ความเกลียดชิงชังทำให้เขาทิ้งให้เธออยู่ในสถานะ เมียในนาม แต่เมื่อเธอต้องการหย่าขาดจากเขา ชายหนุ่มผู้หยิ่งผยองเช่นเขากลับต้องการกักขังเธอไว้ตลอดไปและหลอกล่อเธอด้วยเพลิงสวาทร้ายที่เร่าร้อนเกินห้ามใจ...
ความเกลียดชิงชังทำให้เขาทิ้งให้เธออยู่ในสถานะ เมียในนาม แต่เมื่อเธอต้องการหย่าขาดจากเขา ชายหนุ่มผู้หยิ่งผยองเช่นเขากลับต้องการกักขังเธอไว้ตลอดไปและหลอกล่อเธอด้วยเพลิงสวาทร้ายที่เร่าร้อนเกินห้ามใจ...
ในค่ำคืนอันมืดมิดซึ่งพายุฝนกำลังพัดกระหน่ำ ในห้องนอนเล็กๆ ของบ้านหลังน้อยกำลังร้อนระอุด้วยเพลิงพิศวาสที่เต็มไปด้วยความร้อนแรงและเอาแต่ใจของชายนุ่มรูปงามราวเทพบุตรที่สาดใส่ร่างบอบบางของสาวน้อยหน้าแฉล้มซึ่งนอนน้ำตารินด้วยความเจ็บปวดราวร่างจะแตกปริเมื่อเขารุกล้ำร่างบอบบางราวแก้วใสด้วยร่างแกร่งใหญ่โตของเขาโดยไม่สนใจว่าคนตัวเล็กใต้ร่างจะรู้สึกอย่างไร สิ่งที่เขาต้องการคือทำให้เธอเจ็บปวดมากที่สุด เจ็บปวดเท่าที่เขาเจ็บ...
อัคนี ดีแลนด์ เทพบุตรเลือดผสมไทย เยอรมัน วัยยี่สิบแปดปีซึ่งกลายร่างเป็นซาตานร้ายก้มลงบดขยี้เรียวปากกระด้างลงบนกลีบปากบางที่บวมเจ่อแทบแตกปรินั้นอย่างลงทัณฑ์ไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บปวดเพราะน้ำมือเขาแค่ไหน เขาสนใจเพียงอย่างเดียวคือเชยชมร่างกายงดงามนี้ให้สมกับความแค้นในใจ ชายหนุ่มสาวสะโพกสอบเข้าใส่ร่างบอบบางด้วยแรงอารมณ์ แม้ความคับแน่นจะบีบรัดจนเขาปวดหนึบแทบจะขยับไม่ได้ก็ตาม
“ได้โปรด ออกไป บีเจ็บ ฮือออ...”
บารนี สาวน้อยวัยสิบแปดปีหมาดๆ ซึ่งตกเป็นเหยื่อและกลายเป็นผู้รับโทษทัณฑ์จากเขาวอนขอทั้งน้ำตา ความเจ็บปวดราวร่างจะฉีกออกจากกันทำให้เธอแทบขาดใจตายไปเสียเดี๋ยวนี้...
“ไม่หรอก เธอจะไม่ตายแค่นี้หรอกสาวน้อยแต่เธอจะต้องตายทั้งเป็น... หึหึ”
ชายหนุ่มไม่เมตตาแต่กลับเสือกสวนกายแกร่งเข้าหาหาร่างบอบบางอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจอะไรอีกต่อไปเมื่อร่างสาวบีบรัดจนเขาปวดร้าวไปทั้งกายและเขาต้องการปลดปล่อยความทรมานนี้ออกไป
อัคนีบดสะโพกแกร่งรัวเร็วโยกคลึงด้วยลีลาร้อนแรงจนสาวน้อยหอบหายใจสะท้านเมื่อความเจ็บแปลบค่อยคลายลงและความเสียวซ่านแปลกใหม่แทรกเข้ามาแทนที่แม้จะพยายามต้านทานความรู้สึกนั้นแต่ดูเหมือนมันจะไร้ค่า เพราะเธอกลับเผลอตอบสนองเขาด้วยการแอ่นร่างขึ้นเผลอยกสะโพกเคลื่อนไหวไปตามจังหวะที่เขาเป็นผู้นำ แม้เงอะงะแต่ก็ทำให้คนตัวโตพอใจ ก้มลงมาจูบริมฝีปากระเรื่อบวมเจ่อเพราะฤทธิ์จุมพิตลงทัณฑ์จากเขาในคราแรกอย่างอดไม่ไหว และรู้สึกอิ่มเอิบในใจเมื่อเขารู้ว่าตนเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ
น้องสาวของศัตรูหัวใจ น้องสาวของคนที่แย่งคนรักของเขาไปอย่างหน้าไม่อาย และเมื่อนึกถึงข้อนี้อัคนีก็สอดเสยร่างแกร่งเขาหาคนตัวเล็กอย่างร้อนแรงและเต็มไปด้วยความหิวกระหายฟอนเฟ้นทรวงสาวแรกผลิอย่างไร้ความปราณีจนสาวน้อยเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดที่เริ่มทำร้ายเธออีกครั้ง...
“เธอให้ความรู้สึกดีเหลือเกินสาวน้อย อา... โอ้ว... สุดๆ ไปเลย ฉันเริ่มทนไม่ไหวแล้ว...”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนจะกระแทกกายหนักๆ เข้าหาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปลดปล่อยธารสวาทเร่าร้อนเข้าสู่กายบางจนหมดสิ้นด้วยความลืมตัว...
อัคนีแหงนเงยสุดปากด้วยความสุขสมเมื่อเขาสามารถไปถึงฝั่งฝันได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าน้องสาวศัตรูหัวใจจะให้ความรู้สึกดีขนาดนี้ สาวน้อยร่างบางก็ครางกระเส่าด้วยความรู้สึกสุขสมที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อนว่าการกระทำเช่นนี้ของชายหญิงจะให้ความรู้สึกซ่านเสียวและเป็นสุขอย่างนี้...
ปัง! เสียงประตูห้องนอนเล็กๆ ของเธอเปิดออกอย่างแรงจนประตูกระแทกผนังห้องพร้อมกับร่างสูงไม่แพ้ชายหนุ่มบนร่างเธอยืนจังก้าอยู่หน้าห้องพร้อมกับภรรยาสาวซึ่งเป็น อดีตคนรัก ของอัคนีนั่นก็คือ ภัทรา
“น้องบี คุณอัคนี...”
บริบูรณ์ พี่ชายของเธอตะลึงมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ความเจ็บปวดไหล่บ่าเข้าจู่โจมหัวใจแกร่งเมื่อเห็นสภาพของน้องสาวที่ดูก็รู้ว่าถูกอัคนีย่ำยีบารนีไปถึงไหนต่อไหนแล้ว...
“คุณจะต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นคุณอัคนี...”
สี่ปีผ่านไป...
“น้องบูมครับมาทานผลไม้เร็วครับคุณแม่บีปอกมาให้แล้วครับ” บารนีในวัยยี่สิบสองปีร้องเรียก น้องบูม หรือ เด็กชายอัศวิน ดีแลนด์ บุตรชายผู้เป็นแก้วตาดวงใจเสียงใส ไม่นานเด็กชายตัวอ้วนกลมผิวสีน้ำตาลทองแก้มยุ้ยก็วิ่งตึกๆ มาหาผู้เป็นมารดาด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง แก้มยุ้ยๆ นั้นแดงปลั่งเพราะวิ่งเล่นจนเหนื่อยเหงื่อท่วมตัว
“คุงแม่ค้าบ น้องบูมอยากว่ายน้ำ” เด็กชายอ้อนมารดามือป้อมๆ นั้นหยิบแอ๊ปเปิ้ลของโปรดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆเมื่อมารดาจับมือน้อยไปล้างที่ก๊อกน้ำไม่ไกลกันนั้น
“คุณแม่บอกว่าเวลากินอย่าพูดไงครับ มันไม่สุภาพและจะทำให้อาหารที่เราทานติดคอรู้ไหมคะ”
“ค้าบคุงแม่บี”
“แล้วก็ต้องพูดว่า คุณแม่บี ไม่ใช่คุงแม่บีนะครับลูกรัก”
หญิงสาวบอกลูกรักเพื่อให้เขาพูดได้ถูกต้องอย่างที่ส่วนใหญ่ผู้ที่เลี้ยงเด็กๆ ในวัยนี้เช่นคนที่เป็นปู่ย่าตายายมักจะหัวเราะชอบใจเมื่อหลานๆ พูดไม่ชัดมองว่าเป็นเรื่องตลกขบขันและไม่คิดว่ามันจะส่งผลให้กับเด็กเมื่อโตพอจะเข้าโรงเรียน และเรื่องแบบนี้เธอเคยเห็นมาก่อนสมัยเด็กๆ เพราะเพื่อนวัยเดียวกันกว่าจะพูดชัดก็เกือบจะจบชั้นประถมหก
“ค้าบ คุณ แม่ บี” เด็กชายพูดอย่างตั้งใจพร้อมกับยิ้มให้มารดาจนตาหยี บารนีมองลูกชายตัวน้อยด้วยความรักและพอใจที่น้องบูมเป็นเด็กฉลาดและว่านอนสอนง่ายคุณปู่และคุณย่าซึ่งเดินมาดูหลานรักเล่นปั่นจักรยานอยู่ในสวนมองสองแม่ลูกที่คุยกันด้วยเหตุผลอย่างแสนรัก บารนีกับน้องบูมคือแก้วตาดวงใจของบ้านนี้นั่นคือสิ่งผู้สูงวัยทั้งสองเห็นอยู่ในสายตามาเสมอ...
“มาทานข้าวเที่ยงกันได้แล้วจ้ะน้องบูม ลูกบี”
คุณดารา ร้องเรียกลูกสะใภ้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเอ็นดูสองแม่ลูก คุณดาราในวัยห้าสิบหกนั้นดูงดงามเปล่งปลั่งด้วยการดูแลตัวเองอย่างดีทำให้นางดูอ่อนกว่าวัยและมองแล้วสดชื่นสบายด้วยการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสดใสทันสมัยซึ่งทุกชุดที่นางสวมก็ล้วนแล้วแต่เป็นการออกแบบจากลูกสะใภ้สุดที่รักของนางนั่นเองและฝีมือการออกแบบและตัดเย็บของบารนียังเป็นผลงานที่สร้างชื่อให้กับ ดีแลนด์ซิลด์ หนึ่งในธุรกิจสร้างรายได้มหาศาลให้กับตระกูลดังอย่างตระกูลดีแลนด์ และคุณอีริคดีแลนด์ ประมุขใหญ่ของครอบครัวก็เป็นนักธุรกิจอาวุโสที่มีคนนับหน้าถือตาและถือเป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจอีกด้วย แต่นอกจากครอบครัวดีแลนด์จะทำธุรกิจสิ่งทอแล้วยังมีอีกหลายกิจการที่สร้างรายได้ให้กับคนตระกูลนี้มานานแสนนานนั่นคือธุรกิจสายการบินและการโรงแรม...
“สวัสดีค่ะ ท่านผีปู่ผีย่าผีตาผียายท่านผีบรรพบุรุษทั้งหลายเจ้าขา หนูชื่อลลนานะคะ ชื่อเล่นว่านุ่มค่ะ ถูกคนใจร้ายหน้าตาดีแต่ปัญญานิ่มเข้าใจผิดจับตัวมาแล้วยังพูดจาทำร้ายจิตใจนุ่มต่างๆ นานา นุ่มเสียใจมากเลยค่ะและคิดถึงบ้านมากแล้วก็เป็นห่วงนิ่งที่อาการสาหัสอยู่ด้วย นุ่มอยากขอให้พวกท่านดลบันดาลให้เขาปล่อยตัวนุ่มกลับบ้านเร็วๆ ด้วยค่ะ และขอให้นุ่มพ้นจากอำนาจชั่วร้ายป่าเถื่อนของคนใจร้ายด้วยเถิ้ดดด และจะให้ดีนุ่มขอสามตัวตรงๆ งวดนี้เลยนะคะ นุ่มจะได้มีเงินมีความสุขสบายไม่ต้องทำงานกลางคืนให้ใครดูหมิ่นเหยียดหยามว่าเป็นผู้หญิงกลางคืน ไม่ต้องเจอผู้ชายนิสัยไม่ดีมาลวนลามทำร้าย แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ดีมากๆ ก็ขอให้นุ่มได้สามีดีๆ หล่อๆ จิตใจดีไม่ปัญญานิ่ม และรวยมาก รักนุ่มมากๆๆๆ นะคะ สาธุๆๆ” “นี่เธอ พอได้แล้ว เลอะเทอะเพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว” สิงหาเอ็ดหญิงสาวที่บรรจงปักธูปด้วยรอยยิ้มอย่างหมั่นไส้เหลือคณา “อ้าว.. คุณนี่นะ ฉันขอในสิ่งที่ฉันอยากได้จริงๆ เผื่อท่านจะดลบันดาลให้ฉันได้ดังหวัง จะได้ไม่ต้องมาเจอคุณอีกไง” “อย่างกับฉันอยากจะเจอเธองั้นล่ะ” “แต่คุณก็จับตัวฉันมา” “โอ๊ย... โอเค ฉันผิดเองที่ไม่ดูให้ดี ขอโทษ โอเคมั้ย พอใจรึยัง” สิงหาโวยเสียงขุ่นมองหน้าหญิงสาวที่ยิ้มยียวนด้วยความหมั่นไส้เหลือกำลัง พอรู้ว่าเขาผิดเจ้าหล่อนก็เล่นไม่เลิก
เพราะถูกแม่เลี้ยงใจร้ายเสือกไสไล่ส่งมาให้เป็นเมียขัดดอกของนายใหญ่แห่งหุบเขาคนเถื่อนที่ใครๆ ต่างก็กล่าวขวัญกันว่า โหดร้ายน่ากลัว แต่แล้วเธอกลับพบว่า คนเถื่อนอย่างเขาก็มีหัวใจ และมีไว้เพื่อเธอคนเดียว ++++++++++ “พี่มาร์คไปแล้ว.. ทีนี้ก็เหลือแค่เรา..” ปิ่นกมลเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่กันตามลำพัง และถิ่นเถื่อนก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ดูท่าทางเขาขัดเขินไม่น้อย “มีอะไรจะสารภาพกับปิ่นมั้ยคะ” “ไม่มีนี่นา..” “ใครกันนะบอกว่า เป็นผัวเมียกัน ต้องบอกกันทุกเรื่อง ให้ไว้ใจกันและกัน” ถิ่นเถื่อนทำอึกๆ อักๆ ท่าทางของคนตัวใหญ่โต แต่ดูเก้งก้างเมื่อตอนนี้เขามีความผิดติดตัว “ก็บางเรื่อง มันยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกไง..” “อ้ออออ.. หรือคะ แล้วพี่เถื่อนคิดว่าจะบอกปิ่นตอนไหนคะ และเรื่องไหนบ้าง” ปิ่นกมลเดินมาหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม แล้วเงยหน้ามองเขายิ้มๆ ถิ่นเถื่อนเมินหน้าหนีน้อยๆ แต่ใบหูแดงก่ำ “ก็..” “ก็อะไรคะ..” ปิ่นกมลซักไซ้ ถิ่นเถื่อนหันกลับมามองหน้าคนช่างซักอย่างรู้สึกหมั่นไส้แกมเอ็นดูคนตรงหน้ายิ่งนัก “ก็.. ไปคุยกันบนห้องดีกว่าไง” “ว้าย... พี่เถื่อน ปล่อยปิ่นนะคะ เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย..” ปิ่นกมลหวีดร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อชายหนุ่มตวัดร่างบอบบางขึ้นไว้ในวงแขนแข็งแรงหน้าตาเฉย
สวย ดุดัน เข้ม หยาบคาย เผ็ด แซ่บ ตดเป็นตด ฟังไม่ผิดหรอก ตดน่ะถูกแล้ว นั่นคือ นิยามของ ฝันงาม ชื่อสวยหรูคุณหนูสุดๆ แต่นั่นมันไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าเธอจะเป็นคุณหนูสายแบ๊ว เพราะเธอคือผู้ฉีกทุกกฎของคำว่ากุลสตรี .. +++++++ “จะมีผัวทั้งทีก็ต้องดูดีๆ สิคะ ธิดาหน่อทองไม่ได้กระจอกงอกง่อยนะ มีทั้งมงและสายตะพายพร้อมโล่เกลียดก็อด.. จะให้เอาพวกไม่มีอนาคตมาทำผัวเหรอ..” “ครับเมียพี่ฉลาดเก่งที่สุดในสามโลก เมียจ๋า.. พี่ร้อนแล้ว..” กวินเริ่มเสียงสั่นพร่าเมื่อมือเล็กร้ายกาจเลื่อนไปยังแก่นกลางกายที่เริ่มคึกคะนอง.. “วันนี้งามจะทำให้พี่วินลืมโศก ลืมเศร้า เราจะมันกันอย่างเดียว..” กวินหัวเราะลั่นกับคำพูดห่ามๆ ของเมียรักที่แสนจะตรงไปตรงมาและตรงใจเขาเหลือเกิน.. “งั้นแสดงฝีมือเลยเมียจ๋า หากฟ้าไม่เหลืองห้ามหยุดนะ..” กวินท้าทายฝันงามหรี่ตามองเขาอย่างเจ้าเล่ห์แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างยั่วยวน.. “อย่าร้องขอชีวิตก็แล้วกัน..” ปล. หนังสือเสียงนี้ได้รวมตอนพิเศษไว้ด้วยนะคะฟังกันเต็มอิ่มไปเลยจ้า
“จะอ่อยฉันอีกนานไหม...” เสียงห้าวดังขึ้นทำให้หญิงสาวลืมตาทันทีก่อนจะผละออกจากวงแขนแกร่งของเขาทันที ใบหน้านวลแดงปลั่งทั้งขัดเขินและอับอายกับคำพูดของเขาแต่เหนือสิ่งอื่นใดเธออับอายที่กำลังจะกลายเป็นสาวร่านร้อนเที่ยวกอดจูบกับผู้ชายมากกว่า “คนบ้า ปากเสีย... ฉะ ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นเสียหน่อย...” หญิงสาวสูดหายใจลึกๆ แล้วถลึงตาใส่เขาพลางต่อว่าเขาเสียงเขียวแต่ข้างในใจสาวกลับสั่นไหวหวิวๆ แทบจะเป็นลมแข้งขาสั่นไปหมดจนขยับเดินไม่ได้...
เจ้าสาวคาวโลกีย์สำหรับเขา เพราะหวงชีวิตหนุ่มโสดที่ยังใช้ไม่คุ้ม เพราะไม่ต้องการแต่งงานตามคำสั่งของมารดาที่ทั้งเจ้ายศเจ้าอย่างและจุ้นจ้านวุ่นวาย ทำให้เขาต้องหาไม้กันหมาที่ต้องแสบแซบเร้าใจเพื่อคานอำนาจของมารดา...สำหรับเธอ มีเงินท่วมหัว ไม่ต้องมีผัวก็ได้ จึงต้องมารับอาชีพไม้กันหมาให้ชายหนุ่ม แต่เมื่อหลวมตัวรับงานนี้ ณดา ก็แทบมอดไหม้ด้วยไฟเสน่หาอันร้อนแรง
เขาหล่อเขาร้ายและร้อนแรงดังเปลวเพลิงที่พร้อมจะละลายน้ำแข็งอย่างเธอ ให้เดือดพล่านด้วยไฟเสน่หา.. ++++++++++ “คนบ้าปล่อยนะ พี่แสน อ๊ายย” หญิงสาวหวีดร้องเสียงหลงเมื่อภาสกรก้มลงหอมแก้มใสหนักๆ อย่างมันเขี้ยวและอยากแกล้ง “แก้มน้ำแข็งหอมจัง” “พี่แสนคนบ้า รังแกน้ำแข็ง คอยดูนะน้ำแข็งจะฟ้องพี่ธาร” หญิงสาวหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอาย “ฟ้องไอ้ธารคนเดียวเหรอ ฟ้องคุณอาด้วยสิ และฟ้องให้หมดด้วยนะว่าพี่ทำอะไรบ้าง” “พี่แสนจะทำอะไร ว้าย.. ปล่อยนะ คนบ้า พี่แสน กรี๊ดดด..” ทิพย์ธาราหวีดร้องเสียงหลงเมื่อตกอยู่ในวงแขนที่รัดแน่นของเขาแล้วทิพย์ธาราก็รู้ได้ทันทีว่าตนตกเป็นรองเขาหญิงสาวดิ้นเร่าอย่างโมโหฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด ความเยือกเย็นที่มีก่อนหน้าหายไปสิ้น เพราะเมื่อปะทะกับเขาทีไรเธอก็มักจะเป็นเช่นนี้และไม่สามารถควบคุมตัวเองให้สงบเยือกเย็นได้นานเลยสักครั้ง
นั่งรีวิวนิยายอยู่ดีๆ จ้าวลี่หลินก็ทะลุมิติมาเกิดใหม่เป็นนางร้ายในนิยายตรงหน้า สวรรค์ข้าเพียงด่านางร้ายผู้นี้ไปสองสามประโยคเท่านั้น เหตุใดต้องกลั่นแกล้งกันถึงเพียงนี้ แล้วสามีผู้นี้มิใช่ว่าเขาคือแม่ทัพผู้เก่งกาจหรือไร เกิดอะไรขึ้นจึงได้มาเป็นชาวสวนแบบนี้ แต่ถึงจะถูกไล่ออกมาเป็นชาวสวนแล้วอย่างไร ไม่ได้เป็นขุนนางก็เป็นคนร่ำรวยได้ มีเงินย่อมมีอำนาจมิใช่หรือ แต่หากอยากกลับไปยิ่งใหญ่อีกครั้งก็ต้องฟังภรรยาอย่างข้า สามี...อยากรวยต้องช่วยข้าทำสวน
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
โปรยปราย... เมื่ออยากให้มหาเศรษฐีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่าง ‘ปวีร์’ ช่วยให้ ‘พิมพ์พิศา’ หลุดพ้นจากสภาพของสาวค้าบริการอย่างไม่สมยอม ไหนจะ ‘พ่อเลี้ยง’ บ้ากามที่จ้องคุกคามพรหมจรรย์ หญิงสาวบริสุทธิ์จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อ ‘จับ’ เขาไว้ให้อยู่หมัด ด้วยรู้ว่าอิทธิพลของเขาจะช่วยคุ้มภัยให้เธอไปตลอดกาล แต่นักธุรกิจทุกกระเบียดอย่างเขา จะช่วยใครย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง... ข้อนั้นพิมพ์พิศารู้ดี แต่ไม่รู้เลยว่า... เพียงเพื่อแลกกับอิสรภาพ เธอจะต้องมีทายาทให้เขา +++++++++++++++
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
[แนวลูกเด็กน่ารัก+สาวเก่ง+แก้แค้น]ฉวี่ชิงเกอแต่งงานกับฟู่หนานจิ่นมาเป็นเวลา 5 ปี เธอใช้ชีวิตเหมือนแม่บ้าน เธอคิดว่าตัวเองท้องแล้วจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาดีขึ้น แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้มาคือ ข้อตกลงการหย่า เมื่อคลอดลูก ฉวี่ชิงเกอแทบจะไม่รอดเพราะมีคนทำร้าย เธอถึงรู้สํานึก ห้าปีต่อมา เธอกลายเป็น"ท่านประธานฉวี่"แล้วกลับมาแก้แค้น คนที่เคยรังแกเธอต่างก็ได้รับการสั่งสอนอย่างสะหัส และความจริงที่ถูกปิดบังไว้ก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมาก อดีตสามีคิดจะขอคืนดีกับเธอเหรอ คิดง่ายไปหน่อยไหม? ฟู่หนานจิ่นอ้อนวอน"ที่รัก ลูกต้องการหม่ามี๊ ขอแต่งงานใหม่ได้ไหม?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด