เมื่อหลังชนฝา เธอจำต้องแลกด้วยของมีค่าที่สุดในชีวิต --------------------------------- ปริยกร หรือ เดียร์ หญิงสาวผู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ------------- ปาล หนุ่มผู้เสมือนเป็นพระเอกตลาดกาล --------------------------------- ริมฝีปากสีระเรื่อถูกเคลือบไว้ด้วยลิปกรอส กำลังสั่นน้อยๆ เมื่อถูกเขาจับจ้องอยู่ไม่วางตา เพียงแค่นี้เขาก็เดาได้ว่า ชัยชนะอยู่ในอุ้งมือเรียบร้อยแล้ว มือที่กุมไหล่ระหงอยู่ค่อยๆ เลื่อนลงไปหาเอวคอดกิ่ว อีกมือเชยคางมนให้แหงนหงายสูงขึ้นอีก ก่อนเขาจะค่อยๆ โน้มใบหน้าอันหล่อเหลาลงไปหา เจ้าของใบหน้าสวยกำลังสับสนอยู่นั้น ไม่รู้จะทำอะไรได้ นอกจากปิดเปลือกตาลงช้าๆ แล้วปล่อยเขามอบจุมพิตแรกในชีวิตสาวให้ เมื่อมองไม่เห็นหนทางจะหลีกหนีไปไหนได้อีกแล้ว หรือต่อให้หนีได้ ก็คงไม่พ้นต้องไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้ชายคนไหนสักคน และยอมให้ทำแบบนี้อยู่ดี ก็แล้วทำไมไม่ยอมเขาเสียแต่ตอนนี้เลยล่ะ ในเมื่อเขาก็คือชายที่คอยสร้างความหวั่นไหวในหัวใจมาหลายปีดีดัก อีกใจก็ได้คิดว่า สิ่งที่ทำไปทั้งหมดนี้ เพื่อตัวเอง เพื่อแม่ที่กำลังย่ำแย่ทั้งร่างกายและจิตใจ ได้เงินไปเมื่อไหร่ หญิงสาวก็จะไม่ยอมให้ชายใดมาแตะต้องกายอีก หากไม่ใช่ชายที่ตัวเองรักเท่านั้น ‘ก็เขานี่ไงเดียร์ ผู้ชายที่อยู่ในใจเธอมาหลายปี ผู้ชายที่เธอรู้ดีว่าไม่มีทางจะได้เคียงคู่เขาด้วยซ้ำ นอกจากในความฝัน แต่ตอนนี้เขาอยู่ใกล้ชิดกับเธอแล้วไง ยอมเป็นของเขาและมอบสิ่งที่เธอหวงแหนที่สุดให้เขาไปสิ’ สิ้นเสียงสนับสนุนจากภายใน หัวใจที่สับสนอยู่เมื่อครู่ก็กระตุกว้าบขึ้นทันที เมื่อรับรู้ว่ามีอุ้งมือของเขา เลื่อนไล้ลงไปหาอกอวบ นุ่มนิ่ม ริมฝีปากได้รูปอิ่มเต็มก็ถูกเขาครอบครองอย่างแผ่วเบา หญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระเป๋าสะพายหลุดร่วงออกจากไหล่ระหงไปตอนไหน เพราะกำลังหลงใหลในรสจุมพิตอันหอมหวานของเขาอยู่ มันช่างความซาบซ่านทรงอย่างไม่เคยพานพบมาก่อน ยังผลให้สองเข่าแทบจะทรุดลง หากไม่มีวงแขนแข็งแรงรัดรึงเอวคอดเอาไว้ ปาลย่อกายลง ส่งแขนข้างซ้าย สอดเข้าไปใต้ข้อพับ อุ้มร่างผอมบางที่เขาเห็นว่าเบาราวปุยนุ่นก้าวเดินไป โดยไม่ปล่อยให้เรียวกระจับงามว่างเว้นจากจุมพิตอันทรงอำนาจด้วยซ้ำ แรกทีเดียวอยากจะตรงไปยังชุดรับแขกเพราะใกล้ แต่คิดอีกทีก็เปลี่ยนใจเดินไปหาประตูห้องที่เปิดอ้าไว้ ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกของเธอ ถ้าไม่ถูกย้อมแมวเหมือนโมเดลลิ่งเจ้าอื่นที่ทำมา เขาก็อยากจะให้เธอนอนสบายๆ บนเตียงคิงส์ไซด์ ในห้องนอนอันกว้างขวางและเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศที่เปิดทิ้งไว้ก่อนหน้ามากกว่า ไม่กี่อึดใจ เขาวางกายเบาหวิวลงไปหาฟูกหนานุ่ม พร้อมกับตามลงแบบไม่ให้ขาดช่วง
ตอนที่ 1
ประตูเหล็กดัดสูงสองเมตรครึ่ง ถูกขนาบข้างซ้ายขวาด้วยรั้วคอนกรีดฉาบสีขาวสูงเมตรครึ่ง ต่อด้วยรั้วเหล็กเป็นซี่สูงหนึ่งเมตรเป็นแนวยาวสี่สิบเมตร ตามหน้าที่ดินสองไร่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวไปด้านหลัง ทำให้ผู้คนผ่านไปมามองเห็นบ้านสองชั้นหลังใหญ่หรูหราทรงคลาสสิค แบบเรอเนซองส์ได้ดียิ่ง
บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของเป็นผู้มีฐานะดี มีหน้ามีตาในสังคมระดับสูง หากมองเผินๆ หรือแบบผ่านๆ นั้น บ้านหลังใหญ่มีความหรูหราคล้ายกับปราสาทราชวังในต่างประเทศ หรือในเทพนิยายกรายๆ เสากลมหล่อคอนกรีตต้นใหญ่ หัวแบบคอเรียนเทียล ยิ่งส่งช่วยให้ดูยิ่งใหญ่ตระการตาขึ้นไปอีก
ต้นไม้ใหญ่โดยรอบไม่มีขึ้นให้เห็นบริเวณส่วนหน้าบ้านแต่อย่างใด ราวกับเจ้าของจงใจจะไม่ปลูกไว้บดบังความสวยงามของบ้านยังไงยังงั้น ผิดกับรั้วคอนกรีตข้างบ้านทั้งสองฝั่ง กลับทึบและสูงถึงสองเมตรครึ่ง นั่นบ่งบอกว่าไม่ปรารถนาจะให้เพื่อนบ้านทั้งซ้ายขวามารบกวนอย่างเห็นได้ชัด
หลังรั้วคอนกรีตทึบฝั่งซ้ายของบ้านนั้นคือหมู่บ้านจัดสรรราคาไม่แพงมาก จึงมีชนชั้นกลางมาจับจองเป็นเจ้าของ ส่วนฝั่งขวาเป็นซอยตัน มีถนนคอนกรีดเล็กๆ ผ่านเพื่อให้เจ้าของที่ดินแปลงในมีทางออก จึงไม่ค่อยมีใครได้มองเห็นความเป็นมาและเป็นไปของคนอยู่บ้านหลังใหญ่หรูหรามากมายนัก
แต่ทุกครั้งที่มีรถยุโรปคันงามตาม จำนวนของบรรดาผู้อยู่ในบ้านหลังนี้แล่นออกนอกรั้วเมื่อไหร่ ก็มักจะเรียกความสนใจของผู้คนได้ดีทีเดียว เพราะรถแต่ละคันนั้นล้วนแล้วแต่ราคาหลายล้าน ไม่ต้องมีใครเดาก็รู้ว่า เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นผู้มีอันจะกินจนเกิน
“หล่อนกล้าดียังไงยะ ถึงบุกมาขอเงินฉันถึงนี่และตั้งแต่เช้าขนาดนี้ ฉันสั่งว่าไม่ให้หล่อนกับแม่หล่อนเหยียบมาถ้าฉันไม่อนุญาตไง”
หญิงวัยห้าสิบแปดปี ทรวดทรงองเอวราวกับสาวรุ่นนามอังคณา รักษ์สันติ กำลังนั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟาสไตล์บาร็อค บุด้วยผ้ากำมะหยี่เพชรสีครีมในห้องอ่านหนังสือ จ้องมองเจ้าของร่างผอมบางในชุดกางเกงขาสั้นระดับเข่าสีขาว กับเสื้อยืดสีเทานั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นห่างออกไปเป็นเมตร
“ก็เดียร์รอคุณผู้หญิงเอาไปให้ไม่ไหวนี่คะ หมดกำหนดผ่อนผันแล้ว ต้องรีบเอาไปจ่าย ไม่งั้นจะไม่มีสิทธิ์สอบค่ะ”
หญิงสาวผู้เก็บปากเก็บคำไว้ตั้งแต่แจ้งความจำนงไปแล้วนามปริยกร รักษ์สันติ พยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลสุด เท่าที่เคยทำมา เพราะไม่อยากมีปัญหาใดๆ
“คุณแม่ไม่ได้บอกมันไว้หรอกเหรอคะ ว่าคุณพ่อสั่งงดจ่ายค่าเทอมมันนานหลายเดือนแล้ว”
หญิงสาวสวยสมบูรณ์แบบ แต่งหน้าเนี๊ยบไม่ต่างจากชุดทำงานเรียบหรู นั่งไขว้ห้างอยู่ไม่ห่างจากแม่นาม อลิยา รักษ์สินติเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เน้นหนักตรงสรรพนามเรียกคนนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า สายตาที่มองไปนั้นแม้ไม่ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความชิงชังเหมือนสายตาของคนเป็นแม่ แต่ก็ไร้ซึ่งความเป็นมิตร
“ทำไมจะไม่ล่ะ แม่ให้นังอ้วนบอกมั้นตั้งแต่ตอนเอาเงินไปให้เทอมก่อนโน่น มันรู้อยู่แก่ใจแต่ทำหน้ามึน ทำตีเนียนมาขอเหมือนเดิม คงคิดว่าแม่จะใจอ่อนล่ะมั้ง ฝันไปเถอะ”
เด็กสาวผู้ไม่รู้เรื่องงดจ่ายเงยหน้าขึ้นมองสองแม่ลูกด้วยความงุนงง ในหัวก็พยายามทบทวนความจำ ว่ามีถ้อยคำเหล่านี้หลุดออกจากปากของแม่บ้านร่างอ้วน ตอนเอาเงินไปให้ครั้งก่อนบ้างไหม แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
“ป้าอ้วนไม่ได้ออกอะไรเดียร์เลยนะคะ เอาเงินยื่นให้แล้วก็กลับค่ะ”
“นังอ้วน! แกจะว่าไง”
คนเป็นคุณผู้หญิงปรายตาไปหาแม่บ้านคู่ใจ ที่อยู่รับใช้กันมายี่สิบกว่าปีทันที
“แกจะมาว่าฉันไม่บอกได้ยังไงยะ ก็ฉันถอดเอาคำพูดของคุณผู้หญิงไปหมดทุกคำ แกนั่นล่ะจำไม่ได้เอง แล้วอย่ามาตู่นะ ฉันไม่ยอมจริงๆ ด้วย”
แม่บ้านนั่งคุกเข่าอยู่ไม่ห่างรีบสวนกลับทันทีและด้วยน้ำเสียงอันดัง เพื่อข่มอีกฝ่ายไม่ให้กระด้างกระเดื่องใส่ แม้ตัวเองจะอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าก็ตาม แต่เมื่อมีคุณผู้หญิงถือหางและให้ท้าย ก็ใหญ่ได้ไม่แพ้ใคร
“ป้าอ้วนไม่ได้บอกค่ะ แค่เอาเงินให้แล้วก็กลับเลย ถ้าบอกเดียร์ก็ต้องรีบไปทำงานหาเงินมาไว้จ่ายค่าเทอมสิคะ คงไม่มารบกวนคุณผู้หญิงแบบนี้หรอกค่ะ”
“ฉันไม่สนว่าหล่อนจะเตรียมตัวหรือไม่ยังไง แต่ฉันบอกไปแล้วหลายเดือนด้วย อย่ามาปักปำคนของฉันนะ แล้วก็อย่าสะเออะเอาไปฟ้องคุณพี่ด้วย เพราะนี่เป็นคำสั่งตรงจากคุณพี่ ฉันจำเป็นต้องทำตาม”
“แล้วเดียร์จะไปหาเงินที่ไหนทันคะ คุณผู้หญิงจ่ายให้เดียร์ก่อนไม่ได้เหรอคะ เดียร์สัญญาว่าเทอมหน้าจะไม่รบกวนค่ะ เดียร์จะไปหางานทำเองค่ะ”
“ฉันก็อยากจะจ่ายให้หล่อนอยู่หรอกนะ แต่ติดตรงที่ฉันไม่มีเงินมากพอน่ะสิ หล่อนไม่รู้เหรอว่าตอนนี้สถานการณ์ในบริษัทกำลังแย่ คุณพี่ตัดรายจ่ายไม่จำเป็นออกเกือบหมด ต่อไปอีกไม่กี่เดือน ฉันก็จะต้องให้คนในบ้านออกสักครึ่ง ค่าข้าว ค่าอาหารก็ต้องลดลงให้เหลือครึ่งหนึ่งด้วย แล้วฉันจะเอาที่ไหนมาจ่ายให้หล่อนยะ จะไปไหนก็ไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าหล่อน อารมณ์เสีย!”
“แล้วเดียร์จะทำยังไงล่ะคะ เดียร์ไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอมนะคะ เดียร์จะไม่มีสิทธิ์สอบนะคะ”
“นั่นมันเรื่องของหล่อน อย่ามาเซ้าซี้น่ารำคาญ ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว ถ้าไม่ไป ฉันจะให้นังอ้วนลากไปแทนนะ”
เมื่อรู้ว่าไม่มีทางที่คุณนายบ้านใหญ่จะช่วยแล้ว หญิงสาวผู้กำกลัดกลุ้มก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ นอกจากหันหลังเดินออกจากไป เลยไม่มีโอกาสได้เห็นสองแม่ลูกหันไปมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ แม่บ้านร่างอวบก็ยิ้มอย่างประสบสอพลอเจ้านายไม่ต่างกัน
“อยากจะรู้จัง ว่าถ้าไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอมแล้ว มันจะทำยังไง”
“ก็หมดสิทธิ์สอบน่ะสิคะคุณแม่”
อลิยาเอ่ยด้วยสีหน้าพึงพอใจกับการกลั่นแกลงลูกบ้านน้อยของแม่ แล้วลุกขึ้นคว้ากระเป๋าสะพายยีห้อดังราคาเรือนแสนเตรียมไปทำงาน จนคนเป็นแม่อดสงสัยไม่ได้
“ทำไมเข้าสายล่ะแอล”
“ลูกค้านัดคุยที่ร้านไม่ไกลบ้านเท่าไหร่ค่ะคุณแม่ แอลเลยขี้เกียจขับรถไปขับรถมา เข้าตอนคุยเสร็จแล้วดีกว่า งั้นแอลไปแล้วนะคะ”
ว่าแล้วลูกสาวคนกลางก็ยกมือไหว้แม่ แล้วหิ้วกระเป๋าออกบ้านหลังใหญ่โตหรูหราไปหารถยุโรปคันงาม ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ตรวนบาปที่ครอบครัวเขา มีต่อครอบครัวเธอก็ร้ายแรงจนดิ้นไม่หลุดแล้ว แต่เขายังสร้างตรวนใหม่ขึ้นมา ผูกมักให้ตัวเองหมดหนทางดิ้นให้หลุดได้ แม้เธอจะไม่ปรารถนาจะล่ามเขาไว้ยังไง แต่เขาก็ไม่อาจจะหนีไปไหนได้แล้ว ------------------------------ นายแพทย์เมธี พัฒนาธรสกุล ได้พาตัวเองและครอบครัว ถูกพันธนาการด้วยตรวนบาปกับครอบครัวศรีสมบูรณ์ จนไม่อาจจะปลดปล่อยให้หลุดพ้นได้ *** ซ้ำร้ายไปกว่านั้น นายแพทย์เขมินท์ พัฒนาธรสกุล ลูกชายคนโตของตระกูล *** กลับทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงกว่าที่เป็น ด้วยการสร้างตรวนบาปใหม่ขึ้นมา *** และยิ่งเป็นตรวนแห่งเสน่หาด้วยแล้ว ใยเลยที่เขากับครอบครัวจะพาตัวเองให้เป็นอิสระได้ ปรียา ศรีสมบูรณ์ ผู้ไม่คิดจะหยิบยื่นตรวนให้ใคร แต่เมื่อได้สูญเสียแล้ว ใยเลยจะปล่อยให้ตัวเองและครอบครัวยุ่งยาก หม้ายสาวจึงไม่คิดจะปลดตรวนบาปให้ใครง่ายๆ *** สถานการณ์ของตัวเองยิ่งเป็นต่อ เมื่อ มัสยา ศรีสมบูรณ์ ลูกชายคนโตของบ้าน *** ถูกดึงเข้าไปอยู่ในเกมที่ทำให้อีกฝ่ายย่ำแย่ขึ้นกว่าเดิม นั่นเป็นโอกาสให้หม้ายสาวมีอำนาจต่อรองมากขึ้น *** แต่มัสยากลับไม่ปรารถนาจะล่ามเขาไว้ ในเมื่อเขาไม่ได้มีใจ ใยเลยที่เธอจะต้องจองจำเขาให้ตัวเองเจ็บช้ำใจไปเปล่าๆ ------------------------------
ชายหนุ่มผู้ที่วิ่งหนีข้อผูกมัด แต่ต้องมาเจอหญิงสาวที่สุดแสนธรรมดาผูกมัดและล่ามเขาไว้ในสถานะ'สามีที่ถูกต้องตามกฏหมาย' คราแรกรังเกียจนักหนา แต่เอาไปเอามากลับเป็นเขาที่วิ่งตามล่า&มัดเธอไว้กับเขาตลอดกาล ------------------------------ แสงตะวัน หนุ่มใหญ่วัยสามสิบหก เจ้าของฟาร์มแสงตะวัน ซึ่งเป็นฟาร์มม้าใหญ่ที่สุดในประเทศ ผู้มากด้วยเงินทองและเสน่ห์ --------- เหมือนดาว สาวแสนสวย เปรี้ยว เฉี่ยวและน่ารัก ผู้มีมาดมั่น และไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆ êตัวอย่างสักเล็กน้อย [น้ำจิ้ม] ê "ผมไม่ได้บอกว่าจะไม่หย่า ผมแค่บอกว่าจะยืดเวลาหย่าไปอีกสามปี เพื่อเหมือนดาวจะได้พิสูจน์ให้ผมเห็นก่อนว่าสามารถดูแลอะไรต่อมิอะไรได้เอง ไม่ใช่เอาไปทำโดยไม่มีประสบการณ์ไม่นานเดี๋ยวก็เจ้ง หรือไม่ก็ขาดทุนเหมือนครั้งก่อนจนผมต้องเหนื่อยมาทำให้มันฟื้นขึ้นมาอีก” แสงตะวันเลยอธิบายด้วยความใจเย็นอีกครั้งหลังจากทนายบอกไปในรอบแรก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีใครอยากเชื่อ “ถ้าถึงสามปีแล้วคุณเห็นว่าฉันยังไม่พร้อมเหมือนวันนี้ล่ะ”คนไม่ยอมใครเลยรีบยิงคำถามตรงๆ “คุณก็คงต้องไปฟ้องเอาแล้วล่ะ และผมขอแนะนำให้หาทนายเก่งๆ ไว้ด้วยนะ เพราะคุณสุทินฝีมือไม่เป็นสองรองใคร แล้วค่าใช้จ่ายในส่วนนี้คุณไม่มีสิทธิ์มาเบิกจากผมแม้แต่บาทเดียว” “ว่ายังไงล่ะ จะเอายังไงก็บอกมา คุณสุทินจะได้ทำข้อตกลงร่วมกันอีกรอบ” แสงตะวันไม่ใคร่จะแยแสนักว่าเด็กสาวตรงหน้าจะคิดยังไง เพราะรู้ดีว่าไม่อาจจะปล่อยทุกอย่างให้พังลงมาอีกรอบได้แน่ “ฉันจะไม่หย่าและจะทำงานที่นี่อย่างที่คุณต้องการ ถ้าคุณตกลงจะจัดงานแต่งงานระหว่างเราให้ทุกคนรอบข้างคุณและฉันรับรู้ ฉันจะย้ายเข้ามาอยู่บ้านของคุณในฐานะภรรยาไม่ใช่ฐานะพนักงานธรรมดาๆ ทุกคนรอบข้างคุณจะต้องให้ความนับหน้าถือตาว่าฉันที่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณ มีสิทธิ์มีเสียงเท่าๆ กับคุณในทุกๆ เรื่อง พอครบสามปีหรืออาจจะช้าหรือเร็วกว่านั้นที่คุณเห็นว่าฉันมีความสามารถจะบริหารงานเองได้ เราถึงจะหย่ากัน” “ผมไม่ได้อยากมีเมีย และไม่คิดว่าจะมีด้วย โดยเฉพาะเมียเด็กที่ฟันน้ำนมยังไม่หลุดด้วยซ้ำ” “ฉันเป็นเพียงภรรยาในนามของคุณเท่านั้น เราจะไม่เกี่ยวข้องกันใดๆ เหมือนที่เคยเป็นมา ยกเว้นให้คนรอบข้างรับรู้ และฉันเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ร่วมกับคุณ มีสิทธิ์มีเสียงเหนือบรรดาคู่นอนของคุณเท่านั้น ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันไม่ว่าอะไรในเรื่องนี้หรอก เพราะฉันเองก็มีแฟนอยู่แล้วทั้งคน เราจะให้อิสระกันและกันในเรื่องนี้ คุณจะไปไหน กับใคร เมื่อไหร่ฉันไม่สน และในทางเดียวกันคุณก็ต้องไม่สนด้วยว่าฉันจะไปไหน กับใคร เมื่อไหร่ แฟร์ไหมคะวิธีนี้” “ทำไมผมต้องยอมด้วยล่ะ ในเมื่อผมไม่ใช่คนที่อยากจะได้อำนาจบริหารคืนเหมือนคุณนี่”
อสมา อิศรานุกล เขาและน้อง ๆ ทั้งสี่คน คือนันทินี นันทิตา และสรนันท์ต่างไม่มีใครลืมอดีตอันแสนขมขื่นจากน้ำมือพ่อได้ แม้ทั้งพ่อและแม่จะจากไปหลายปีแล้วก็ตาม โดยเฉพาะอสมาซึ่งเป็นพี่คนโตและจำทุกอย่างได้อย่างแม่นยำนั้นไม่มีวันลืมเลย บวกกับที่ชีวิตคู่ของเขาต้องพบกับความล้มเหลว ด้วยตัวเขาเองเป็นคนทำลายลงอย่างไม่น่าให้อภัย จนภรรยาคือเจนนิเฟอร์ขอหย่าขาดมาเป็นสิบปีแล้ว และหนีกลับไปอยู่อเมริกาตั้งแต่นั้นมา แต่เขาก็ยังเฝ้าตามง้องอนขอคืนดีกับเธอและขอโอกาสแก้ตัวกับเธอมาตลอดเช่นกัน ------------------------------- ปาลิตา พฤกษาชาติ นักศึกษาสาวที่อีกหกเดือนจะจบปริญญาแล้ว จำเป็นจะต้องก้าวเข้ามาในชีวิตอสมาอย่างไม่รู้ตัวมาก่อน เมื่อด้วงผู้เป็นแม่เลี้ยง กับนิรมลแม่แท้ ๆ ของตัวเองเอาที่สวนมาจำนองกับอสมาไว้ด้วยวงเงินสูงถึงห้าล้าน แต่ไม่มีปัญญามาไถ่ถอนเมื่อเลยเวลามามากแล้ว ด้วงที่ขี้เหล้าขี้บ่อนและเห็นแก่ตัว จึงรีบเสนอเอาลูกเลี้ยงอย่างปาลิตามาแลกกับหนี้ห้าล้านทันที นิรมลไม่เห็นด้วยในตอนแรก แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง อสมาเองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำนี้เช่นกัน ------------------------------------- แต่เมื่อเขาเห็นปาลิตาแล้วก็เกิดสงสารขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และกลัวว่าสักวันเด็กสาวจะต้องถูกด้วงทำมิดีมิร้ายด้วยแน่ ๆ เขาจึงตกลงใจรับข้อเสนอ โดยมีเงื่อนไขเพียงแค่ให้ปาลิตาอยู่รับใช้เขาสองปี จากนั้นเขาก็จะคืนที่สวนให้ทันที ปาลิตาที่มีสิงหาเป็นคนรักอยู่แล้วเสียใจร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนัก แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเมื่อสงสารแม่จับใจ ส่วนพ่อเลี้ยงนั้น ปาลิตาเกลียดเข้าไส้จนไม่เคยมองหน้าและไม่พูดด้วยเลย และความเกลียดชังนี้ก็ถูกเหมารวมไปถึงอสมาด้วย เพราะปาลิตา สิงหา และอริสา เพื่อนสนิทของปาลิตาและเป็นลูกของคนในสวนอสมาเอง
พลาธิป ชายหนุ่มผู้เจ็บช้ำจากคนรัก ปิยธิดาส่วนปราณปริยาวดี ซึ่งเป็นน้องสาวต่างแม่กับคนรักเก่าของเขา คือหญิงสาวที่เขามองเห็นเป็นคนแรกที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการเย้ยหยันแฟนสาวที่มองไม่เห็นค่าของเขา ---------------------------------- พลาธิป พงษ์พันธุ์สถาพร ชายหนุ่มผู้เจ็บช้ำจากคนรัก ปิยธิดา ศรีสวัสดิ์วัฒนา ที่สลัดเขาทิ้งอย่างไม่เสียดาย แล้วหันหน้าเข้าสู่ประตูวิวาห์กับเพื่อนรักของเขา ด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ที่ว่า ‘เขามีพ่อที่เจ้าชู้ หลายลูกหลายเมีย ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เขาได้เลือดแย่ๆ จากพ่อมาด้วยล้านเปอร์เซ็น และโอกาสที่เขาจะทำให้คนรักต้องกลายเป็นเมียหลวงมีมากมายจนอาจจะทำให้ชีวิตครอบครัวพินพังลง’ นั่นทำให้เขาไม่เข้าใจ ขุ่นเคืองใจ และแค้นเคืองแฟนสาว กับเพื่อนสนิทที่พิชิตใจหญิงคนรักของเขาไปได้ในเวลาอันเฉียดฉิว ก่อนที่เขาจะคว้าชัยชนะได้ไม่กี่อึดใจ ปราณปริยาวดี ศรีสวัสดิ์วัฒนา ซึ่งเป็นน้องสาวต่างแม่กับคนรักเก่าของเขา คือหญิงสาวที่เขามองเห็นเป็นคนแรกที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการเย้ยหยันแฟนสาวที่มองไม่เห็นค่าของเขา และทันทีที่คิดได้ เขารีบส่งผู้ใหญ่ไปสู่ขอและแต่งงงานด้วยทันที ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาคาดหวังจะให้คนรัก ถูกหยิบยื่นให้ปราณปริยาวดี ซึ่งเป็นลูกเมียน้อยและเป็นผู้หญิงที่อดีตคนรักของเขาเกลียดชังมาก นั่นทำให้เขาสะใจที่ได้เห็นอดีตแฟนเต้นเป็นเจ้าเข้าด้วยความเสียดายที่สลัดคนอย่างเขาไป แต่สุดท้ายเขาก็รู้ว่าตัวเองทำพลาดที่ดึงเธอเข้ามาในชีวิต เพราะจากเดิมที่เขาเกลียดลูกเมียน้อยเข้าไส้ กลับกลายเป็นว่าเขาเผลอใจรักเธอเข้าเต็มๆ หากก็ยังปากหนักปากแข็งอยู่นั่นเอง ปรานปริยากรเองก็ไม่คิดจะมอบหัวใจให้เขาง่ายๆ ทั้งสองจะลงเอยกันด้วยดีได้หรือไม่ เพราะอะไร เพราะใคร และทำไม ‘ไฟล้อมน้ำ’ มีคำตอบรอให้ท่านค้นหาแล้ว แม้ในโลกความเป็นจริงจะต่างจากความฝัน แต่โลกในนิยายรักนั้นจะสรรค์สร้างรอยยิ้มให้คุณได้ ด้วยรักและมิตรไมตรี / กันเกรา ---------------------------------- “ถ้าคุณเสียดายมันมาก ฉันจะคืนให้ทุกบาททุกสตางค์ ปล่อย!!! ฉันจะกลับไปนอนบ้าน คุณพร้อมเมื่อไหร่นัดวันหย่ามาได้เลย ฉันพร้อมเสมอ” “คิดเหรอว่าผมจะอยากได้เงินคืน แล้วคิดเหรอว่าผมจะปล่อยคุณให้ไปออเซาะกับไอ้มือระนาดนั่นได้ง่ายๆ แล้วคิดเหรอว่าคืนนี้ผมจะปล่อยให้คุณก้าวออกจากห้องนี้ได้ง่ายๆ โดยที่ผมไม่ได้ทำหน้าที่ผัวให้สมบูรณ์ก่อน มานี่!!! อยากหย่านักใช่มั้ย” ร่างสูงเพรียวปลิวไปหาเตียงด้วยแรงเหวี่ยงของเขาจนชุดนอนเปิดไปถึงไหนๆ มือบางต้องรีบดึงชายชุดลงและพยายามจะพาตัวเองหนีให้รอดพ้นเขา แต่มีหรือที่คนโกรธจัดจะยอมให้ทำอย่างนั้นได้ง่ายๆ “จะไปไหน!!! คืนนี้คุณต้องเป็นเมียผมสักที หลังจากที่ผมปล่อยให้คุณไปอ่อยใครต่อใครๆ หรืออาจจะไปเอากับใครๆ มาหลายเดือนแล้ว หรืออาจจะนานหลายปีแล้วก็ได้ใครจะไปรู้” “อย่านะ!!! ออกไป!!! อื้มมมมมมม” สองแขนเล็กเรียวถูกตึงไว้กับที่นอนเมื่อร่างสูงกระโดดไปขึ้นคร่อมไว้ ใบหน้าสวยก็สบัดหลบใบหน้าคมที่ก้มลงไปหาอย่างเร่งรีบ “อย่า....” ปากบางก็ร้องห้าม ขาขาวเรียวก็ถีบไปทั่ว แต่ก็ไม่อาจจะทัดทานแรงมหาศาลของอีกคนได้ “ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยคุณไว้อีกแล้ว ต่อให้ผมเกลียดและขยะแขยงลูกเมียน้อยอย่างคุณมากแค่ไหน ผมก็จะไม่มีทางเก็บคุณไว้จนถึงวันที่เราจะหย่ากันโดยไม่คิดจะทำอะไรแน่ และคนที่จะเอ่ยปากเรื่องหย่าได้จะต้องเป็นผมเท่านั้นไม่ใช่คุณ จำเอาไว้” ริมฝีปากที่กำลังเผยอขึ้นไปต่อว่าเขาถูกอีกปากบดเบียดลงไปหา แม้ใบหน้าจะสบัดซ้ายขวาสักแค่ไหน แต่เขาก็ช้อนมือขวาลงไปใต้ท้ายทอยแล้วล็อกไว้เพื่อให้ได้ก้มไปครอบครองสะดวกขึ้น อีกมือมือก็ออกแรงกดสองแขนลงบนที่นอนอีก เมื่อรับรู้ว่ากำลังจะยกขึ้นมาขัดขืน ช่วงขายาวและหนักอึ้งก็ยกไปทับสองขาที่ถีบที่นอนไปมาจนไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหนได้อีก นานหลายนาทีกว่าเขาจะสยบคนอยู่เบื้องล่างให้สงบลงด้วยแรงจุมพิต จนมั่นใจว่าแขนเรียวจะไม่ยกขึ้นมาฟาดฟันเขาอีก ถึงได้ปล่อยให้เป็นอิสระแล้วเลื่อนมาหาอกตั้งตรงแล้วบีบเค้นอย่างหนักหน่วง ปลายนิ้วชำนาญการสบัดหยอกเย้าไปมาตรงปลายยอดเพื่อหมายให้อีกฝ่ายยินยอมพร้อมใจไปกับบทรักที่กำลังจะเริ่มต้น มือบางที่ว่างเว้นจากการรัดตรึงรีบยกขึ้นมาปัดป้อง แม้จะหวั่นไหวกับการกระทำของเขาสักแค่ไหนก็ตาม แต่เขาไม่สนใจจะหยุดยั้ง แถมยังยกขึ้นไปดึงสายเดี่ยวออกจากไหล่ลากไล่ลงไปจนเลยอกสวย แล้วถลกบราผ้าเนื้อนุ่มขึ้นทันที ตามด้วยบีบขยี้ตรงปลายให้ตื่นตระหนกอย่างรวดเร็วปากก็ยังคงลิ้มลองของหวานบนเรียวปากไม่ยอมห่าง “อย่าค่ะคุณหนึ่ง ปล่อยฉันนะ” ปากบางได้อิสระเมื่อเขาละลงมาหาอกอิ่ม “ไม่มีทาง คุณต้องทำหน้าที่เมียให้ผมสักที หลังจากที่คนอื่นทำงานแทนคุณมานานแล้ว” นั่นคือคำยืนยันของเขา ก่อนจะก้มลงไปลิ้มลองยอดอกนุ่ม แล้วสอดมือไปใต้แผ่นหลังนุ่มปลดตะขอบราดึงออกจากร่างอรชร ก่อนจะดึงชุดนอนหวานแว๋วลงไปกรอม์อยู่ปลายเท้า ลูบไล้เรียวขานุ่มขึ้นมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงแพนตี้สีหวานที่ปกปิดสิ่งหวงแหนเอาไว้ เขาวนฝ่ามืออุ่นไปมาก่อนจะหยอกเย้ากลีกกุหลาบจนเจ้าของสะดุ้งสุดตัวเมื่อก้อนความสุขแล่นเข้าไปเล่นงานอย่างไม่เคยมีมาก่อน เรื่องที่คุณน่าจะสนใจ ----------------------------------
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
เพื่อเอาชนะและเพื่อทวงคืนให้ตัวเองและครอบครัว เขาขอมแลกทุกอย่างแม้กระทั่งหัวใจและความรัก เพื่อให้ได้ความรัก เพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว เพื่อบ้านเกิด เธอยอมแลกด้วยทุกอย่าง แม้กระทั่งร่างกาย --------------------------------- คฑาธร ไวทยาพาณิชย์ นักธุรกิจหนุ่ม ผู้สร้างตัวเองด้วยมันสมอง สองมือกับหนึ่งหัวใจ เขามีอัตตาของความไม่ยอมแพ้ใคร โดยเฉพาะสตรีเพศ และเมื่อก็ตามที่ผู้หญิงคนไหนมาลบอัตตาเขาลง เขาก็จะเอาคืนให้สาสม ผสมกับความแค้นครอบครัวเข้าด้วยกันแล้ว เขาคือชายที่อันตรายสุดขีด “ผมบอกว่าผมจะไม่ทำ แต่ไม่ได้หมายความว่า คนในบริษัทผมจะทำไม่ได้นี่ แล้วผมพูดหรือทำอะไรผิดไม่ทราบ” “ทำไมผมจะต้องจ่ายด้วย ในเมื่อผมไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าคุณอยากไปก็เชิญตามสบาย แต่ก่อนไป ช่วยคิดให้ดีๆ หน่อยนะ ว่ากำลังเล่นกับใครอยู่ ช่วยคิดถึงตัวเองและคนรอบข้างให้มากๆ” “ผมแค่อยากบอกว่า ถ้าคุณก้าวออกจากชีวิตผมไปเมื่อไหร่ คุณก็จะเหมือนคนไม่เหลืออะไรทันที แม้แต่คนในครอบครัวของคุณ ค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่ารักษา ค่าเลี้ยงดูที่ผมจ่ายให้จะถูกยกเลิก และถ้าคุณเห็นว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนมากพอล่ะก็ คุณคงจะคิดผิด เพราะผมสามารถทำให้พ่อค้าทุกคน เมินผลไม้ในสวนคุณได้อย่างสบาย น้องๆ ของคุณที่เรียนอยู่ ผมก็สามารถทำให้มีปัญหาการเรียน หรือแม้แต่ด้านความประพฤได้ไม่ยาก เพื่อนบ้านร้านตลาดที่เป็นพวกพ้องพ่อของคุณ ผมก็ทำให้คนพวกนั้นเกลียดพ่อคุณ เกลียดคุณและคนในบ้านคุณได้สบายมาก ทีนี้คุณยังอยากจะไปจากผมอีกหรือเปล่า” --------- พิมพ์ภิษา วัฒนากรณ์ หญิงสาวผู้โหยหาความรักและอ้อมกอดของพ่อผู้ให้กำเนิด เมื่อพ่อไม่เคยหยิบยื่นให้ เธอจึงยอมใช้ร่างกายเข้าแลก เพื่อตัวเอง เพื่อพ่อ เพื่อครอบครัว และเพื่อเพื่อนร่วมสังคมเล็กๆ ที่คุ้นเคย แต่สุดท้าย เธอก็พบว่า สิ่งที่ได้มาคือความว่างเปล่า “คุณทำแบบนี้ทำไม คุณหลอกฉันทำไม แล้วคุณสัญญากับฉันทำไม ในเมื่อคุณไม่เคยคิดจะรักษาสัญญาอยู่แล้ว” “รักเหรอ! ไม่มีทางที่ฉันจะรักคนใจร้ายอย่างคุณได้ มีเพียงความรู้สึกเดียวที่ฉันจะให้ได้ นั่นก็คือ ความเกลียด...” “ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อฉันไม่เคยรู้สึกอย่างที่คุณว่าเลยสักนิดเดียว ช่วยกรุณาฟังชัดๆ อีกครั้ง ว่าฉันไม่มีวันจะรักคุณ ในใจของฉันมีแต่ความเกลียดเท่านั้น ฉันเกลียดคุณตั้งแต่แรกเห็น กระทั่งเดี๋ยวนี้ ความรู้สึกฉันไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย ตรงกันข้าม ฉันกลับเกลียดคุณมากกว่าเดิมอีกร้อยเท่าพันเท่า ได้ยินมั้ยว่าฉันกละ...” --------- อดีต ไพรัช กองทอง หนุ่มผู้ด้อยเงินแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยรัก ปัจจุบัน ไพทัช ไวทยาพาณิชย์ ผู้มากด้วยเงินแต่ไร้รัก --------- ขจร วัฒนากรณ์ อดีตคือหนุ่มมากด้วยเงินแต่ไร้รัก ปัจจุบันคือผู้ไร้เงินและไร้รัก --------- ศุภิษา วัฒนากรณ์ อดีตคือหญิงสาวผู้เป็นต้นเหตุแห่งโศกนาฏกรรมรัก ปัจจุบันคือผู้หล่อหลอมสองดวงใจให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยรัก ---------------------------------
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
[แนวลูกเด็กน่ารัก+สาวเก่ง+แก้แค้น]ฉวี่ชิงเกอแต่งงานกับฟู่หนานจิ่นมาเป็นเวลา 5 ปี เธอใช้ชีวิตเหมือนแม่บ้าน เธอคิดว่าตัวเองท้องแล้วจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาดีขึ้น แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้มาคือ ข้อตกลงการหย่า เมื่อคลอดลูก ฉวี่ชิงเกอแทบจะไม่รอดเพราะมีคนทำร้าย เธอถึงรู้สํานึก ห้าปีต่อมา เธอกลายเป็น"ท่านประธานฉวี่"แล้วกลับมาแก้แค้น คนที่เคยรังแกเธอต่างก็ได้รับการสั่งสอนอย่างสะหัส และความจริงที่ถูกปิดบังไว้ก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมาก อดีตสามีคิดจะขอคืนดีกับเธอเหรอ คิดง่ายไปหน่อยไหม? ฟู่หนานจิ่นอ้อนวอน"ที่รัก ลูกต้องการหม่ามี๊ ขอแต่งงานใหม่ได้ไหม?"
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"