แผนการอันแยบยล ถูกอำพรางเอาไว้ด้วยคำว่าผิดพลาด
แผนการอันแยบยล ถูกอำพรางเอาไว้ด้วยคำว่าผิดพลาด
ต้องตาต้องใจ
เช้าวันต่อมาที่คฤหาสน์ของตระกูลดัง
“แกมากรุงเทพกี่วันแล้ว” ผู้ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหาลูกชาย ร่างหนาที่มีความสูงที่ไม่ต่างจากลูกชายนั่งลงบนโซฟาหนังราคาแพง ผู้ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อลูกชายยังคงปิดปากเงียบ และทำเป็นไม่ได้ยินคำถามที่ถามออกไป ร่างหนายังคงนั่งนิ่งและไม่สนใจการมาของเขา
“ตกลงเรื่องงานที่บริษัทแกจะว่ายังไง” เปลี่ยนเป็นพูดถึงบริษัทส่งออกของครอบครัว ขุนพลเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล เขาก็เลยอยากให้ลูกชายมาดำรงตำแหน่งแทนคนที่อยากวางมือคิดในใจ
“ก็เมียเด็กของคุณไงให้มาทำงานบ้างสิ ไม่ใช่วันๆเอาแต่ปรนนิบัติผัวอย่างเดียว” ส่งสายตาแห่งความเกลียดชังไปให้กับหญิงสาวที่เดินเข้ามา
“ฉัน” เสียงหวานอึกอักอยู่ในลำคอ ผู้ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นมาห้าม
“คงจะใช้เงินเป็นอย่างเดียว” กระตุกยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ เมื่อเห็นว่าใบหน้าสวยซีดเผือด ร่างหนาที่นั่งกระดิกขาอยู่เปลี่ยนเป็นลุกขึ้นยืน
“นั่นแกจะไปไหน”
“เรื่องแค่นี้ใช่ไหมที่คุณจะให้ผมทำ” ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
“แล้วตกลงแกจะว่ายังไง ฉันอยากวางมือเต็มที”
“อย่าเพิ่งวางมือสิครับ เดี๋ยวคุณหมดผลประโยชน์ก็โดนเมียทิ้งหรอก เมียของคุณยิ่งหน้าเงินอยู่ด้วย” พูดเสียงหยัน พลางตวัดสายตามองไปที่หญิงสาว
“ไอ้ต่อ” เรียกลูกชายเสียงเข้ม ร่างสูงของคนที่ถูกเรียกกลับไม่คิดที่จะสนใจน้ำเสียงที่แข็งกระด้างของคนที่เป็นพ่อ
“ผมขอตัวและทีหลังอย่าส่งคนไปวุ่นวายที่เหมืองอีก ส่วนเรื่องงานผมไม่อยากยุ่ง” พูดจบก็ก้าวเท้าเดินออกไปและไม่หันมามองคนที่อยู่ข้างหลังอีก
“เดี๋ยวฉันไปคุยกับเขาเองค่ะ” ร่างบางรีบเดินแกมวิ่งไปหาร่างหนา เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาของคนที่เดินมาจากทางด้านหลัง ทำให้คนที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ต้องปล่อยควันสีขาวออกมาจากปากและจมูก
“ต่อ” เสียงหวานเรียกชื่อของอดีตแฟนหนุ่ม ร่างหนาที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำคู่กับกางเกงยีนส์ยืนนิ่ง เท้าหนาที่อยู่ในรองเท้าหนังกำลังจะก้าวเท้าออกไปแต่แล้วคนตัวโตก็ต้องกัดฟันกรอด เมื่อเอวสอบถูกตรึงไว้ด้วยอ้อมแขนของใครบางคน ใบหน้าหวานซบลงที่แผ่นหลังกว้าง
“ต่อ ฉันขอโทษนะคะ ฉันขอโทษ” เสียงหวานเจือสะอื้นแผ่วเบา น้ำตาร้อนๆไหลซึมลงบนเสื้อตัวหนา
“เอาแขนของเธอออกไป” เค้นเสียงรอดไรฟันด้วยความเดือดดาล
“ฉันไม่ได้ต้องการให้เรื่องของเราเป็นแบบนี้” พูดยังไม่ทันจบ ร่างบางก็ถูกผลักให้ล้มไปกับพื้น
“กรี๊ด” หวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ดวงตาที่ชุ่มไปด้วยน้ำตามองหน้าของอดีตคนรักด้วยความเจ็บปวด
“ฉันไม่มีวันยกโทษให้กับเธอ ผู้หญิงเห็นแก่เงิน” พูดจบก็ปล่อยบุหรี่ที่สูบอยู่ลงบนพื้น ตามด้วยเท้าใหญ่ที่เหยียบบุหรี่จนแหลกเป็นผุยผง
“ไอ้เดชากลับ” เสียงห้าวตะโกนเรียกชื่อของลูกน้องหนุ่ม ไม่ถึงนาทีรถกระบะคันเก่าก็แล่นเข้ามาจอดลงตรงหน้าของเจ้านาย
“เดี๋ยวกูขับเอง” กระชากประตูรถให้เปิดออก ร่างหนาเข้าไปนั่งในตำแหน่งของคนขับ เท้าใหญ่เหยียบเข้าที่คันเร่งและเบิ้ลเครื่องรถเสียงดัง
“บรื้น บรื้นนนนนนนน” ควันสีดำลอยพวยพุ่งเต็มหน้าบ้าน ก่อนที่รถคันเก่าจะกระชากตัวออกไปด้วยความเร็ว หญิงสาวที่ยืนอยู่มองตามอดีตคนรักด้วยความเจ็บปวด ถึงแม้ว่าเธออยากจะขอโทษและขอโอกาสมากแค่ไหน แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว เมื่อตอนนี้เธอเป็นภรรยาของบิดาของชายหนุ่มนั่นเอง
“ฉันขอโทษ ที่ทำให้เธอกับเจ้าต่อต้องเลิกกัน” ผู้ชายวัยกลางคนพูดขึ้น หลังจากที่แอบดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ หญิงสาวที่ได้สติรีบยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาของตัวเองอย่างลวกๆ
“ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณ” หญิงสาวรีบเดินเข้าไปในบ้านทันทีที่พูดจบ โดยมีสายตาแห่งความเป็นห่วงมองตามไปอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา
ร่างสูงที่ไม่ต่างจากลูกชายเดินไปยังห้องทำงานที่อยู่ติดกับห้องนอนใหญ่ ร่างทรงพลังนั่งลงบนโซฟาตัวยาว ศีรษะได้รูปพิงเข้ากับพนักโซฟา ดวงตาคู่คมหลับตานิ่งและคิดถึงวันเก่าๆ
ภายในงานแต่งงานของลูกสาวของเพื่อนสนิท ขุนศึกนักธุรกิจรุ่นใหญ่ที่อยู่ในชุดสูทสีเข้มเดินก็มาร่วมงานวันนี้ด้วย เมื่อสาวสวยที่เป็นเจ้าสาวเป็นลูกสาวของเพื่อนรัก ร่างสูงใหญ่เดินเข้มาในงานและส่งยิ้มมีเสน่ห์ให้กับเหล่าบรรดาสาวสวยที่ส่งยิ้มมา ถึงแม้ว่าอายุจะเข้าสู่เลขห้าไปแล้วก็ตาม แต่ด้วยหน้าตาที่ยังคงความหล่อเหลา บวกกับร่างกายที่บึกบึนทำให้สาวๆต่างก็มองมาอย่างให้ความสนใจ ตั้งแต่ที่ภรรยาคู่ชีวิตจากไปเขาก็ไม่คิดที่จะรักใครอีก ผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาก็แค่บำเรอความใคร่เท่านั้นเขาไม่คิดที่จะจริงจังกับใครอีก คนรักสนุกแต่ไม่คิดผูกพันคิดในใจ เท้าหนาเดินเข้าไปยังห้องจัดเลี้ยง แต่แล้วดวงตาที่ทรงเสน่ห์ก็มองเห็นหญิงสาวที่เป็นเจ้าสาวของงาน ริมฝีปากหยักระบายยิ้มอบอุ่นออกมา
“หนูฟ้า” เสียงทุ้มเรียกเจ้าสาวแสนสวย
“คุณอา สวัสดีค่ะ ฟ้านึกว่าคุณอาจะไม่มางานของฟ้าเสียแล้ว” ฟ้าใสพนมมือไหว้เพื่อนรักของบิดาด้วยความนอบน้อม
“งานแต่งงานของหลานสาวทั้งคนอาจะไม่มาได้ยังไง นี่ของขวัญสำหรับเจ้าสาวคนสวยจ้ะ” ยื่นกล่องของขวัญให้กับเจ้าสาว
“ขอบคุณค่ะ คุณอา” ยกมือขึ้นมาไหว้อีกรอบพร้อมด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ
“แล้วพ่อของเราไปไหนล่ะ” ชะเง้อหาเพื่อนรักที่นัดกันเอาไว้
“อยู่ในงานค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปในงานกันดีกว่านะ” ชวนเจ้าสาวแสนสวย
“ฟ้ารอเพื่อนอยู่ค่ะคุณอา ไม่รู้ว่ามาถึงหรือยัง” มอ’หาเพื่อนสาวไปด้วย
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวอาจะรอเป็นเพื่อน” พูดอย่างผู้ใหญ่ใจดี
“นั่นไงคะ เพื่อนของฟ้ามาแล้วค่ะ” บอกกับชายหนุ่มพร้อมกับมองไปที่เพื่อนสาว ร่างสูงใหญ่มองตามสายตาของเจ้าสาวคนสวยก็พบเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง หญิงสาวอยู่ในชุดราตรีสีชมพูเรียบหรู ชุดที่หญิงสาวสวมใส่ช่วยขับผิวให้กระจ่างใสมากขึ้นไปอีก ร่างสูงมองหญิงสาวรุ่นลูกราวกับต้องมนต์
“คุณอาคะนี่ปิ่นเพื่อนรักของฟ้าค่ะ ส่วนนี่คุณอาขุนศึกจ้ะ” เจ้าสาวคนสวยแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน
“สวัสดีค่ะคุณอา” ยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมและอ่อนหวาน เสียงหวานใสพร้อมกับริมฝีปากที่คลี่ยิ้มทำให้คนตัวโตแทบจะละสายตาไปจากดวงหน้าหวานไม่ได้เลยทีเดียว ใจดวงแกร่งเต้นรัวราวกับคนหนุ่มที่เจอหญิงสาวที่ถูกใจ
“แล้วแฟนของแกล่ะไม่มาด้วยเหรอ” ฟ้าใสถามเพื่อนสาว
“อย่าไปสนใจเลย” ตอบกลับด้วยความน้อยใจ งานแต่งงานของเพื่อนสาวในวันนี้ คนที่มีแฟนเขาก็ต่างพาแฟนของตัวเองมาด้วยกันทั้งนั้น จะมีก็แต่เธอนี่แหละที่ไม่มีใครมาด้วย คิดแล้วก็อดที่จะน้อยใจแฟนหนุ่มไม่ได้
“ฉันก็อยากเห็นแฟนของแกเหมือนกันนะ” เจ้าสาวคนสวยเย้า
“เอาไว้ถ้าเขาขึ้นมากรุงเทพฉันจะรีบนัดแกเลย” บอกปัดอย่างขอไปที และยังไม่รู้เลยว่าขุนพลจะมากรุงเทพเมื่อไหร่ หรืออาจจะไม่มาเลยก็ได้
“โอเค โอเค คุณอาฟ้าว่าเราเข้าไปในงานกันดีกว่านะคะ” พูดกับเพื่อนสาวเสียงใส ก่อนที่จะหันไปหาผู้ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ไปสิ” รับคำและเดินตามหลังของหญิงสาวทั้งสองคนไป
ภายในงานแต่งงานของไฮโซสาว หญิงสาวที่เป็นเพื่อนสนิทยืนมองเพื่อนสาวที่อยู่ในชุดเจ้าสาวฟูฟ่องและระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ฟ้าใสเป็นลูกคนรวยก็จริงแต่ก็ไม่เคยรังเกียจเธอเลยสักครั้ง ร่างบางยืนมองเพื่อนสาวและดื่มน้ำพั้นซ์ไปพลางๆ หญิงสาวที่อยู่ในชุดราตรีตัวยาวหมุนตัวเพื่อจะออกไปรับอากาศข้างนอก แต่ด้วยไม่ทันระวังก็ปะทะเข้ากับร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่ง แก้วน้ำพั้นซ์หกรดเสื้อผ้าของผู้ชายคนนั้น
“อ้ะ ฉันขอโทษค่ะ ฉันทำเสื้อของคุณเปียกหมดเลย” รีบคว้ากระดาษที่อยู่ใกล้มือมาซับน้ำที่เปียกเสื้อราคาแพง
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนเสื้อก็ได้” พูดอย่างอารมณ์ดี แต่สายตากลับจ้องที่เหยื่อสาวด้วยสายตาที่แพรวพราว
“ฉันขอโทษจริงๆนะคะ ให้ฉันเอาเสื้อของคุณไปซักดีกว่านะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมซักเองดีกว่า” มองเหยื่อสาวอย่างมีเลศนัย ด้านคนที่ถูกมองรู้สึกร้อนๆหนาวๆแปลกๆ
“แต่ถ้าคุณอยากขอโทษผมจริงๆ ดื่มเป็นเพื่อนผมสักแก้วนะครับ” หยิบเหล้าที่เด็กเสิร์ฟถือมา
“ได้ค่ะ” รับแก้วเหล้ามาถือไว้
“ดื่มครับ” เอาแก้วของตัวเองไปแตะที่แก้วของหญิงสาว ดวงตาที่วาววับมองหญิงสาวที่ดื่มเหล้าทีเดียวจนหมดแก้วพร้อมกับรอยยิ้มร้าย
เมื่อความรักที่เคยสวยงามเปลี่ยนไป ความแค้นและความเกลียดชังเข้ามาแทนที่ หญิงสาวที่หอบหัวใจและร่างกายที่บอบช้ำจากมาก็พร้อมที่จะเอาคืนทุกคนอย่างสาสม โดยเฉพาะผู้ชายคนนั้น
หญิงสาวที่แสนซื่อและแสนดีถูกทำร้ายและลงทัณฑ์ เพียงเพราะเธอคือน้องสาวของผู้หญิงคนนั้น
คำว่ารักของเธอ เปรียบเสมือนสายน้ำที่ไม่มีวันไหลกลับ ไม่ว่าวันและเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน คนที่ไม่รักก็ไม่มีวันรักอยู่วันยังค่ำ
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ยัยเด็กขาดสารอาหารคนนี้หรอ คือลูกสาวคนใหม่ของแม่.. เด็กอะไร ขวางหูขวางตาชะมัด เจอหน้ากันเอาแต่ก้มหน้าหลบตา แต่ทำไมยัยเด็กนี่ถึงสวยวันสวยคืน..ถ้าเขาจะแอบกินเด็กของแม่..จะผิดไหม
หนานซ่งเป็นภรรยาที่ดีมาสามปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำให้หยูจินเหวินตกหลุมรักเธอได้ และยังต้องการหย่ากับเธอเพื่อผู้หญิงตีสองหน้าเก่งคนหนึ่งด้วยซ้ำ ช่างเถอะ จะหย่าก็หย่าเลย ฉันไม่เล่นด้วยแล้ว เธอลบร่องรอยของตัวเองทั้งหมด หายไปจากโลกของเขาโดยสิ้นเชิง จากนั้นพลิกผันกลับอย่างสง่างามและกลายเป็นคู่หูในฝันของเขา หนานซ่งมองสามีเก่าของเธออย่างเย็นชา "อยากร่วมมือกับฉันเหรอ คุณเป็นใครกัน" มีผู้ชายจะมีประโยชน์อะไร ฉันจะโดดเด่นคนเดียว ต่อมาหยูจินก็ตามจีบภรรยาเก่าของเขาจากนั้นพบว่า - หัวหน้าแฮ็กเกอร์คือเธอ เชฟชื่อดังระดับนานาชาติคือเธอ หมอระดับนานาชาติชื่อดังคือเธอ ปรมาจารย์การแกะสลักหยกคือเธอ... ล้วนเป็นเธอ! เมื่อเห็นว่าเส้นทางตามจีบภรรยาของเขายิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ หยูจินเหวินก็สติแตก! คุณมีตัวตนอีกมากเท่าไรที่ฉันไม่รู้? - - หนานซ่ง: ใจเย็นๆ ฉันเก่งในทุกๆ ด้าน ตามจีบต่อเลย
© 2018-now MeghaBook
บนสุด