“ไม่มีโจรคนไหนยอมรับดีๆ หรอกนะว่าตัวเองเป็นโจร” “ต่อให้คุณพยายามยัดเยียดคำคำนั้นให้กับนิดา ถ้ายังหาหลักฐานมามัดตัวนิดาไม่ได้ นิดาก็ไม่ใช่โจรค่ะ!” ‘นิรดา’ หญิงสาวผู้แสนอาภัพ อุตส่าห์ดิ้นรนแทบตาย กว่าจะได้เดินทางมาทำงานเป็นคนงานเก็บผลไม้ที่เบลเยียม เพียงหวังมีเงินเก็บมากพอที่จะดูแลยายของเธอให้สุขสบาย แต่ยังทำไม่ทันไร ยายก็มาล้มป่วย แถมตัวเองยังถูก ‘มาร์โค วาน ฮัสเซลต์’ นายจ้างหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ ยัดเยียดข้อหาว่าเป็นขโมยเสียอีกทางเดียวที่หญิงสาวจะเลือกได้ มีแต่การกล้ำกลืน ยอมรับข้อเสนอ... เป็นนางบำเรอให้เขา ‘แปดครั้ง’ แลกกับเงินที่จะช่วยต่อชีวิตให้ยายของเธอ ปัญหามีอยู่เพียงเรื่องเดียว นั่นคือ... นิรดาจะทำเช่นไร เมื่อนายจ้างปีศาจของเธอเกิดรู้สึกว่า... แค่แปดครั้ง มันยังไม่ทำให้เขาอิ่ม!!! “ในซองนี่คือเงินต้น ส่วนดอกเบี้ย ฉันจะเก็บจากตัวเธอ” นิรดาผงะ!! ตาเบิกกว้าง มาร์โคอมยิ้ม เขารวบร่างอวบมากอดไว้เต็มแขน ก่อนจะโน้มตัวบดขยี้เรียวปากนุ่มนิ่มด้วยความพึงพอใจ หญิงสาวครางฮือ ขาเธออ่อนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ยังดีที่คนเพิ่งถอนริมฝีปากออกไปช่วยรับไว้ “ปะ...ปล่อยค่ะ อย่าทำกับนิดาแบบนี้” “ฉันทำอะไรเธอนิรดา ฉันแค่อยากได้สิ่งที่เป็นของฉัน เธอไม่เอาเปรียบฉันมากไปหน่อยหรือ?” ชายหนุ่มตอบกลับ “โธ่!” หญิงสาวคราง “มาต่อกันเถอะ เธอจะได้ไม่เสียเวลา!!”
บทที่1.สาวน้อยสุดอาภัพ
กระท่อมหลังน้อยปลูกสร้างอยู่ใกล้ๆ วัดแห่งหนึ่ง มีสองชีวิตอาศัยอยู่ใต้หลังคาสังกะสีเก่าๆ ที่ผุพังใกล้ถึงเวลาปลดละวางเต็มทน ความจนทำให้ยายสร้อยกัดฟันทน นางทำงานรับจ้างทั่วไป หาเลี้ยงหลานกำพร้าคนเดียวที่สิ้นทั้งบิดา มารดาตั้งแต่อายุไม่ถึงเก้าปีดี นิรดาซึ่งเติบโตมาอย่างเข้มแข็ง วันนี้ในวัยสิบแปดปี สาวน้อยวัยรุ่นไม่เคยน้อยใจกับวาสนาอันต่ำต้อยของตนเอง สิ่งที่นิรดาทำคือการช่วยงานทุกอย่างที่ตนเองทำได้ เพราะอยากแบ่งเบาภาระให้กับยายซึ่งแก่ตัวลงทุกวันให้ยายสร้อยมีเวลาพักเหมือนกับคนสูงอายุคนอื่น
แดดยามเช้าปลายฤดูหนาว อีกสองเดือนนิรดาก็กำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ความหวังของเธอคือการเรียนให้สูงขึ้น เพื่อวันหน้าจะได้มีงานมั่นคงทำ และใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาเลี้ยงดูยายสร้อยที่แก่เฒ่าลงไปทุกวันอย่างดี ความหวังนั้นริบหรี่และจวนจะดับมอด เพราะแค่เลี้ยงปากท้องสองยาย หลานก็ยังต้องกระเบียดกระเสียรกันเต็มที่ อะไรที่เคยอยากได้ ไม่เคยได้อย่างใจหวัง... ค่ายาอันน้อยนิดของยายสร้อยบางครั้งยังไม่มีเงินจ่าย นิรดาพยายามใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ พื้นดินในเขตรั้วบ้านมีน้อยนิดก็จริง แต่เธอใช้สอยเต็มที่ ผักหลายอย่างเธอปลูกไว้ตามพื้นที่ว่างๆ ผลของความขยัน เธอกับยายมีผักกินทั้งปี โดยไม่ต้องซื้อ มะเขือเทศต้นเล็กๆ แต่ลูกดกเต็มต้น คะน้าต้นใหญ่อวบชูใบสลอน ผักกาดที่กำลังเขียวสะพรั่งยืนต้นแข่งกับแปลงต้นหอม แม้กระทั่งต้นแคต้นเตี้ยๆ ยังออกดอกดกจนหล่นเกลื่อนพื้น
หญิงสาวในชุดวอร์มเก่าๆ ที่ใช้มาหลายปีจนสีเดิมซีดลง นิรดาเอี้ยวตัวยกแขนไขว่กัน เพื่อคลายความเมื่อยล้า หลังจากนอนขดมาทั้งคืน เธอสละผ้าห่มผืนบางๆ ผืนเดียวห่มให้ยายสร้อย เมื่อคนแก่ๆ ตอนที่มีอากาศเย็น คนแก่ที่หัวเข่าไม่ดีมักจะมีอาการปวดตามข้อตอนดึกๆ
นิรดาฉวยถังน้ำพลาสติก เดินไปตักน้ำจากลำธารที่ไหลผ่านหน้าบ้าน มารดน้ำให้กับพืชผักที่เธอปลูกไว้ แล้วจึงรีบเข้าไปหุงหาอาหารเช้าเตรียมไว้ให้ยาย เธอกระโจมอก ออกมาอาบน้ำที่ท่าไม้หน้าบ้าน รีบแต่งตัวไปโรงเรียนที่อยู่ไกลออกไปไม่เท่าไหร่แต่เช้าตรู่
ดังนั้นเมื่อยายสร้อยตื่นนอน นางจึงไม่ได้พบหลานสาวแล้ว
หญิงสูงวัยมองสำรับกับข้าวที่นิรดาเตรียมไว้ให้ ด้วยดวงตาเออน้ำใสใส ยายสร้อยอยากจะกลับมาแข็งแรงมีกำลังเหมือนเก่า เมื่อนางอยากส่งเสียให้หลานสาวได้เรียนสูงๆ อย่างที่เจ้าตัวหวัง แต่วัยที่เกินเลข6มาหลายปีไม่อำนวยให้ตัวเองทำเช่นนั้นได้ นางเหนื่อยง่ายขึ้น เรี่ยวแรงที่เคยมีก็เริ่มลดน้อยถอยลง
นิรดาเดินเอื่อยๆ ไม่ได้เร่งร้อน เธอออกมาแต่เช้าเพราะไม่อยากใช้สตางค์ที่มีน้อยนิดไปกับค่าโดยสารรถประจำทาง หญิงสาวใช้กำลังเดินด้วยสองขา ประหยัดอดออมเพียงน้อยนิด เพื่อไม่ต้องให้ยายทำงานมากขึ้น
“นิดาๆ” เสียงตะโกนเรียกดังๆ มาจากรถปิคอัฟใหม่เอี่ยม มีเด็กสาวรุ่นเดียวกันกับเธอโผล่หน้าออกมาทางช่องหน้าต่าง พร้อมกับตะโกนเรียก
“ดีจ้าเพชร” หญิงสาวโบกมือตอบกลับยิ้มตอบไปในทันใด
เพชรชมพูเป็นเพื่อนเรียนชั้นเดียวกันกับเธอ เพื่อนสนิทคนเดียวที่ไม่เคยรังเกียจว่าเธอจน “ไปพร้อมเราเถอะนิดา วันนี้พ่อไปส่ง” ธรรมดาแล้วเพชรชมพูจะขับรถมอเตอร์ไซน์ไปโรงเรียน วันนี้นิรดาจึงแปลกใจเมื่อเห็นเพื่อนโดยสารรถยนต์คันโก้มา
“คือ...” หญิงสาวตัดสินใจไม่ถูก
ผู้ใหญ่เที่ยงเลยช่วยเรียกอีกคน ลุงผู้ใหญ่เป็นบิดาของเพชรชมพูนั่นเอง เพื่อนของเธอมีครอบครัวอบอุ่น มีพี่ชายที่กำลังศึกษาอยู่ในรั้วโรงเรียนตำรวจที่จังหวัดนครนายก เขาเป็นความภาคภูมิใจของทุกคนในครอบครัวนั้นเลย
“สวัสดีค่ะลุงผู้ใหญ่” หญิงสาวยกมือทำความเคารพบิดาของเพื่อน ก่อนจะมุดขึ้นไปนั่งเบาะด้านหลังเพชรชมพู
“สวัสดีหนูนิดา ยายสร้อยยังแข็งแรงดีไหมล่ะ” คนโตกว่าทักตอบ ก่อนจะขับเคลื่อนรถยนต์ตรงไปข้างหน้า
“ไม่เลยค่ะ ยายสุขภาพค่อยไม่ดีเท่าไหร่ แต่ไม่ยอมบอกนิดา” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะบ่น เมื่อตนเองมีญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียว หากยายเป็นอะไรไป เธอจะอยู่ยังไง
“โรคคนแก่ล่ะซิ...”
“พ่ออย่าชวนนิดาคุยนอกเรื่องสิคะ ไหนบอกว่ามีข่าวดีมาบอกนิดาไง!!” บุตรสาวคนเล็กของผู้ใหญ่เที่ยงท้วงเสียงใส
นิรดาเหลียวมามองเพื่อน พร้อมกับเลิกหัวคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม
“เรื่องนั้นแหละ...หากนิดากลับมา เราจะได้ไปเรียนด้วยกัน” เพชรชมพูยิ้มแป้น หากนิรดาผ่านสัมภาษณ์ ได้ไปทำงานที่บิดาเธอแนะนำ เรื่องการเรียนต่อของนิรดาก็ไม่น่ามีปัญหา
หญิงสาวมีโอกาสจะได้เป็นนักเรียนโคต้า ผลการเรียนของเธอดีและอยู่ในเกณฑ์คนจนขาดทุนทรัพย์ มีทุนสนับสนุนให้นิรดาเลือก แต่เพราะเธอขัดสนเรื่องค่าใช้จ่ายเลยยังแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ หากจะไปเรียนต่อ ก็สงสารยายสร้อย ยายจะอยู่อย่างไรคนเดียว หมู่นี้ยิ่งไม่ค่อยแข็งแรง...และหากเธอเลือกที่จะเรียน ยายคงทำงานหนักเพิ่มขึ้นอีก เพื่อให้เธอมีเวลาเรียน ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย
“ใช่เลยหนูนิดา ทางอำเภอเขามีงานน่าสนใจ รายละเอียดลุงจะอธิบายให้ฟังอีกที” ผู้ใหญ่เที่ยงเอ่ยเสียงทุ้ม เวทนาเด็กสาวตรงหน้า เมื่อบุตรสาวร้องขอให้หาทางช่วย ผู้ใหญ่เที่ยงเลยหาทางให้ และน่าจะดีกับนิรดาด้วย
โครงการของกระทรวงแรงงาน หาคนงานไปทำงานที่เบลเยียม เป็นคนงานเก็บผลไม้ รายได้ต่อเดือน70,000-80,000 บาท ช่วงปิดเทอมของนิรดาก่อนเริ่มต้นใหม่ในฐานะนักศึกษา นิรดามีเวลามากกว่าสี่เดือน เงินเก็บสักสองแสน คงพอดีสำหรับคนอดออมอย่างเพื่อนของเธอ เพชรชมพูเลยรีบนำมาเสนอให้เพื่อนรับรู้
ยี่หวาไม่เคยคิดว่าปลายทางชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้ ก่อนที่เธอจะทิ้งอนาคตที่เหลือไปอย่างไร้ค่า เนื่องจากสุดที่จะทนกับความชอกช้ำที่ได้รับมาจากสามีคนเดียว เธอตัดสินใจฝากดวงใจของตัวเองไว้กับน้องสาวฝาแฝด น้องสาวที่ไม่มีคนรอบตัวรู้จัก มันคือความลับที่เธอปิดบังพวกเขาไว้ สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งสองท่านเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงดูคนละคน ยี่หวาอยู่กับแม่ ส่วนญาดาไปอยู่กับบิดา สองสาวที่เหมือนกันทุกกระบิ แตกต่างที่นิสัย คนหนึ่งเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก ส่วนอีกคนตรงข้ามทุกอย่าง แกร่ง และกล้าท้าชน… และเพราะแค้นใจแทนพี่สาว ญาดาเลยรับปากก่อนยี่หวาสิ้นลม เธอจะเอาคืนทั้งสองคนนั้นให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นปกป้องสามีสุดที่รักของยี่หวา หรือแม้แต่...ฉันทา ว่าที่ภรรยาคนใหม่แสนผยองคนนั้น สองคนนี้ต้องหาความสุขไม่ได้ เธอจะรังควานพวกเขา ให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น...การจองเวรคืองานที่เธอควรทำ…ถ้าเป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ ญาดาคงไม่กลุ้มใจหนัก ‘ความรัก’ บทจะมาก็มาประชิด เธออยากแก้แค้น แต่ดันไปหลงรัก ผู้ชายเลวคนนั้นเสียอีก หลังจากเฉดหัวฉันทา คงต้องหาทางมัดใจปกป้อง อย่างน้อยก็ทำเพื่อหลาน ถ้าเธอตกนรก เธอจะลากปกป้องตามไปด้วย...
คงไม่มีความซวยไหนเลวร้ายเท่ากับการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เด็กดริ้ง’ ความตั้งใจของณิรินคือไปจับผิดว่าที่พี่เขย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดเสียเอง แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นคนสำคัญที่เธอต้องคอยดูแลระหว่างที่เขามาเจรจา เพื่อเป็นคู่ค้ากับบริษัทของลุงกับป้า หน้าที่นั้นเลยถูกโยนมาให้ณิรินรับผิดชอบ ผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างงี่เง่าคนนั้น เขาคิดว่าเธอมีอาชีพเสริม และพยายามเกาะแกะจนณิรินโมโห บางครั้งณิรินก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นเพราะช่วงเบญจเพศของเธอหรือเปล่า เรื่องซวยๆ เลยเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดหย่อน
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหู ฉันไม่สามารถสลัดเสียงแหบๆ ของเขาออกไปจากความทรงจำได้เลย นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ สิ่งที่ฉันคิดอยู่นี่คือ...ความผิด แม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันเป็นก้าวแรกที่ฉันตั้งใจทำผิดศีลธรรม กับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!! ฉันกำลังเป็นคนเลว และอีกไม่ช้า ฉันคงโดนคนทั้งโลกประณามหากฉันไม่หยุดความคิดทุเรศๆ นั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย มีเพียงเสียงแหบๆ ของคน คนนั้นดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น “สามีของเธอเดินทางไปทำธุรกิจ” “เธอบอกว่าสามีของเธอจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์!!” “มันจะดีแค่ไหนนะ หากฉันเปลี่ยนสิ่งที่ได้ยินได้ เขาน่าจะไปซัก7ปี” ผมพยายามข่มใจให้รู้สึกเศร้าตาม แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวเกินกว่าจะควบคุมได้ “คุณอยู่ที่ไหน?
รัชศกปีที่สิบ มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่ลืมไม่ลง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็น ‘สาวงาม’ ที่ผู้คนทั้งเมืองหลงใหล เมืองหลวงกว้างใหญ่ใต้แผ่นฟ้าเดียว ข้าผู้มาก่อนกาล เดิมทีข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น แต่ที่ไหนได้ ทุกเหตุการณ์ที่ข้าพบเจอ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ความสุขที่ท่วมท้นอยู่ในใจ เป็นความทรงจำเดียวที่ทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อ...รอ...ใครบางคน
เมื่อสามีตะโกนใส่หน้า “ผมต้องการหย่ากับเธอ!! คนที่ผมรักเขากลับมาหาผมแล้ว” เมษาเซ็นจำใจชื่อบนใบหย่าพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรู เธอตัดสินใจเก็บงำความลับไว้กับตัว พร้อมกับจากไปโดยไม่ปริปากบอกคีรินเลยสักคำ ผ่านไป 5 ปี เด็กชายคนหนึ่งมาตามหาพ่อ... “ผมจะไปหาพ่อผม ปล่อยผมนะ!!” เสียงแผดก้องบริเวณหน้า ล็อบบี้ แม้แต่คีรินเองยังอดสนใจไม่ได้ เด็กชายคนหนึ่งถูก รปภ. รั้งตัวไว้ เขาดิ้นกระแด๋วๆ ตะโกนลั่น ผิวทั้งหน้าแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหน้า และเมื่อเด็กชายวิ่งตรงมาหาเขา “พ่อคร๊าฟฟฟฟฟ” คิรินเข่าอ่อน สัญชาตญาณบางอย่างเตือน เด็กชายตรงหน้าเขานี่ เป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่หยอก หากสามารถปราบพยศผู้ชายเจ้าอารมณ์ได้ ดานันจะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดของบิดา ทว่า...ในความโชคร้าย มีความโชคดีแอบแฝงอยู่ ว่าที่สามีของเธอ เป็นบุตรชายผู้มั่งคั่งของตระกูลใหญ่ แต่เขาเพิ่งสูญเสียดวงตาไปจากอุบัติเหตุ ดานันต้องรองรับความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จนกว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ครามไม่ได้พิกลพิการมาตั้งแต่กำเนิด เขามีหนทางรักษาได้ ขึ้นอยู่กับว่า...ดานันจะโน้มน้าวว่าที่สามีของเธอได้หรือเปล่า
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เพื่อช่วยชีวิตแฟนสาวของเขา มือขวาของหลินเทียนจึงพิการ แต่คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ได้มาคือการทรยศของแฟนสาวและเพื่อนสนิทของเขา ขณะที่หลินเทียนกำลังรู้สึกสิ้นหวัง เขาก็ได้พบกับคนคนหนึ่งซึ่งทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง คนนั้นมีชื่อว่าหลิวอีเตา เป็นหมอในตำนาน หลินเทียนไม่เพียงแต่ได้กลายเป็นศิษย์ของแพทย์ผู้ไร้เทียมทานผู้นี้ แต่ยังได้รับมรดกอันมหาศาลจากดร.หลิวอีกด้วย จากนั้นเป็นต้นมา หลินเทียนโต้กลับทุกทาง กำจัดอุปสรรคต่าง ๆ จะกระทั่งไปถึงจุดสุดยอดของชีวิต
จะทำยังไงเมื่อเชฟสาวที่อยู่ๆก็โดนลูกหลงตายแบบไม่รู้เรื่อง จากเหตุปล้นธนาคาร
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
ภีม ภีมวัจน์ อภิรักษ์วัฒนกุล ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง AK Group นักธุรกิจหนุ่มที่ได้รับรางวัลผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรงถึง 4 ปีซ้อน อายุ 26 ปี หล่อ รวย รักสนุกแต่ไม่คิดจะหยุดที่ใคร ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนเย็นชาคือเสน่ห์ที่ดึงดูดสาวๆให้เข้ามาพัวพันกับเขาอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจบลงเพียงชั่วข้ามคืนเพียงเพราะเขายังไม่เจอคนที่ ถูกใจ จนกระทั่งวันหนึ่งที่โชคชะตาเล่นตลกให้เขาได้พบกับเธอ แม่สาววันไนท์ที่ใช้ลิปสติกเขียนบนใบหน้าของเขาด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย แถมยังเซ็นเช็คให้เขาถึงหนึ่งร้อยล้านบาทพร้อมยิ้มมุมปากบอกเขาว่าคือ ค่าตัว หลังจากวันนั้นเขาได้แต่ I told พระแม่ว่าขออย่าให้ได้พบ ได้เจอกับผู้หญิงคนนี้อีกเลยแต่ใครเลยจะรู้ว่าพระแม่ไม่แยแสต่อคำขอร้องของเขาด้วยซ้ำถึงได้ส่ง ตัวแม่ ตัวมัม มาล่อลวงหัวใจของ เขาให้สั่นไหวและตกหลุมรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น กอหญ้า การต์รวี พิสิฐกุลวัตรดิลก / เกียรติมงคลรัตน อายุ 21 ปี ลูกสาวฝาแฝดคนเล็กของแก้มใส พิสิฐกุลวัตรดิลก สาวน้อยแสนแสบและแสนซน ใครดีมาเธอดีตอบ ใครร้ายมาเธอฟาดกลับคืนหมดไม่สนลูกใครหน้าไหนทั้งนั้น ตัวแม่ ตัวมัมเรื่องความใจกล้า เสียตัวแล้วเสียไปเธอไม่เสียใจแถมเธอยังใจดีเซ็นเช็คค่าตัวให้เขาถึงหนึ่งร้อยล้านบาท พร้อมภาวนาต่อพระแม่ว่าเธอ I told ผู้ชายคนนี้พียงคนเดียวเท่านั้น และใช่พระแม่เห็นใจและเข้าใจเธอถึงได้ส่งเธอให้มาเจอกับเขา ผู้ชายปากร้ายแต่หน้าตาหล่อเหลาที่ทำให้เธอหลงเสน่ห์ของเขาจนอยากจะชวนขึ้นเตียงวันละหลายหน จากความคิดที่เพียงแค่อยากเล่นสนุกกลับกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ยากจะตัดใจและเธอเองก็ไม่เคยคิดที่จะตัดใจ ถ้าเธอล่อลวงหัวใจของเขามาเป็นของเธอไม่ได้ก็อย่ามาเรียกเธอว่าตัวแม่ตัวมัมอีกเลย คำเตือน ⚠️ Trigger Warning นิยายเรื่องนี้มีเนื่อหาการร่วมเพศอย่างชัดเจนรบกวนผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการเสพ