“จะร้องไห้โศกาอะไรนักหนา?..จะเป็นจะตายอะไรขนาดนั้น..แค่ฉันมีผู้หญิงคนใหม่ที่ดีกว่าเธอ สดกว่าเธอ” อัคราพูดเมื่อรวิษาปิดบานประตูเสื้อผ้า หลังจากที่จัดเสื้อผ้าเข้าตู้เรียบร้อยแล้ว “...........” คำตอบที่เขาได้รับคือความเงียบ รวิษาไม่ตอบคำถามเขาพร้อมกับเบี่ยงตัวหนี เพื่อออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด หากแต่มือหนาจับที่ข้อมือบางไว้แน่น ก่อนที่เธอจะเดินผ่านร่างสูงของเขาไป รวิษาพยายามบิดข้อมือเพื่อให้หลุดพ้นจากแรงบีบกระชับ จนเธอเจ็บระบมที่ข้อมือ “ทำเป็นสะดีดสะดิ้งไปได้..ทำอย่างกับว่าฉันไม่เคยจับต้องตัวเธอ..ลืมไปแล้วหรือว่าฉันทำมากกว่าจับข้อมือของเธออีก” อัคราพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเยาะเย้ย มุมปากของเขายิ้มน้อยๆ เหมือนผู้มีชัย “ปล่อยเถอะค่ะ..คุณไม่กลัวคุณแจนเห็นหรือไง?” “ทำไมต้องกลัว..เพราะตอนนี้มานะกำลังพาแจน ไปเอาของที่เค้าลืมไว้ที่บ้าน..กว่าจะกลับมาก็คงดึก” เขาพูดพร้อมกับกระชากร่างของเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด รวิษาพยายามดิ้นรนหนีจากอ้อมแขนที่รัดร่างเธอเหมือนกับงูที่ยิ่งดิ้นรนหนี ก็ยิ่งเพิ่มแรงรัดมากยิ่งขึ้น “ปล่อย..ปล่อย” “ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าแจนจะมา ฉันว่า..เรามาหาอะไรเล่นสนุกๆ ฆ่าเวลากันดีกว่า” อัคราเหวี่ยงร่างบางลงไปที่เตียงนอนกว้างอย่างแรง ตามด้วยร่างกายหนาที่ทาบทับร่างบาง พร้อมกับ ริมฝีปากที่ฉกจูบเธออย่างจาบจ้วงรุนแรง บังคับให้เธอเผยอปากรับเรียวลิ้นหนาสะอาดอย่างไม่ยากเย็น ปลายลิ้นหนาสอดรัดเรียวลิ้นบางพัวดันดูดดึง และเกี่ยวรัดอย่างเอาแต่ใจ ครั้นเมื่อเธอส่ายหน้าสะบัดหนีริมฝีปากที่รุกราน มือหนากลับจับมั่นที่ท้ายทอยบังคับให้เธอตอบรับจูบที่ดุดันของเขา
1
เสียงตะหลิวกระทบกับกระทะดังไปทั่วห้องครัว กลิ่นผัดคะน้าน้ำมันหอยคละคลุ้ง ส่งกลิ่นหอมเย้ายั่วน้ำลายใครหลายคนที่กำลังช่วยรวิษาทำอาหารเย็น
“คุณมิ้นทำอาหารเก่งจังเลยนะคะ ใครในบ้านอยากทานอะไรคุณมิ้นทำได้หมด เก่งสุดยอดเลยค่ะอย่างนี้ไปเปิดร้านอาหารได้สบายๆ เลยค่ะ”
ก้อยสาวใช้ที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ได้เดือนเศษเอ่ยชมแม่ครัวประจำบ้านที่ทำอาหารได้หลากหลายชนิด หลากหลายเชื้อชาติ ดัดแปลงปรุงแต่งอาหารไม่ซ้ำชนิดอีกทั้งรสชาติยังอร่อยไม่เป็นสองรองใคร
“ก้อยก็พูดเกินไป ฉันไม่เก่งขนาดนั้นหรอก” รวิษาตอบกลับอย่างถ่อมตน
“อย่างนี้ไม่เรียกเก่งแล้วจะเรียกว่าอะไรคะคุณมิ้น?”
