เธอจะตัดสินใจอย่างไร เมื่อสามีที่จากไปเรียนต่อคนละซึกโลกกำลังจะกลับาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ตลอดหลายปี เขาตัดการติดต่อกับเธอในทุกช่องทาง --- เมื่อเห็นน้ำตาของพลอยชมพูปวีย์ก็ประคองใบหน้าเธอมาเช็ดน้ำตาให้ ความอ่อนโยนของเขาทำให้พลอยชมพูยิ่งร้องไห้อย่างหนัก “ไม่ร้องแล้วนะครับ ตอนที่พี่ไปแล้ว พลอยแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตของตัวเองรู้ไหม ที่นี่ยังมีแม่พี่อยู่พลอยมีอะไรก็ปรึกษาแม่ได้ หรือถ้าเกิดตอนนั้นพลอยโตขึ้นแล้วเจอใครที่พลอยถูกใจและรักเขาจริงๆ พลอยก็คบเขาได้นะ พี่ไม่ว่า” “ทำไมพี่ปีย์พูดแบบนี้ล่ะคะ พลอยจะเจอคบใครได้ยังไง พลอยแต่งงานกับพี่ปีย์แล้วนะคะ พลอยสัญญาว่าจะเป็นภรรยาที่ดีของพี่ปีย์ พลอยจะซื่อสัตย์กับพี่ปีย์ค่ะ” คำพูดของภรรยาทำให้ปวีย์อดเอ็นดูเธอไม่ได้ เขาจ้องเข้าไปในตาของเธอแล้วค่อยๆ ก้มหน้าไปหา ใช้ริมฝีปากจุมพิตที่หน้าผาก ไล่มายังเหลือตาทั้งสองข้าง ก่อนจะถอยห่างออกมา พลอยชมพูรู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างมากกับจุมพิตของสามี วันนี้เขาอ่อนโยนน่ารัก เมื่อเขาถอยห่าง พลอยชมพูเลยตัดสินใจใช้มือสองข้างคล้องลำคอเขาเอาไว้แน่น ค่อยๆ เขย่งเท้าขึ้นใช้ริมฝีปากสีชมพูจิ้มลิ้มจุมพิตกับริมฝีปากของผู้เป็นสามีเบาๆ แล้วจ้องมองในตาเขาเปิดเผยความจริงใจ และความต้องการที่มีต่อเขาออกไปอยู่เพียงครู่ โดยไม่คาดคิดสามีผู้เคยเฉยชากลับอุ้มเธอในท่าเจ้าสาว และพาเธอเข้าห้องนอนไปของเขาเสียดื้อๆ ห้องนอนที่เธอไม่เคยได้เข้ามานอนแต่วันนี้กลับเป็นคนอุ้มเธอเข้ามาเสียเอง ปวีย์ค่อยๆ วางพลอยชมพูลงบนเตียงอย่างเบามือ พร้อมทิ้งกายทาบทับลงมา มือประคองใบหน้าของเธอ เพียงสบตากันก็รู้ความต้องการที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้อีกแล้ว เขาใช้ริมฝีปากจุมพิตลงบนหน้าผาก เปลือกตา และไล่ลงมายังริมฝีปากของเธอ หยอกเย้า อ้อยอิ่งดูดดึงอยู่ที่ริมฝีปากบางเป็นนานสองนาน รสจุมพิตหวานละมุนทำให้พลอยชมพูเคลิบเคลิ้ม เธอไร้เรี่ยวแรง อ่อนระทวย ช่องท้องหวามหวิว ทำได้เพียงปล่อยให้เขาเป็นผู้นำทางตามจังหวะที่เขากำหนด เมื่อเธอเริ่มหอบและหายใจไม่ทัน เขาจึงผละริมฝีปากออกห่าง แล้วใช้ริมฝีปากไล่จุมพิตลงมายังซอกคอ และซุกไซร้ดอกอมกลิ่นกายสาวอยู่ตรงนั้นเป็นนานสองนาน จนคนอ่อนประสบการณ์อ่อนระทวยราวขี้ผึ้งถูกลนไฟ แต่ปวีย์ไม่คิดหยุด เขาค่อยๆ เอามือสอดเข้าใต้ชายเสื้อนอนลายการ์ตูนของเธอแล้วค่อยไปไต่ขึ้นมาถึงเต้าอวบ ใช้มือบีบเบาๆ เล็กน้อย แล้วค่อยๆเอื้อมมือไปปลดตะขอเสื้อในด้านหลัง พลอยชมพูไม่รู้ว่าจริงๆ ว่าเขามีกี่มือเขาทำทุกอย่างได้เร็วมาก เผลอเคลิ้มไปแป็บเดียว รู้ตัวอีกทีตอนนี้เธอนอนตัวเปล่าเปลือยอยู่บนเตียง ในขณะที่เขายังมีเสื้อผ้าอยู่ครบ พลอยชมพูเอามือข้างหนึ่งปิดหน้าอก อีกข้างหนึ่งปิดส่วนล่าง และส่งสายตามองเขา ที่ตอนนี้กำลังนั่งคุกเข่ามองเธออยู่ที่ปลายเตียง เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เห็นเธอเปลือยเปล่า “พีปีย์พลอยอาย” สิ้นคำของพลอยชมพูปวีย์ก็ทิ้งตัวลงมาทาบทับเธออีกครั้ง คราวนี้เขาจูบเธออย่างดูดดื่มจนเธอแทบขาดอากาศหายใจ ปากเธอบวมเจ่อ ปากเขาก็จูบ มือก็ปัดป่ายไปทั่วร่างของเธอ เขาค่อยๆ ใช้มือลูบต้นขาจนมาถึงขาด้านใน เขาค่อยอ้าขาเธอออกแล้วแทรกตัวเข้ามายังหว่างขาของเธอ หลังจากนั้นเขาใช้มือทั้งสองข้างกลับมาขยำหน้าอกของเธอทั้งสองข้างพร้อมๆ กัน ปากก็ยังคงจูบเธออย่างดูดดื่ม จนหนำใจ เขาก็ผละริมฝีปากออก แล้วไล่จูบลงมายังซอกคอ ผ่านมายังหน้าอกเขาใช้สองข้างประคองหน้าอกด้านซ้ายของเธอใช้ปากค่อยๆ จุมพิตที่ยอดประทุมถันสีชมพูอ่อน อย่างเบาๆ และค่อยๆดูดแรงขึ้นจนเธอส่งเสียงร้องเบาๆ จากนั้นเขาจึงใช้ปลายลิ้นเลียมันอีก ทำแบบนั้นวนไปจนเธอหัวหมุนไปหมด หน้าอกของเธอตอนนี้แดงและเปียกไปหมด แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดจนเธอร้องขอ “พี่ปีย์พอก่อนค่ะ พลอยไม่ไหว” “พี่ทำพลอยเจ็บเหรอคะ” “เปล่าค่ะ พลอยแค่ เอ่อ คือพลอยพลอยบอกไม่ถูกค่ะพี่ปีย์” “ให้พี่ทำต่อนะคะ” ปวีย์ขอ พลอยชมพูได้แต่พยักหน้าและเคลิ้มไปกับการนำพาของเขาอีกครั้ง ตอนนี้พลอยชมพูรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่บริเวณหว่างขาของตนเอง ปวีย์ค่อยๆ ใช้มือปัดป่ายไปบริเวณนั้นของเธอ เขาผละริมฝีปากออกจากหน้าอกลงไปยังหน้าท้อง จูบเธอไล่ลงไปยังหน้าท้อง และท้องน้อย แล้วก็จุ๊บเบา ๆ ตรงนั้นอย่างไม่คิดรังเกียจ “พี่ปีย์อย่าค่ะ พลอยอาย” พลอยชมพูใช้สองมือปิดหน้า ปวีย์เงยหน้ามองเธอแล้วหัวเราะเบา ๆ จากนั้นใช้มือทั้งสองข้างจังเข่าทั้งสองของเธอและดันมันขึ้นมาให้ตั้งชันขึ้นพร้อมกับก้มลงไปดูดดื่มกับน้ำหวานที่ไหลเยิ้มออกมารออยู่แล้ว เขาใช้ปลายลิ้นสีแดงสด ค่อยๆละเลียดชิมน้ำหวานครั้งแล้วครั้งเล่า สร้างความเสียวซ่านให้กับพลอยชมพูเป็นอย่างยิ่ง เธอค่อยๆ แอ่นสะโพกขยับตามลิ้นแสนร้ายของเขา...
เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนที่พลอยชมพูจะทิ้งตัวลงนอน เธอเดินไปรับโทรศัพท์ซึ่งวางไว้ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง
“สวัสดีค่ะแม่”
“พลอยจะนอนรึยังลูก แม่รบกวนรึเปล่า”
“พลอยยังไม่นอนค่ะแม่ แม่มีอะไรรึเปล่าคะ”
“คือพรุ่งนี้พลอยมาทานข้าวที่บ้านนะลูก พี่เขาจะกลับมาแล้วนะน่าจะมาถึงดึก ๆ คืนนี้แหละ พลอยมาทานข้าวด้วยกันนะลูกแม่จะทำของโปรดของพลอยกับปีย์ไว้นะ พลอยทำไมเงียบไปล่ะ ได้ยินแม่รึเปล่าลูก”
“อ้อ พลอยได้ยินค่ะแม่ พรุ่งนี้เลิกงานแล้วพลอยจะแวะเข้าไปนะคะ”
“ได้จ้า แล้วไว้พรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ ฝันดีจ๊ะ”
“พรุ่งนี้เจอกันค่ะแม่ ฝันดีเช่นกันนะคะ พลอยรักแม่นะคะ”
“แม่ก็รักพลอยจ๊ะ”
@ ห้าปีที่แล้ว
งานแต่งงานเล็กๆ ถูกจัดขึ้นที่บ้านของชื่นฤทัยผู้เป็นมารดาของปวีย์ พลอยชมพูในวัยสิบเจ็ดย่างสิบแปดเป็นเจ้าสาววัยละอ่อนที่สวยหมดจด เธอใช้มารยาเท่าที่เด็กวัยนี้จะทำได้ เธอทำให้ปวีย์หลงรักและตกลงแต่งงานกับเธออย่างง่ายดาย ทั้งที่ผ่านมามีสาว ๆ มากมายตามติดปวีย์ไม่เลิก บางคนถึงกับร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายมาหาชื่นฤทัยให้ช่วยเหลือ แต่ปวีย์ก็สลัดทิ้งทุกคน ด้วยเหตุผลว่าเขาไม่ได้รัก
เธอเลือกปวีย์และครอบครัว เพราะทั้งปวีย์และชื่นฤทัยมารดาของเขารักและเอ็นดูเธอมาก เธอหวังให้พวกเขาเป็นที่พักพิงและจะเป็นร่มเงาปกป้องเธอจากภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้น มันเป็นความคิดแบบเด็ก ๆ ในตอนนั้น เธอแค่อยากได้พวกเขามาปกป้อง คุ้มภัย แต่สาบานว่าตอนนั้นนอกจากเหตุผลนี้แล้ว ปวีย์ก็เป็นคนที่เธอรู้สึกดีด้วยมาก ๆ
ในคืนส่งตัวปวีย์ก็ออกจากห้องหอไป พลอยชมพูเสียใจมาก เธอนอนร้องไห้ และยิ่งรู้สึกผิดกับสิ่งที่เธอกระทำต่อเขามากขึ้น แม้เขาจะยังใจดีและดูแลเธออย่างดี แต่ก็เหมือนมีเส้นบางๆมากั้นระหว่างเราไว้ตลอดเวลา หลังจากแต่งงานกันปวีย์ไม่เคยแตะต้องเธอเหมือนดั่งเช่นสามีภรรยาเลย
กระทั่งเธอต้องเตรียมตัวเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย เธอและปวีย์จึงย้ายมาอยู่คอนโดด้วยกัน เหตุเพราะเธอจะเดินทางไปเรียนได้สะดวก เธอและน้องสาวผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของปวีย์เรียนคณะเดียวกัน อาศัยอยู่ในคอนโดเดียวกัน ห้องตรงข้ามกัน ปิ๊งน้องสาวของปวีย์รู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ปิ๊งปลอบเธอเสมอว่าปวีย์คงจะเสียใจเดี๋ยวก็หายให้เธอง้อเขามากๆ เธอก็พยายามทำดีมาโดยตลอด แต่ปวีย์ก็ยังเว้นระยะห่างกับเธออยู่ดี
หลังจากแต่งงานเพียงสามเดือน ปวีย์ก็ได้รับทุนการศึกษาไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ เขาผู้ซึ่งเป็นสามีตกลงตอบรับที่จะเดินทางไปเรียนต่อ แต่ไม่เคยบอกให้เธอรู้เลยว่าเดินทางไปวันไหน คืนหนึ่งเธอจึงตัดสินใจถามเรื่องที่คาใจกับเขา
“พี่ปีย์คะ พี่ปีย์จะเดินทางวันไหนเหรอคะ”
“รอยืนยันอยู่ครับ”
ยิ่งได้ฟังเธอก็ยิ่งคิดมาก
“พี่ปีย์ไปเพราะพลอยเหรอคะ พี่ปีย์เลือกแต่งกับพลอยเพราะสงสารแต่ไม่อยากอยู่กับพลอยใช่ไหมคะ พลอยขอโทษนะคะพี่ปีย์ พลอยคิดว่าถ้าพลอยเป็นภรรยาพี่ปีย์ จะไม่มีใครกล้ายุ่งกับพลอย ทุกอย่างที่ผ่านมาพลอยไม่ได้ตั้งใจที่จะหลอกพี่ปีย์เลยนะคะ พี่ปีย์ไม่ไปได้ไหมคะ”
“คนเราทุกคนต้องมีอนาคต ที่พี่เลือกเรียนก็เพื่ออนาคตของพี่ ที่พี่เฝ้าบอกให้พลอยตั้งใจเรียนก็เพื่ออนาคตของพลอย พลอยเข้าใจรึเปล่า”
“แล้วพลอยจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีพี่ปีย์”
“พี่เชื่อว่าพลอยจะเข้มแข็ง และพลอยต้องทำให้ได้”
พลอยชมพูได้ยินดังนั้น ก็เข้าใจทันทีว่าปวีย์ต้องการที่จะไปจริงๆ เธอร้องไห้น้ำตาไหลพราก จริงๆ แล้วเธอหลอกเขาไม่สำเร็จ เขารู้ตั้งแต่แรกว่าที่ผ่านมาเธอวางแผนอ่อยเขา เธอจัดฉากวางยาให้เหมือนเขาและเธอมีอะไรกัน จนกระทั่งเธอแต่งงานกับเขา แม้ปวีย์จะเป็นคนเจ้าชู้ แต่สำหรับเธอที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก เขาคงสารสารและอยากช่วยเหลือเธอ แม้จะเสียความรู้สึกกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก แต่เพราะสงสารเขาเลยเลือกจะยังแต่งงานด้วยเพื่อให้เธอหลุดพ้นจากพ่อเลี้ยงหื่น ทั้งๆที่สิ่งที่เธอทำมันร้ายกาย เธอวางยา เธอหลอกลวง แต่มีสิ่งหนึ่งที่จริงเสมอคือเราแต่งงานกันแล้ว และเธอก็ชอบเขามากจริงๆ
เมื่อเห็นน้ำตาของพลอยชมพูปวีย์ก็ประคองใบหน้าเธอมาเช็ดน้ำตาให้ ความอ่อนโยนของเขาทำให้พลอยชมพูยิ่งร้องไห้อย่างหนัก
“ไม่ร้องแล้วนะครับ ตอนที่พี่ไปแล้ว พลอยแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตของตัวเองรู้ไหม ที่นี่ยังมีแม่พี่อยู่พลอยมีอะไรก็ปรึกษาแม่ได้ หรือถ้าเกิดตอนนั้นพลอยโตขึ้นแล้วเจอใครที่พลอยถูกใจและรักเขาจริงๆ พลอยก็คบเขาได้นะ พี่ไม่ว่า”
“ทำไมพี่ปีย์พูดแบบนี้ล่ะคะ พลอยจะเจอคบใครได้ยังไง พลอยแต่งงานกับพี่ปีย์แล้วนะคะ พลอยสัญญาว่าจะเป็นภรรยาที่ดีของพี่ปีย์ พลอยจะซื่อสัตย์กับพี่ปีย์ค่ะ”
คำพูดของภรรยาทำให้ปวีย์อดเอ็นดูเธอไม่ได้ เขาจ้องเข้าไปในตาของเธอแล้วค่อยๆ ก้มหน้าไปหา ใช้ริมฝีปากจุมพิตที่หน้าผาก ไล่มายังเหลือตาทั้งสองข้าง ก่อนจะถอยห่างออกมา
พลอยชมพูรู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างมากกับจุมพิตของสามี วันนี้เขาอ่อนโยนน่ารัก เมื่อเขาถอยห่าง พลอยชมพูเลยตัดสินใจใช้มือสองข้างคล้องลำคอเขาเอาไว้แน่น ค่อยๆ เขย่งเท้าขึ้นใช้ริมฝีปากสีชมพูจิ้มลิ้มจุมพิตกับริมฝีปากของผู้เป็นสามีเบาๆ แล้วจ้องมองในตาเขาเปิดเผยความจริงใจ และความต้องการที่มีต่อเขาออกไปอยู่เพียงครู่ โดยไม่คาดคิดสามีผู้เคยเฉยชากลับอุ้มเธอในท่าเจ้าสาว และพาเธอเข้าห้องนอนไปของเขาเสียดื้อๆ ห้องนอนที่เธอไม่เคยได้เข้ามานอนแต่วันนี้กลับเป็นคนอุ้มเธอเข้ามาเสียเอง
ปวีย์ค่อยๆ วางพลอยชมพูลงบนเตียงอย่างเบามือ พร้อมทิ้งกายทาบทับลงมา มือประคองใบหน้าของเธอ เพียงสบตากันก็รู้ความต้องการที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้อีกแล้ว เขาใช้ริมฝีปากจุมพิตลงบนหน้าผาก เปลือกตา และไล่ลงมายังริมฝีปากของเธอ หยอกเย้า อ้อยอิ่งดูดดึงอยู่ที่ริมฝีปากบางเป็นนานสองนาน รสจุมพิตหวานละมุนทำให้พลอยชมพูเคลิบเคลิ้ม เธอไร้เรี่ยวแรง อ่อนระทวย ช่องท้องหวามหวิว ทำได้เพียงปล่อยให้เขาเป็นผู้นำทางตามจังหวะที่เขากำหนด เมื่อเธอเริ่มหอบและหายใจไม่ทัน เขาจึงผละริมฝีปากออกห่าง แล้วใช้ริมฝีปากไล่จุมพิตลงมายังซอกคอ และซุกไซร้ดอกอมกลิ่นกายสาวอยู่ตรงนั้นเป็นนานสองนาน จนคนอ่อนประสบการณ์อ่อนระทวยราวขี้ผึ้งถูกลนไฟ แต่ปวีย์ไม่คิดหยุด เขาค่อยๆ เอามือสอดเข้าใต้ชายเสื้อนอนลายการ์ตูนของเธอแล้วค่อยไปไต่ขึ้นมาถึงเต้าอวบ ใช้มือบีบเบาๆ เล็กน้อย แล้วค่อยๆเอื้อมมือไปปลดตะขอเสื้อในด้านหลัง พลอยชมพูไม่รู้ว่าจริงๆ ว่าเขามีกี่มือเขาทำทุกอย่างได้เร็วมาก เผลอเคลิ้มไปแป็บเดียว รู้ตัวอีกทีตอนนี้เธอนอนตัวเปล่าเปลือยอยู่บนเตียง ในขณะที่เขายังมีเสื้อผ้าอยู่ครบ
พลอยชมพูเอามือข้างหนึ่งปิดหน้าอก อีกข้างหนึ่งปิดส่วนล่าง และส่งสายตามองเขา ที่ตอนนี้กำลังนั่งคุกเข่ามองเธออยู่ที่ปลายเตียง เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เห็นเธอเปลือยเปล่า
“พีปีย์พลอยอาย”
สิ้นคำของพลอยชมพูปวีย์ก็ทิ้งตัวลงมาทาบทับเธออีกครั้ง คราวนี้เขาจูบเธออย่างดูดดื่มจนเธอแทบขาดอากาศหายใจ ปากเธอบวมเจ่อ ปากเขาก็จูบ มือก็ปัดป่ายไปทั่วร่างของเธอ เขาค่อยๆ ใช้มือลูบต้นขาจนมาถึงขาด้านใน เขาค่อยอ้าขาเธอออกแล้วแทรกตัวเข้ามายังหว่างขาของเธอ หลังจากนั้นเขาใช้มือทั้งสองข้างกลับมาขยำหน้าอกของเธอทั้งสองข้างพร้อมๆ กัน ปากก็ยังคงจูบเธออย่างดูดดื่ม จนหนำใจ เขาก็ผละริมฝีปากออก แล้วไล่จูบลงมายังซอกคอ ผ่านมายังหน้าอกเขาใช้สองข้างประคองหน้าอกด้านซ้ายของเธอใช้ปากค่อยๆ จุมพิตที่ยอดประทุมถันสีชมพูอ่อน อย่างเบาๆ และค่อยๆดูดแรงขึ้นจนเธอส่งเสียงร้องเบาๆ จากนั้นเขาจึงใช้ปลายลิ้นเลียมันอีก ทำแบบนั้นวนไปจนเธอหัวหมุนไปหมด หน้าอกของเธอตอนนี้แดงและเปียกไปหมด แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดจนเธอร้องขอ
“พี่ปีย์พอก่อนค่ะ พลอยไม่ไหว”
“พี่ทำพลอยเจ็บเหรอคะ”
“เปล่าค่ะ พลอยแค่ เอ่อ คือพลอยพลอยบอกไม่ถูกค่ะพี่ปีย์”
“ให้พี่ทำต่อนะคะ”
ปวีย์ขอ พลอยชมพูได้แต่พยักหน้าและเคลิ้มไปกับการนำพาของเขาอีกครั้ง
ตอนนี้พลอยชมพูรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่บริเวณหว่างขาของตนเอง ปวีย์ค่อยๆ ใช้มือปัดป่ายไปบริเวณนั้นของเธอ เขาผละริมฝีปากออกจากหน้าอกลงไปยังหน้าท้อง จูบเธอไล่ลงไปยังหน้าท้อง และท้องน้อย แล้วก็จุ๊บเบา ๆ ตรงนั้นอย่างไม่คิดรังเกียจ
“พี่ปีย์อย่าค่ะ พลอยอาย”
พลอยชมพูใช้สองมือปิดหน้า ปวีย์เงยหน้ามองเธอแล้วหัวเราะเบา ๆ จากนั้นใช้มือทั้งสองข้างจังเข่าทั้งสองของเธอและดันมันขึ้นมาให้ตั้งชันขึ้นพร้อมกับก้มลงไปดูดดื่มกับน้ำหวานที่ไหลเยิ้มออกมารออยู่แล้ว เขาใช้ปลายลิ้นสีแดงสด ค่อยๆละเลียดชิมน้ำหวานครั้งแล้วครั้งเล่า สร้างความเสียวซ่านให้กับพลอยชมพูเป็นอย่างยิ่ง เธอค่อยๆ แอ่นสะโพกขยับตามลิ้นแสนร้ายของเขา เขาใช้มือดันสะโพกกลมกลึงขึ้นมาเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ห่อลิ้น และสอดลิ้นเข้าไปในช่องทางรักของเธอแล้วสลับขึ้นมาเลียจุดเสียวซ่าน ทำอยู่อย่างนั้นหลายรอบ จนพลอยชมพูทนความเสียวซ่านต่อไปไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเธอกรีดร้อง ตัวอ่อนระทวย และค่อยๆ ปล่อยน้ำหวานออกมามากมาย ปวีย์ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเธอ ก่อนจะลุกลงจากเตียง แต่ไม่ลืมที่จะจุมพิตริมฝีปากบาง แล้วเดินหายเข้าไปในเข้าห้องน้ำ สักพักเธอก็ได้ยินเสียงเขาร้องเสียงดังออกมา เธอตกใจมากรีบคว้าผ้าห่มคลุมกายไปยืนหน้าห้องน้ำแถวเคาะเรียกหาเขา
“พี่ปีย์ เป็นอะไรรึเปล่าคะพลอยได้ยินเสียงพี่ปีย์ร้อง”
“ไม่มีอะไรครับ เดี๋ยวพี่ออกไปนะขออาบน้ำก่อน”
ผ่านไปราวยี่สิบนาที ปวีย์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูเพียงผืนเดียว เขาถือผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำมาพร้อมกับกะละมังใบเล็ก
“พี่เช็ดตัวให้นะครับ”
โดยไม่ต้องรอคำตอบเขาค่อยๆ ใช้ผ้าขนหนูหมาดๆ เช็ดตัวให้เธอทุกซอกทุกมุม รวมถึงตรงนั้นด้วย ทำราวกับว่าเธอเป็นเด็กทารกอย่างนั้น
“พลอยรอพี่แต่งตัวแป๊บนึงนะ”
ว่าแล้วเขาเดินไปแต่งตัวและกลับมาในชุดนอนของเขา แล้วค่อยๆอุ้มเธอที่ตอนนี้ห่อตัวอยู่ในผ้าห่ม เสียเรียบร้อย ก่อนที่จะเดินไปยังห้องนอนของเธอ
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
“นอนดูดาวด้วยกันนะครับ” แค่ได้ยินเท่านั้นสติของเธอก็แทบกระเจิง หัวใจของหญิงสาวก็เต้นเร่า ๆ คิดไปตามคำที่เขาเอ่ย หากคืนนี้เธอนอนดูดาวกับเขาแล้วมันจะเป็นเช่นไร เขาจะให้เธอดูดาวแบบไหน ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ หรือจะให้ดูดาวทั้งฟ้า แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เธอสาบานว่าจะดู... +++++ วุ้นเส้น : สาวเนิร์ดร่างอวบประจำคณะสถาปัตย์ ผู้แอบรักหนุ่มหล่อเหลาดีกรีเดือนคณะมานานกว่าห้าปี เธอตั้้งใจจะแอบรักเขาไปเงียบ ๆ แต่ทว่าในคืนฉลองเรียนจบ กลับเกิดเหตุการแสนเร่าร้อนจนทำให้เธอได้มีโอกาสเปิดเผยความในใจที่มีต่อเขาอย่างใกล้ชิดชนิดเนื้อแนบเนื้อ และเมื่อการแอบรัก ไม่ใช่การแอบรักอีกต่อไป นั่นจึงเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ครั้งแรกของคนที่ไร้ประสบการณ์อย่างเธอ แน่นอนว่าเธอคาดหวังเสมอว่าจะได้เจอรักแท้เหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ มาร่วมลุ้นไปด้วยกันค่ะว่า คนที่เธอแอบรักจะใช่รักแท้ของเธอหรือไม่ แล้วถ้าหากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร? ติดตามอ่านได้ใน "True love รักแท้แค่เพียงเธอ"
อุตส่าห์ได้ออกเรือนกับคุณพี่ที่รักมาตั้งแต่เด็กทั้งที แต่มิมีที่คุณพี่ผู้เป็นผัวจักนอนร่วมเบาะเฉกเช่นผัวเมียพึงกระทำ ดังนั้นเธอจะทำทุกวิถีทางให้เขาร่วมเบาะนอนกับเธอให้ได้ 'มารยาที่มีเมียคนนี้จักใช้กับคุณพี่เจ้าค่ะ' --- เมื่อเห็นแผงอกแกร่งของผัวชัด ๆ แม่หญิงก็ให้กลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ สิบคนว่าฤๅจักเท่าตาเห็น สิบตาเห็นฤๅจักเท่ามือคลำ แล้วสิบมือคลำฤๅจักเท่านอนคุย แค่คิดแก้มนวลก็แดงดั่งลูกตำลึงสุกแล้ว -------- ในหอนอน แม่หญิงชบานั่งรอคุณพี่ผู้เป็นผัวขึ้นมาจากท่าด้วยท่าทางกระสับกระส่าย ในกบาลน้อย ๆ เฝ้าแต่คิดถึงสิ่งที่แม่ผัวสั่งแม่ผัวสอน “ฟังแม่หนาแม่ชบาลูก การเป็นผัวเมียมิใช่แค่การนอนหลับจับมือกันเพียงเท่านั้น” “แล้วลูกต้องทำสิ่งใดอีกเล่าเจ้าคะคุณแม่” “ผัวเมียนอกจากมีใจผูกสมัครรักใครกันแล้วไซร้ กายนั้นก็ต้องแนบชิดสนิทเสน่หา” “แนบชิดสนิทเสน่หารึเจ้าคะ ต้องทำเช่นไรรึเจ้าคะคุณแม่ ชบามิเคยทำดอกเจ้าค่ะ” “ก็รู้ว่ามิเคย แม่ถึงได้นั่งพร่ำสอนอยู่นี่อย่างไรเล่า แนบชิดสนิทเสน่หาก็คือใกล้ชิดกัน ตัวต่อตัว เนื้อแนบเนื้อ ผ้าเสื้อมิได้มาเกี่ยวมาข้อง” สิ้นคำนั้นแม่หญิงก็ให้อ้าปากค้าง ตั้งแต่เล็กแต่น้อย นางสนใจแต่การเล่นซน เพิ่งจะมาสนใจงานบ้านงานเรือนก็เมื่อปีที่แล้วด้วยโดนผู้เป็นแม่เอ็ดแลจักโดนลงหวาย แต่วันนี้เมื่อได้มาออกเรือนกับคุณพี่อย่างมิทันได้ตั้งตัว เธอเพิ่งรู้ว่าอิสตรีที่ออกเรือนนั้น นอกจากต้องดูเหย้าเฝ้าแลเรือนแล้วยังต้องปรนนิบัติพัดวีแบบเนื้อแนบเนื้อกับผัวด้วย
เมื่อยมทูตแห่งกาลเวลาส่งฉันย้อนเวลามาพบกับนายช่างใหญ่ผู้กร้าวใจ หล่อล่ำ แถมกล้ามแน่น แผนการอ่อยนายช่างของฉันจึงเกิดขึ้น “นายช่างใหญ่นี่ใหญ่สมชื่อนะเจ้าคะ” “พูดกระไรของเจ้า” “ข้าชมเจ้าค่ะ ใหญ่นักข้าชอบ แบบว่าประทับใจเจ้าค่ะ” “พูดจาอย่างคนวิปลาสหารู้ความไม่” ---- เมื่อต้องมาอยู่อโยธยา เมื่อเจอคนถูกตาต้องใจ เมื่อรู้สึกคลั่งรักเกินจะทนไหว เมื่อแม่บอกให้เชื่อใจ เมื่อพ่อไม่อยากให้ออกเรือน ฟ้ารดา มหานคร หญิงสาวทะลุมิติมายังอโยธยา ที่นี่เธอได้เจอกับนายช่างทองหลวงที่ถูกตาถูกใจ ก็ในเมื่อกลับไปไม่ได้ แผนการอ่อยนายช่างแบบเนียน ๆ จึงเกิดขึ้น นายช่างใหญ่ นายช่างทองหลวงผู้หล่อล่ำ กล้ามแน่น เขาจะต้านทานเสน่ห์ของแม่หญิงผู้ไม่เหมือนใครในอโยธยาได้หรือไม่ โปรดติดตามอ่านได้ใน "นายช่างใหญ่แห่งอโยธยาที่ข้าอยากได้"
เธอข้ามเวลามาพบเขา เขารอเวลาเพื่อจะได้เจอเธอ ------ คนอื่นทะลุมิติย้อนไปในอดีตที่พอจะรู้เรื่องราวที่ผ่านมาบ้าง แต่สำหรับแม่หญิงช่อฟ้าเธอกลับทะลุมิติมาในโลกปัจจุบันที่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย เช่นนั้นเธอจะปรับตัวอยู่ในโลกแห่งนี้ได้ฤๅไม่ แล้วพี่หมอจะช่วยให้เธอผ่านวิกฤตในชีวิตได้อย่างไร ความรักของพวกเขาจะมีอุปสรรคแค่ไหน โปรดติดตามอ่านได้ใน "พี่หมอเจ้าขาอย่าทำข้าหวั่นไหว" โปรย จากแม่หญิงคนงามแห่งอโยธยา สู่กรุงเทพเมืองฟ้าอมร แม่หญิงหวังให้พี่หมอสั่งพี่หมอสอน จักว่านอนแลสอนง่ายด้วยตั้งใจ แต่พี่หมอกลับอ่อนโยนจนหวั่นไหว ทำหัวใจมิใคร่อยู่กับเนื้อตัว ดั่งแสงสว่างชี้ทางยามมืดมัว ที่เคยกลัวกลับมลายหายสิ้นไป ยิ่งนานวันรักรุกคืบสู่หัวใจ ฤๅชะตาไซร้ลิขิตให้เรามาพบพาน ดลบันดาลให้อยู่เคียงคู่กัน ถ้าเยี่ยงนั้นข้าจักอยู่เป็นคู่เคียง ….. แปรงปัดแก้มถูกบรรจงปัดไล้เบา ๆ ลงบนผิวแก้มขาวละเอียดลออของคนดวงหน้าหวานเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ช่างแต่งหน้าจะค่อย ๆ วางแปรงลง แล้วสำรวจผลงานตัวเองอีกครั้ง ใบหน้างดงามหมดจดสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ช่างแต่งหน้าไม่น้อย “เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณฟ้าชอบรึเปล่าคะ” “ฟ้าชอบค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” สิ้นคำนั้นช่างแต่งหน้าก็ค้อมศีรษะรับ ก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง ปล่อยให้เจ้าของห้องนั่งอยู่หน้ากระจกเพียงลำพัง เจ้าของดวงตากลมโตจ้องมองตัวเองในกระจกนิ่ง ริมฝีปากรูปกระจับที่เคลือบด้วยลิปสติกสีโอลด์โรสค่อย ๆ คลี่ยิ้มเต็มใบหน้า แม้กระทั่งแววตาของเธอก็ยังเปล่งประกายทอแสงแห่งความสุข เรียวปากบางค่อย ๆ เผยอและขยับเขยื้อนเอื้อนเอ่ยกับตัวเองด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “ฉันชื่อ ‘ฟ้ารดา มหานคร’ เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณก้องเกียรติ และคุณรดาภา มหานคร เจ้าของห้างทองสี่สาขาในกรุงเทพฯ”
โปรย : จู่ ๆ คู่หมั้นที่ทอดทิ้งไปนานถึงสี่ปี กล้าดีกลับมาสู่ขอ หึ! คนสติดีที่ไหนจะไปแต่งด้วย หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร เธอก็จะไม่แต่งกับเขาเป็นอันขาด ****** “พี่ไม่ดีตรงไหนคะ” “เมต้องตอบด้วยเหรอคะ ไว้พี่ภีมตอบคำถามตัวเองได้เมื่อไหร่ แสดงว่าคงเป็นคนดีขึ้นมากโขเมื่อนั้น” “ก็ได้ค่ะ ก็ได้” ร่างสูงเปลือยเปล่ายกมือขึ้นสองข้าง แสดงอาการยอมแพ้ เมลดาเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้า คนหน้าไม่อาย ‘รู้ว่าใหญ่ แต่ไม่เห็นต้องยืนอวดขนาดนั้น’ เธอไม่โง่ กลับไปกินไส้กรอกที่มีเจ้าของแล้ว ให้มันเสียศักดิ์ศรีหรอก แม้จะกินไปแล้วครั้งหนึ่งก็เถอะ ก็ตอนนั้นเธอยังไม่รู้นี่
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน