ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ทุก ๆ ครั้งที่มหาวิทยาลัยมีโครงงานศึกษาดูงาน เนเน่จะเป็นตัวเลือกคนแรกที่ถูกอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกเข้าพบ แม้เธอจะไม่ต้องการก็ตาม
ลำพังแค่ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยจนขึ้นปีสองคนเดียวก็ยากแล้ว เพื่อนในสาขาที่เรียนด้วยกันยังเหมือนจะไม่ชอบเธออีก เเธอจึงชอบตัดปัญหาโดยการไม่สุงสิงกับใคร
“นะ เนตรนภา เธอก็รู้ว่ายังไงถ้าไม่อ้างอิงตามคะแนนของรายวิชา เธอก็ผ่านไปได้อยู่แล้ว”
เนตรนภาคือชื่อจริงของเนเน่ เธอเรียกว่าเป็นตัวท็อปอันดับต้น ๆ ของสาขาเลยก็ว่าได้
อีกอย่างก็เป็นเด็กกิจกรรมที่เข้าร่วมไม่เคยขาดจนเป็นที่เอ็นดูของเหล่าอาจารย์ ครั้งนี้มหาวิทยาลัยสามารถพานิสิตไปศึกษางานเกี่ยวกับอดีตและยุคสมัยได้ถึงสิบคน ที่ไม่รวมกับอาจารย์ที่ปรึกษาของรายวิชาและอาจารย์อีกสองท่าน อาจารย์กมลนิลจึงเรียกเธอเข้ามาพูดคุย
“อีกตั้งหลายวันจะมีการทำงานกลุ่มน่าจะเป็นงานสุดท้ายที่ตัดสินหรือเปล่าคะ? หนูขอกลับไปถามครอบครัวก่อนเพราะประเทศจีนต้องเดินทางไกล ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก หนูกลัวว่าที่บ้านจะไม่อนุญาตค่ะ”
“ได้ ๆ”
เพราะสามารถพาไปได้หลายคนเหล่าอาจารย์จึงปรึกษากันว่าคะแนนเก็บใครเยอะสุดคนนั้นจะได้ไป แต่ถ้าไม่ต้องการที่จะไปก็สละสิทธิ์ให้คนอื่นได้
ถึงต้องนับคะแนนเก็บแต่เนเน่ก็เป็นตัวเลือกที่เหล่าอาจารย์จะพาไปต่อให้คะแนนน้อย
ครอบครัวของเนเน่มีเชื้อสายคนจีนที่รักลูกชายมากกว่าลูกสาว และเนเน่ก็เกือบจะไม่ได้ต่อในระดับมหาวิทยาลัยเหมือนกัน หากไม่ใช่เพราะพี่ชายกับน้องชายต่อรองกับอาป๊าและหม่าม้าให้
ครอบครัวของเธอมีร้านอาหารที่ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็ก เพราะอาป๊ากับหม่าม้าสามารถทำงานส่งเฮียนราเรียนจบถึงปริญญาโท ตอนนี้กำลังหาเงินต่อปริญญาเอกเอง น้องชายคนเล็กก็ขึ้นปีหนึ่งในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ
และส่งเธอเรียนในระดับปริญญาตรี นอกจากค่าเทอมแล้วยังต้องให้เธอใช้ต่อเดือนอีก เดือนละเป็นหมื่น
แต่ถึงท่านทั้งสองจะรักลูกชายมากกว่าลูกสาวอย่างที่หลาย ๆ บ้านเป็น แต่ทั้งสองก็ไม่ได้บังคับเนเน่เรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ อยากเรียนก็เรียนไปแต่ถ้าเรียนจบปริญญาตรีก็คงไม่ส่งเรียนต่อแล้ว
“ม้าคะ หนูกลับมาแล้วค่ะ”
เนเน่ส่งเสียงบอกหม่าม้าที่นั่งเล่นอยู่กลางบ้าน หม่าม้าของเธออายุจะหกสิบแล้วเลยหยุดทำงานในร้าน ให้ลูกจ้างทำงานแทน ส่วนอาป๊าก็อายุเท่ากันแต่ชอบไปนั่งดูร้าน
“กลับมาแล้วรึอาเนเน่ ตี๋เล็กล่ะ กลับมาพร้อมลื้อหรือเปล่า”
หญิงสาวถอนหายใจออกมา ที่บ้านก็แบบนี้แหละ ถ้าเฮียนราอยู่บ้านไม่ออกไปอยู่คอนโด หม่าม้าก็จะถามหาเฮียกับตี๋เล็ก
“ไม่ค่ะม้า ตี๋เล็กคงอยู่กับเพื่อน”
“เหรอ”
“งั้นเน่เอาของขึ้นไปเก็บก่อนนะคะ”
“อือ”
มหาวิทยาลัยกับบ้านห่างกันเป็นสิบ ๆ กิโลเมตร สมัยที่เฮียนรายังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยก็เรียนที่เดียวกับเธอ และอาป๊ากับหม่าม้าก็เช่าคอนโดให้อยู่ใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย โดยให้เหตุผลว่าจะได้ไปเรียนสะดวก ตี๋เล็กก็เหมือนกัน ยกเว้นเธอที่ต้องไปกลับระหว่างบ้านและมหาวิทยาลัย ทั้งที่ได้เงินเดือนน้อยกว่าพี่ชายกับน้องชายเกือบเท่าตัว
“เอาละ นิสิตสามารถเดินดูได้แต่อย่าไปไกลมาก อาจารย์ขอคุยกับคนดูแลที่นี่ก่อน ไม่ก็ขึ้นไปรอบนรถ” อาจารย์กมลนิลเอ่ยบอกหลังพากันเดินดูภายในหมู่บ้านเก่าแก่
อาจารย์กมลนิลกลัวว่าเธอจะไม่ได้มาด้วยเลยติดต่อไปหาอาป๊าว่าต้องการที่จะพาเธอไป อาป๊าก็เลยอนุญาต แต่ถึงจะไม่ติดต่อมาหาเนเน่ก็มีสิทธิ์ที่จะไปอยู่แล้ว เพราะเธอมีคะแนนรวมติดท็อปหนึ่งในสามของสาขา
นี่เป็นวันที่สองที่เธอได้เข้ามาศึกษาที่นี่ เนเน่รู้สึกได้ว่าเธอชอบที่นี่มาก ภายในหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านร้างไม่มีคนอาศัยอยู่ แต่ถูกดูแลทำความสะอาดทุกเดือน เป็นหนึ่งในที่สถานที่ที่หลายมหาวิทยาลัยเลือกเป็นโครงงานศึกษางาน
ถึงเพื่อนร่วมสาขาจะมีท่าทีว่าไม่ชอบเธอแต่เนเน่ก็ทำอะไรไม่ได้ ใครใช้ให้เธอมีคะแนนเก็บที่มากกว่าคนอื่นล่ะ กว่าจะพยายามได้ขนาดนี้ไม่ใช่ง่ายเลย
ตอนนี้มันใกล้มืดแล้วพรุ่งนี้เช้าพวกเธอก็ต้องกลับไปยังมหาวิทยาลัย และไม่ใช่ว่ามาศึกษางานเปล่า ๆ ใครที่มาในครั้งนี้ต้องเขียนรายงาน และบอกเล่ารายละเอียดของที่นี่ส่งให้อาจารย์ประจำคณะ ใครที่อธิบายให้เข้าใจได้ง่ายก็มีโอกาสได้ไปศึกษางานหน้า
“เนเน่”
เสียงเรียกชื่อของเธอทำให้เนเน่ต้องหันไปมอง เป็นกลุ่มหญิงสาวที่สวยที่สุดในสาขาของพวกเธอ และกลุ่มนี้มีทั้งหมดสี่คน แต่มาโครงงานนี้แค่สามคนเพราะอีกคนคะแนนไม่ถึง
“ทอแสงมีอะไรหรือเปล่า”
ทอแสง แพรฝัน วาดหวาน และน้ำตาลเป็นกลุ่มนักศึกษาสาวที่มีหลายคนพูดถึง และเป็นกลุ่มหญิงสาวที่ติดท็อปความสวยของมหาวิทยาลัย เธอก็ไม่ค่อยได้คุยกับคนในกลุ่มนี้เท่าไร หรือบางทีเรียกได้ว่าไม่เคยคุยก็ว่าได้
“เธอรู้จักฉันด้วย?” ทอแสงชี้นิ้วใส่ตัวเองพร้อมตั้งคำถาม
“อืม” เนเน่พยักหน้า ก็คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนดังนี่ เธอจะไม่รู้จักก็ไม่แปลก อีกอย่างในสาขาของเธอก็มีไม่ถึงสามสิบคนด้วยซ้ำ
“อ๋อ พอดีอาจารย์ออดี้มีเรื่องจะคุยกับเธอ เราเลยอาสามาบอกให้ อาจารย์รออยู่ท้ายหมู่บ้านนะ”
“เหรอ แต่อาจารย์บอกว่าไม่ให้ไปไกลนี่” เนเน่ลังเล เธอไม่เห็นอาจารย์ออดี้อยู่บริเวณนี้มาสักพักแล้ว แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะไปหาเพราะอาจารย์ให้รออยู่ตรงนี้
“ไม่เชื่อเหรอ? ให้เราพาไปก็ได้นะ”
“ได้สิ”
เนเน่เดินตามหลังเพื่อนร่วมสาขาโดยที่ไม่เอะใจเลยว่าไม่มีแพรฝันกับวาดหวานที่ตัวติดกับทอแสงไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ทั้งสามเดินมาด้วยกัน เธอรู้แค่ว่าอาจารย์เรียกก็เท่านั้น
“กรี๊ดดดดด”
เสียงหัวเราะด้านนอกทำให้เนเน่สับสน เธอเรียกให้ทอแสงช่วยแต่กลับไม่ช่วยเธอ เมื่อกี้เธอหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านเก่าหลังหนึ่งแล้วอยู่ ๆ ก็เหมือนกับมีคนผลักเข้ามา
ปัง! ปัง!
“ช่วยด้วย!”
แม้จะเป็นบ้านที่เก่าแก่แต่ไม่รู้ว่าทำไมประตูบ้านถึงแข็งมากขนาดนี้ ทั้งที่มันควรจะพังลงเพราะเธอเขย่ามัน เนเน่น้ำตาไหลนองใบหน้า
เธอเป็นคนที่กลัวความมืดมาก ข้างนอกก็เริ่มจะมืดแล้ว แต่ที่นี่มันห่างจากที่เธอมาไกลพอสมควร ภาวนาให้มีคนมาช่วยก่อนที่จะมืด
เฮือก!
“ฮ่า ฮ่า”
ทอแสงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี พอถึงห้องพัก ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมสาขา หรือแม้แต่อาจารย์ก็ไม่เอะใจถามหายัยเฉิ่มนั่น
“โง่มากอะ” วาดหวานพูดเสริม
เหตุการณ์ก่อนหน้าก็เป็นเธอนั่นแหละที่ผลักยัยเฉิ่มนั่นเข้าบ้านร้างไป ช่วยไม่ได้ที่ใครให้หล่อนมีคะแนนที่สูงจนทำให้เพื่อนอีกคนของเธอไม่ได้มาด้วยกันล่ะ
“จริง เป็นลูกรักอาจารย์ แต่โง่มาก ฮ่า ฮ่า” แพรฝันหัวเราะตาม
อุตส่าห์นัดกันไว้แล้วว่าจะไปเดินชอปปิงกันที่นี่ แต่ยัยโง่นี่กลับทำให้น้ำตาลเพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคนของพวกเธอมาด้วยไม่ได้
“แต่มันจะไม่มีปัญหาแน่นะ” แพรฝันกังวล
เธอกับกลุ่มเพื่อนก็แค่ต้องการแกล้งยัยเฉิ่มที่ทำให้เพื่อนของเธออีกคนไม่ได้มาด้วย พรุ่งนี้อาจารย์ก็คงจะเอะใจกลับไปถามหา
“ไม่มีหรอก ถ้ามันบอกว่าเราแกล้ง ใครจะไปเชื่ออะ คนก็ไม่มี ไม่มีใครเห็น อีกอย่างในมหาลัยเราก็ไม่เคยไปคุยกับมัน” ทอแสงไม่มีความกังวลใด ๆ
“ใช่”
“ไปอาบน้ำไป ฉันจะออกไปข้างนอก”
“เออ”
“ยัยน้ำตาลมันกรี๊ดมาอีกแล้ว รำคาญมาก”
“ก็คนเอาแต่ใจ”
เช้าวันใหม่ทุกคนต้องวุ่นวายตั้งแต่เช้าเพราะเพื่อนร่วมห้องของเนเน่แจ้งอาจารย์ว่าเนเน่ไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อคืน ที่ไม่ได้แจ้งตั้งแต่เมื่อคืนเพราะคิดว่าเนเน่จะกลับไปหาญาติ แต่เธอเพิ่งจำได้ว่าโทรศัพท์ของเนเน่ฝากไว้กับเธอก่อนที่เนเน่จะหายไป
“ได้ยังไง เพื่อนหายไปทำไมไม่มีใครบอก”
อาจารย์ทั้งสามคนรู้สึกเครียดมากเพราะนับดูแล้วเวลาที่นิสิตหายไปก็เกือบสิบชั่วโมง อีกทั้งยังเป็นนิสิตที่อาจารย์รับปากผู้ปกครองว่าจะดูแลเป็นอย่างดี
“ไม่รู้จริง ๆ ค่ะ เมื่อวานหนูเหนื่อยมาก พอมาถึงห้องก็รีบอาบน้ำแล้วพักเลย”
จะโทษนิสิตก็ไม่ถูกเพราะเมื่อวานเหนื่อยกันมากจริง ๆ ไหนจะกลับวันนี้อีก ทุกคนเลยไม่ใส่ใจเพื่อนร่วมสาขา
“เดี๋ยวอาจารย์จะไปประสานงานกับผู้ดูแลหมู่บ้านก่อน เราก็ไปรวมกับเพื่อนไป แล้วบอกเพื่อนว่าอาจกลับช้า”
“ได้ค่ะ”
หมิงหมิงเพื่อนร่วมห้องของเนเน่ถอนหายใจออกมาหลังจากแจ้งอาจารย์เสร็จ เป็นความไม่รอบคอบของเธอจริง ๆ ที่ไม่ดูเพื่อน เธอจำได้ว่าเนเน่ฝากของไว้กับเธอเพราะอยากเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็ไปช่วยอาจารย์ถือของ เมื่อคืนก็คิดว่าไปกับญาติไหนจะเหนื่อยอีก แต่ตอนเช้าพอคิดดูแล้วเธอคิดว่ามันไม่ใช่
“เป็นอะไรหมิงหมิง ทำหน้าเครียดมาแต่ไกลเลย” เพื่อนสนิทของเธอถามด้วยความเป็นห่วง
“เนเน่อะ เมื่อคืนไม่ได้กลับห้อง แกเห็นไหม”
หมิงหมิงเป็นเด็กกิจกรรมและเด็กที่ติดท็อปสาขาไม่ต่างจากเนเน่ ทั้งสองเข้าร่วมแทบจะทุกกิจกรรมเลยสนิทกันไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกัน มีบ้างที่ชวนกันไปกินข้าว
“อ้าว แต่ไม่เห็นกลับด้วยกันตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ” ใยไหมตอบด้วยความงง
“เหรอ”
“ฉันบอกแล้วยัยเฉิ่มมันโง่ เพื่อนก็ไม่มี จะมาทำไมก็ไม่รู้” วาดหวานหัวเราะอย่างอารมณ์ดีหลังหัวหน้าสาขาพูดกับเพื่อนสนิท ทั้งสามคนยืนอยู่ด้านหลังจึงไม่แปลกที่จะได้ยินสิ่งที่พูด
“เออ หงุดหงิดว่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะมันยัยน้ำตาลมันก็ไม่ต้องมากรี๊ดใส่เราหรอก”
“จริง หายไปจากโลกได้ก็ดี”
“ฮ่า ฮ่า”
เสียงหัวเราะจากกลุ่มสามสาวเรียกรอยยิ้มจากคนรอบข้างได้ไม่ยาก ทั้งสามคนสวยมาก ยิ่งหัวเราะก็ยิ่งสดใส แต่ทุกคนคงไม่รู้ว่าสิ่งที่ทั้งสามทำ มันทำลายชีวิตของหญิงสาวอีกคน
“ไม่จริง!”
“จริง ๆ ผมได้ยินอาจารย์แกพูดอยู่”
“เมื่อวานก่อนจะกลับเนเน่ก็ยังดี ๆ อยู่เลยนะ”
“มีอะไรกันเหรอคะ” วาดหวานเดินเข้าไปหากลุ่มคนที่โวยวายกันอยู่ จริง ๆ ก็เป็นกลุ่มคนในสาขาแหละ
“ยัยเนเน่ตายแล้ว”
“ฮ้า!”
“ไม่น่าเชื่อใช่ไหมละ เมื่อวานเรายังยืนอยู่ด้วยกันอยู่เลย”
หากมีคนสังเกตคงจะเห็นอาการหวาดกลัวของสามสาวที่เดินเข้ามาใหม่ แต่ทุกคนกำลังสนใจสิ่งที่รับรู้มามากกว่า
หลังจากได้รับข่าวร้ายจากอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยของลูกสาว ผู้เป็นพ่อแม่ พี่ชายและน้องชายก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเพื่อยืนยันตัวตนของเนเน่
“อาเนเน่!”
หม่าม้าของเนเน่กรีดร้องเมื่อเห็นร่างของลูกสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่ ต่อให้ไม่ได้รักเท่าลูกชายแต่ก็เลี้ยงมาจนเติบโต ผู้เป็นแม่มีหรือที่จะรับไหว
“ฮือ ฮือ ๆ ไหนลื้อบอกจะมากลับหาม้าไง!”
เสียงกรีดร้องของผู้เป็นแม่ทำให้นรากำมือแน่น เขาไม่เชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญ เนเน่ไม่ชอบความมืด จากเหตุการณ์ที่ทางคณะอาจารย์บอกเล่ามาน้องสาวของเขาต้องรีบกลับมาหาเพื่อนแล้วหากไปเข้าห้องน้ำจริง
[เฮียผมส่งคนไปดูกล้องวงจรปิดที่นั่นแล้วนะ! มันไม่ค่อยชัดเพราะกล้องอยู่นอกหมู่บ้าน น้องสาวเฮียเดินตามผู้หญิงคนหนึ่งไปแต่ไม่ใช่เพื่อนที่เห็นเนเน่คนสุดท้ายนะ จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็กลับมาพร้อมเพื่อนอีกสองคนที่มาตามเนเน่ แน่นอนว่าไม่มีน้องสาวเฮีย แล้วทุกคนก็ขึ้นรถกลับห้องพักทั้งหมดเลย]
เสียงปลายสายตอบกลับมาพร้อมส่งคลิปวิดีโอที่ได้รับมาให้ นรายืนอยู่หลังโรงพักเพราะต้องสอบสวนคดีของน้องสาว เขาเปิดคลิปขึ้นมาดู ผู้หญิงคนนั้น! อีกทั้งสีหน้าเมื่อเดินกลับมายังสนุกกันอยู่เลย
แพรฝัน? ทอแสง? วาดหวาน?
ทำไมก่อนหน้านี้ตำรวจทั้งของประเทศจีนและของประเทศเขาถึงสรุปว่าเป็นเพราะน้องสาวของเขาประมาท จึงทำให้ถึงแก่ความตาย ทั้ง ๆ ที่มันเป็นการฆาตกรรม!
[ดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะเป็นลูกคนมีอำนาจนะ เฮียให้ผมจัดการให้เลยไหม ยังไงเนเน่ก็น้องสาวผมคนหนึ่ง]
“อืม ฝากด้วยนะมึง”
[ครับ]
เพจมหาวิทยาลัย
[ ‘ข่าวด่วน! รีบดูก่อนคลิปโดนลบ นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังบินไปศึกษางานที่ต่างประเทศ แต่มีนักศึกษาหญิงเสียชีวิต ตำรวจสรุปคดีว่าเป็นการประมาท แต่ประมาทจริง ๆ เหรอ ดูคลิปเพิ่มเติม…’ ]
ข่าววงใน
[ ‘ตอนนี้เพจมหาวิทยาลัยโดนดึงนะคะ อย่าเพิ่งกล่าวหาระวังโดนแจ้งข้อหาเด้อ’ ]
มิตรไมตรี ตอบกลับโพสต์ ข่าววงใน : คลิปจริง ๆ ใช่ไหมคะ
นิลินคนสวย ตอบกลับโพสต์ ข่าววงใน : ฉันว่าไม่ใช่หรอกนะ! กลุ่มนี้นางฟ้าประจำมหาวิทยาลัยเลยนะ
Pupu : คลิปจริง ๆ ครับ ไม่ได้ตัดต่อ
กลุ่มนางฟ้าประจำมหาวิทยาลัย ทอแสง แพรฝัน วาดหวานนั่งเล่นที่โต๊ะประจำพร้อมน้ำตาล เพื่อนสาวสนิทอีกคนของกลุ่ม แต่อยู่ ๆ ทั้งหมดก็รู้สึกว่ามีคนชี้นิ้วมาที่โต๊ะ ทั้งยังถ่ายรูปเต็มไปหมด
“เกิดอะไรขึ้น!” แพรฝันถามอย่างตกใจ
“นั่นสิ” ลำพังเรื่องของยัยเฉิ่มเพิ่งจบลงไปพวกเธอก็ยังไม่หายหวาดกลัว อยู่ ๆ ก็มีคนมาถ่ายรูปทั้งยังซุบซิบเต็มไปหมด
(ประกาศ ประกาศ ขอพบ นางสาวแพรฝัน ฟรินศา นางสาวทอแสง รวินนิภา และนางสาววาดหวาน วราภรณ์ที่ห้องประชุมด้วยค่ะ รีบมาตอนนี้เลยนะคะ อาจารย์รออยู่ประกาศ ประกาศ…)
สิ้นเสียงประกาศหญิงสาวทั้งสามแสดงอาการหวาดกลัวอย่างห้ามไม่อยู่ ทำให้น้ำตาลเพื่อนสาวอีกคนต้องร้องถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรกันเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก แกนั่งรออยู่ที่นี่นะ! ฉันจะไปเข้าห้องน้ำก่อน” ทอแสงเอ่ยออกมาอย่างเร่งรีบ อีกทั้งมือก็ยังกวาดเครื่องสำอางใส่กระเป๋า
“ใช่ ๆ! ฉันไปด้วย”
“ฉันไปด้วยสิ!”
“จะไปไหนกันเหรอครับคนสวย หึ ๆ”
นราเดินเข้ามาขวางกลุ่มหญิงสาวทั้งสี่คนพร้อมรอยยิ้มที่ทำเอาหญิงสาวทั้งสามหวาดกลัว ด้านหลังมีตำรวจตามมาอีกห้านาย กว่าเขาจะรวบรวมหลักฐานและหาคนต่อกรกับฐานอำนาจด้านหลังคนกลุ่มนี้ได้ก็หลายวัน
“คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ พอดีฉันจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ หลีกทางให้ด้วยค่ะ” แพรฝันรีบกล่าว
“ไม่ต้องไปไหนกันทั้งนั้นครับ! ร่วมมือกันฆ่าคนตาย ทั้งยังปกปิดหลักฐานมีความผิดนะรู้ไหม”
นราเหยียดยิ้ม ฆ่าคนตายแล้วยังมาเสวยสุขกันได้ แต่ชีวิตน้องสาวเขาล่ะ อีกทั้งหม่าม้าของเขายังทำใจเรื่องน้องสาวยังไม่ได้เลย
“มะ…ไม่”
“กรี๊ดดดดด”
“ยะ…ยัย วาดเป็นคนทำ! จับมันสิ จับมันไปเลย!”
“กรี๊ดดด อีแพร!”’
หญิงสาวทั้งสามคนกรีดร้องออกมาเมื่อถูกควบคุมตัว พ่อของพวกเธอจัดการหมดแล้วไม่ใช่เหรอ! ยิ่งกลัวกันมากเท่าไร ทั้งสามก็แฉเพื่อนออกมาเป็นหลักฐานมัดตัว
‘ถึงเฮียจะไม่ค่อยแสดงความรักแต่เฮียก็รักหนูนะอาเน่ เฮียจัดการกับพวกที่ทำหนูให้แล้วนะ หลับให้สบายนะน้องสาวคนสวยของเฮีย’
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร! .
ชีวิตของลิลลี่เป็นชีวิตที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยาจะเป็นแบบเธอ แต่คนอื่นไม่เคยรู้เลยว่ามันโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เกิดในตระกูลหมื่นล้านครอบครัวค่อย ๆ จากไปทีละคน อายุเพียงยี่สิบอาชายผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ดวลจากไป ลิลลี่ ลลิลิล จึงกลายเป็นทายามเพียงคนเดียวของตระกูล มีแล้วอย่างไรสุดท้ายคนเราต้องจากไป มีเงินหมื่นล้านยื้อชีวิตใครไม่ได้สักคน ลิลลี่ในวัยยี่สิบปีเธอรู้ว่าธุรกิจของตระกูลไม่อาจสานต่อได้ ขายหุ้นให้คนอื่นรอรับเพียงเงินปันผลก็เพียงพอ ยี่สิบสามเรียนจบปริญญาตรีด้านแฟชั่นก่อนเรียนต่อปริญาเอก ปริญญาโท ในปีที่สามสิบของชีวิตลิลลี่ประสบความสำเร็จในด้านดีไซเนอร์ เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบก็เสียชีวิตจากความเครียดที่สะสมมาตลอด คิดว่าหลังความตายคงจะถูกบรรพบุรุษสาปแช่งที่ดูแลตระกูลไม่ได้ ใครจะรู้ว่าลืมตาแล้วจะมาอยู่ในร่างของคนอื่น วันที่เจ็ดเดือนมกราคมปี 1980 ลิลลี่ตื่นขึ้นในในร่างของลูกสาวคนโตของบ้านฉิน ฉินเสี่ยวหราน มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อเป็นทหารหารเพิ่งได้รับเลื่อนขั้นเป้นพันตรี แม่เป็นหญิงในชนบท ฉินเสี่ยวหรานเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้าย ส่วนฉินเสี่ยวหลิงเป็นนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายที่จะขึ้นมัธยมปลาย
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร!
เป็นเพียงขยะไร้ค่าของตระกูลจะสู้หลานชายสุดที่รักของคุณปู่ได้อย่างไร ติณณ์เดินออกจากตระกูลไปยังประเทศเกรย์ดัชตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาว แต่เข้าประเทศเขาวันแรกดันปากดีใส่องค์รัชทายาทจนโดนหมายหัว
ซุนลี่เป็นหนึ่งเกรียงไกร แผ่นดินยิ่งยงไพศาล ใต้หล้าสยบชั่วกาล ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น คำนี้มีความจริงเจือจางอยู่กี่มากน้อยกันแน่? เรื่องเหล่านี้คงเป็นเพียงบทเรียนในวังหลังที่จารึกให้คนท่องจำ ไปอย่างสูญเปล่า เพราะสำหรับตัวนางแล้ว คำกล่าวนี้ดูห่างไกลความจริง จนสุดหล้าทีเดียว
อดีตที่ยากจน แม่เลี้ยงสามีที่เอาเปรียบบ้านใหญ่ บ้านรอง ของพวกเธอต้องชดใช้!
เสิ่นสุยยินถูกบังคับให้ดำรงชีวิตในสถานะที่ด้อยกว่าตั้งแต่เด็ก การถูกกดขี่มาอย่างยาวนานไม่ได้ทำให้เธอสูญเสียความภาคภูมิใจในตัวเองแม้แต่น้อย การตกต่ำของตระกูลเสิ่นในสายตาของคนภายนอกดูเหมือนจะเป็นความเสื่อมของตระกูลสูงศักดิ์ แต่แท้จริงแล้วนี่เป็นโอกาสเดียวของเสิ่นสุยยินที่จะกลับคืนสู่ชีวิตใหม่ นางต่อสู้กับคนอื่นเพื่อแก้แค้นให้ท่านแม่ทว่ากลับไม่รู้ว่าทุกแผนการของนาง เขากำลังจ้องตามองอยู่ ลู่จินหวยให้นางหลอกใช้ตนเองเป็นประโยชน์ได้ตามอำเภอใจของนาง แต่ไม่เคยให้นางต้องเปื้อนเลือดแม้แต่นิด สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงตัวนางเท่านั้น “เสิ่นสุยยิน ทางที่ดีเจ้าจะแกล้งทำไปตลอดชีวิต”
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เธอตกหลุมพรางของว่าที่สามีและเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้เธอสูญเสียไปทุกอย่าง เธอตายอยู่บนถนน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าสามีของเธอกำลังพยายามรัดคอเธอให้ตาย แต่โชคดี ที่สุดท้ายเธอรอดชีวิตมาได้ แล้วเธอก็ตกลงเซ็นข้อตกลงการหย่ากับสามีของเธออย่างไม่ลังเล ที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ของเธอได้ทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งให้เธอ ซึ่งช่วยให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นและพลิกสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และเธอก็ได้รับความรักอีกครั้งกับอดีตสามีของเธอ...
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด