แม้รั้วบ้านจะติดกันแต่เธอและเขากลับเป็นคู่อริกันมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่ทว่าพรหมลิขิตกลับทำให้คนทั้งสองบังเอิญมีอะไรกันจนมีพยานรักกำเนิดขึ้นมา ทำให้คนที่ต่างขั้วต้องมาร่วมหอลงโรงกันอย่างจำยอม และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้
งานแต่งที่ใดเป็นได้แค่แขกรับเชิญ นั่นไม่ใช่เสียงเพลงจากที่ไหนหรอกนะคะ เพียงแต่ว่าวันนี้ฉันมางานแต่งจริง ๆ งานแต่งเพื่อนสนิทที่ฉันรักมากที่สุด ซึ่งรู้จักกันเมื่อครั้งสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหนก็ตาม แต่คำว่าเพื่อนยังคงมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่คลาย
สวัสดีค่ะฉันชื่อ ‘ขวัญข้าว ภาณุอินจา’ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ‘ข้าว’ อายุ 24 กะรัต สถานะโสดและไม่เคยมีแฟนมาก่อน ตอนนี้ทำงานเป็นดีไซเนอร์ให้กับเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ตั้งใจจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกสักสองปีถึงจะสร้างแบรนด์ของตัวเอง
ตอนนี้ยัยน้ำกำลังควงแขนเจ้าบ่าวเดินทักทายแขกที่มาร่วมงาน ส่วนฉันก็นั่งจิบไวน์กับอีโบ๊ทเพื่อนรักอีกคน แก๊งสามสวยเรามีสมาชิกสามคน ฉันสวยเปรี้ยว ยัยน้ำสวยหวาน ส่วนคนที่นั่งข้าง ๆ มันสวยแปลก ไม่ได้นินทาเพื่อนแต่อย่างใดเพราะเราต่างก็โอเคกับฉายานี้
โบ๊ทเป็นเพื่อนเกย์สาวที่แซ่บไม่ต่างจากพวกฉัน นางจะเป็นคนตัวอวบ ๆ ช่างพูดช่างเจรจา เวลาไปเที่ยวผับก็ได้มันนี่ล่ะที่คอยเป็นบอดี้การ์ดดูแลสาวสวยอย่างเราสองคน
“อีข้าวแกดูผู้ชายคนนั้นสิหล่อสัด ๆ จนต่อมสาวฉันเริ่มจะแตกแล้วเนี่ย” เมื่อเห็นสีหน้าชวนฝันของเพื่อน ฉันจึงหันไปมองบ้างเพราะปกติแล้วมันเป็นคนตาถึง ถ้าบอกว่าหล่อก็คือหล่อมากจริง ๆ
เชี่ยยย! ไอ้ฟีฟ่ามันมางานนี้ได้ไง
ฉันรีบหันขวับมาเมื่อรู้ว่าเป็นใคร “ก็งั้น ๆ ล่ะไม่เห็นจะหล่อเลย มึงยังหล่อกว่าตั้งเยอะ” ฉันเอ่ยอย่างไม่ยี่หระราวกับไม่เคยรู้จักเขามาก่อน
‘นายฟีฟ่า’ มันเป็นเพื่อนบ้านฉันเองค่ะ ตั้งแต่เด็กจนโตเราทั้งคู่ไม่เคยพูดจาดี ๆ ใส่กันเลยสักครั้ง นั่นเป็นเพราะพ่อของเราทั้งคู่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่จำความได้ ฟีฟ่าเป็นรุ่นพี่ฉันหนึ่งปี ถ้าจะบอกว่าหล่อไหมมันก็หล่อนั่นละค่ะ หุ่นดีรูปร่างกำยำล่ำสันราวกับนายแบบในนิตยสาร แต่สำหรับฉันแล้วมันธรรมดามากกกก!!!
“อีบ้าอย่างฉันเรียกสวย! แกเอาอะไรทำตายะ ถ้าอย่างนี้ไม่หล่อผู้ชายบนโลกแม่งคงจะขี้เหร่แล้ว” โบ๊ทหันมาถลึงตาใส่ฉันราวกับกำลังโมโหที่ไปว่าผู้ชายมันไม่หล่อ นี่ล่ะค่ะสันดานเพื่อนรักฉันเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนทุกครั้ง
“ก็มันจริงนี่นาไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหนเลย” ฉันเบะปากทำเป็นไม่สนใจ จากนั้นหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบแก้เซ็ง
วันนี้ดื่มได้เต็มที่เพราะยัยน้ำเปิดห้องไว้ให้พวกเราแล้ว เพราะรู้ว่าวันนี้จะต้องมีคนเมาจนขับรถกลับบ้านไม่ไหว
“ว่าไงยะเมากันหรือยัง”
นั่งดื่มได้สักพักยัยน้ำก็ควงเจ้าบ่าวเดินตรงมาหาพวกเรา วันนี้มันสวยเป็นพิเศษ สวยกว่าใคร ๆ ในงานเลยล่ะ นั่นเป็นเพราะฝีมือฉันเองค่ะ นอกจากจะเป็นดีไซเนอร์มือทองแล้วฉันยังแต่งหน้าเก่งเป็นที่หนึ่งอีกด้วย
“ยังเลยรอแกอยู่นี่ล่ะ” ฉันตอบ
“งั้นรอสักครู่นะ ฉันกับพี่ต๋องขอเดินไปหาแขกฝั่งโน้นก่อน เหลือเพียงไม่กี่โต๊ะแล้วล่ะ”
“ได้เลยจ้าฉันกับอีข้าวนั่งดื่มจนจะหมดขวดแล้วเนี่ย อ้อ! พี่ต๋องคะนั่นเพื่อนพี่หรือเปล่าชวนมานั่งโต๊ะนี้ด้วยกันสิ” เอาแล้วไงอีโบ๊ท หางานให้กูอีกแล้ว ฉันกับฟีฟ่าเคยนั่งร่วมโต๊ะกันซะที่ไหนล่ะ
“ใช่ครับเพื่อนพี่เอง งั้นรอแปบนะเดี๋ยวพี่ไปลากคอมันมาก่อน จะได้ทำความรู้จักกันด้วย”
“อุ๊ย! ขอบคุณค่ะ” อีโบ๊ทยกมือไหว้งาม ๆ ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้พี่ต๋อง
เมื่อพี่ต๋องเดินไปแล้วฉันกับน้ำก็มองอีโบ๊ทเป็นตาเดียวกัน เรารู้ว่ามันต้องการอะไร
“อีบ้าทำไมต้องชวนเขามาด้วย นั่งกับเพื่อนจะตายหรือไงยะ” ฉันว่าให้
“คนเยอะแยะสนุกดีออกแก คนกันเองทั้งนั้นใช่ไหมน้ำ”
“ย่ะ! เห็นผู้ชายหล่อเป็นไม่ได้เลยนะ”
“ก็นิดนึง ว่าแต่ทำไมฉันไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้ของพี่ต๋องเลยยะ หล่อโฮกกก”
“จำเป็นที่แกต้องรู้ทั้งหมดเลยเหรอยะ คนนี้เพื่อนซี้พี่ต๋อง แต่บ้างานเลยไม่ค่อยได้เจอกัน ขนาดฉันเองยังเจอแทบนับครั้งได้” น้ำว่า
แต่สำหรับฉันเห็นหน้าไอ้บ้านี่จนเบื่อ...ชิส์!!!
“มาแล้วครับสาว ๆ” เสียงพี่ต๋องดังแทรกเข้าวงสนทนา ได้ยินอย่างนั้นฉันก็รู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก จะทำหน้ายังไงเวลาเจอหน้าเขานะ ไม่อยากให้ใครรู้ด้วยซ้ำว่าบ้านเราอยู่ติดกัน
“อุ๊ย! สวัสดีค่ะสุดหล่อ หนูชื่อโบ๊ทเป็นเพื่อนน้ำค่ะ” โบ๊ทไม่รอให้เสียเวลารีบแนะนำตัวเองก่อน ส่วนฉันก็เอาแต่นั่งก้มหน้า
“สวัสดีครับคนสวยผมฟีฟ่าครับ เป็นเพื่อนไอ้ต๋อง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“ยินดีที่สุดค่ะ” ฉันเห็นโบ๊ทยื่นมือไปจับมือเขา แต่ทว่าฉันยังไม่ยอมเงยหน้า
แต่เอ๊ะ! ทำไมฉันจะต้องทำเป็นเหมือนกลัวเขาด้วยล่ะ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด ก็แค่ไอ้เพื่อนบ้านนิสัยเสียเท่านั้นเอง
“อ้าว! น้องข้าวนี่เองนึกว่าใครหึ ๆ” เงยหน้าขึ้นยังไม่ถึงสามวินาทีเขาก็เอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงน่าหมั่นไส้ซะแล้ว
น้องพ่อมึงดิ!!
ทุกคนมองมาที่ฉันด้วยความฉงน โดยเฉพาะโบ๊ทที่อ้าปากค้างเพราะไม่นึกว่าฉันกับเขาจะรู้จักกันมาก่อน
“นะ...นี่แกรู้จักพี่ฟีฟ่ามาก่อนงั้นเหรอ แล้วทำไมเมื่อกี้ทำเหมือนไม่รู้จักยะ”
ชายในฝันของผู้หญิงเกือบทั้งออฟฟิศก็คือ ‘บอสติณณภพ’ เขาทั้งหล่อ รวย และชาติตระกูลดี แต่! คนอย่างเขามีหรือจะสนใจมองพนักงานระดับล่างอย่างฉัน หน้าตาก็งั้นๆ แถมยังแต่งตัวสุดแสนจะเชยอีกต่างหาก ในเมื่อสารรูปไม่สามารถเอาชนะใจเขาได้ ฉะนั้นจึงต้องใช้มารยาหญิงเข้าสู้ ยั่วยวนให้บอสสุดหล่อหลงรัก แต่ทว่าการยั่วรักในครั้งนี้ กลับทำให้ฉันได้รู้จักอีกมุมหนึ่งของผู้ชายคนนี้ ที่ไม่ต่างจากซาตานร้ายตนหนึ่งเลยทีเดียว
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มจนฉันต้องลดหนังสือในมือลงชะเง้อคอมองไปที่ถนน “เสียงท่อรถแบบนี้ ผ่านด่านตรวจมาได้ยังไงวะ?” ความรู้สึกแรกหลังได้ยินเสียงแสบหู ท่อไอเสียที่ถูกตัดแต่งเพิ่มเสียงให้ดังมากขึ้น จนทำให้คนที่ได้ยินเกิดความรำคาญ และฉันเป็นหนึ่งในหลายคนที่เบ้ปากร้องยี๋ แต่ฉันอาจจะอาการหนักกว่าคนอื่นนิดหน่อยก็ได้ เพราะฉันกำลังติดพันกับหนังสือนวนิยายที่เพิ่งได้มา มันเป็นหนังสือนิยายทำมือของนักเขียนท่านหนึ่งแต่ติดเรท ที่ฉันพยายามหลบๆ อ่าน เพราะบางทีสายตาของคนอื่นตอนที่มองปกหนังสือก็ทำให้ฉันหงุดหงิดเล็กๆ ฉันคิดในใจทุกครั้งหากสายตาคนเหล่านั้นพุ่งตรงมาที่หนังสือในมือฉัน ฉันซื้อมาด้วยสตางค์ที่หาได้ ไม่ได้ไปใครขโมยใครมา แล้วทำไมล่ะ ความชอบส่วนตัวของฉันจึงไปขัดตาคนอื่น จบเรื่องนั้นกันก่อนเถอะค่ะ เรามาว่ากันต่อด้วยเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น ไอ้รถบิ้กไบค์คันนั้นดันมาจอดใกล้ๆ แปลที่ฉันนอนซุ่มอ่านหนังสือเล่มโปรดอยู่นี่สิ!!
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา