(พิกานxกานต์ระพี) เมื่อว่าที่อาเขยคิดไม่ซื่อกับหลานสาวของคู่หมั้น เรื่องต้องห้ามจึงเกิดขึ้น
(พิกานxกานต์ระพี) เมื่อว่าที่อาเขยคิดไม่ซื่อกับหลานสาวของคู่หมั้น เรื่องต้องห้ามจึงเกิดขึ้น
ทันทีที่รถตู้จอดเทียบข้างรั้วหน้าบ้าน ประตูด้านข้างก็ถูกเลื่อนออก เปิดทางให้เด็กสาวสองคนในชุดนักเรียนมัธยมปลายได้ก้าวลงจากรถ ก่อนที่คนขับจะพารถคันนั้นแล่นห่างออกไป เพื่อส่งนักเรียนคนอื่นๆ ต่อไป
เด็กสาววัยสิบแปดสองคนที่ความสูงไล่เลี่ยกัน ผูกผมเป็นหางม้าและผูกโบสีเดียวกัน ก้าวตามกันเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่คนแถวนี้ไม่ได้เรียกว่าบ้าน แต่เรียกว่าคฤหาสน์ เพราะนอกจากตัวบ้านจะโอ่อ่าหรูหราแล้ว อาณาบริเวณยังกว้างขวาง สมฐานะเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการ หากจะมีอะไรที่ดูขัดแย้งไปบ้าง ก็ตรงที่หลานสาวไม่มีคนขับรถส่วนตัวคอยรับส่งเฉกเช่นคุณหนูทั่วไป ทว่ากลับต้องนั่งรถตู้รับส่งตามคำสั่งของผู้ปกครอง
แพรววดีไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการไปโรงเรียนด้วยรถตู้ รู้ดีว่าอาของตนต้องการฝึกความอดทน ให้รู้จักความลำบาก และรู้จักที่จะใช้การสัญจรแบบสาธารณะร่วมกับผู้อื่น
วันนี้หลานสาวเจ้าของบ้านไม่ได้กลับมาคนเดียว แต่มีเพื่อนที่สนิทและกำลังจะเป็นดองกันอย่างกานต์ระพีติดสอยห้อยตามมาด้วย
“เป็นอะไรไปกานต์ เข้าบ้านกันเถอะ” แพรววดีหันไปมองเพื่อนสาวที่มีอาการคล้ายลังเลเล็กน้อย หนำซ้ำพวงแก้มยังแดงระเรื่อ ซึ่งนั่นคงจะเกิดจากความเขินอายของเจ้าตัว
“เราเขินอะแพรว เราว่าเรากลับดีกว่า” กานต์ระพีบอกแบบป๊อดๆ มือกำช่อกุหลาบสีแดงแน่นขึ้นกว่าเดิม หัวใจเต้นแรงตึกตัก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะมาเปิดเผยความในใจที่มีต่อผู้ชายคนหนึ่ง หรือภาษาวัยรุ่นเรียกว่าสารภาพรักนั่นเอง
“ได้ไงมาถึงขนาดนี้แล้ว เถอะน่าเชื่อเรา ไม่มีอะไรน่าอายสักนิด อย่าลืมนะวาเลนไทน์มีแค่ปีละครั้ง หรือว่ากานต์จะยกไปปีหน้าล่ะ ถ้าพี่พิชชอบคนอื่นก่อนจะทำยังไง” แพรววดีทั้งเชียร์ทั้งยุอย่างออกนอกหน้า เพราะอยากให้เพื่อนสาวกับพี่ชายตัวเองตกลงปลงใจเป็นแฟนกัน และเพราะแรงยุนั้นก็ทำให้กานต์ระพีถอนตัวไม่ได้
“ถ้าพี่พิชไม่รับดอกไม้เราล่ะ เราจะเอาหน้าไปไว้ไหน”
“ต้องรับสิ อย่างน้อยพี่พิชก็ต้องเกรงใจอาพิกับอาก้อยบ้างล่ะ อย่าลืมสิว่าถ้าอาพิกับอาก้อยแต่งงานกันเมื่อไหร่ เราสองบ้านก็เป็นญาติกันแล้วนะ พี่พิชไม่กล้าหักหน้ากานต์หรอก”
“แบบนั้นก็จะไม่ต่างกับมัดมือพี่พิชชกเหรอ แล้วถ้าพี่พิชมีแฟนแล้วล่ะ”
“เราเอาหัวเป็นประกันเลยนะว่าพี่พิชยังไม่มีแฟน โอเค อาจจะมีผู้หญิงที่ควงๆ กันอยู่บ้าง แต่ที่ตกลงคบกันเป็นแฟนจริงๆ ยังไม่มี เราถึงเชียร์กานต์ไง เราไม่อยากได้พี่สะใภ้แบบที่ตัวเองไม่ได้เลือก นั่นไงเสียงรถแล่นเข้ามาพอดี คงเป็นพี่พิชแหละ เพราะช่วงนี้อาพิกลับดึก กานต์จัดการให้เรียบร้อยนะ เราจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้ารอฟังข่าวดี” ว่าแล้วแพรววดีก็ก้าวขึ้นชั้นสอง เพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนสาวได้สารภาพความในใจกับพี่ชายตัวเองตามลำพัง
หัวใจของสาวสิบแปดหยกๆ อย่างกานต์ระพีเต้นแรงตึกตัก ยิ่งเมื่อมีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา หน้าเธอก็ยิ่งร้อนซ่านเพราะเขินอายสุดขีด
“นี่เธอมาทำอะไรที่นี่”
เสียงเสียงนั้นไม่ใช่เสียงของคนที่กานต์ระพีรอคอย แต่เป็นเสียงของคนที่มีอำนาจสูงสุดในบ้านหลังนี้ ความสูงของเขาคะเนได้ว่าน่าจะกว่าหกฟุต สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวพับมาถึงข้อศอก ช่วงล่างเป็นกางเกงสแล็กสีดำเนื้อดี เข้ากับรองเท้าหนังมันปลาบ ผมที่หวีเรียบไปด้านหลังแม้จะยุ่งเหยิงไปบ้าง แต่ใบหน้านั้นก็ยังดูโดดเด่นชวนเกรงขาม
“คุณพิธาน!” กานต์ระพีเรียกชื่อว่าที่อาเขยตัวเอง สีหน้าและน้ำเสียงดุๆ ของเขาทำให้เธอลืมความเขินอายไปชั่วขณะ ทำให้เธอต้องรีบเอาดอกไม้ซ่อนไว้ด้านหลังอย่างเด็กที่กำลังมีเรื่องปกปิดผู้ใหญ่
“เธอยังไม่ได้ยกมือไหว้ฉัน” เขาทวงถามมารยาทที่กานต์ระพีไม่ได้ลืม เพียงแต่มือเธอไม่ว่างที่จะยกขึ้นไหว้เขาได้
“สวัสดีค่ะ” กานต์ระพีเพียงแค่เอ่ยปากและโค้งศีรษะลงเป็นการทักทายแทน
“มาติวหนังสือหรือว่ามาทำรายงานล่ะ”
“เปล่าค่ะ หนูมาหาพี่พิช”
“เป็นผู้หญิงยิงเรือควรรักนวลสงวนท่าทีบ้าง หรือดูไม่ออกว่าผู้ชายเขาไม่สน”
ทันทีที่ได้ยินว่าเธอมาหาใคร ว่าที่อาเขยก็ตำหนิตรงๆ ด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรงและไม่ถนอมน้ำใจเลยสักนิด ทำเอากานต์ระพีอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เพราะที่ผ่านมาพิชญะไม่ได้แสดงท่าทีว่าสนใจเธอเลยจริงๆ
“หนูอาจจะยังเด็ก พี่พิชเลยยังไม่มอง แต่ถ้าหนูเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อไหร่ พี่พิชอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”
“เธอก็เลยรีบมาเสนอตัว เผื่อว่าตาพิชจะชายตาแลว่างั้นเถอะ” พิธานสาดคำพูดแรงๆ ใส่ต่อทันที เขาทำเหมือนว่าเธอมีความผิดมหันต์ ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องและสิทธิ์ส่วนตัวของเธอมิใช่หรือ
“มันสิทธิ์ของหนูไม่ใช่เหรอคะ”
“สนใจแต่สิทธิ์ โดยไม่สนใจศักดิ์ศรีตัวเองเลยอย่างนั้นเหรอ”
“หนูไม่ได้ทำอะไรเสียหายนี่คะ ทำไมคุณตำหนิหนู เหมือนหนูทำเรื่องผิดร้ายแรงนักหนา ทั้งที่ความจริงแล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะว่ากล่าวหนูด้วยซ้ำ” ไม่ได้อยากเถียงผู้ใหญ่ แต่กานต์ระพีต้องการปกป้องตัวเอง เพราะเขาตำหนิเธอรุนแรงมากเกินไปแล้ว
เธอ...รักอย่างภักดีและเจียมใจ เขา...จ้องแต่จะทำลาย เลยทำทุกอย่างเพื่อหลอกให้รัก สุดท้าย...สิ่งที่เธอได้รับการตอบแทน จากรักที่แสนภักดีก็คือคำว่า ง่าย ที่เขาตะโกนใส่หน้าอย่างไม่คิดแม้แต่จะสงสาร
ศาสตรา ภูวเดชาธร คือผู้ชายที่ ภัคธีมา บอกตัวเองว่าเขาช่างร้ายกาจสมกับชื่อ ผู้ชายคนนี้พร้อมจะฟาดฟันให้เธอย่อยยับแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งๆ ที่เธอคือว่าที่น้องสะใภ้ หรือเขารังเกียจว่าเธอจน ไม่คู่ควรกับคนในตระกูลภูวเดชธรเจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ เขาจึงกีดกันเธอกับน้องชายเขาทุกวิถีทาง แม้ภัคธีมาพยายามจะไม่ข้องแวะกับเขา หากทว่าในที่สุด โชคชะตาก็กลั่นแกล้ง ให้ต้องตกไปอยู่ในบ่วงพันธนาการของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภัคธีมาจึงได้แต่นับวันรอ… รอวันที่กริชผู้แข็งกร้าวอย่างเขาจะปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่ครั้นเมื่อถึงเวลาจริงๆ มันกลับไม่ง่ายเลย เพราะหัวใจที่แสนอ่อนไหวถูกบ่วงเสน่หาร้อยรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ร่างบางดำดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ร่างกายทุรนทุรายเพื่อความอยู่รอด แต่ใจเธอยอมแพ้แล้ว มันอึดอัด มันหนาวเหน็บ นี่สินะความตาย ความตายของเธอที่พี่อิสร์ต้องการ เอมทำให้แล้วนะคะ หวังว่าการกระทำของเอมในครั้งนี้ จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เอมทำให้พี่อิสร์มีความสุข ขอให้ความรักความแค้นระหว่างเราจบลงแค่นี้ เอมเจ็บ เจ็บจนไม่อยากจะหายใจแล้วเช่นกัน ขอบคุณที่บอกให้เอมมาตาย มันน่าจะเป็นหนทางดับทุกข์ที่ดีที่สุดของเอมแล้ว ลาก่อนค่ะพี่อิสร์...
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับว่าที่เจ้าบ่าวในคืนแต่งงาน ทำให้พรรษรดาต้องเข้าพิธีกับน้องชายของเจ้าบ่าวแทน แม้วิวาห์ครั้งนี้จะเป็นเพียงวิวาห์สมมติในความรู้สึกของเขาและเธอ หากทว่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ข้างในนั้นต่างหากที่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอจะกล้าบอกความในได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายที่เธอมีใจใฝ่ปองและอยากแต่งงานด้วยจริงๆ ก็คือเขา ในเมื่อผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี เอาแต่เฉยเมยเย็นชาใส่ ซ้ำยังเอ่ยปากขอหย่าอยู่หลายครั้ง พรรษรดาจะจัดการปัญหาหัวใจครั้งนี้อย่างไรดี ในเมื่อยิ่งเขาทำให้เจ็บ หัวใจไม่รักดีก็ยิ่งรักเขามากขึ้นๆ เธอควรรั้งเขาไว้ให้เป็นสามีในนามเพื่อทรมานใจกันเล่นๆ หรือว่าปล่อยเขาไปให้สมรักกับผู้หญิงอื่นตามที่เขาร้องขอ ***ตัวอย่าง*** “ฉันรักเธอพรรษรดา ฉันรักเธอ รักเธอคนเดียว” เขาสารภาพออกมาเสียงแหบห้าว นัยน์ตาหม่นมัวไปด้วยแรงรักแรงปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ข้างใน “คุณภู...” “หัวเราะสิ หัวเราะเยาะฉัน หัวเราะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่มันเป็นทาสรักของเธออย่างโงหัวไม่ขึ้นมาตลอดหลายปี หัวเราะเยาะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่ตัดใจไม่ได้เสียที” คำสารภาพของเขาเหมือนระลอกคลื่นยักษ์ที่กระแทกโครมเข้าใส่หัวใจดวงน้อยของพรรษรดา เธอถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะแบกรับความรู้สึกอันท่วมท้นนั้นไม่ไหว “ฉันมันคงน่าสมเพชมากสินะ” ร่างใหญ่ขยับตัวเหมือนจะถอดถอนออกไป แต่พรรษตวัดขารัดรอบเอวสอบไว้แน่น ทำให้เขาดำดิ่งเข้ามาฝังลึกอยู่ในช่องสาวอีกครั้ง “อย่าบังอาจลุกจากตัวพรรษ” เธอแหวใส่เขาเสียงดังลั่น ตัวสั่นเทาเพราะความรัญจวนและความเต็มตื้นในหัวใจ “พรรษรดา...” “อย่าคิดว่าจะผลักไสพรรษง่ายๆ อีก รู้มั้ยว่าพรรษรอนานแค่ไหน รู้ไหมว่าต้องเสียน้ำตาไปกี่ครั้งเมื่อคิดว่าตัวเองรักคุณภูข้างเดียว อย่ามาบอกรักพรรษ ล้อเล่นกับหัวใจพรรษแล้วหนีไปง่ายๆ อีก พรรษไม่ยอมอีกแล้ว คราวนี้พรรษจะตามรังควานไปตลอดชีวิตเลย อย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสมีความสุขกับผู้หญิงคนไหน อย่าหวังว่าจะได้บอกรักใครอีก เพราะคำว่ารักของคุณภูจะเป็นของพรรษคนเดียวตลอดไป”
ในเมื่อเธอเป็นเมียที่ได้มาจากการทรยศ ความรู้สึกเดียวที่เธอจะได้รับจากเขาก็มีแค่ ความชัง เท่านั้น อย่างหวังว่า เขาจะเลิกชัง อย่าหวังว่า เขาเหลียวแล อย่าหวังว่า จะได้แม้แต่เศษเสี้ยวความรักของเขา นภัทรบอกตัวเองเช่นนั้น อย่างหนักแน่นอยู่เสมอ แต่ความเกลียดชังโกรธแค้นของเขามันน้อยลงตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเป็นเพราะนัยน์ตาเศร้าๆ ซื่อๆ ของเด็กคนนั้น ที่มันค่อยๆ เขย่าความเย็นชาในหัวใจเขา ให้กลายเป็นความรู้สึกอื่น
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
หนานซ่งเป็นภรรยาที่ดีมาสามปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำให้หยูจินเหวินตกหลุมรักเธอได้ และยังต้องการหย่ากับเธอเพื่อผู้หญิงตีสองหน้าเก่งคนหนึ่งด้วยซ้ำ ช่างเถอะ จะหย่าก็หย่าเลย ฉันไม่เล่นด้วยแล้ว เธอลบร่องรอยของตัวเองทั้งหมด หายไปจากโลกของเขาโดยสิ้นเชิง จากนั้นพลิกผันกลับอย่างสง่างามและกลายเป็นคู่หูในฝันของเขา หนานซ่งมองสามีเก่าของเธออย่างเย็นชา "อยากร่วมมือกับฉันเหรอ คุณเป็นใครกัน" มีผู้ชายจะมีประโยชน์อะไร ฉันจะโดดเด่นคนเดียว ต่อมาหยูจินก็ตามจีบภรรยาเก่าของเขาจากนั้นพบว่า - หัวหน้าแฮ็กเกอร์คือเธอ เชฟชื่อดังระดับนานาชาติคือเธอ หมอระดับนานาชาติชื่อดังคือเธอ ปรมาจารย์การแกะสลักหยกคือเธอ... ล้วนเป็นเธอ! เมื่อเห็นว่าเส้นทางตามจีบภรรยาของเขายิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ หยูจินเหวินก็สติแตก! คุณมีตัวตนอีกมากเท่าไรที่ฉันไม่รู้? - - หนานซ่ง: ใจเย็นๆ ฉันเก่งในทุกๆ ด้าน ตามจีบต่อเลย
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
© 2018-now MeghaBook
บนสุด