เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
“วันนี้ต้องถ่ายรูปหลักฐานการนอกใจของเฟิงเยี่ยนให้ได้!”
ถังชีชีกำมือเล็ก ๆ ของเธอด้วยความฮึกเฮิม เธอปรับหมวกแก๊ปให้แน่นขึ้น ก้มหน้าลงเพื่อหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิด แล้วก็เดินเข้าไปในคลับระดับไฮเอนด์
วันนี้ เธอมาที่นี่เพื่อจับชู้!
เธอกับเฟิงเยี่ยนแต่งงานกันมาหนึ่งปีแล้ว แต่หลังจากที่จดทะเบียนสมรสไปแล้ว เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย
การแต่งงานแบบนี้มันไม่มีความหมายอะไรเลยสักนิด พวกเขาไม่ได้รักกัน ขืนอยู่ด้วยกันไปก็เสียเวลาชีวิตเปล่า ๆ !
ล่าสุด เพื่อนรักของเธอที่ต่างประเทศเล่าให้ฟังว่า มักจะเห็นสามีของเธอไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่นบ่อย ๆ แถมทั้งคู่ยังดูสนิทสนมกันมากอีกด้วย
เธอจึงจำเป็นต้องกลับไปเพื่อหาหลักฐานบางอย่าง เพื่อที่เธอจะได้เป็นฝ่ายขอหย่ากับเฟิงเยี่ยนก่อนอย่างมีเหตุผล!
มองจากระยะไกล เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งพาเฟิงเยี่ยนไปที่ห้องเพรสซิเด้นท์ สวีท ประตูเปิดแง้มอยู่ เธอซ่อนตัวอยู่ด้านข้าง แล้วก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นคุยโทรศัพท์
“ฉันรู้แล้วน่า ครั้งนี้ฉันจะไม่พลาดแน่นอน ฉันจะติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณไว้ แล้วก็จะบันทึกวิดีโอที่แสนจะโรแมนติกเอาไว้ขู่เขา.....”
พอเธอได้ยินแบบนั้น ถังชีชีถึงกับขมวดคิ้วแน่นทันที
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ผู้หญิงคนนั้นกำลังวางแผนจะใส่ร้ายเฟิงเยี่ยนอย่างนั้นเหรอ?
แม้ว่าเธอกับเฟิงเยี่ยนจะไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อกัน แต่เธอก็ไม่สามารถทนเห็นเขาถูกทำร้ายได้
เธอทั้งกัดฟัน ทั้งกระทืบเท้า แล้วก็รีบเข้าไปข้างใน จากนั้นก็ล็อคประตูทันที
“ใครน่ะ” ผู้หญิงคนนั้นถามเธอขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เเต่ถังชีชีก็ไม่ได้เสียเวลาพูดจาไร้สาระอะไรกับเธอ เธอรีบก้าวไปข้างหน้าเเละลงมืออย่างรวดเร็ว เธอฟาดไปที่ผู้หญิงคนนั้นจนหมดสติ จากนั้นก็มัดผู้หญิงคนนั้นไว้ แล้วลากเข้าไปในห้องน้ำ
โชคดีที่แรงเธอดี เธอฟาดไปแค่ครั้งเดียว ผู้หญิงคนนั้นก็สลบไปเลย
เธอชำเลืองมองผู้ชายที่อยู่บนเตียง วันนี้คงไม่สามารถถ่ายรูปหลักฐานการนอกใจของเขาได้แล้ว
เธอใช้ผ้านวมคลุมตัวชายคนนั้นเอาไว้อย่างใส่ใจ ปิดไฟที่หัวเตียงลง เตรียมจะอาศัยแสงจันทร์เปิดประตูออกไปจากที่นี่ แต่กลับไม่คิดว่า... ในความมืด มือใหญ่ ๆ ข้างหนึ่งของใครบางคนกลับจับข้อมือของเธอล็อคเอาไว้ราวกับเป็นกุญแจมือ
“เจ็บ……”
ในวินาทีต่อมา โลกก็หมุนวน เธอถูกโยนลงบนเตียง แล้วผู้ชายคนนั้นก็กดทับลงมาบนตัวเธอ ราวกับว่าตัวเขาเป็นภูเขาลูกใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
ในความมืดมิด เขาสัมผัสได้แค่เพียงว่าเธอเป็นคนที่ตัวเล็กมากคนหนึ่ง เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก มันเหมือนกับว่าเขาเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน
แต่ทว่า สมองกลับไม่ให้เวลาเขาได้คิดไตร่ตรองอะไรเลย และเขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป
ความปรารถนาในกายเหมือนเปลวไฟที่ลุกโชน และตอนนี้มันกำลังจะไหม้ตัวเขาทั้งหมดแล้ว
ส่วนสติสัมปชัญญะที่บอกให้เธอดิ้นใกล้จะถึงจุดที่ไม่ทำงานแล้ว
เธอตัวเล็กมาก แน่นอนว่าเธอไม่สามารถต้านทานการทำลายล้างของเขาได้
ถึงกระนั้น เธอก็ยังพยายามขัดขืนอย่างสุดชีวิต มือเล็ก ๆ ของเธอดันหน้าอกของเขาเอาไว้ เธอสัมผัสได้ถึงผิวหนังที่ร้อนระอุของเขา
ตัวเขาร้อนมาก!
ตอนที่เธอกำลังจะถามว่า เขาเป็นอะไรหรือเปล่า แต่แล้วริมฝีปากบาง ๆ ของเธอกลับโดนกดลงมาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ปิดกลั้นคำพูดในลำคอของเธอเอาไว้ในทันที
แกร๊ก เสียงเสื้อผ้าที่ถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ดังขึ้น
......
สามเดือนต่อมา ณ เมืองหลวงของประเทศ
“มีข่าวคราวอะไรบ้างไหม”
“ยังไม่มีเลยครับ แต่พวกเราได้ส่งคนไปเพิ่มเเล้ว และจะทำการค้นหาหญิงสาวเชื้อสายจีนคนนั้นต่อไป”
“ต้องหาเธอให้พบ!”
“ครับ!” เลขาตอบกลับไป เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณ..... ถ้ากลับไปแล้วคุณจะหย่าจริง ๆ เหรอครับ”
“มีคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งคุณผู้หญิงเฟิงมากกว่าเธอ” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนและมีพลังมาก ดูหนักแน่นแต่ก็มีความผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน มีความเย็นชาและความมีอำนาจอยู่ในนั้น ซึ่งทำให้คนที่ฟังไม่สามารถปฏิเสธได้
เขาไม่รู้ว่า ทำไมเธอถึงมาโผล่ที่ห้องวีไอพีนั้นได้ ยังไงเธอก็ได้ช่วยเขาด้วยความหวังดี แต่..... เธอกลับยอมสละร่างกายของตัวเองเพื่อเขา
เขาจำได้แค่ว่า เธอร้องไห้และร้องขอความเมตตาในคืนนั้น เสียงของเธอฟังดูเจ็บปวดหัวใจมาก
นอกจากนี้ เขาเองก็ไม่เคยมีความรู้สึกใด ๆ กับภรรยาที่บ้านคนนั้นเลย เขาเพียงถูกบังคับให้ทำตามคำสั่งของย่าเขาเท่านั้น และก็เพื่อช่วยให้แม่ของเขาซึ่งต้องรู้สึกลำบากใจ เพราะต้องขั้นกลางระหว่างเขากับย่า เธอจะได้สบายใจขึ้นมาหน่อย
เรื่องการหย่าร้าง นับว่าเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับทั้งสองฝ่าย
ขณะนี้ ณ วิลล่าของเฟิงเยี่ยน
ถังชีชีรู้ข่าวแล้วว่า วันนี้เฟิงเยี่ยนจะเดินทางกลับประเทศ และจะกลับมาถึงบ้านในตอนเย็น จึงทำให้คนรับใช้ทั้งในและนอกบ้านต่างก็พากันยุ่งอยู่กับการทำความสะอาดให้เขา
ส่วนเธอ เธอกลับไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลยสักนิด
แล้วในไม่ช้า เธอก็ได้ยินเสียงแตรรถดังขึ้น ทำเอาหัวใจของเธอก็บีบรัดอย่างไม่มีสาเหตุ
เฟิงเยี่ยนกลับมาแล้ว
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”