โกนัมจุนคือคนดีที่ตายแล้วได้เกิดเป็นยมฑูต มีหน้าที่สังหารคนเลวที่ถึงคราวต้องตายเพื่อเอาวิญญาณมันไปลงโทษในนรก และรับวิญญาณคนดีที่เสียชีวิตเพื่อส่งขึ้นสวรรค์ เขามีพี่เลี้ยงยมฑูตรุ่นพี่ชื่อเด็กหญิงจีวอน เธอเป็นเด็กแปดขวบมาร้อยปีแล้วและไม่โตขึ้นอีกเลย
โกนัมจุนคือคนดีที่ตายแล้วได้เกิดเป็นยมฑูต มีหน้าที่สังหารคนเลวที่ถึงคราวต้องตายเพื่อเอาวิญญาณมันไปลงโทษในนรก และรับวิญญาณคนดีที่เสียชีวิตเพื่อส่งขึ้นสวรรค์ เขามีพี่เลี้ยงยมฑูตรุ่นพี่ชื่อเด็กหญิงจีวอน เธอเป็นเด็กแปดขวบมาร้อยปีแล้วและไม่โตขึ้นอีกเลย
ยมทูตก๊องแก๊ง
ตอน มีรุ่นพี่เป็นเด็กอายุ100ปี
สายลมเย็นเฉียบพัดผ่านร่างของโกนัมจุน เขายืนงงงวยอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้สีขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าเหนือศีรษะไม่ใช่สีฟ้าสดใสอย่างที่คุ้นเคย แต่เป็นสีม่วงอ่อนระยิบระยับคล้ายมีละอองดาวโปรยปรายอยู่ทั่ว เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่มิใช่ชุดทำงานสูทผูกไทที่เขาใส่เป็นประจำ แต่เป็นชุดฮันบกสีขาวบริสุทธิ์เนื้อนุ่มละเอียด สัมผัสได้ถึงความเบาสบายอย่างประหลาด
"ที่นี่มันที่ไหนกัน?" นัมจุนพึมพำกับตัวเอง ความทรงจำสุดท้ายของเขาคือภาพรถบรรทุกคันหนึ่งพุ่งฝ่าสัญญาณไฟแดงเข้ามา จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ
"ที่นี่คือ 'ทุ่งพักวิญญาณ' น่ะสิ เจ้าหนุ่ม"
เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากด้านหลัง นัมจุนหันขวับไปมอง ร่างเล็กจ้อยของเด็กหญิงในชุดฮันบกสีชมพูหวานแหววยืนกอดอกมองเขาอยู่ ดวงตากลมโตสีนิลเป็นประกายวิบวับ ผมยาวสลวยสีดำขลับถูกรวบเป็นเปียสองข้างประดับด้วยปิ่นดอกไม้เล็กๆ ดูแล้วอายุไม่น่าเกินแปดขวบ
"หนูเป็นใครน่ะ แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉัน..." นัมจุนยังพูดไม่ทันจบ เด็กหญิงก็พูดแทรกขึ้น
"ข้าชื่อจีวอน เป็นยมทูตระดับอาวุโส และเป็นพี่เลี้ยงของเจ้ายังไงล่ะ โกนัมจุน" เธอยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋มที่แก้ม "ยินดีต้อนรับสู่ชีวิตหลังความตาย และการเริ่มต้นใหม่ในฐานะยมทูตฝึกหัด!"
นัมจุนอ้าปากค้าง "ยม ยมทูต หมายความว่าฉันตายแล้วเหรอ บ้าน่ะอีหนู?"
"เออสิ ไม่ตายแล้วจะมาเดินเล่นในทุ่งพักวิญญาณได้ยังไงล่ะ" จีวอนทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
"ไม่ต้องทำหน้าเหมือนเห็นผีขนาดนั้นก็ได้น่า ถึงเจ้าจะกลายเป็นผีไปแล้วก็เถอะ แต่เป็นผีมีเกียรตินะจะบอกให้"
"แต่ว่า ฉันยังไม่อยากตายเลยนะ ยังมีอะไรต้องทำอีกตั้งเยอะ" นัมจุนรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลาย เขาเป็นคนดีมาตลอดชีวิต ทำบุญใส่บาตร ช่วยเหลือคนแก่ข้ามถนน ไม่เคยเบียดเบียนใคร ทำไมสวรรค์ถึงได้กลั่นแกล้งเขานัก
จีวอนถอนหายใจยาว "ฟังนะนัมจุน การตายไม่ใช่จุดจบเสมอไปหรอก โดยเฉพาะสำหรับคนดีอย่างเจ้า"
เธอกระโดดขึ้นไปนั่งบนก้อนหินใหญ่ใกล้ๆ แล้วตบแปะๆ ที่ว่างข้างตัวเป็นเชิงเรียกให้นัมจุนนั่งลง
"ด้วยคุณงามความดีที่เจ้าสะสมมาตอนมีชีวิต ท่านพญายมเลยเมตตาให้เจ้าได้มาเป็นยมทูต มีหน้าที่สำคัญสองอย่าง"
นัมจุนค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เด็กหญิง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ลอยมาแตะจมูก "หน้าที่อะไรเหรอ"
"อย่างแรก คือการไปรับวิญญาณคนดีที่หมดอายุขัย เพื่อนำทางพวกเขาไปสู่สวรรค์" จีวอนชี้ไปยังปลายทุ่งดอกไม้ที่ดูเหมือนจะมีแสงสีทองส่องประกายอยู่รำไร
"ส่วนอย่างที่สองคือการไป 'เก็บ' วิญญาณคนชั่วที่ถึงฆาต เพื่อลากคอมันลงไปรับโทษในนรกภูมิ" เด็กหญิงทำเสียงเข้มขึ้น ดวงตาเป็นประกายอย่างมุ่งมั่น
"เก็บวิญญาณคนชั่ว หมายถึง ฆ่าพวกมันเหรอ?" นัมจุนเบิกตากว้าง เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาทำอะไรแบบนี้
"จะเรียกว่าสังหารก็ได้ หรือจะเรียกว่าปลดปล่อยโลกจากภาระก็ไม่ผิด" จีวอนยักไหล่
"พวกมันทำเลวมามากพอแล้ว ถึงเวลาต้องชดใช้กรรมซะบ้าง อีกอย่างเจ้าจะมีอาวุธประจำกาย ไม่ต้องห่วงว่าจะสู้มือเปล่า"
ทันใดนั้นเอง ที่เอวของนัมจุนก็ปรากฏดาบเล่มยาวสีเงินวาววับขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ ฝักดาบทำจากไม้สีดำสนิทแกะสลักลวดลายเมฆไหลอย่างงดงาม ด้ามจับพันด้วยไหมสีแดงสด เมื่อลองชักดาบออกมา ใบดาบก็ส่องประกายเย็นเยียบ มีอักขระโบราณสลักอยู่บนนั้น มันเบามืออย่างไม่น่าเชื่อ แต่กลับรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่แฝงอยู่
"ว้าว ตายแล้วเป็นแบบนี้ก็ไม่เลวว่ะ" นัมจุนอุทานออกมาเบาๆ เขาลองควงดาบไปมาสองสามครั้ง รู้สึกคล่องแคล่วราวกับเคยใช้มันมานานนับปี ด้วยอำนาจของร่างกายทิพย์
"นั่นคือ 'ดาบพิพากษา' อาวุธคู่กายของยมทูตทุกคน" จีวอนอธิบาย
"มันจะปรากฏขึ้นเมื่อเจ้าพร้อม และจะเปลี่ยนรูปร่างไปตามความถนัดของแต่ละคน ของข้าเป็นเคียวอันใหญ่ยักษ์เท่กว่าของเจ้าเยอะ"
เด็กหญิงพูดพลางเสกเคียวสีดำทมิฬด้ามยาวออกมาอวด มันยาวเกือบสองเมตรดูน่าเกรงขามเกินกว่าที่เด็กตัวเล็กๆ เช่นเธอจะถือไหว
นัมจุนมองดาบในมือสลับกับมองใบหน้าไร้เดียงสาแต่แฝงไว้ด้วยความเก๋าของจีวอน "แล้ว... ผมต้องทำยังไงต่อคุณ เอ่อหนูจีวอน?"
"เรียกพี่จีวอนสิยะ!" เด็กหญิงทำตาเขียวปั๊ด "ถึงตัวข้าจะเล็ก แต่ข้าเป็นยมทูตมาร้อยกว่าปีแล้วนะยะ เป็นรุ่นพี่ของเจ้าหลายขุม"
"เออ ๆ ขอโทษครับ พี่จีวอน" นัมจุนรีบแก้ไขคำพูด
"เอาล่ะ ตามข้ามา" จีวอนกระโดดลงจากก้อนหิน ชุดฮันบกสีชมพูของเธอพลิ้วไหวตามการเคลื่อนไหว "ได้เวลาไปดูสถานที่ทำงานใหม่ของเจ้า และทำความรู้จักกับกฎระเบียบต่างๆ ของยมโลกแล้วล่ะ เจ้าหนูยมทูตฝึกหัด"
โกนัมจุนสูดหายใจเข้าลึก มองดาบพิพากษาในมืออีกครั้ง ถึงแม้จะยังสับสนและใจหายกับการตายของตัวเอง แต่เขาก็รู้สึกถึงความท้าทายและความรับผิดชอบใหม่ที่กำลังรออยู่ บางที การเป็นยมทูตก็อาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้กระมัง
เขาก้าวตามร่างเล็กของจีวอนไป ทุ่งดอกไม้สีขาวเริ่มเลือนหาย กลายเป็นทางเดินหินขรุขระที่ทอดยาวเข้าไปในอุโมงค์มืดทะมึน จีวอนพาเขาไปย้งนรกภูมิ พาดูคนชั่วที่ถูกทำโทษต่างๆตามขุมนรกแต่ละขุมก่อนจะนำมายังห้องสมุดที่อยู่ในถ้ำ โยนหนังสือคู่มือการเป็นยมทูตให้หนุ่มหล่ออ่าน เขาจำได้เพียงว่านั่งอ่านอยู่ตรงนั้นจนลืมวันลืมคืน ไม่รู้สึกหิวหรืออ่อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย...
แนวทาสสวาท ล่อลวง เปิดซิง รุนแรง ซาดิสม์ หลอกเอา คนสวน รุมคุณหนู nc 3p
นิยายอีโรติก แนวเรื่องจริง นอกใจ มีชู้ เผลอใจ ไม่ตั้งใจ nc 18+ รวมเรื่องสั้นแนวนอกใจ นอกกาย สายบาป เป็นเรื่องแต่งเสริมเรื่องจริง สั้นๆจบในตอน มีหลายแนว หลายเหตุการณ์ สำหรับผู้ใหญ่ อายุ18ปีขึ้นไป
นิยายผู้ใหญ่ แนวฮาเร็มชาย นางเอกเป็นคุณหนูวัย18ปี เธอชอบยั่วคนสวน คนขับรถ ใจแตก มั่วสวาท nc 18+
แนวโคแก่กินหญ้าอ่อน สาวใหญ่กับหนุ่มๆมหาลัย nc pwp 3p 18+ เรื่องราวของป้าแม่บ้านวัยสี่สิบ หล่อนเป็นแม่บ้านในมหาลัยที่ต้องวนไปทำความสะอาดในตึกต่างๆแต่ละคณะทุกสัปดาห์ ไม่รู้เพราะความเส่นห์แรงหรือเคยเป็นนักแสดงนางร้ายจอมมารยามาก่อน ป้าแม่บ้านสามารถตกนักศึกษาชายที่หล่อๆมากินตับเกือบครบทุกคณะ
ในยุคก่อนสงครามโลก ยังมีการค้าทาส ในดินแดนแถบเอเชียที่ไม่ระบุชื่อและสถานที่ตั้ง มีปราสาทแห่งหนึ่งตั้งตะหง่านอยู่ริมหน้าผาบนเขาสูง เจ้าปราสาทคือสามีนางเอก เขาเป็นขุนนางชั้นสูง เขาชอบซื้อทาสชายหลากเชื้อชาติมาเลี้ยง ใช้งานพวกเขาหนัก และมักจะให้นางเอกมีอะไรกับคนแปลกหน้าพวกนั้นเพื่อให้เขานั่งดูอย่างมีอารมณ์
นางเอกแต่งงานกับสามีแก่ เขาเป็นเสี่ยเจ้าของร้านทองที่รวยมาก ทว่านกเขากลับไม่ขันและอ่อนปวกเปียก นานๆจะมีเซ็กกับเมียรัก เดือนละครั้งสองครั้ง นางเอกทนความอยากไม่ไหวแต่ก็ไม่อยากมีชู้ ไม่อยากนอกใจสามี เธอจึงแอบมีอะไรกับเจ้าแสนรักที่เลี้ยงไว้ในบ้าน
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
หล่อนถูกส่งมาบรรณาการในฐานะทาสบำเรอความใคร่ เพื่อแลกกับหนี้สินก้อนโต นอนกับเขาจนกว่าเขาจะเบื่อ แล้วเมื่อนั้นแหละหน้าที่บำเรอบนเตียงของหล่อนจึงจะหมดไป พะแพง ถูกส่งตัวมาเป็นนางบำเรอให้กับมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส หน้าที่ของหล่อนคือทำให้เดมอน ลินการ์ด มีความสุขที่สุดยามอยู่บนเตียง หล่อนก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่ไม่นานเขาก็เบื่อหน่าย ขับไล่ไสส่งหล่อนออกไปจากชีวิต ข่าวงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงคนใหม่ที่ทั้งสวยและแสนคู่ควรดังก้องคับแผ่นฟ้า ในขณะที่หล่อนต้องหลบอยู่ในซอกหลืบของความมืดมิดเพื่อซ่อนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอาไว้อย่างรวดร้าวทรมาน
เธอแค่อยากลองใจโดยการให้ของขวัญสุดพิเศษกับคนรัก แต่...เขาดันไม่ดีใจ แล้วมาบอกให้เราอยู่ห่างกันสักพัก ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอท้องลูกของเขา ผัวเฮงซวยเอ๊ย!!! อยากไปก็ไป ฉันจะหาพ่อใหม่ให้ลูก ไปแล้วอย่ามาหอนทีหลังนะ ชิ! "นี่พี่จะโทษว่ามี่ตั้งใจปล่อยท้องงั้นเหรอ" "เปล่า พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ว่า...พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานหรือมีลูกตอนนี้ มี่เข้าใจพี่หน่อยได้ไหม" มิรันดาสะอึกเมื่อได้ฟังเหตุผลห่วยแตกของเขา คำว่าไม่พร้อมนั่นคืออะไร "พี่ไม่พร้อมแต่งงาน ไม่พร้อมมีลูก แต่พร้อมจะไปจากมี่ นี่หรือเปล่าที่พี่อยากให้มี่เข้าใจ" หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตาที่ไหลรินกลบภาพคนรักตรงหน้าจนมองไม่เห็นความรักในดวงตาคู่นั้นอีกแล้ว คนหนึ่งหมดรัก หมดใจ แต่อีกคนกลับยังรักหมดใจ ใครควรเจ็บกว่าถ้าไม่ใช่เธอ "พูดกันให้รู้เรื่องตอนนี้เลยดีกว่า ในเมื่อพี่รู้ว่ามี่กำลังจะมีลูก พี่ก็ยังอยากไปอยู่ใช่ไหม" คำถามนั้นแทงใจดำของเขาอย่างจัง จนปฏิเสธไม่ได้ มิรันดาเหยียดยิ้มทั้งน้ำตา เพียงแค่มองตาเธอก็ได้คำตอบจากเขา อยู่กันมาสี่ปีไม่นับที่คบกันมาตอนสมัยเรียนอีก เธอรู้ใจเขาทุกอย่าง แค่มองตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร รู้สึกยังไง ไม่ต้องพูดออกมาด้วยซ้ำ "งั้นพี่ก็ไปเถอะ อยากจะอยู่ห่างแค่ไหน เอาที่พี่สบายใจเลย ไม่ต้องห่วงมี่ ของขวัญชิ้นนี้ในเมื่อพี่ไม่ต้องการงั้นก็ทิ้งไปเถอะ"
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด