สวี่กงเหมย บุตรสาวบุญธรรมของปรมาจารย์หมื่นพิษ ต้องคอยเป็นผู้ดูแลและปรุงยาให้กับเขา ท่านแม่ทัพแห่งแดนเหนือ ตั้งแต่อยู่บนหุบเขาหมื่นพิษ แล้วยังต้องตามไปดูแลถึงชายแดนเหนือและในเมืองหลวงจนกว่าจะครบหนึ่งปี เซวียนจางหย่ง แม่ทัพแห่งชายแดนเหนือ ผู้ที่มีศักดิ์และฐานะอันสูงส่ง ในชีวิตนี้ คุณหนูนางใด หญิงสาวคนไหน ที่ว่ามีความเพียบพร้อมในทุกด้าน ตัวเขากลับมิเคยชายตาแล แต่คงใช้ไม่ได้กับสาวน้อยบ้านป่าคนนี้ เจอกันครั้งแรกนางก็หมายยิงเขาด้วยธนูเสียเเล้ว จากนั้นตัวเขาและนางก็กลายเป็นเหมือนน้ำมันกับไฟ ถึงแม้นางจะกลั่นแกล้งเขาไว้มากน้อยเพียงไหนในตอนที่อยู่ในหุบเขาหมื่นพิษ เขากลับมิเคยโกรธ และไม่รู้ว่านานเพียงใด ที่ไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น สายตาของเขาก็มีไว้เพียงมองนางเท่านั้น
เหตุผลหลักที่ทำให้แคว้นจิ้งเข้มแข็งและเรืองอำนาจกว่าแคว้นอื่นใดในอาณาจักรปกครองตนเอง หลักด้วยฮ่องเต้มากความสามารถกรอปกับแม่ทัพกล้าหาญและเชี่ยวชาญการรบ เช่น เซวียนจางหย่ง ผู้พิทักษ์แผ่นดินข้างกายพระปิตุลา
เขาคือบุตรชายของเซวียนกั๋วกงแม่ทัพใหญ่และองค์หญิงรองเยวี่ยหลี พระธิดาในอุทรของไทเฮาผู้เป็นพระขนิษฐาร่วมสายโลหิตของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน(เยวี่ยจั้น) พ่อ แม่ ลูก พร้อมหน้าได้เพียงไม่ถึงหนึ่งหนาวพระมารดาก็ต้องมาจากไปทั้งที่เซวียนจางหย่งยังไม่อาจได้จดจำใบหน้ามารดาได้ด้วยซ้ำ เยวี่ยหลีผู้อาภัพจากลาบุตรและสามีของนางอย่างไม่มีวันกลับ รวดเร็วเกินกว่าที่เซวียนกั๋วกงจะรับโชคชะตาอันเป็นไปนี้ได้
“ขอพระองค์ทรงลงพระราชโองการด้วยเถิด” น้ำเสียงห้าวหาญของแม่ทัพใหญ่เซวียนกั๋วกงก้องกร้าวไปทั่วท้องพระโรง สองเข่าคุกลงก้มหน้าต่อราชบัลลังก์ที่ว่างเปล่าเช่นนั้นอยู่สามชั่วยาม เรื่องถึงพระกรรณฮ่องเต้ พระองค์จึงได้เสด็จออกท้องพระโรงในเวลาต่อมา
“ฮ่องเต้เสด็จ” เสียงเบิกทางขานก้องระหว่างทางพระราชดำเนิน ก่อนที่เงาแห่งอำนาจจะทอดยาวผ่านประตูท้องพระโรงที่ไม่ได้ลงดานตลอดสามวัน
“เหตุใดท่านจึงอยากจะออกทัพเล่า ทหารที่หัวเมืองเหนือของเราก็ยังเข้มแข็ง ทั้งจางหย่งก็เพิ่งจะได้เพียงสามหนาว” ซุ่มเสียงทรงอำนาจเอ่ยเนิบนาบเต็มไปด้วยความปรานี
“หัวเมืองเหนือกำเริบด้วยคนเถื่อนแตกออกเป็นก๊กเป็นเหล่า อาจสั่นคลอนแคว้นจิ้งพ่ะย่ะค่ะ” เซวียนกั๋วกงเอ่ยตอบสิ่งที่มีความจริงเจืออยู่เพียงเสี้ยวด้วยมิอาจเพ็ดทูลความเป็นจริงที่อยู่ภายในใจของเขา เขาจะกราบทูลมูลเหตุว่านับวันที่จางหย่งน้อยเติบโตใบหน้าเล็กของเขาก็ยิ่งละม้ายหญิงอันเป็นที่รักผู้จากไปอย่างไม่มีวันกลับได้อย่างไรกัน ถ้าเขาเพ็ดทูล[ พูดกับเจ้านาย]ออกไปเช่นนั้นนอกจากพระองค์จะไม่ทรงลงราชโองการแล้วเขาอาจจะต้องอาญาในฐานะบิดาที่ทอดทิ้งบุตรได้
“อืม หากท่านเห็นดีเช่นนั้น ข้าก็คงห้ามอะไรไม่ได้สินะ” เซวียนกั๋วกงได้ยินพระบรมราชานุญาตก็เผลอลืมตัวเงยหน้าขึ้นสบพระพักตร์ฮ่องเต้ สายพระเนตรที่ทอดมองเขาเต็มไปด้วยความเมตตา เขาได้แต่นึกคิดอยู่ในใจด้วยไม่รู้จะเอ่ยปากเรื่องจางหย่งน้อยบุตรชายของเขากับองค์ฮ่องเต้อย่างไร
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ” เขาจรดหน้าผากลงเสมอพื้นแสดงความเคารพบุคคลตรงหน้า ในขณะที่ซุนเหย้าถิงขันทีหน้าหอก้าวเข้าไปยืนต่อหน้าพระพักตร์ พานให้เซวียนกั๋วกงเผลอเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็ไม่ทันที่จะรู้ได้ว่าฮ่องเต้มีคำสั่งใดต่อซุนเหย้าถิง[ ขันทีคนสุดท้ายของจีน]
“บุตรชายของท่าน ฮ่องเต้จะทรงรับอุปการะในฐานะพระราชนัดดาของพระองค์” ทันทีที่ซุนเหย้าถิงเอ่ยจบ ความรู้สึกยินดีสายหนึ่งก็แล่นเข้าสู่กลางใจเซวียนกั๋วกง ทว่าเขาก็ไม่อาจแสดงความดีใจที่มีล้นอกต่อพระพักตร์ฮ่องเต้ได้ ทำได้แต่จรดหน้าผากลงกับพื้นแสดงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ตนและบุตรได้รับ
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้พ่ะย่ะค่ะ”เขาคำนับอยู่เช่นนั้นสามครั้งจนกระทั่งฮ่องเต้เสร็จออกจากท้องพระโรง เขารีบแต่งทัพทันทีที่พระบรมราชโองการมาถึงเพื่อเดินทางสู่หัวเมืองเหนือในสามวันถัดไป
…
หลังจากที่กั๋วกงผู้เป็นบิดาแต่งทัพสู่หัวเมืองเหนือในเช้าวันนั้น จางหย่งน้อยก็ได้เดินทางเข้าสู่พระราชวังภายใต้การจัดแจงของซุนเหย้าถิง ความซุกซนน่ารักของจางหย่งน้อยทำให้นางในต่างก็ปั่นป่วนไปด้วยรอยยิ้ม พานให้ความสุขขององค์ไทเฮา[ ตำแหน่งไท่โฮ่ว (ไทเฮา) - เป็นพระอัครมเหสีของฮ่องเต้องค์เก่า อาจเป็นแม่ของฮ่องเต้รัชกาลปัจจุบันหรือไม่เป็นก็ได้]ก็ทวีคูณตามไปด้วย
“องค์ชายน้อยทางนี้เพคะ” เสียงหัวเราะคิกคักสลับเสียงหัวเราะร่าของเด็กน้อยวัยเตาะแตะก้องไปทั่วสวนดอกไม้งดงาม พาให้ข้ารับใช้ต่างก็กระซิบกระซาบในสิ่งที่พวกนางได้เห็น
“ดูรอยยิ้มของไทเฮาสิ ข้าไม่เคยเห็นเช่นนั้นมาก่อนเลย”