“เรียกว่าทำอาหารเป็นก็พอจ้ะ” แม่ครัวสาวหันมาพูด ก่อนจะตักผัดคะน้าน้ำมันหอยที่ปรุงรสเสร็จเรียบร้อยแล้วใส่จาน
“กลิ่นฮ้อมหอม...หน้าตาน่ากินอีกต่างหาก” ก้อยมองจานอาหารที่เพิ่งเสร็จใหม่ๆ หน้าตาและกลิ่นอาหารชวนให้น้ำลายสอยิ่งนัก
“ยกไปวางบนโต๊ะได้แล้วก้อย คุณท่านชอบทานร้อนๆ”
รวิษาสั่งระหว่างที่นำกระทะไปล้าง ก้อยจึงนำอาหารจานสุดท้ายไปวางบนโต๊ะรับประทานอาหาร
บนโต๊ะอาหารของบ้านเนติรัตน์พิบูลในวันนี้ดูจะชื่นมื่นเป็นพิเศษ เนื่องจากลูกชายคนเล็กของเจ้าของบ้านเดินทางกลับมาเยี่ยมบุพการีในรอบหลายปี อาหารมื้อนี้จึงพิเศษกว่ามื้อไหนๆ คงจะมีเพียงอัคราพี่ใหญ่ของบ้านที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ ไม่ปลื้มที่น้องชายต่างสายเลือดมาเหยียบบ้านหลังนี้
“วันนี้มิ้นทำกับข้าวของโปรดอาร์มทั้งนั้นเลยนะลูก ดูสิมีต้มข่าไก่ แกงเลียง แล้วยังมีปลากะพงทอดกระเทียมด้วย อาร์มต้องทานเยอะๆ นะลูก” อินทุอรหันมาพูดกับลูกชายคนเล็ก
“ครับคุณแม่ ผมจะทานหลายๆ จานเลยครับ” อัคคินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ทานเยอะๆ นะลูก นานๆ จะกลับมาที่บ้านซักที”
อรรคเดชผู้เป็นบิดาพูดเสริม นำพาความหมั่นไส้มาสู่จิตใจของอีกคนอย่างเสียมิได้
“จะอะไรกันนักกันหนาครับ กะอีกแค่กาฝากกลับมาบ้านตัวเดียว พะเน้าพะนออย่างกับเด็กอมมือ เห็นแล้วอยากจะถีบให้ตกเก้าอี้” อัคราที่ไม่ชอบหน้าน้องชายต่างสายเลือด พูดโพล่งกลางโต๊ะแล้วยังจะแยกเขี้ยวใส่อัคคินอีกด้วย อีกฝ่ายเห็นแล้วรีบก้มหน้าหลบสายตาของผู้เป็นพี่ทันที
“โอมทำไมไปพูดกับน้องแบบนั้น แม่ไม่ชอบนะ”
อินทุอรเอ่ยเสียงเขียว มองลูกชายด้วยสายตาตำหนิ อัคราทำเป็นมองไม่เห็นสายตาของผู้เป็นแม่ นั่งทานอาหารต่อไปทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“คุณแม่อย่าว่าคุณโอมเลยครับ คุณโอมแค่พูดเล่นน่ะครับ” อัคคินแก้ตัวแทนพี่ชาย ทั้งที่รู้เต็มอกว่าอัคราทำตามที่พูดได้เสมอ เพียงแต่จะทำหรือไม่เท่านั้น
“ฉันไม่ได้พูดเล่น ฉันพูดจริงโว้ย” อัคราโต้กลับทันควัน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะโอม ไม่เห็นหัวพ่อกับแม่เลยนะ”
เสียงใหญ่ของผู้เป็นพ่อดังคับโต๊ะ จ้องมองลูกชายคนโตเขม็ง อรรคเดชรู้ดีว่าอัคราชังหน้าอัคคินมากแค่ไหน แต่ไม่คิดว่าจะเกลียดถึงขั้นฝังหุ่น
“งั้นก็เชิญเอาใจมันไปคนเดียวก็แล้วกัน ผมขอตัวอยู่นานๆ เดี๋ยวจะอดใจไม่ไหว ซัดลูกรักลูกคนโปรดของคุณพ่อคุณแม่”
อัคราพูดจบก็ลุกเดินขึ้นไปชั้นบน ตรงไปที่ห้องของเขาทันทีก่อนที่จะอดใจไม่อยู่ซัดโครมน้องชายนอกไส้ของตัวเอง อัคคินหน้าหมองลงเมื่อรู้ว่าตนเองเป็นต้นเหตุให้พี่ชายอารมณ์เสีย และทำให้บิดามารดาลำบากใจ
“ผมผิดเอง ผมไม่น่ามาพักที่นี่เลย รู้ทั้งรู้ว่าคุณโอมเกลียดผม ผมน่าจะพักที่โรงแรม”
“อย่าไปใส่ใจโอมเลยลูก โอมก็เป็นอย่างนี้แหละ”
อินทุอรพยายามพูดปลอบใจ เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ของครอบครัวนางก็ว่าได้ เป็นปัญหาที่ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรให้พี่ชายรักน้องชาย
“นั่นสิลูก อย่าไปสนใจโอมเลย อีกอย่างมันไม่ใช่ความผิดของอาร์มเลยนะ อย่าคิดมากนะลูก” อรรคเดชพูดปลอบใจลูกชายคนเล็ก เรื่องทั้งหมดจะโทษอัคคินลูกชายคนเล็กของเขาไม่ได้ ต้องโทษที่ตัวเขาเอง เพราะเขาอยากมีลูกผู้หญิงและเปรยกับอินทุอรบ่อยครั้ง รู้ทั้งรู้ว่าภรรยาไม่สามารถมีลูกให้เขาได้เป็นคนที่สอง เนื่องจากมดลูกของอินทุอรอักเสบจนต้องผ่าตัดทิ้ง และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ความหวังที่จะได้ลูกสาวพังครืนลงทันที
หากแต่ด้วยความที่อินทุอรรักสามี และอยากได้ลูกผู้หญิงไว้เชยชมเช่นกัน นางจึงหาผู้หญิงให้อรรถเดชคนหนึ่งซึ่งเป็นญาติของนางเองชื่อประภา และให้เข้ามาอยู่ในฐานะภรรยาของอรรคเดชอีกคนหนึ่ง อีกสามเดือนต่อมาประภาได้ตั้งครรภ์ แล้วคลอดลูกออกมาเป็นผู้ชายสร้างความผิดหวังให้กับอรรคเดชไม่น้อย ทว่าเขาก็ไม่คิดที่จะมีทายาทเพิ่มและหยุดความสัมพันธ์ระหว่างตนกับประภานับตั้งแต่เธอคลอดลูก เนื่องจากห่วงความรู้สึกของอินทุอร แต่เขาก็ไม่คิดทอดทิ้งประภา ยังให้เธออาศัยอยู่บ้านหลังเล็กพร้อมกับเลี้ยงดูอัคคินไปด้วย
อัครารู้สึกไม่ชอบหน้าน้องชายตัวเองตั้งแต่เล็ก พยายามหาทางกลั่นแกล้งอยู่บ่อยครั้ง และดูเหมือนว่าผู้เป็นน้องชายหวาดกลัวผู้เป็นพี่เป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเจียมตัวเจียมตน จนบางครั้งไม่อยากจะเข้าใกล้ จนกระทั่งมารดาของอัคคินเสียชีวิตลง
อินทุอรจึงให้อัคคินเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ในฐานะลูกชายของนาง ให้ความรักและความเอาใจใส่เสมือนลูกในอก และนั่นทำให้ความเกลียดชังในหัวใจของอัคราที่มีต่ออัคคินเพิ่มมากขึ้น เพราะอินทุอรผู้เป็นมารดาจะลงโทษเขาทุกครั้งที่รู้ว่าอัคราแกล้งน้อง
พออัคคินจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่หก ทั้งสองจึงตัดสินใจส่งอัคคินไปเรียนต่อต่างประเทศ ให้ศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรีและโท หลังจากที่เรียนจบชั้นปริญญาโทอัคคินขออนุญาติบุพการีทำงานที่นั่น ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร การกลับมาเยี่ยมบ้านของอัคคินในครั้งนี้ จึงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
“ทานข้าวเถอะอาร์ม เดี๋ยวคนทำจะเสียน้ำใจเอานะ มิ้นทำแต่ของโปรดของอาร์ม” อินทุอรเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่ต้องการให้เครียดกันไปมากกว่านี้
“ครับคุณแม่” ยังไม่ทันที่ทั้งสามจะลงมือรับประทานอาหาร รวิษาที่เสร็จจากงานในครัวเดินมาทรุดนั่งประจำที่ เตรียมตัวลงมือรับประทานอาหารพร้อมกับเจ้าของบ้าน
“คุณโอมล่ะคะคุณป้า?” เธอถามถึงคนที่หายไป
“ขึ้นไปข้างบนแล้ว” อินทุอรตอบแล้วเริ่มลงมือทานอาหาร รวิษามองไปยังจานข้าวของอัคราที่พร่องไปเล็กน้อยก็รู้ทันทีว่า อัคราคงจะไม่สบอารมณ์น้องชายต่างมารดาเลยลุกหนีขึ้นไปบนห้อง
“ถ้าอย่างนั้นมิ้นไปจัดสำรับให้คุณโอมก่อนนะคะ ข้าวพร่องไปนิดเดียวเอง”
“ไม่ต้องหรอกมิ้น ปล่อยให้หิวจนไส้ขาดแหละดีแล้ว” เจ้าของเสียงคืออรรคเดชที่หมั่นไส้ลูกชายคนโตไม่น้อย
“ไม่ได้หรอกค่ะ มิ้นกลัวคุณโอมเป็นโรคกระเพาะ มิ้นขอตัวไปจัดสำรับให้คุณโอมก่อนนะคะ แล้วไม่ต้องรอมิ้นนะคะ เดี๋ยวมิ้นทานในครัวได้ค่ะ” คนที่เป็นห่วงอัคราไม่สนใจคำคัดค้านของใคร ลุกเดินไปยังห้องครัวเพื่อจัดสำรับอาหารใส่ถาด แล้วนำขึ้นไปให้อัคราบนห้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...เสียงเคาะประตูดังอยู่หน้าห้อง ทำให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงหันมามองประตูก่อนจะเอ่ยคำอนุญาตให้เจ้าของมือเข้ามาในห้องได้ ไม่นานเกินรอร่างของรวิษาก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหาร
“คุณโอมคะ มิ้นเอาอาหารมาให้ค่ะ” เธอเดินถือถาดอาหารมาวางลงบนโต๊ะข้างเตียง
“ฉันไม่อยากกิน” เจ้าของห้องปรายตามองอาหารเพียงนิด แล้วจึงหันไปสนใจทีวีต่อ
“ทานนิดนึงก็ยังดีนะคะ เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะ”
รวิษาพูดด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะก้าวเดินไปยังตู้เย็นตู้เล็กที่อยู่ด้านซ้ายมือของห้อง จัดเตรียมน้ำดื่มให้คนที่เธอรัก
อยู่ๆ ก็เหมือนมีแรงดึงดูดใจให้อัคราหันไปมองร่างของรวิษา ปกติแล้วสายตาของเขายามที่มองเธอนั้น เต็มไปด้วยความเฉยชาติดจะเบื่อหน่ายด้วยซ้ำไป เพราะบางครั้งรวิษาจะเอาอกเอาใจเขาเป็นพิเศษ...พิเศษจนเขารำคาญตามสไตล์หนุ่มโสดที่ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายในชีวิต
แต่แล้วสายตาของเขาก็เปลี่ยนไป นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเปล่งประกายขึ้นมา ยามที่ได้เห็นสรีระของสาวงามในชุดเดรสรัดรูป เอวเป็นเอว สะโพกผายกลมกลึง ช่วงขาเรียวสวยน่าลูบไล้
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!