝงแววน้อยอกน้อยใจนั่น ทำเอาตวงรักหยุดดิ้นรนได้ชั่วครู่ เมื่อสัมผัสได้ว่า คนตัวโตที่กำลังกอดเธอไว้ กำลังทำเหมือนคนขาดความอบอุ่น จึงไขว่คว้าหามันจากเธอ ตวงรักเงยหน้ามองเขา แล้วสบกับสายตาคมกริบที่กำลังฉายแววตัดพ้อ ตวงรักมองเขานิ่ง หยุดดิ้นไปแล้ว มือนิ่มโอบตอบร่างหนา แถมลูบหลังให้เขาเบาๆ อีกต่างหากเหมือนจะปลอบโยน อาการของเธอทำให้เพลิงเกือบจะหลุดยิ้มออกมาเสียแล้ว ชายหนุ่มแกล้งทำเสียงเศร้าและนัยน์ตาโศกมากกว่าเดิม “ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้กันนะ” “คุณเพลิงเป็นอะไรไปเหรอคะ บอกตวงก็ได้นะ” เธอกล่าวอย่างปลอบประโลม ใจอ่อนยวบไปเสียแล้ว กับคนที่เธอกำลังลูบหลังไหล่ให้อยู่นี่ เขาเป็นอะไรไปกันนะ ทำไมถึงต้องเมามามากขนาดนี้ แล้วก็ทำท่าเหมือนกำลังเศร้าโศกอย่างหนักด้วย “ผมบอกใครไม่ได้” เพลิงส่ายหน้าเบาๆ ถือโอกาสโอบร่างเพรียวเข้าหาตัว และซบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมกรุ่น แอบสูดกลิ่นหอมน่าชื่นใจนั่นเข้าปอด ตวงรักถึงกับครวญออกมาอย่างสงสารคนตัวโต ที่วันนี้ทำท่าท้อแท้ หมดแรงต่อสู้อย่างน่าประหลาด “โธ่...บอกตวงได้นะคะ ถึงเราจะรู้จักกันได้ไม่นานนัก แต่คุณเพลิงก็ไว้ใจตวงได้นะ เล่าให้ตวงฟังได้ทุกอย่างเลยค่ะ ตวงยินดี” “มันเป็นเรื่องน่าอายมากเลยครับ” ชายหนุ่มทำเสียงเศร้า แล้วแอบยิ้มกับกลุ่มผมของเธอ “อย่าเก็บไว้เลยนะคะ ตวงไม่เคยเห็นคุณเพลิงเป็นแบบนี้สักที มีอะไรอัดอั้นตันใจ ก็เล่าให้ตวงฟังได้เลยค่ะ” ยิ่งฟังน้ำเสียงของเขา ตวงรักก็ยิ่งสงสารเขา มือเรียวยังคงลูบหลังให้อย่างปลอบใจ เธอลืมไปสนิทว่า เธอกำลังกอดกับเขาอยู่ อย่างแนบชิดเสียด้วย เพราะมัวแต่จะปลอบโยนเขาให้คลายเศร้า “คือว่า ฟังแล้วคุณตวงอย่ารังเกียจผมนะครับ” เพลิงผละออกจากร่างนุ่มอย่างเสียดาย นัยน์ตาคมกริบที่สบกับตวงรัก มีประกายประหลาด ขณะที่เขาสารภาพเสียงอ่อน “ผมกำลังคิดว่า ผมคงจะเป็นเกย์ ผมชอบผู้ชาย จะทำยังไงดีครับ คุณตวงรัก” “หา!”
“ขอบคุณมากนะครับ สำหรับทุกอย่างที่เตรียมไว้ ได้ดั่งใจมากเลย”
ชายหนุ่มร่างสูง ไหล่กว้างที่อยู่ในชุดสูทสีขาว มีกุหลาบสีแดงปักอยู่ที่อกเสื้อสีตัดกับฉับกับชุดที่สวม เอ่ยกับบริกรหนุ่มเสียงห้าวทุ้มและขยิบตาให้เล็กน้อย บริกรหนุ่มนายนั้นยิ้มตอบ ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องครัว ทันทีที่เขาเดินเข้าไป เพื่อนบริกรพากันเดินก้าวยาวๆ เข้ามาหาเขาและแอบชะเง้อมองลูกค้าเพียงคนเดียวของร้าน ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะริมระเบียง ตอนนี้มีเพลงรักหวานไพเราะเปิดคลออยู่
“เรียบร้อยดีไหมวะ ไอ้เป้ แขกพิเศษของเรา”
“อืม....เรียบร้อยดีว่ะ รอแต่แขกอีกคนเท่านั้นเอง”
เป้ยิ้มก่อนจะชะเง้อมอง ‘แขก’ พิเศษของทางร้านบ้าง เขามองไล่ไปตามใบหน้าคมสัน ที่ราวกับจิตรกรบรรจงปั้นมา อย่างเหมาะเจาะบรรจง คิ้วเข้มเรียงได้รูปยาวจรดหางตา นัยน์ตาคมกริบดูมีเสน่ห์ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูป ใบหน้าเรียว มีลักยิ้มกดลึกข้างเดียวที่แก้มด้านซ้าย ยิ่งเสริมเสน่ห์ให้ชวนมองยิ่งขึ้น ถ้าไปเป็นดาราสาวๆ คงกรี๊ดกันสลบเลยทีเดียว แถมเป็นคนโรแมนติคมากเสียด้วย เพราะถึงกับลงทุนเหมาร้านอาหารทั้งร้านแบบนี้ ราคาก็ไม่ใช่หลักหมื่น แต่เป็นหลักแสนเลยในการเหมาร้านอาหารอิตาเลี่ยนหรูระดับนี้ ให้เปิดบริการสำหรับแขกเพียงแค่สองคนเท่านั้น
ชายหนุ่มแขกเพียงคนเดียวของร้าน ก้มมองนาฬิกาแล้วใช้มืออีกข้างกดหัวใจที่เริ่มเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย เมื่อใกล้ได้เวลาสำคัญ เขาล้วงเอากล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มออกมา และเปิดออก แหวนมรกตสีเขียวน้ำงามล้อมรอบด้วยเพชร ส่งประกายระยับ พราวแสงจับตา เขาปิดมันลงพร้อมกับยิ้ม ญาตาวีชอบมรกต มากกว่าเพชร เธอเคยบอกไว้ เพราะมันเป็นอัญมณีประจำวันเกิดของเธอ
‘เพชรมันขาวใส ไร้อารมณ์ เหมือนเกล็ดน้ำแข็งสำหรับเวียร์ เวียร์ชอบมรกตค่ะเพลิง ถ้าจะเป็นแหวนหมั้น หรือแหวนแต่งงาน เวียร์ไม่รับเพชรนะคะ’
“แต่วันนี้คุณคงจะรับแหวนของผมนะครับที่รัก”
เพลิงกดริมฝีปากกับกล่องกำมะหยี่ พลางเก็บมันไว้ที่เดิม มือของเขาบีบเข้าหากันอย่างตื่นเต้น มือเขาเริ่มชื้นเหงื่อไปหมดแล้วตอนนี้
“ขอโทษนะคะเพลิง เวียร์มาช้าไปนิดหน่อย พอดีคุณแม่เรียกให้ไปทำธุระด้วยน่ะค่ะ ว้าว...วันนี้คุณหล่อจังเลยที่รัก”
เสียงหวานใส พร้อมกับร่างหอมกรุ่นและมือเรียวที่โอบรอบคอเขา ทำให้เพลิงเงยหน้าขึ้นมอง แล้วเขาก็พบเข้ากับใบหน้าเรียวรูปไข่ นัยน์ตาสวยคมหวานระยับ คิ้วโก่งเรียว จมูกได้รูปสวย ริมฝีปากหวานฉ่ำนั้นกดจูบที่แก้มสากของเขาเบาๆ และไล้นิ้วเรียวเช็ดลิปสติกที่ติดที่แก้มเขาเล็กน้อยให้
เธอย่นจมูกเหมือนจะล้อเลียน ก่อนจะก้าวมานั่งฝั่งตรงกันข้าม บริกรเลื่อนเก้าอี้ไว้รออยู่แล้ว ร่างอวบอิ่มเซ็กซี่ค่อยเยื้องกรายไปนั่ง เธอสวมชุดเดรสสีแดง ขับผิวนวลอมชมพูให้ยิ่งงดงาม ผมยาวปล่อยถึงสะโพกเป็นมันดำขลับ ตัวกระโปรงยาวกรอมเท้า หากแต่ผ่าสูงเกือบถึงขาอ่อน เขามองแล้วแทบจะดึงร่างอิ่มนั้นมากอดไว้อย่างคิดถึง
“ใครว่าลิปติกรุ่นนี้ของชาแนลสีติดทนนานกันนะ เวียร์แค่จุ๊บแก้มเพลิงนิดเดียว สีก็เลอะไปนิดหนึ่งแล้ว แย่จังเลย ถ้าทำยิ่งกว่านี้ จะเป็นยังไงหนอ...”
น้ำเสียงเซ็กซี่เร้าใจของเธอ พร้อมกับนัยน์ตาหวานฉ่ำที่ส่งมา ทำให้หัวใจเขาเต้นระทึกได้เสมอ เพลิงยิ้มตอบเธอ แล้วเอื้อมมือใหญ่ไปบีบมือเรียวนิ่มพลางบีบ เขาหัวเราะเบาๆ
“ลองดูไหมครับที่รัก วันนี้เวียร์บอกว่าว่างใช่ไหม คุณจะค้างกับผมที่คอนโดหรือเปล่า?”
“อืม...”
ญาตาวีทำหน้าเจ้าเล่ห์ เมื่อมองใบหน้าคมสันของชายหนุ่มซึ่งเธอคบหามาสามปีเต็ม เพลิงเป็นผู้ชายน่ารัก และอารมณ์ ‘ร้อน’ แบบที่เธอชอบ แม้ว่าเธอจะเป็นสาวเจ้าเสน่ห์ มักจะมีผู้ชายมาให้ความสนใจอยู่เนืองๆ แต่ตอนนี้เธอเลือกจะคบอยู่กับเขาเพียงคนเดียว เพลิงเป็นคนที่เข้าใจเธอ และสามารถให้คำปรึกษากับเธอได้ในหลายๆ เรื่อง เขาไม่ใช่เพียงแต่เป็นคู่นอนที่ดีเพียงอย่างเดียว เพลิงยังเป็นทั้งเพื่อน และคนรักควบคู่กันไปด้วย และเธอคิดว่าเธอคงจะเลือกเขาไว้ในสถานะนี้ไปอีกนานเลยทีเดียว แม้ว่า...
“อืม...มันหมายความว่ายังไงครับ คุณไปฝรั่งเศสตั้งสามอาทิตย์นะที่รัก ผมคิดถึงคุณมากเลย คุณยังไม่ยอมปลอบขวัญผมสักนิด”
ชายหนุ่มกล่าวเหมือนจะอ้อนเธอ ทำเอาหญิงสาวหัวเราะกิ๊ก แล้วบีบมือเขาตอบ นิ้วเรียวไล้หลังมือเขาเบาๆ และนัยน์ตาดำคมหวานที่มองมา มีประกายบางอย่างทำเอาเพลิงแทบอยากจะพาเธอไปที่อื่น นอกจากร้านอาหาร และเกือบจะลืมสิ่งที่ตั้งใจจะทำ ญาตาวีเร้าอารมณ์เขาได้ดีเสมอ แม้เธอจะอยู่นิ่งๆ เพียงแค่ปรายตามองเขาก็ตามที เธอเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่มาก
“งั้นคืนนี้ เวียร์จะชดเชยให้นะคะ”
ไฟร้ายอย่างเขา ไม่เคยเชื่อมั่นในความรัก ความสุขจากเซ็กส์แลกได้จากร่างกายอันแข็งแกร่ง และเงินตรา ผู้หญิงหน้าไหนก็อยากได้เขาเพราะสองสิ่งนี้ จนมาเจอกับเธอ หญิงสาวคนแรกที่กล้าสะบัดหน้าหนีเขา ฉีกเงินของเขาทิ้ง แล้วบอกให้ว่าเขาช่างไร้เสน่ห์สิ้นดี! กล้าดีแบบนี้ เกมล่าใจจึงเริ่มต้นขึ้น “ไม่ได้นะคะ เราไม่ควรทำแบบนี้ คุณอาร์ตมีคู่หมั้นแล้วนะคะ ปล่อยปลาไปนะ ถ้าไม่อย่างนั้นปลาจะไปฟ้องคู่หมั้นคุณ” เห็นว่าไม้นวมไม่ได้ผล ปราณปรียาก็ชักไม้แข็งขึ้นมาขู่ เธอหวังว่าเขาจะยอมปล่อยเธอไปแต่โดยดี โดยไม่รู้เสียเลยว่าคำพูดคำนั้น มันยิ่งจุดเพลิงให้ไฟที่กำลังจะสงบ กลับลุกโพลงขึ้นมาอีก “คู่หมั้น เหอะ ! ใครจะหมั้นกับใครกัน” เขาจับต้นแขนเธอแล้วดันเธอให้ผละออกจากอกกว้างเพื่อจะมองเผชิญหน้ากัน ปราณปรียาถึงกับอ้าปากค้าง เขาเปลี่ยนไวจริงๆ วันนี้ อารมณ์เดี๋ยวร้ายเดี๋ยวดี แล้วเธอจะทำอย่างไรดีนะ กับไฟร้อนที่กำลังคลุ้มคลั่งตรงหน้า สมองน้อยๆ เริ่มคิดถึงทางรอดอย่างว่องไว แต่ก็คิดไม่ออกเพราะความกลัวเขา “ผมไม่มีพันธะ ผมไม่ยอมให้ใครมาจับผมทั้งนั้น จำไว้นะปลา ผมจะไม่มีวันแต่งงาน” “ตะ แต่ว่า” หญิงสาวเอ่ยตะกุกตะกัก เนื้อตัวเริ่มสั่นเพราะความกลัว แต่อัคคีห้ามตัวเองไม่ได้เสียแล้ว เขากำลังร้อน กำลังพาลไปเสียทุกอย่าง เขามองจ้องหน้าเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว ยิ้มเหี้ยม เมื่อเอ่ยเสียงเย็น “ผู้หญิง...หึๆ ชอบเล่นเกมใช่ไหมปลา เหมือนที่ปลากำลังเล่นเกมกับผม เกมใจแลกใจอะไรนั่น ผมไม่เล่นด้วยแล้ว ผมจะทำตามใจตัวเอง แล้วอย่าหวังว่าจะจับผมไปแต่งงานมีพันธะได้นะ ไม่มีทาง!”
เมื่อได้รับมอบหมายจากท่านประธาน ให้ฝึกงานบอสใหม่ และเฝ้ายามเขาไม่ให้ริ้นไต่ไรตอม แต่ยังไง๊ ยังไง เธอดันไปงาบเขาซะเอง แง๊! บอสคะ เรื่องระหว่างเรามันจะต้องเป็นความลับนะคะ
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