“นั่นสิ นั่นสิ”
หลังจากที่องค์ฮ่องเต้รับเซวียนจางหย่งไว้ในพระราชอุปการะ เด็กน้อยวัยสามหนาวก็ได้เข้าพำนักในวังหลวง สายป่านชีวิตของเขาถูกเปลี่ยนจากมือคุณชายจวนกั๋วกงมาเป็นองค์ชายชั้นรองฐานะพระราชนัดดาของฮ่องเต้และองค์ไทเฮา เขาถูกชุบเลี้ยงเฉกเช่นกับเหล่าองค์ชายองค์อื่น ๆ ท่ามกลางความรักของพระปิตุลา[ ราชาศัพท์ แปลว่า ลุง]และพระอัยยิกา[ ราชาศัพท์ แปลว่า ย่า,ยาย]บนวิถีชีวิตที่เรียบง่ายจนเติบใหญ่ เขาเข้านอกออกวังเล็กวังน้อยที่อยู่ภายในวังหลังได้อย่างทะลุปรุโปร่งและมักแวะเวียนไปหาองค์ไทเฮาที่วังโซ่วคังกง ทั้งยังร่วมเสวยพระกระยาหารมื้อเช้ากับฮ่องเต้ที่ตำหนักกลางเสมอ ก่อนที่จะไปร่วมชั้นเรียนกับเหล่าองค์ชายที่วังนอก
ถึงแม้จางหย่งจะเป็นองค์ชายแต่เขาก็เป็นเพียงได้แค่องค์ชายรองไม่อาจมีพระศักดิ์เทียบเท่ากับองค์รัชทายาทผู้เป็นราชบุตรสายตรงจากองค์ฮ่องเต้
ถึงกระนั้นก็ยังมีคำล่ำลือกันเป็นวงกว้างว่าจางหย่งน้อยอาจได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเมื่อเติบใหญ่ ด้วยนับวันความปรีชาชาญทั้งบู๊และบุ๋นของเขาก็ทวีขึ้นรอบด้าน คำล่ำลือนั้นจึงใกล้ที่จะเป็นจริงขึ้นในทุกวัน
…
“ขอฝ่าบาท ได้โปรดพิจารณาด้วยเถิด!”
“ได้โปรดทรงพิจารณาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!!”เสียงอื้ออึงของเหล่าเสนาบดีกึกก้องท้องพระโรงอยู่ซ้ำ ๆ ต่อหน้าบัลลังก์ เพื่อให้พิจารณาการวินิจฉัยแต่งตั้งองค์รัชทายาทนอกสายเลือดนั้นเป็นเรื่องนอกรีต[ จารีต ประเพณี การปฏิบัติกันสืบเนื่องมายาวนาน ]
เรื่องราวนี้ได้เริ่มจากการที่ “ที่รัก” สาวสวยพนักงานใหม่ ตกลงยินยอมแกล้งเป็นแฟนปลอม ๆ ให้ “กันต์ธี” ประธานบริษัทหนุ่มสุดหล่อมาดนิ่ง เจ้าของธุรกิจมากมายรวมทั้งบริษัทที่เธอได้ทำงานอยู่ แต่จากแค่แกล้งเป็นแฟนปลอม ๆ หลายสิ่งหลายอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อทั้งคู่เริ่ม “แอบมีใจให้กัน” เพราะตอนที่ใช้เวลาร่วมกันนั้นได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ทั้งวายป่วงน่าปวดหัว สนุก มีความสุข และอบอุ่นหัวใจ แต่ด้วยเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ในตอนต้น ด้วยสถานะทางสังคมที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง พวกเขาจะกล้าก้าวข้ามเส้นความแตกต่างนั้นหรือไม่? ความรักของทั้งสองจะก่อเกิดขึ้นมาได้จริงหรือ?
สูงศักดิ์ดั่งจักรพรรดิ หรือสามัญชนเช่นบัณฑิต ล้วนถูกพิชิตด้วยภรรยาตัวน้อย สามีจวนอื่นข้านั้นไม่รู้ แต่สองอาหลานราชวงศ์จิ่งล้วนถูกภรรยากลั่นแกล้ง ชุนเสี่ยวป๋าย จะให้ทำอย่างไรได้เล่า บัณฑิตเฒ่าผู้นั้นมิเคยมีท่าทีพึงใจในสตรีนางใด หากชุนเสี่ยวป้ายเฝ้ารอให้เขาเข้ามาทำความรู้จักนางเองแล้วนั้นคงไม่มีวันได้ครองรักกันแน่ ดังนั้นนางจึงต้องบอกกล่าวด้วยตัวเองเสียเลย บัณฑิตเฒ่าผู้แสนหล่อเหลาเจ้าคะ ข้าจะไปเกี้ยวท่านเอง... อู่ซุนต้าเอ้อร์ นางถูกเขาจับพลิกแพลงตะแคงคว่ำอยู่นาน เขาก็ยังมิยอมสงบ พายุรักโหมกระหน่ำดูดแรงกายของอู่ซุนต้าเอ่อร์จนแทบหมดสิ้น ทนแทบมิไหว พลั่ก!! โครม!! รู้ตัวอีกทีทั้งห้องก็เงียบสงัดไร้เสียงหอบกระเส่าและครวญครางเหมือนเมื่อครู่ ร่างเปลือยเปล่าล่อนจ้อนของจักรพรรดิน้อยลงไปกองอยู่ข้างตั่งเตียงโดยมีปลายเท้าของนางยื่นออกไป เหลียนไช่ บัณฑิตเหลียนไช่ซุกไซร้ลำคอขาวของภรรยา เขาสูดดมและขบเม้ม ไล้มือไปทั่วกายนุ่มของนางอย่างหลงใหล มิไหวแล้ว... เขามิอาจทนความน่ารักของชุนเสี่ยวป๋ายได้อีกแล้ว.... “ข้าพลาดแล้วจริงๆ ที่สัญญาว่าจะอ่อนโยนกับเจ้า” จิ่งซานหวง “มิใช่ว่าหม่อมฉันต้องปรนนิบัติพระองค์เหมือนสามีภรรยาหรอกหรือเพคะองค์จักรพรรดิ” “ก็มิใช่ว่าข้าให้เจ้าปรนนิบัติอยู่หรอกหรือ” เขาว่าพลางหลับตาลงไม่อยากมองหน้าสนมโจว นางจึงต้องจำใจอ่านตำราให้เขาฟังอย่างเสียมิได้ คิดมิถึงว่าจักรพรรดิน้อยจะหาทางหลบเลี่ยงการร่วมเตียงกับนางจนได้ ล่วงรู้ไปถึงไหนอับอายไปถึงนั่น ท่ามกลางความซ่านเสียวอู่ซุนต้าเอ่อร์ก็อดถอนใจให้กับตนเองมิได้ คราแรกคิดว่าคืนนี้นางจะได้นอนสบายมิต้องโดนเขาเคี่ยวกรำอยู่แล้วแท้ ๆ แล้วเหตุใดนางจึงยังถูกเขาจับกินได้อีกเล่า!!
สูงศักดิ์ดั่งจักรพรรดิ หรือสามัญชนเช่นบัณฑิต ล้วนถูกพิชิตด้วยภรรยาตัวน้อย สามีจวนอื่นข้านั้นไม่รู้ แต่สองอาหลานราชวงศ์จิ่งล้วนถูกภรรยากลั่นแกล้ง ชุนเสี่ยวป๋าย จะให้ทำอย่างไรได้เล่า บัณฑิตเฒ่าผู้นั้นมิเคยมีท่าทีพึงใจในสตรีนางใด หากชุนเสี่ยวป้ายเฝ้ารอให้เขาเข้ามาทำความรู้จักนางเองแล้วนั้นคงไม่มีวันได้ครองรักกันแน่ ดังนั้นนางจึงต้องบอกกล่าวด้วยตัวเองเสียเลย บัณฑิตเฒ่าผู้แสนหล่อเหลาเจ้าคะ ข้าจะไปเกี้ยวท่านเอง... อู่ซุนต้าเอ้อร์ นางถูกเขาจับพลิกแพลงตะแคงคว่ำอยู่นาน เขาก็ยังมิยอมสงบ พายุรักโหมกระหน่ำดูดแรงกายของอู่ซุนต้าเอ่อร์จนแทบหมดสิ้น ทนแทบมิไหว พลั่ก!! โครม!! รู้ตัวอีกทีทั้งห้องก็เงียบสงัดไร้เสียงหอบกระเส่าและครวญครางเหมือนเมื่อครู่ ร่างเปลือยเปล่าล่อนจ้อนของจักรพรรดิน้อยลงไปกองอยู่ข้างตั่งเตียงโดยมีปลายเท้าของนางยื่นออกไป เหลียนไช่ บัณฑิตเหลียนไช่ซุกไซร้ลำคอขาวของภรรยา เขาสูดดมและขบเม้ม ไล้มือไปทั่วกายนุ่มของนางอย่างหลงใหล มิไหวแล้ว... เขามิอาจทนความน่ารักของชุนเสี่ยวป๋ายได้อีกแล้ว.... “ข้าพลาดแล้วจริงๆ ที่สัญญาว่าจะอ่อนโยนกับเจ้า” จิ่งซานหวง “มิใช่ว่าหม่อมฉันต้องปรนนิบัติพระองค์เหมือนสามีภรรยาหรอกหรือเพคะองค์จักรพรรดิ” “ก็มิใช่ว่าข้าให้เจ้าปรนนิบัติอยู่หรอกหรือ” เขาว่าพลางหลับตาลงไม่อยากมองหน้าสนมโจว นางจึงต้องจำใจอ่านตำราให้เขาฟังอย่างเสียมิได้ คิดมิถึงว่าจักรพรรดิน้อยจะหาทางหลบเลี่ยงการร่วมเตียงกับนางจนได้ ล่วงรู้ไปถึงไหนอับอายไปถึงนั่น ท่ามกลางความซ่านเสียวอู่ซุนต้าเอ่อร์ก็อดถอนใจให้กับตนเองมิได้ คราแรกคิดว่าคืนนี้นางจะได้นอนสบายมิต้องโดนเขาเคี่ยวกรำอยู่แล้วแท้ ๆ แล้วเหตุใดนางจึงยังถูกเขาจับกินได้อีกเล่า!!
กู้เฟยหลง หัวหน้าหน่วยอวี้หลิน ขุนนางผู้ซึ่งทำงานขึ้นตรงต่อองค์ฮ่องเต้ เสียชีวิตจากการตามสืบราชการลับ ทั้งที่ได้ให้สัญญาไว้กับฮูหยินของตนเองว่าจะรีบกลับมาฉลองเทศกาลหยวนเซียวด้วยกัน หยางลี่อิน หญิงสาวที่เข้มแข็ง มีความรู้ทางด้านการแพทย์ ต้องสูญเสียสามีไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่ด้วยความสามารถพิเศษ ทำให้นางรู้ว่าสามีของนางยังไม่จากไปไหน แต่จะทำเช่นไร เมื่อสามีกลับจำนางไม่ได้ เพราะรักจึงท้าทายสวรรค์ ฝืนหวนกลับคืนมายังโลกเบื้องหลัง แต่สวรรค์ใช่ว่าใครก็สามารถท้าทายได้ ราคาที่ต้องจ่าย มักแพงกว่าเสมอ…
อานนท์ ชายหนุ่มโสดอายุ 25 ปี หน้าตาดาษดื่น เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าอุ่นไอรัก อาชีพหลักคือการขายอาหารตามสั่งในฟู๊ดเซนเตอร์ห้างดัง อาชีพรองเป็นผู้ช่วยนักเขียนนิยาย รับจ้างหาข้อมูลต่าง ๆ ส่งให้กับนักเขียน งานไหนได้เงิน อานนท์ทำทั้งหมด ในวันหยุดยาว กลางวันนอกจากต้องไปยืนทำอาหารตามสั่ง กลางคืนยังต้องมานั่งหาข้อมูลส่งให้ผู้ว่าจ้างงานด่วนอีก ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ วิญญาณจึงบ๊ายบายจากโลกเก่า ไปเกิดใหม่ในร่างของจางอี้หมิง บุตรชายตัวน้อยอายุ 5 ขวบของบัณฑิตจาง ที่ถูกบ้านหลักมอบหนังสือแยกบ้าน พร้อมขับไล่ครอบครัวให้มาอยู่บ้านนอก อุตส่าห์ได้กลับมาเกิดใหม่ทั้งทีในครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อ แม่ และย่าตามที่อานนท์เคยฝันไว้ แต่ทำไมถึงแถมความยากจนมาให้เขาด้วย ชาติก่อนก็สู้ชีวิตจนตาย มาชาตินี้ชีวิตสู้กลับยิ่งกว่านิยายที่เขาเคยอ่านเสียอีก นี่สินะ!!! ของฟรีไม่มีในโลก มันต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ
อานนท์ ชายหนุ่มโสดอายุ 25 ปี หน้าตาดาษดื่น เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าอุ่นไอรัก อาชีพหลักคือการขายอาหารตามสั่งในฟู๊ดเซนเตอร์ห้างดัง อาชีพรองเป็นผู้ช่วยนักเขียนนิยาย รับจ้างหาข้อมูลต่าง ๆ ส่งให้กับนักเขียน งานไหนได้เงิน อานนท์ทำทั้งหมด ในวันหยุดยาว กลางวันนอกจากต้องไปยืนทำอาหารตามสั่ง กลางคืนยังต้องมานั่งหาข้อมูลส่งให้ผู้ว่าจ้างงานด่วนอีก ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ วิญญาณจึงบ๊ายบายจากโลกเก่า ไปเกิดใหม่ในร่างของจางอี้หมิง บุตรชายตัวน้อยอายุ 5 ขวบของบัณฑิตจาง ที่ถูกบ้านหลักมอบหนังสือแยกบ้าน พร้อมขับไล่ครอบครัวให้มาอยู่บ้านนอก อุตส่าห์ได้กลับมาเกิดใหม่ทั้งทีในครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อ แม่ และย่าตามที่อานนท์เคยฝันไว้ แต่ทำไมถึงแถมความยากจนมาให้เขาด้วย ชาติก่อนก็สู้ชีวิตจนตาย มาชาตินี้ชีวิตสู้กลับยิ่งกว่านิยายที่เขาเคยอ่านเสียอีก นี่สินะ!!! ของฟรีไม่มีในโลก มันต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เพราะแอบรักกล้าตะวันมากนาน หวันยิหวาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครองรักกับเขา โดยมีมารดาของเขาเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่สำหรับกล้าตะวันแล้ว หวันยิหวาคือนางมารร้ายที่ทำให้เขากับคนรักต้องเลิกรากัน ดังนั้นทุกวินาทีหลังจากงานวิวาห์นี้จบลง หวันยิหวาจะต้องได้รู้จักกับนรกอเวจีปอยเปตอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว “อา... อ๊า...อา...” ลำคอระหงถูกซุกไซ้และดูดเม้ม เสื้อผ้าถูกดึงทึ้งออกไปจากร่างกาย จนในที่สุดก็เปลือยเปล่า กล้าตะวันเลียลงมาที่ไหปลาร้า และมาซบหน้าคลุกเคล้ากับร่องอกอวบ เขาดอมดมกลิ่นสาปสาวอย่างหิวกระหาย ขณะที่ฝ่ามือหนาวางทาบลงกับเต้านมอวบอัดข้างซ้ายของหล่อน “อา... อ๊า... ซี๊ดดดด” หล่อนเผยอปากครางลั่น เมื่อปทุมถันถูกฟอนเฟ้นบีบเคล้าหนักหน่วง ปลายนิ้วแข็งแรงถูไถเม็ดเต่งอย่างเมามัน หล่อนดิ้นเร่าๆ หยัดหน้าอกขึ้นหาสัมผัสจากฝ่ามืออบอุ่นด้วยความกระตือรือร้น
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"