มีหลายคนพร่ำบอกผมเสมอว่าอย่ายุ่งกับคนที่มีเจ้าของแล้ว แต่...แล้วไงใครแคร์ เธอเป็นแฟนของผู้ชายคนนั้น และเธอก็เป็นเมียผมเหมือนกัน ใครกินก่อนคนนั้นก็ต้องได้ ........................................................................ มันมีหลายเหตุผลที่ทำให้ เราสามคนได้พานมาพบเจอกัน ไม่รู้ว่าสิ่งนี้เรียกว่าพรมลิขิตหรือเวรกรรมกันแน่ อีกคนรูปหล่อและเพียบพร้อมดั่งเทพบุตร ส่วนอีกคนช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่ว่าเขาหน้าตาไม่ดีหรืออะไร แต่เขาน่ะ...ทั้งหล่อ ทั้งโหดและโคตรเถื่อน นิสัยแบบนี้เกินที่ฉันจะรับไหวจริงๆ "เลือกเอาว่าจะมีผัว หรือกินลูกตะกั่ว ยอมไม่ยอมไหนตอบให้ชื่นใจ" "ขอกินลูกตะกั่วดีกว่า ท่าทางจะอร่อยกว่านายเยอะเลย" อุ๊ย! โทษที พอดีปากมันพล่อย
คุณเคยมีความฝันหรือเปล่า?
ฝันว่าอยากมีอนาคตที่สบาย หรือฝันที่อยากจะอยู่กับคนที่คุณรักไปนานๆ
แน่นอนว่าทุกคนล้วนมีความฝันเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งก็เหมือนกับผู้หญิงที่ชื่อ ‘เนโกะ’ คนนี้
เธอฝันที่อยากจะเรียนต่อสูงๆ และมีอนาคตที่ก้าวไกล แต่แล้ว...ความฝันของเธอทั้งหมดก็ต้องพังลงด้วยน้ำมือของผู้ชายคนนั้นที่ชื่อว่า ‘วายุ’
“ถอดเสื้อผ้าออกซะ!”
ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงที่ดังลั่น สีหน้าและแววตาของเขาเหมือนเสือร้ายที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อได้ทุกเมื่อ
“ฮึก...ไม่ค่ะ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ พ่อฉันติดหนี้พวกคุณเท่าไหร่เดี๋ยวฉันชดใช้ให้เอง”
เธอก็ได้แต่ร้องห่มร้องไห้ออกมาปานจะขาดใจ หยดน้ำตามากมายไหลพรากอาบแก้มเนียนไม่ขาดสาย แต่ผู้ชายตรงหน้ากลับไม่คิดจะสงสารหรือเห็นใจผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอเลยสักนิด
“ก็ชดใช้ด้วยร่างกายของเธอไง ไม่เห็นต้องทำเรื่องง่ายๆ ให้เป็นเรื่องยาก”
เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ งั้นเหรอ? นี่น่ะมันคือเรื่องยากที่สุดในชีวิตของเธอแล้วล่ะ เธอจะไม่รู้สึกเสียใจและเจ็บปวดขนาดนี้ ถ้าหากว่าเธอ...ไม่มีคนรักของตัวเองอยู่ก่อนแล้ว
ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะยอมมีอะไรกับคนอื่นทั้งที่ไม่ใช่คนรักของตัวเองจริงไหม?
