อวิ๋นซือเป็นบุตรสาวของขุนนางใหญ่กับภริยาเอก นางเพียบพร้อมคู่ควรกับฐานะฮูหยินใหญ่ วัยสิบห้าหญิงสาวขึ้นเกี้ยวสีเเดงหลังใหญ่ ใช้แปดคนหามเข้าสู่ตระกูลสามี วัยสิบเจ็ดนางถือหนังสือหย่าออกจากจวนอย่างทระนง เป็นฮูหยินใหญ่เเล้วอย่างไร เมื่อในใจสามียังสู้อนุคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ
ย่างเข้าเดือนสิบ สายลมเหมันต์เริ่มพัดพา ปุยหิมะสีขาวร่วงหล่นจากผืนฟ้าสีคราม เกี้ยวสีแดงหลังใหญ่ตัดกับสีเขียวของทิวทัศน์รอบด้าน มีบุรุษร่างกำยำแปดคนหามพร้อมกับก้าวเดินเป็นจังหวะ ขบวนเจ้าสาวผู้เพียบพร้อมครบถ้วนสมฐานะกำลังมุ่งสู่ปลายทางด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม
ด้านในเกี้ยวมีร่างบอบบางของเจ้าสาวคนงามนั่งอย่างสงบ บรรยากาศรอบด้านอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของงานมงคล เสียงเครื่องเป่าดังสูงต่ำเป็นทำนองสลับกับเสียงตีฆ้องเป็นจังหวะ ทว่าสีหน้าคนข้างในกลับเต็มไปด้วยความกังวล
เกี้ยวแดงหลังใหญ่โคลงเคลงไปมาชวนให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย หญิงสาวพยายามข่มอาการเหล่านั้นพลางตั้งสติ นี่คืองานแต่งของนางจะให้ความหวั่นวิตกมาทำลายไม่ได้ เพราะวันนี้คือวันสำคัญที่สุดในชีวิต มิอาจพลาดได้โดยเด็ดขาด
วันที่นางจะกลายเป็นฮูหยินใหญ่ ก้าวเข้าสู่เส้นทางสายภรรยาหลวงที่ต้องคอยดูแลทั้งสามีและอนุอีกหลายคน
นางคืออวิ๋นซือ บุตรสาวเพียงคนเดียวของใต้เท้าอวิ๋นเสนาบดีกรมคลังแห่งแคว้นกับฮูหยินใหญ่จางซื่อ ที่บอกว่าเป็นบุตรสาวคนเดียวนั้นหาใช่ว่าบิดามีบุตรแค่นางหรอกนะ แต่หมายถึงคนเดียวที่มีกับฮูหยินใหญ่ต่างหาก เพราะบิดาของอวิ๋นซือมีสามภรรยากับสี่อนุอย่างครบครัน และยังไม่รวมสาวใช้อุ่นเตียงที่มีมากมายเสียจนนางผู้เป็นลูกนับญาติไม่ถูก
นางจางซื่อมีอวิ๋นซือเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว อีกทั้งยังมิอาจตั้งครรภ์สายเลือดชายเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูลได้ ทำให้ฐานะฮูหยินใหญ่ในจวนไม่มีความหมายนัก ผู้ที่มีอำนาจในจวนแท้จริงกลับเป็นฮูหยินสามที่มีบุตรชายถึงสองคน ทว่าเมื่อไม่นานมานี้เจียงฮูหยินรองก็คลอดทายาทชายมาอีกคน ทำให้การแย่งชิงอำนาจภายในจวนดุเดือดขึ้นไปอีก
