เขา…เลี้ยงเธอไว้เพื่อบำบัดความใคร่ เธอ…ไปไหนไม่ได้เพราะคำว่าบุญคุณ
“เคร้ง” เสียงช้อนร่วงกระแทกลงกับพื้น ผู้ชายหน้าตาใจดีคนนึงปัดมันโดยบังเอิญ
“ขอโทษค่ะ เด็กเพิ่งมาใหม่” หัวหน้ากะที่รับรายการอาหารโต๊ะข้างๆ รีบก้มลงไปเก็บแล้วส่งสายตาขุ่นเขียวมาให้ตัวต้นเรื่องทั้งที่ไม่ได้เห็นเหตุการณ์โดยตลอด ลูกค้าคนนั้นพยายามจะอธิบายให้เข้าใจแต่เธอก็เดินหนีไปซะแล้ว
“ขอโทษด้วยนะหนูที่ทำให้โดนเอ็ด” เลโอนาร์ด จิโอวาน่า ชายวัยห้าสิบกว่าปีกล่าวด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ” อ้อยตอบกลับด้วยความประหลาดใจเธอไม่คิดว่าชาวต่างชาติคนนี้จะพูดไทยได้คล่องปร๋อขนาดนั้น
“เราสั่งแค่นี้แหละจ้ะและก็ขอโทษอีกทีที่สามีป้าซุ่มซ่าม” เจนีซ จิโอวาน่า ภรรยาของเลโอนาร์ดกล่าวแล้วยิ้มให้เด็กสาวผู้ที่มารับออเดอร์
“คะ ค่ะ” อ้อยเดินกลับไปหลังร้านแบบงงๆ แน่ละว่าเธอประหลาดใจที่ทั้งคู่พูดไทยชัดมากแต่ที่เธอสงสัยมากกว่าก็คือทั้งสองคนดูมีความสุขกับอะไรสักอย่างระหว่างดูเมนูอาหารคุณผู้หญิงจะเงยหน้ามามองเธอเป็นระยะแล้วอมยิ้มส่วนคุณผู้ชายก็เช่นกันและอ้อยรู้สึกว่านี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอกับคนทั้งคู่
“อีอ้อย อีซื่อบื้อ” จุ๊บแจงหัวหน้ากะหยิกแขนลูกน้องอย่างแรง
“พี่จุ๊บแจง อ้อยเจ็บนะ”
“ทำอีท่าไหนถึงงั่งไปปัดช้อนลูกค้าตก” จุ๊บแจงยังไม่เลิกกล่าวโทษลูกน้อง
“แล้วพี่จุ๊บแจงเห็นได้ยังไงว่าอ้อยทำตกพี่ยืนหันหลังนะและอ้อยก็ไม่ได้ทำตกคุณผู้ชายเขาบังเอิญไปปัดโดน” อ้อยอธิบายให้หัวหน้าจอมโมโหฟัง
“อ้อ นี่แกเถียงฉันหาว่าฉันปั้นเรื่องหรอ” จุ๊บแจงขึ้นเสียงเมื่อเด็กในครัวมองมาที่เธอกับยัยอ้อย
“ปะ เปล่าค่ะ” อ้อยรีบปฏิเสธ จะยังไงเธอก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ไปเลยนะ เอาไปเสิร์ฟแล้วอย่าโง่ทำอะไรตกแตกอีก”
“ชาร้อนค่ะ กาแฟร้อนค่ะ” อ้อยวางแก้วเครื่องดื่มให้ลูกค้า
“ขอบใจจ้ะ เอ่อ หนูชื่ออะไรจ๊ะ” เจนีซถามเด็กสาว
“ชื่ออ้อยค่ะ”
“ชื่อเพราะจัง” เลโอนาร์ดจิบกาแฟดำหอมกรุ่นแล้วยิ้มละไม อ้อยสังเกตว่าคุณผู้ชายไม่ได้เติมอะไรลงไปในกาแฟเลยมันคือกาแฟดำล้วนๆ และขมปี๋แบบที่เธอไม่ชอบเลยสักนิด ส่วนคุณผู้หญิงดื่มชาร้อนกลิ่นเปปเปอร์มิ้นท์
“อาหารรอสักครู่นะคะ” อ้อยบอกแล้วขอตัวออกมา
“ไปอ้อยสร้อยอะไรนานสองนานแค่เสิร์ฟกาแฟเนี่ย” จุ๊บแจงยังคงหาเรื่องเอ็ดลูกน้องไม่หยุด เธอหมั่นไส้อีเด็กคนนี้เป็นการส่วนตัวเพราะไม่ว่าใครก็ดูจะรักและเอ็นดูแม่นี่เหลือเกิน
“ขอโทษค่ะ” อ้อยเลือกที่จะเงียบเพราะเถียงไปก็ไม่มีวันชนะ
“เด็กคนนั้นน่ารักดีนะคะเลโอ” เจนีซชวนสามีคุย
“อืม น่ารักและน่าสงสาร” เลโอนาร์ดตอบ เขาเองก็เห็นว่าเธอถูกใส่ความ
“แล้วคุณไปถูกใจอะไรแม่หนูคนนี้หรอเจส” เลโอนาร์ดถามภรรยา
“ไม่รู้สิคะ เห็นแล้วก็ถูกชะตาตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม”
“เหมือนที่ถูกชะตาผมตั้งแต่แรกพบใช่ไหม” เลโอนาร์ดกระซิบถามภรรยาแล้วจูบเธอที่แก้ม
“ใช่ค่ะและเจสเชื่อว่าเราสองคนจะได้เจอแม่หนูคนนี้อีกแน่นอน”
“เฮ้อ หมดวันสักที” อ้อยนั่งยืดแข้งยืดขาอยู่ในโรงอาหารของพนักงาน ในที่สุดหนึ่งวันอันแสนทรหดก็จบลงและเธอก็หิวไส้แทบขาดแต่ก็ไม่มีแรงจะลุกไปซื้ออะไรกิน วันนี้ลูกค้าเยอะมากเธอเดินไปเดินมาแทบไม่ได้หยุดเลย
“อีพี่ จจ. นี่น่าตบให้กลิ้งจริงๆ” เมย์เพื่อนในร้านนั่งลงข้างๆ เธอ
“อือ แล้วกล้าทำไมล่ะ” อ้อยแหย่เพื่อน
“ทำแล้วจะเอาเงินที่ไหนรับประทานละคะ เป็นไงมั่งมีที่ไหนเรียกรึยัง”
“ไม่เลย” อ้อยตอบด้วยความท้อแท้ เธอเรียนจบมาสามเดือนแล้วแต่ยังไม่ได้งานทำเลยทั้งที่สมัครไปตั้งหลายที่แต่ก็เงียบกริบไม่มีบริษัทไหนเรียกสัมภาษณ์สักที
“สู้ๆ แก” เมย์ก็ได้แต่เป็นกำลังใจให้
“กินไรเดี๋ยวฉันซื้อมาให้”
“ข้าวมันไก่กะน้ำแดงแล้วกัน ขอบใจนะ”
“กลางๆ สัปดาห์วันที่ จจ. หยุด แกแลกกะกับฉันได้ไหมเมย์” อ้อยถามระหว่างที่กินข้าว
“ได้สิ” เมย์ตอบตกลงและไม่ต้องถามเลยว่าเพื่อนจะไปไหนได้นอกจากไปสมัครงาน เมื่อทานข้าวเสร็จสองสาวก็แยกย้ายกัน
วิชุดา ศรรุ่งหรืออ้อย เด็กสาวเพิ่งเรียนจบจากรั้วพ่อขุนเธอเป็นลูกคนเดียวและอยู่ตัวคนเดียวมาหลายปี ตอนเด็กๆ เธอก็มีครอบครัวเหมือนกับคนทั่วๆ ไป แม่รักและห่วงใยเธอเสมอส่วนพ่อถึงจะติดเหล้าเมาหยำเปก็ยังมีแก่ใจนึกถึงลูกเมียอยู่แต่พอแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุรถชนพ่อก็เสียสูญและกู่ไม่กลับอีกเลย
กว่าเธอจะเรียนจบมาได้ก็ลำบากเลือดตาแทบกระเด็นเพราะต้องทำงานสารพัดเพื่อหาเงินจ่ายค่าหน่วยกิตไหนจะค่าหอ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอยู่ ค่ากินแต่พอจบออกมากลับหางานทำไม่ได้ไม่ว่าจะสมัครไปกี่ที่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับสักแห่ง
“เฮ้อ อ้อยเอ๊ย” เด็กสาวล้มตัวลงนอนบนเตียงเหล็กในห้องแคบๆ ที่เธอต้องจ่ายค่าเช่าเดือนละสองพันห้าร้อยบาท
“ถ้าแม่ยังอยู่ชีวิตเราคงดีกว่านี้” อ้อยรำพึงในใจ
“ติ๊ดๆๆ” พอนึกถึงแม่พ่อก็โทรมา
“อ้อย โอนเงินให้พ่อสักพันได้ไหม”
“หนูเพิ่งให้ไปเมื่อสามวันก่อนเองนะพ่อ” อ้อยตัดพ้อเงินพันนึงเธอใช้ได้เกือบสิบวัน
“ก็มันหมดแล้ว”
“ไว้พรุ่งนี้แล้วกันวันนี้หนูเลิกงานแล้ว”
“ทำไมเอ็งไม่ใช้แอพว่ะ”
“แอพอะไรล่ะพ่อ หนูยังใช้มือถือจอขาวดำอยู่เลย”
“แล้วบัตรเอทีเอ็มไม่มีรึไง”
“ไม่มี หนูไม่อยากเสียค่าบริการรายปี”
“โอ๊ย เออๆ พรุ่งนี้โอนมาให้ด้วย” บิดาบังเกิดเกล้าฟึดฟัดแล้วก็ตัดสายไป
“เฮ้อ” นี่คือคำติดปากของอ้อย เธอควานหาสมุดบัญชีในกระเป๋าแล้วดูยอดเงิน
“เฮ้อ” และอีกครั้งที่เธอท้อแท้ใจเมื่อรู้ว่าอีกสิบกว่าวันของเดือนเธอต้องกินข้าวกับปลากระป๋องอีกแล้ว
“โอนเงินหนึ่งพันค่ะ” อ้อยแวะธนาคารก่อนจะไปเริ่มงาน
“ไม่สนใจทำบัตรเอทีเอ็มหรอคะมีประกันอุบิตเหตุด้วยนะคะ” พนักงานสาวเสนอขาย
“ไม่ค่ะ ดูเงินในบัญชีสิคะ”
“อะ อ้อ ไว้ถ้าอยากสมัครติดต่อได้ที่นี่เลยนะคะ”
“ค่ะ” อ้อยตอบแบบเซ็งๆ
“โอนไปแล้วนะพ่อ เดือนนี้หนูไม่มีให้แล้วนะ” อ้อยโทรไปบอกบิดา
“ลูกรักของพ่อ ขอบใจนะ” ชาตรีดีใจจนเนื้อเต้น
“พ่อ หนูว่าพ่อไปบำบัดเถอะ”
“บำบัดบำเบิดอะไรเล่า ก็แค่กินสนุกๆ ไปๆ จะไปไหนก็ไป” และอีกครั้งที่บิดาบังเกิดเกล้าตัดสาย
“เฮ้อ” อ้อยถอนหายใจแล้วเหม่อมองไปที่ผู้คนรอบตัว บ้างเดินคนเดียว บ้างมากับคนรัก บ้างก็มากับครอบครัวแต่ทุกคนไม่มีใครหน้าตาอมทุกข์และท้อแท้เหมือนเธอเลยสักคน ทุกๆ คนดูมีความสุขมีความหวังแต่เธอไม่มีอะไรเลย
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี