เทพดาบจอมหื่นกับสาวน้อยสุดแซ่บ (เรื่องสั้น) เยวลี่ซูคือเด็กสาวอายุ18ปีที่ถูกฆ่าล้างตระกูล เธอตามหาเทพดาบที่มีนามว่ามหาปุโรหิตเพื่อขอให้เขาล้างแค้นให้กับครอบครัว การตามหาเทพดาบนั้นลำบากสาหัสสากรรจ์นัก กว่าจะได้ล้างเค้นให้สาสมใจเธอต้องแลกกับความสาวและความสวยของตัวเอง แรงปรารถนาอาฆาตทำให้สาวน้อยยอมพลีกายถวายตัวแก่ผู้ชายหื่นแบบไร้ข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น
เทพดาบจอมหื่นกับสาวน้อยสุดแซ่บ
ตอน เจอผู้ชายหื่น
ท่ามกลางเปลวเพลิงที่กำลังสุมเผาซากศพที่กองสูงเท่าบ้าน สาวน้อยเนื้อตัวตัวขาวโพลนดั่งหิมะกำลังนั่งคุกเข่าร้องไห้กระซิกๆ
ตรงหน้าคือร่างไร้วิญญาณของท่านพ่อและท่านแม่กับชาวบ้านหลายครอบครัวที่กำลังมอดไหม้
หยาดน้ำใสไหลพาดเป็นทางอาบสองแก้ม ฮือ! ๆ ๆ เสียงร้องช่างแหลมสูงจับใจ
เสื้อคลุมลายดอกเหมยที่ห่อคลุมเรือนร่างขาวโพลนเปียกชุ่มโชก น้ำตาของเธอไหลออกมาดั่งธารน้ำใสที่ไม่รู้จักหยุดจักสิ้น
เมื่อคืนก่อนมีการฆ่ากวาดล้างคนทั้งหมู่บ้านโดยทหารเมืองฉิน ผู้คนเมืองกังจึงล้มตายดั่งกลีบดอกไม้ที่โรยรายามหิมะแรกมาเยือน
"เฮ้สาวน้อย เจ้านั่งอยู่ตรงนี้จะโดนพวกมันจับไปข่มขืนนะ" เสียงแหบพร่าดังมาจากชายชุดคลุมสีดำด้านหลัง
เขาตัวสูงลิบแต่ผอมเอามากๆ ใบหน้าเข้มคมของเขากับผิวสีแทนช่างดูหล่อเหลาและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
"ทำไม ถ้าใครเข้ามาข้าจะฆ่ามันให้ตายไปกับข้า" เยวลี่ซูหันมาตวาดใส่หนุ่มไร้นามทั้งน้ำตา ยามที่ใบหน้าขาวโพลนสะบัดหันน้ำตาสาดกระจายลงผิวดิน
เธอตกใจเมื่อเห็นว่าหนุ่มนิรนามเขาแก่กว่าเธอมาก แถมที่หลังยังสะพายดาบสนิมเขรอะไว้ถึงสองอัน
หือ! เขาเดินย่างกรายเข้ามาและก้มมองใบหน้าเรียวเล็กของเย่ว
สาวน้อยตัวสั่นเมื่อเห็นใบหน้าที่คมขลังของเขาอย่างเต็มตา โดยเฉพาะดวงตาที่เย็นชาและดุดันคู่นั้นทำให้เธอลืมร้องไห้ไปเลย
"ถ้าไม่อยากตายก็กลับบ้านไป" เสียงแหบพร่าตวาดดังขึ้นมาจนเยวลี่ซูต้องลุกถอยหนีเขา
"เอ้า ทำไมไม่รีบไปอีก เดี๋ยวก็จับข่มขืนซะหรอก ขาวๆสวยๆยังงี้" หนุ่มชุดคลุมสีดำเปลี่ยนเสียงโหดเป็นทะลึ่งทะเล้นได้ราวกับพลิกดาบ
"ข้าไม่มีบ้านแล้ว ทุกคนตายหมด" สาวน้อยใจแข็งตวาดเสียงลั่น ใบหน้าเล็กสวยเงยสูงจนเจ็บคอเมื่อร่างชายตรงหน้าตัวสูงกว่าเธอมาก
"แล้วเจ้าชื่ออะไรหิ" ชายไร้นามเดินเข้ามาจับปลายคางสาวน้อยที่สูงเพียงอกของเขา
"ข้าชื่อเยวลี่ซู เรียกว่าเย่วก็ได้" นางตอบ
ใบหน้าเรียวสวยที่มีแก้มอิ่มจ่ำม่ำสบตาโตใส่แววตาที่คมดุคู่นั้น
ในเมื่อสิ้นหวังเย่วยอมตาย ในโลกนี้ไม่มีอะไรให้น่ากลัวอีกแล้ว เพียงหน้าดุๆของหนุ่มคนนี้คงไม่อาจทำให้เธอหวาดกลัวได้อีก
"งั้นรึ แล้วเจ้ามาเฝ้ากองเพลิงทำไม รอเก็บอัฐถิหรือ" หนุ่มตัวสูงปล่อยคางแล้วเอามือใหญ่ๆลูบถูแก้มอันนุ่มนิ่มของเย่ว
สายลมเย็นกับมือที่เย็นเฉียบเหมือนผีตายซากของเขาทำเอาเย่วตัวสั่นสะท้าน
"ข้ามารอเทพดาบต่างหาก เจ้ารู้จักไหม" เย่วถอยหนีมือที่คลอเคลียแก้มของเธอแล้วตะโกนใส่หน้าหล่อๆ
"บ้าบอ เทพดงเทพดาบที่ไหน" หนุ่มตัวสูงแสยะยิ้มตอบ เขาดูขำขัน
"เจ้าไม่รู้จักท่านมหาปุโรหิตเหรอ ข้าจะหาตัวท่านให้เจอแล้วให้ท่านฆ่าล้างบางทหารแคว้นฉิน" เย่วตอบ
"งั้นหรือ หิ ๆ งั้นถ้าฆ่าพวกที่ฆ่าพ่อแม่เจ้าได้แล้วจะทำอะไรต่อ" หนุ่มตัวสูงหัวเราะไปถามไปเขายืนตรงหน้ากองซากศพอย่างขำขันไร้หัวใจ
"ก็ฆ่าแม่ทัพมัน ฆ่าอำมาตย์ของมัน แล้วก็ฆ่าฮ่องเต้ของมัน" เย่วเงยหน้าสูงตอบฉอดๆ
"ฮ่า! ๆ ๆ เจ้ามันบ้า คนตายก็ตายไปแล้วจะคิดแค้นอะไรนักหนา" หนุ่มชุดคลุมสีดำหัวเราะลั่น เขาเอามือหยิกแก้มสองข้างของเย่วเขย่าใบหน้าสวยไปมาเพื่อเรียกสติ
ป๊าบ! เย่วเอามือเล็กขาวตีมือใหญ่ๆสีดำด้านของเขาและดุด่า
"อย่ามายุ่งอย่ามาโดนตัวข้านะเจ้าคนหื่น บ้ากาม โรคจิต" เสียงแหลมสูงบาดหู
"จับนิดจับหน่อยไม่ได้หรือ ถ้าข้าไม่อยู่ตรงนี้เจ้าอาจจะโดนลากไปข่มขืนแล้วโยนเข้ากองไฟไม่รู้ด้วยนะ" หนุ่มตัวสูงบอกแล้วชี้นิ้วไปรอบๆ เมื่อเย่วมองตามนิ้วเขาไปไกลๆเธอเห็นมีเงาคนดำๆอยู่หลายคน พวกมันน่าจะเป็นโจรป่า
"ถึงตายก็ไม่กลัว ข้าจะได้ไปอยู่กับพ่อแม่" เย่วเถียง
อุ๊ปส์! เธอพูดไม่ออกแล้วเมื่อโดนมือใหญ่ๆจับแก้มสองแก้มบีบจนปากจู๋
"ถ้าเจ้าให้จูบข้าอาจจะพาเจ้าไปเมืองข้างหน้าก็ได้ ไม่แน่เจ้าอาจเจอเทพดาบที่นั่น" หนุ่มตัวสูงบอก แววตาของเขาแฝงความเจ้าเล่ห์
เย่วตาค้างโต แก้มโดนมือสากๆบีบจนแดงทั้งสองข้าง ลมหนาวพัดผ่านริมฝีปากสีชมพูเรียวบางจนสั่นเกร็ง
"ว่าไง ไม่อยากแก้แค้นแล้วเหรอ" หนุ่มตัวสูงตะคอกใส่หน้าสวยๆ เย่วสะดุ้งโหยงมือของเขาบีบแก้มเธอจนริมฝีปากบู้บี้ไปหมดแล้ว
"อ๊ะ อื้อ" สาวน้อยพยักหน้าแล้วหลับตากลั้นหายใจ
ใบหน้าหล่อเหลาที่คมเข้มดุดันค่อยๆก้มลงมาช้าๆ แววตาที่เย็นชาน่ากลัวมองอาบโลมใบหน้าสวยและที่แก้มพองโตอย่างพออกพอใจ
อุ๊ย! จมูกโด่งเฟี้ยวของหนุ่มไร้นามจิ้มปลายจมูกของเย่วจนเธอสะดุ้ง ตากลมแป๋วเบิกโพลงเผยให้เห็นใบหน้าหล่อๆที่กำลังบดชนหน้าของตัวเอง
จุ๊บ! ๆ ๆ ริมฝีปากแหบแห้งของหนุ่มใหญ่บดบี้ริมฝีปากนุ่มๆจนชุ่มน้ำลายสาวน้อย
อื้อ! ๆ อือ! เย่วตาเถลือกถลน เธอเสียวในอกวาบหวามจนลืมหายใจเมื่อโดนจูบครั้งแรกในขีวิต
ลิ้นสากๆของเขาสอดเข้ามาพันประสานกับลิ้นของเธอในปาก น้ำลายของสาวน้อยแตกพร่าเหมือนตอนที่กินของเปรี้ยวยังไงยังงั้น
จุ๊บ! ๆ ๆ เขารีบดูดแย่งเอาน้ำลายของสาวน้อยเข้าไปกลืนกินอย่างหิวกระหาย ดูท่าเหมือนคนอดข้าวอดปลามานับสิบๆวัน
อื้อ! ๆ ๆ สาวเย่วเอาสองมือจิกชุดคลุมสีดำตรงคอเสื้อ เธอพลักอกเขาออกแต่กลับยืนเขย่งเท้าสูงบดปากสีชมพูจูบตอบเขา
อืม! ๆ ๆ อ่าส์! หนุ่มไร้นามจูบไปครางไปอย่างกระสันต์เสียว เขาเสพย์ความสาวความสวยของเย่ว และความอบอุ่นจากเลือดสาวน้อยแรกรุ่นอย่างเธอที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วผิวกาย
แฮ่ก! ๆ ๆ หิ! ๆ กว่าหนุ่มใหญ่จะยอมดึงใบหน้าหล่อๆกลับก็นานสองนาน เขายืนยิ้มและหายใจหอบเหนื่อย
เย่วเองก็หอบหายใจแรง ผิวหน้าที่ขาวเนียนละมุนมีเหงื่อซึมออกมาทั้งๆที่อากาศโดยรอบเหน็บหนาว
"ไหนล่ะม้า ไหนล่ะเมืองข้างหน้า" เย่วยืนกอดอกจ้องตาดุๆ แถมยังตวาดลั่นใส่เขา
"ไปสิ ตามมา" เขาบอก
สาวน้อยเดินตามหนุ่มตัวสูงที่สะพายดาบสนิมสองอันต้อยๆ เธอมาขึ้นขี่หลังม้าและกอดเอวเขาไว้แน่น
"เจ้าเคยได้ยินไหม เทพดาบมหาปุโรหิตน่ะ" เธอตะโกนถามหนุ่มใหญ่เสียงดังทัังๆที่ตัวเองก็กอดเขาตัวกลม
"ไม่รู้สิ เป็นยังไงเหรอ" เขาถามกลับ น้ำเสียงแหบพร่าราวกับไม่มีน้ำซักหยดตกถึงท้อง
"โถ่ เจ้าโง่จริงๆ เทพดาบจะผดุงความยุติธรรมและฆ่ามารร้าย ท่านต้องทำตามคำขอของข้าแน่ๆ" เย่วเหม่อมองดาวบนฟ้าและพร่ำบอก ความหวังเดียวที่จะมีชีวิตอยู่ต่อคือการล้างแค้น
"แล้วถ้าเทพดาบเป็นมารเสียเองล่ะ" หนุ่มไร้นามถามกลับ เขาควบม้าเดินฝ่าความมืดบนทุ่งหญ้าไปข้างหน้าช้าๆท่ามกลางลมหนาวที่พัดโชย
"นี่เจ้า อย่าสามหาวกับท่านเทพดาบแบบนั้น" เย่วหยิกเอวเขาแล้วดุด่า
โอ๊ย! ๆ ๆ ฮ่า! ๆ ๆ หนุ่มไร้นามร้องเจ็บปนหัวเราะร่วน
"ท่านเทพดาบน่ะผดุงความยุติธรรม หากท่านได้ฟังคำขอของข้า ท่านจะฆ่าล้างแค้นให้ข้าแน่ๆ" เย่วพร่ำต่อ
นานสองนานที่เธอพรรณาความวิเศษวิโสของเทพดาบกรอกใส่หูคนที่ตัวเองไม่รู้จัก จนล่วงเลยทุ่งหญ้ามาถึงเนินทรายกว้างเสียงเเจ๋วๆจึงเงียบไป
"เป็นอะไรไปนี่ เอ้าหลับแล้วเหรอ" หนุ่มไร้นามถามเมื่อหน้าผากของเย่วเขกหลังของเขาหลายที
ขวับ! เขาหันมาจับร่างจ่ำม่ำของเย่วแล้วยกเธอมานั่งตรงหน้าตักโอบกอดเธอเอาไว้ด้วยสองแขน
กำลังภายในของหนุ่มไร้ชื่อคนนี้ช่างน่าเหลือเชื่อเมื่อเขารวบยกเธอด้วยแขนข้างเดียว
"อย่าข่มขืนข้านะ อย่าแต๊ะอั๋งข้าด้วย" เย่วละเมอขณะที่เอนหลังพิงอกของเขาไว้
"จับตรงนี้เฉยๆได้ไหมล่ะ ข้าหนาวมือแข็งไปหมดแล้ว" หนุ่มไร้นามเอามือสองข้างซุกคอเสื้อแล้วล้วงจับนมเต้าน้อยๆ
อือ! ๆ ๆ เธอครางละเมอขณะที่โดนมือเย็นเฉียบบีบคลึงเต้าเบาๆ
กร่อด! ๆ ๆ หนุ่มใหญ่ขบกัดฟันตัวเองด้วยความหมั่นเขี้ยว เขาเผลอบีบเต้าสาวน้อยแรงจนเธอได้สติตื่น
"บอกว่าอย่าทำ ๆ" เย่วเอามือกุมมือใหญ่ๆที่ซุกอกเสื้อของเธอ เล็บมือของเธอบาดหลังมือเขาจนเจ็บ
เขาเลิกบีบนมแต่กลับเอานิ้วมือมาบี้หัวนมแดงๆของเธอเล่น
"บี้ตรงนี้เล่นเฉยๆ เจ้าจะได้หลับสบาย" เขาบอก
"อย่าหาทำ" เย่วเอ่ยเสียงเบาขณะที่เสียวหัวนมหวิวๆ นิ้วมือสากๆที่บี้หัวนมของเธอทำให้ขนลุกซู่ไปทั่วทั้งเรือนร่าง
"ไม่ให้ทำงั้นข้าไม่กอดเจ้านะเอ้า" หนุ่มไร้นามขู่
อ้อมกอดของเขาถึงเเม้จะเย็นชาแต่เป็นสิ่งเดียวที่ให้ความอบอุ่นแก่เธอได้ในคืนที่เหน็บหนาวเฉกเช่นนี้
เยวลี่ซูหลับคาอกคนที่ไม่รู้จักบนหลังม้าของเขาไปโดยไม่ได้ขัดขืน อันที่จริงเธอไม่ได้ตอบเขาด้วยซ้ำไป
ความแค้น ความมืด และหนุ่มหื่นที่ไม่รู้จัก กับหลังม้าและอ้อมกอด
ชะตากรรมชีวิตของสาวน้อยจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นไม่มีทางล่วงรู้ได้เลย
นางเอกถูกสามีนอกใจแต่กลับแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เธอยอมเป็นเมียโง่เพื่อที่ได้แอบกินตับกับพ่อผัว ลูกเลี้ยง หลานชาย และคนสวนในบ้าน สรุปแล้วเธอเสียสามีไปแค่คนเดียว แต่กลับได้ชู้ในบ้านเพิ่มเป็นสิบๆคน
หลังจากโดนผัวทิ้งตอนน้ำหนัก80กิโลแจมก็ผันตัวมาออกกำลังกายดูแลสุขภาพอย่างหนักหน่วง เพียงไม่กี่ปีเธอก็กลายเป็นสาวหุ่นดี แถมยังมีสถาบันฟิตเนสทาบทามให้ไปเป็นเทรนเนอร์สุดสวยประจำยิมเสียด้วย แต่ด้วยการที่ต้องหาลูกเทรนและทำยอดขายช่างยากเย็นไม่ต่างอะไรกับการขายประกัน ล่าสุดแจมเกิดปิ๊งไอเดียใหม่เพื่อหาคนมาเทรนด้วย เธอชอบยั่วยวนลูกชายเพื่อนๆให้มาออกกำลังกายที่ยิมแล้วหลอกกินตับ ไปๆมาๆได้ทั้งคู่นอนได้ทั้งค่าคอมจนกระเป๋าตุง เรียกได้ว่านับแต่นั้นมาแทบไม่มีวันไหนที่เธอได้นอนคนเดียวเลยซักคืน
นางเอกเปิดสำนักไถ่บาป สร้างลัทธิหลอกลวงผู้คนให้บริจาคเงิน แถมยังใช้ร่างกายที่สวยและสาวยั่วยวนเหล่าคนรวยบ้าตัญหาจนยอมเปย์ให้ทุกอย่าง นอกเหนือจากนั้นยังยั่วสวาทเหล่าหนุ่มวัยรุ่นชายฉกรรจ์ให้มาเป็นสมุนรับใช้งานต่างๆ เพื่อแลกกับการได้สัมผัสกับร่างกายอันไร้ที่ติของศาสดาสาว
กระต่ายถูกเก็บมาเลี้ยงในตระกูลผู้ดีที่มีชื่อเสียงทางสังคม ทว่าเธอกลับพลาดพลั้งไปมีอะไรกับพี่ชาย พอน้องเห็นเข้าก็แบล็คเมล์เธออีก ไปๆมาๆก็โดนคุณปู่ด้วยอีกคน ในไม่ช้าก็คงไม่พ้นพ่อเลี้ยง สรุปแล้วผู้ชายทั้งบ้านโดนเด็กสาวคนเดียวที่เก็บมาเลี้ยงกินตับจนหมด เธออยากได้อะไรก็ต้องให้ เธออยากไปไหนก็ต้องตามใจ เพราะทุกคนต่างก็คลั่งรักเด็กสาวที่ทั้งสวยและสดใส
นาจำต้องเลี้ยงดูลูกติดของน้องเขยเพราะว่าเขากับน้องสาวของเธอนั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต นับแต่นั้นมาฝาแฝดก็มีคุณป้าคนสวยเพียงคนเดียวดูแลตลอดมา พอโตเป็นหนุ่มแล้วพวกเขาก็ชอบเล่นกล้ามและไปแข่งประกวดเพาะกายจนได้รางวัลและเงินมามากมาย คุณป้ายังสาวจึงต้องคอยดูแลอาหารการกินและเสื้อผ้าหน้าผมสองหนุ่มอยู่ตลอดเวลา วันดีคืนดีก็ต้องดูแลเรื่องบนเตียงของพวกเขาด้วย ในเมื่อหนุ่มๆพวกนี้ทั้งคึกคักและแรงดี เรียกได้ว่าเผลอทีไรเป็นต้องถึงเนื้อถึงตัวกับนาทุกครั้งไป แนะนำตัวละคร นา นางเอก อายุ29ปี ด้วยความที่เธอมีเชื้อจีนและหน้าเด็กตัวเล็กขาวจึงดูเหมือนสาววัยรุ่น (สายตาสั้น,เฉิ่ม) อภิวัฒน์ น้องเขยของนา (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) เขาเป็นเสี่ยอายุ38 (มีลูกติดมาจากเมียเก่าสองคนเป็นฝาแฝด) นิน น้องสาวของนา อายุ 28 (เสียชีวิต) ปกป้อง หลานแฝดผู้พี่ อายุ18ปี เล่นกล้าม เพาะกาย เรียนปีหนึ่ง ปราบปราม หลานแฝดผู้น้อง อายุ18ปี เล่นกล้าม เพาะกาย เรียนปีหนึ่ง *หมายเหตุ แฝดทั้งสองเป็นแฝดคนละฝา หน้าตาและนิสัยไม่เหมือนกัน
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"