อวิ๋นซือไม่แยแสการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นของคนเหล่านั้น สิบห้าปีที่เติบโตในจวนเสนาบดี ภาพที่นางเห็นมีเพียงมารดาที่ต้องคอยรองรับอารมณ์ของบิดา รับใช้บรรดาฮูหยินรอง รวมทั้งดูแลอนุและเหล่าสาวใช้ที่บิดาโปรดปราน นั่นคือฐานะฮูหยินใหญ่ ทว่าทำงานไม่ต่างจากคนใช้ที่ต้องคอยดูแลทุกเรื่อง ความสำคัญของมารดาที่มีในใจบิดามิสู้อนุคนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
ฮึ! นี่ละชะตาของคนเป็นฮูหยินใหญ่ ภรรยาหลวงที่บุรุษทั้งหลายตบแต่งพวกนางเข้ามาเป็นเมียเอกเพื่อเชิดหน้าชูตา
ท่ามกลางปุยหิมะและสายลมเหมันต์ ในที่สุดขบวนเจ้าสาวก็เดินทางมาถึงที่หมาย เกี้ยวเจ้าสาวถูกวางลงบนพื้น พร้อมเสียงแม่สื่อร้องขานบอกพิธีการให้เจ้าบ่าวเตะเกี้ยวข่มภรรยาตามธรรมเนียม
อวิ๋นซือคลี่ยิ้มบางใต้ผ้าคลุมลายนกยวนยางคู่ ธรรมเนียมประเพณีช่างน่าขบขันนัก บุรุษมีค่ากว่าสตรี สามีคือฟ้า ภรรยาคือดิน แต่งถูกต้องตามพิธีการหมายถึงภรรยาเอก แต่งด้อยลงมาคือภรรยารอง ถัดมาอีกนิดก็เป็นอนุ แต่ไม่ว่าคนไหนก็คือภรรยาที่ต้องเห็นสามีเป็นฟ้าอยู่ดีมิใช่หรือ
ขนาดนี้แล้วยังต้องข่มอีกหรืออย่างไร
ระหว่างที่นางกำลังอยู่ในภวังค์ความคิด ด้านนอกก็เสร็จสิ้นธรรมเนียม มือใหญ่ที่ได้รูปสวยงามของบุรุษถูกยื่นเข้ามา อวิ๋นซือสูดลมหายใจเข้าเบาๆ ก่อนจะยกมือขาวนุ่มของตัวเองวางทับลงไป
ร่างสูงประคองเจ้าสาวของตัวเองเข้าสู่ด้านใน ฝ่ามือที่เกาะกุมกันให้สัมผัสที่แตกต่างในความรู้สึกของทั้งคู่ คนหนึ่งสัมผัสถึงความนุ่มนวลของมือน้อยนั้น อีกคนรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของบุรุษเพศจากความสากกระด้าง อวิ๋นซือหลุบตาลงต่ำยามที่ก้าวเท้าตามแรงจูง
เขาเป็นบุรุษคนแรกนอกจากบิดาที่นางจับมือ และจะเป็นคนแรกในอีกหลายๆ เรื่องด้วย หวังเพียงว่าในอนาคตต่อไปข้างหน้า อีกฝ่ายจะให้เกียรติกันบ้าง เท่านี้ก็พอใจแล้วสำหรับนาง
ในที่สุดพิธีการแต่ละขั้นตอนก็ผ่านไปและเสร็จสิ้น ค่ำคืนที่มีค่าดั่งทองพันตำลึงเงียบสงัด สาวใช้และแม่สื่อออกไปกันหมดแล้ว ร่างบอบบางนั่งเกร็งเล็กน้อย สองมือที่กุมประสานกันของนางชื้นไปด้วยเหงื่อ ร่างสูงของคนที่เป็นสามีหมาดๆ ก้าวมายืนด้านข้าง มือเรียวสวยดุจหยกช่วยนางปลดเครื่องประดับบนศีรษะออกอย่างอ่อนโยน หญิงสาวขบริมฝีปากสะกดอาการอึดอัดในใจ รอจนเขานำทุกอย่างออกจากผมจนหมด
“เจ้าหิวหรือไม่”
เขาถามน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวล เสียงนั้นกังวานทว่าอ่อนโยนอย่างยิ่ง จนอวิ๋นซืออดเงยหน้าขึ้นลอบมองอีกฝ่ายไม่ได้ ใบหน้าเขาให้ความรู้สึกไม่ต่างจากเสียง งดงาม คมสัน และสดใสราวกับสายน้ำที่เย็นฉ่ำ ดวงตาคมฉายแววอบอุ่น เพียงแค่สบมองก็ทำให้คนเคลิบเคลิ้ม ปากแดงฟันขาวและท่าทางอมยิ้มน้อยๆ นั่นก็ชวนให้รู้สึกหลงใหลได้
เมื่อเห็นเจ้าสาวเหม่อลอยราวกับถูกมนตร์สะกด หลันชิงอมยิ้มอารมณ์ดี เขาหัวเราะเสียงทุ้มละมุนหูพลางก้าวมาคว้าจอกสุราบนโต๊ะ แล้วยื่นส่งให้นางจอกหนึ่ง พออวิ๋นซือรับมาถือ อีกฝ่ายก็คล้องแขนไขว้ดื่มทันที
สุรารสแรงบาดคอ อวิ๋นซือดื่มรวดเดียวหมดจอก จากนั้นใบหน้างดงามก็แดงก่ำลงมาถึงลำคอ นางกะพริบตาถี่ๆ เมื่อความรู้สึกมึนงงเข้าจู่โจม หลันชิงหัวเราะเอ็นดูในความคออ่อนของภรรยา เขาจับจูงนางมานั่งที่โต๊ะอาหารก่อนจะชักชวนให้กิน
กินอาหารคาวแล้วก็ต้องมีของหวานตบท้าย สำหรับหลันชิง ของหวานก็คืออวิ๋นซือนั่นเอง สุราฤทธิ์แรงและบุรุษรูปงามราวกับภาพฝันทำให้รู้สึกมึนเมากว่าปกติ กว่านางจะทันรู้สึกตัว แผ่นหลังเปลือยเปล่าก็สัมผัสกับที่นอนเย็นเยียบแล้ว
ดรุณีน้อยวัยสิบห้าไร้ประสบการณ์ได้แต่ตอบสนองอย่างเงอะงะ บุรุษหนุ่มผู้ช่ำชองใช้ความชำนาญหลอกล่อให้นางเผลอไผล ก่อนที่จะกรีดร้องเมื่อรู้สึกถึงความปวดร้าว
ทว่าไม่นานความเชี่ยวชาญของหลันชิงก็ทำให้นางตอบสนองอีกครั้ง เมื่อความเจ็บปวดคลายลง ความรู้สึกแบบใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสก็เร่งเร้า อวิ๋นซือเผลอปลดปล่อยเสียงหวานที่วาบหวามจนตัวเองยังอดตกใจไม่ได้
ภายนอกสายลมเหมันต์พัดกระโชก หิมะที่โปรยปรายลงบนพื้นกลายเป็นพรมสีขาวสะอาดตา ตัดกับสีแดงสดของกลีบเหมยฮวาที่ร่วงหล่น ราวกับผืนผ้าบนเตียงนอนของคู่บ่าวสาว
ในห้องนอนที่ร้อนผ่าวจนสายลมและไอหิมะยังต้องล่าถอย สองร่างแนบแน่นเกี่ยวกระหวัดรัดรึง เตียงนอนหลังใหญ่โยกไหวส่งเสียงประท้วง ทว่าผู้เป็นนายกลับไม่คิดจะใส่ใจ
อวิ๋นซือเหลือบมองผ่านหน้าต่างที่เปิดรับสายลมเย็นฉ่ำ ภาพสุดท้ายที่นางเห็นนอกหน้าต่างคือ ผืนหิมะสีขาวที่ตัดด้วยกลีบเหมยฮวาสีแดงสด จากนั้นคนบนร่างก็ทาบริมฝีปากลงมา พร้อมกับความรัญจวนที่อีกฝ่ายสร้างขึ้น ดวงตาสุกใสเกิดละอองน้ำจนพร่ามัว เสียงหนึ่งพลันดังแว่วขึ้นมาในหัว
‘วอนขอรักแท้ที่มั่นคง เพียงหนึ่งยวนยางยืนยงจนแก่เฒ่า’
หยาดน้ำใสพลันไหลรินจากหางตา รักแท้มั่นคงหนึ่งคู่นกยวนยาง ในอดีตเป็นนางที่เฝ้าท่องบทกลอนนี้เสมอมา
แต่เด็กสาววัยฝันผู้ใดบ้างเล่าจะไม่จะใฝ่หา…
อดีตนางไร้สามารถ ไม่กล้าแม้แต่จะปลิดชีพตนเอง ทว่าโชคชะตากลับนำพาวิญญาณมายังชาติภพใหม่ จากที่ไม่เคยมีกลับกลายเป็นมีพร้อม คนสำคัญที่มิเคยพานพบ นางพร้อมรักษาในชาตินี้
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"