ทำไมเธอต้องมาชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ และทำไมบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าพ่อต้องส่งเธอมา ‘ขาย’ ให้กับพวกมาเฟียจิตใจโหดร้ายแบบนี้…
ฉันชื่อ ‘เนโกะ’ เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ตอนนี้ฉันเรียนจบปริญญาตรีแล้ว และกำลังคิดว่าจะไปต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ แต่ทว่าช่วงนี้พ่อของฉันเหมือนจะมีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ฉันก็เลยไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเองหลังจากนี้มันจะดำเนินไปในทางไหนกันแน่
ในขณะเดียวกันเพื่อนๆ ในกลุ่มฉันกลับได้เดินตามความฝันของตัวเองได้อย่างไม่ติดขัด
ฉันว่าจะลองสอบทุนเรียนต่อต่างประเทศดู แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเท่าไหร่ว่าจะทำได้หรือเปล่า เพราะฉันก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น
แต่ก็ยังโชคดีล่ะนะที่ฉันสามารถพูดได้สามภาษา ทั้งไทย ญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษ แบบนี้มันก็พอที่จะทำให้ฉันก้าวหน้าได้เหมือนกัน
“เธอจะเรียนต่อโทที่ไหนเหรอเนโกะ”
‘ขวัญ’ เพื่อนสนิทของฉันเอ่ยถามขึ้นมา ก่อนหน้านี้พวกเพื่อนๆ ของฉันกำลังคุยเรื่องเรียนต่อกันอย่างออกรสชาติ แต่ฉันกลับต้องนั่งฟังเงียบๆ โดยไม่รู้ว่าควรจะแสดงความคิดเห็นยังไง
“ฉันยังไม่รู้เลย พอดีช่วงนี้พ่อมีปัญหานิดหน่อย”
หลังจากที่แม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อนอะไรมันก็ดูย้ำแย่ไปหมด
พ่อของฉันเสียใจจนไม่เป็นผู้เป็นคนไปหลายวัน และต่อจากนั้นนิสัยของพ่อก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ถ้าเปลี่ยนไปในทางที่ดีฉันจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่พ่อเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง
จากคนที่พูดจาดี และอ่อนโยน กลับกลายเป็นคนโมโหร้ายยิ่งกว่าอะไร บางทีเราก็ถึงขั้นทะเลาะกันรุนแรง ซึ่งฉันเองก็งงแทบทุกครั้งว่าตัวเองทำอะไรผิดนักหนา
“เก่งๆ อย่างเธอเดี๋ยวก็มีโอกาสเข้ามาหาเองแหละน่า อย่าพึ่งเครียดไปเลย” ‘ข้าว’ ที่เป็นเพื่อนสนิท และยังเป็นฝาแฝดกับขวัญพูดปลอบใจฉัน พร้อมกับเอื้อมมือมาตบที่ไหล่เบาๆ
“ตั้งแต่แม่ฉันเสียไปฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีอะไรขนาดนั้นนะ โอกาสที่เข้ามามันน่าจะเป็นโอกาสแย่ๆ มากกว่า”
ฉันไม่รู้ว่าคิดยังไงถึงพูดออกไปแบบนั้น ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงที่แสดงออกไปมันแอบแฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยและหม่นหมอง
โชคชะตาคงไม่เมตตาฉันอีกต่อไปแล้วล่ะ...
“คุยอะไรกันอยู่ครับสาวๆ”
เสียงทุ้มคุ้นหูดังแทรกขึ้นมาแต่ไกล แค่ได้เห็นหน้าเจ้าของเสียงบรรยากาศที่เคยหม่นเมื่อสักครู่ก็กลับมามีสีสันสดใสอีกครั้ง
ผู้ชายคนนี้ชื่อ ‘เต้’ เขาเป็นแฟนของฉันเอง เราคบหากันมาเกือบจะห้าปีแล้ว ความรักของเราไม่เคยจืดจาง และเขาก็เป็นคนเดียวที่อยู่เคียงข้างฉันตลอดมาในยามที่ฉันรู้สึกหมดกำลังใจ
ดูๆ แล้วความสัมพันธ์ของเรามันเหมือนจะดีใช่ไหมล่ะ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพราะครอบครัวของเขาไม่ค่อยชอบฉันเท่าไหร่
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่อาจรู้ได้ว่าในอนาคตเรื่องระหว่างเรามันจะเป็นเช่นไร
ฉันเห็นมานักต่อนักแล้วที่หลายคู่มักจะเลิกลากันเพราะปัญหานี้ แต่ก็ช่างมันเถอะ บางทีเราสองคนคงไม่จบกันด้วยปัญหานี้หรอก อุตส่าห์คบกันมาได้นานขนาดนี้แล้วหนิเนอะ
จริงๆ แล้วเต้เป็นผู้ชายที่ดีมาก ตลอดเวลาที่คบหากันเขาทั้งสุภาพบุรุษและให้เกียรติฉัน ไม่เคยล่วงเกินอะไรฉันเลย ทำได้มากสุดก็แค่จับมือกับหอมแก้ม
ซึ่งฉันก็พอใจที่เขาเป็นแบบนี้ มันทำให้ฉันรู้ว่าเขาเห็นคุณค่าของความรักมากกว่าร่างกาย
มาคิดๆ ดูแล้วฉันคงหาผู้ชายที่เพอร์เฟ็กต์และเพียบพร้อมเหมือนอย่างเขาไม่ได้อีกแล้วล่ะ
“คุยกันเรื่องทั่วๆ ไปน่ะค่ะ แล้วนี่เต้ไปทำธุระให้แม่เสร็จแล้วเหรอ”
ฉันขยับที่เพื่อให้เต้นั่งลงข้างๆ ใบหน้าหล่อเกลี้ยงเกลาส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ก่อนจะนั่งลง
“เสร็จแล้วครับ”
“ไหนๆ เต้ก็มาแล้วงั้นฉันกับข้าวขอตัวก่อนนะ เหม็นกลิ่นความรัก”
ขวัญพูดแซวยิ้มๆ มือบางเอื้อมไปคว้าข้อมือข้าวฝาแฝดของเธอ แล้วพากันเก็บของชิ่งหนีไปโดยที่ฉันปริปากพูดอะไรแทบไม่ทัน
“เพื่อนหนีไปแล้ว งั้นเราไปหาอะไรทานกันมั้ยเนโกะ”
“ค่ะ” ฉันรีบพยักหน้าตอบรับพร้อมรอยยิ้มหวาน นานๆ ทีเราสองคนถึงจะมีเวลาไปไหนด้วยกัน เพราะเต้ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ เนื่องจากเขาต้องไปคอยคุยเรื่องธุรกิจให้กับครอบครัว
เต้เป็นลูกครึ่งไทย-จีน ธุรกิจทางบ้านของเขาเลยมีทั้งสาขาไทยและจีน ด้วยเหตุนี้เต้เลยมักจะบินไปที่จีนบ่อยๆ เขาไม่ค่อยมีเวลาว่างให้ฉันมากนัก ซึ่งฉันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร เพราะเข้าใจเขาดีว่าเขาเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน จึงไม่แปลกที่เขาจะต้องสานต่อธุรกิจของครอบครัว และไม่แปลกที่พ่อกับแม่ของเขาจะหวงเขามากขนาดนี้
และฉันก็เชื่อว่าอีกไม่นานต้องมีการหาแฟนให้กันแน่ๆ
เต้พาฉันเดินไปขึ้นรถยนต์ของเขาที่จอดอยู่ ก่อนจะเปิดประตูเพื่อให้ฉันเข้าไปนั่ง
วันแรกเขาสุภาพกับฉันแบบไหนวันนี้เขาก็ยังคงสุภาพไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน เต้ก็ยังคงทำตัวเสมอต้นเสมอปลายกับฉัน
แล้วแบบนี้จะให้ฉันปล่อยผู้ชายดีๆ อย่างนี้ไปได้ยังไงล่ะ...
“ธุรกิจที่บ้านเป็นยังไงบ้างคะ ช่วงนี้เราเห็นเต้ไปคุยธุระให้แม่บ่อยมากเลย เหนื่อยหรือเปล่า”
ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย ขณะที่เต้ก็กำลังสตาร์ทรถเพื่อขับเคลื่อนออกไปบนท้องถนน
“นิดหน่อยครับ แต่พอได้ยินเนโกะถาม เต้ก็หายเหนื่อยแล้ว”
รอยยิ้มเล็กๆ กระตุกขึ้นที่มุมปากหนา ซึ่งก็ไม่ต่างกับฉันที่กำลังนั่งอมยิ้มเขินอายเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว
“แล้วนี่เต้ต้องบินไปดูสาขาที่จีนบ้างหรือเปล่าคะ”
“อืม...เต้ลืมบอกไปเลย”
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดูผ่อนคลายสบายๆ ในตอนแรกแปรเปลี่ยนมาเคร่งเครียดในฉับพลัน จนฉันต้องหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา
“อะไรคะ?” คิ้วของฉันเลิกขึ้นสูง ท่าทีแบบนี้ของเต้ทำให้ฉันรู้ล่วงหน้าได้เลยว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดี
“เต้ต้องไปดูแลสาขาที่จีนเป็นเวลาหนึ่งปีน่ะ พอดีจะมีคนมาร่วมหุ้นด้วย พ่อกับแม่ก็เลยอยากให้เต้เข้าไปดูแลแบบใกล้ชิด”
“พ่อกับแม่ทำถูกแล้วล่ะค่ะ เต้เข้าไปดูแลเองน่ะดีแล้วธุรกิจจะได้รุ่งเรืองขึ้น และไม่มีอุปสรรค์อะไร”
เต้เป็นคนเก่งและฉลาด หัวของเขามีพรสวรรค์ในด้านบริหารงาน ฉันว่ายังไงถ้าได้เขาเข้าไปดูแลทุกอย่างเองมันก็ย่อมส่งผลดี
“เนโกะเข้าใจเต้ใช่มั้ยครับ เต้ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้”
ยามใดที่ได้กลิ่นหอมของเธอ นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... ทั้งชีวิตที่เกิดมา ไม่เคยมีใครแสดงท่าทีรังเกียจฉันได้มากเท่าเขาอีกแล้ว… “คุณมีปัญหาอะไรกับฉันหรือเปล่าคะคุณแซ้งค์” “ใครจะกล้ามีปัญหากับลูกสาวเจ้าพ่ออย่างคุณเอวาได้ล่ะครับ” “ก็คุณไงคะ” .......................................................................................... ฉันต้องรู้สึกยังไงที่จู่ ๆ ก็มีคนบางคนชอบแสดงท่าทีเหมือนรังเกียจ ทุกครั้งที่พยายามเข้าใกล้ เขาก็จะถอยห่าง มองจากดาวอังคารยังรู้ ว่า ‘คุณแซ้งค์’ กำลังไม่ชอบขี้หน้าฉันอย่างแรง แต่บอกไว้ก่อน เราไม่เคยมีเรื่องกัน แล้วทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ไปได้ “บอกเหตุผลมาหน่อยได้มั้ยคะ ว่าทำไมถึงทำเหมือนไม่ชอบฉันนัก” “ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ผมแค่ไม่อยากอยู่ใกล้คุณ” “แล้วมันทำไม?” “ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง” หลังจากได้รับคำตอบ ฉันก็ไม่เคยเข้าใจในความหมายนั้น กระทั่งคืนหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น ซึ่งนี่แหละคือจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเราไปตลอดกาล...
ยามใดที่ร่างกายสัมผัสถูกเกสรดอกไม้ นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... เพราะความเมามายเป็นเหตุ จึงทำให้ฉันต้องอยู่บนเตียงกับเขาตลอดทั้งค่ำคืนนั้น คิดว่าจะจบ ทว่าเราสองคนกลับหวนมาเจอกันอีกครั้งในวันหนึ่ง “คุณท้องกับผมเหรอ?” “คุณคิดว่าเครื่องตัวเองฟิตสตาร์ทติดง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” .......................................................................................... ชีวิตของฉันซวยมากเลยค่ะคุณกิตติคะ ด้วยความที่เพื่อนงอนกับแฟนก็เลยอยู่ช่วยปลอบใจ พร้อมคอยปรามไม่ให้เพื่อนดื่มแอลกอฮอล์จนเมามายไร้สติ แต่จู่ๆ ก็มีนังตัวดีที่ไหนไม่รู้ส่งคลิปคนรักของฉันซึ่งกำลังนัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นมาให้ดู ไป ๆ มา ๆ จึงกลับกลายเป็นว่าเพื่อนต้องปลอบใจฉันแทน อาการเจ็บช้ำหัวใจที่จู่โจมเข้ามากะทันหันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ส่งผลให้ฉันกระดกเหล้าเข้าปากรัว ๆ แบบไม่หยุดยั้ง ยังค่ะ...เรื่องยังไม่จบที่ตรงนั้น แฟนเพื่อนตามมารับเพื่อนกลับบ้าน แต่ก็ยังมีน้ำใจพาฉันขึ้นไปห้องพัก ทว่า...ห้องนั้นดันไม่ใช่ห้องของฉันนี่สิ "คุณเป็นใคร เข้ามาในห้องของผมได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้!" ท่าทางของผู้ชายตรงหน้าที่กำลังเอ่ยปากไล่ฉันดูแปลกตา คล้ายกับกำลังระงับอารมณ์บางอย่าง กระนั้นระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายก็ทำให้ฉันไม่อยากสนใจอะไรนอกเสียจากล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง "อะไร? จะแปลงร่างเหรอ? ไปเล่นที่อื่นไปหนู พี่จะนอน" ความเมาเป็นเหตุสังเกตได้ ตื่นขึ้นมานั่นแหละถึงได้รู้ ว่าตนเองถูก 'คนแปลกหน้า' พรากความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว...
ยามใดที่ดวงอาทิตย์ตกดิน นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... ค่ำคืนนั้นเขาช่างเร่าร้อน ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราล้วนไม่ใช่เพราะความรัก... "ขึ้นชื่อว่าคนดูแลชั่วคราว เธอก็จะได้อยู่แค่ในสถานะนั้น อย่าใฝ่สูง" .......................................................................................... ฉันได้รับหน้าที่ให้ดูแล 'ผู้ชายคนหนึ่ง' ทว่าของแถมที่พ่วงติดมาด้วยนั้นคือเรื่องราวน่า 'ประหลาด' ซึ่งเป็นเหตุทำให้ชีวิตของฉันต้องพลิกผันไปตลอดกาล "คุณซานเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" การเห็นเจ้านายแสดงท่าทีราวกับทุกข์ทรมานอยู่ตรงหน้า จึงไม่นิ่งนอนใจที่จะเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมขยับก้าวเข้าไปเพื่อช่วยพยุง "ออกไป!" ทว่าร่างสูงตรงหน้ากลับตะคอกใส่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หนำซ้ำยังสะบัดตัวฉันออกจนเซถลาเกือบล้มลงกระแทกพื้น "ออกไปจากห้องฉัน...เดี๋ยวนี้!!" หากย้อนเวลากลับไปได้ คืนนั้นฉันจะเชื่อฟัง และยอมเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี...
ผมไม่เคยคิดว่าการที่ไว้หนวดไว้เครา และทำตัวเซอร์ๆ จะทำให้ใครบางคนต้องร้องไห้เพียงเพราะแค่เห็นหน้า "ฮือ...แม่จ๋าหนูกลัวโจร" เด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ในวันนั้น คือคนที่ผมต้องสยบจวบจนถึงทุกวันนี้... ........................................................................ ฉันไม่รู้ว่าเริ่มชอบเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าพอได้ชอบฉันก็ไม่สามารถห้ามความรู้สึกของตัวเองได้อีกเลย... วินาทีแรกที่เจอกัน 'เขา' ทำให้ฉันรู้สึกกลัว แต่พอนานวันเข้า เขากลับเป็นคนที่สอนให้ฉันรู้จักคำว่า 'ความรัก' "ถ้าโตขึ้นแล้วมีผู้ชายมาชอบหนู แด๊ดดี้จะทำยังไงคะ?" "ฆ่ามัน" ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ พอโตมาถึงได้รู้ ว่าฉันจะต้องเป็นของแด๊ดคนเดียวตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...
"มาโรงพยาบาลวันนี้ป่วยเป็นอะไรอีกล่ะคะ" "พอดีกินข้าวไม่ค่อยได้น่ะครับ" "หืม? มีอาการอาเจียนด้วยหรือเปล่าคะ หรือว่ายังไง" "เปล่าครับ แค่ไม่มีตังค์" "..." "ถ้าคุณพยาบาลไม่รังเกียจ ผมขอฝากท้องไว้สักมื้อนะครับ" "คุณท้องเหรอคะ?" ........................................................................ "ถ้านายทำร้ายฉัน ฉันจะโทรไปฟ้องพี่" ฉันรู้ว่าคำขู่ของตัวเองมันอาจจะไม่ได้ผล เพราะเขาเป็นผู้ชายที่หน้าด้านหน้าทนยิ่งกว่าปูนซีเมนต์ หมายถึงทนมือทนตีนน่ะนะ "ฟ้องมากๆ ระวังโดนตบด้วยปากและกระชากด้วยลิ้นนะ" นอกจากจะเป็นผู้ชายที่กวนตีนแล้ว ความหื่นของเขาก็มีมากเช่นกัน หมดเรี่ยวแรงไปเท่าไหร่แล้วกับผู้ชายพันธ์นี้...โปรดอยู่ให้ห่างแล้วชีวิตจะปลอดภัย
เคยได้ยินคำว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้หรือเปล่า? และฉันก็ไม่ชอบให้ใครมาหากินในที่ของฉัน แต่ 'มัน' เสือกทำ "ไม่ใช่เด็กถิ่นเช็คอินได้เปล่า" ด้วยความที่โชคชะตามันโหดร้าย จึงทำให้เราสองคน 'ได้' กัน ........................................................................ สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือความเจ้าชู้ แต่แล้ววันหนึ่งฉันกลับกลายทำตัวเป็นแบบนั้นซะเอง เหตุการณ์ที่พบเจอมันบีบบังคับให้ฉันต้องร้าย ต้องแรง และ...อยู่ให้เป็น "นี่ไม่ใช่ที่วิ่งเล่นของเด็ก กลับบ้านไปดูดนมนอนไป๊!" วาจาที่พ่นออกมาจากริมฝีปากหนาเป็นอะไรที่ฉันรังเกียจพอๆ กับการเห็นหน้า 'คนพูด' "ก่อนไป ขอเตะปากทีดิ" เท้าของฉันมันกำลังกระตุก เมื่อหูได้ยินอะไรที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ เขาว่ากันว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เห็นทีว่ามันจะจริง...
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
หลิวชิวเยว่จบชีวิตจากชาติภพปัจจุบัน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างของหญิงอ้วน ชื่อเดียวกับตัวเอง อีกทั้งตัวเธออยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวกำลังจะไปแต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นชิงเป่ย จากซีอีโอสาวแสนสวย ผู้ทระนงตนว่า ฉันสวย รวยและเริ่ดในปฐพี ต้องกลายมาเป็นหญิงอ้วน น้ำหนักร่วมสองร้อยจิน (100กิโลกรัม) แถมด้วยฉายา สตรีกาลกิณี ! แล้วข่าวลือที่ว่าแม่ทัพหนุ่มสามีของเธอ เป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ (ชอบผู้ชาย) นั้นเป็นจริงหรือไม่...จำต้องพิสูจน์ให้กระจ่าง! ทว่า... ยามจันทร์เต็มดวง หลิวชิวเยว่กลับค้นพบความลับของสามี เมื่อเขากลายร่างเป็น หมีแพนด้า ! หลิวชิวเยว่จะใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณอย่างไรให้แฮปปี้ เมื่อต้องมีสามีเป็น หมีแพนด้าผู้คลั่งรัก !
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"