อดีตที่น่าอับอาย กับแววตาหยามหยันของใครบางคน เลยทำให้ ‘บุหลัน’ ฮึดสู้ขึ้นมา มันจะเป็นยังไงนะ หากเธอสามารถ ‘หลอกล่อ’ เขาให้ติดกับได้ มันจะเป็นไงนะ หากเธอทำให้ ‘เขา’ หลงรักเธอได้สักครั้ง ...แม้ความหวัง จะมีเพียงแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ตาม... แต่หากเสี่ยงแล้วได้ผลลัพธ์เหมือนที่ตั้งความหวังไว้ ‘เกมล้างอัปยศ’ ครั้งนี้ก็น่าจะคุ้มค่า แต่...บุหลันลืมไป ก้อนเนื้อที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ ไม่มีมนุษย์คนไหนควบคุมได้ เรื่องที่เกินความคาดหมายเลยเกิดขึ้น
ตอนที่1.อดีตหวนคืน
ภายในอณาเขตบ้านพินิจดำรง ประกอบไปด้วยคฤหาสน์หลังใหญ่ บ้านขนาดกลาง และบ้านหลังเล็ก ตามฐานะของผู้อาศัย คฤหาสน์หลังใหญ่ผู้อาศัยคือครอบครัวของโอภาส ซึ่งเป็นพี่ชายคนโต เขามีครอบครัวอบอุ่น ลูกสาวคนโตชื่อพริมา ภรรยาของเขาชื่อคะนึงนิจ และสมาชิกอีกคนที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง...บุหลัน เด็กสาวหน้าตาหมดจด กิริยาเรียบร้อย บุหลันค่อนข้างเก็บตัว เธอแทบไม่มีปากเสียงในบ้านหลังนี้ ใครๆ ก็รู้ บุหลันเป็นลูกนอกสมรสของโอภาส เธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งซึ่งคนในพินิจดำรงรู้ดี แต่คนภายนอกรู้แค่ว่า บุหลันเป็นผู้อาศัย
วันนี้มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นที่นี่ ท่ามกลางบรรยากาศที่รื่นรมย์นัก จู่ๆ ความยินดีที่เกิดขึ้นในใจของบุหลันก็ค่อยๆ ลดลงจนน่าตกใจ เงาร่างของชายผู้หนึ่งทำให้ความร้อนในร่างกายของเธอผุดซึมขึ้นมาเหนือหน้าผากโค้งมน ไรผมของเธอเปียกชุ่มประหนึ่งเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาดๆ บุหลันรู้สึกหน้ามืดจนต้องค่อยๆ ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่เช่นนั้นเธออาจจะล้มหน้าคมำลงตรงนี้ จนสร้างความอับอายให้ตัวเองอีกครั้ง
เรียวปากสีกุหลาบอ่อนเม้มจนเป็นเส้นตรง เผลอตัวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เพื่อให้ลำคอที่จู่ๆ แห้งผากชุ่มชื้นขึ้นมาบ้าง
“เป็นอะไรไปหลัน?” เพรียวเป็นคนเดียวที่สังเกตเห็นความผิดปกติของบุหลัน
“ปะ เปล่า!!” บุหลันรีบแก้ตัวแล้วก็รีบก้มหน้าหลบสายตาคาดคั้นนั่น
เพรียวเงยหน้า กวาดตามองไปทั่วบริเวณลานบ้าน มุมปากได้รูปปรากฏรอยยิ้มหยันขึ้นมา “ยังลืมหมอนั่นไม่ได้อีกเหรอ?” คำถามกระแทกใจตามมาติดๆ
บุหลันสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วก็ส่ายหน้าจนพวงผมด้านหลังส่ายไปมา “ไม่เกี่ยวกับ ‘หมอนั่น’ สักหน่อย” คำแก้ตัวที่ดังผ่านปากมาแผ่วๆ ไม่มีทางทำให้เพรียวเชื่อถือได้เลย
อดีตเรื่องเดียวที่บุหลันไม่มีทางลืม แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะผ่านเลยไปเกือบเจ็ดปีเต็ม
“ผู้ชายคนนั้นไม่เห็นมีอะไรดี” เพรียวพึมพำ
ภาม วิวัฒน์วงศ์ ทางยาทคนเดียวของภาค เจ้าพ่ออสังหา ครอบครัวเขามีกิจการครอบคลุมเกือบครบทุกวงการ เขาเป็นผู้ชายทรงแบดที่หากไม่มีเงินในบัญชีเกินกว่าสิบหลัก ไม่มีทางที่ผู้หญิงคนไหนจะเดินเข้าหาเลย เขาปากจัด แถมนิสัยค่อนไปทางร้ายๆ มากกว่าสุภาพอ่อนโยนด้วย
สิ่งเดียวที่ภามมีดี คือเขาหน้าตาดีแถมฉลาดทันคน
ถ้าเขาคิดใช้มันสมองที่ติดตัวมาในการทำงาน รับรองได้ กิจการของวิวัฒน์วงศ์คงไปได้ไกลกว่านี้อีกหลายเท่า
แต่ทว่า...คงเพราะเขาเป็นทายาทตระกูลมั่งคั่งไง เขาคาบช้อนทองมาเกิดตั้งแต่นาทีแรกที่ลืมตา แถมยังเป็นลูกชายคนเดียวด้วย นิสัยของภามเลยออกมาอย่างที่เห็น
“หลันเองก็งงเหมือนกันเพรียว ตอนนั้นหลันเห็นอะไรในตัวเขา ถึงทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้นออกมาได้” บุหลันก้มหน้าพึมพำเสียงแผ่วๆ
“เธอควรลืมหมอนั่นได้แล้วหลัน คนอย่างหมอนั่นเอาไปทำปุ๋ย ต้นไม้คงแห้งตาย” เพรียวตอบเสียงแข็ง ลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งใกล้ๆ แล้วก็วางมือทับหลังมือบุหลันที่วางไว้บนหน้าขา
บุหลันเงยหน้ายิ้มเซียวๆ ให้
“หิวแล้ว ไปหาอะไรกินในครัวกันเถอะ” บรรยากาศดีๆ กร่อยลงเพราะการปรากฏตัวของภาม บุหลันเองก็ยังไม่ทันได้เตรียมใจไว้ตั้งรับ ดังนั้นการเลี่ยงการเผชิญหน้ากันตอนนี้ น่าจะเป็นทางเดียวที่เพรียวนึกออก
“แต่...” บุหลันพยายามท้วง
งานวันนี้บุหลันเป็นแม่งาน เธอไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้น เพราะหากมีเรื่องที่ทำให้ ‘พริมา’ อารมณ์เสียขึ้นมา เธอคงไม่วายถูกเรียกไปด่าจนหูชา
“นี่ เธอไม่ใช่เบ้แม่นั่นนะหลัน คนงานก็มีตั้งเยอะ แม่นั่นมาจิกใช้เธอ เหมือนเป็นคนใช้ไม่มากไปหน่อยเรอะ” เพรียวตอบเสียงแข็ง พริมาคือลูกสาวคนโตของตระกูล พินิจดำรง เป็นลูกสาวที่เกิดกับคะนึงนิจที่เป็นศรีสะใภ้ ในขณะที่บุหลันเป็นลูกสาวที่เกิดกับสาวรับใช้คนสนิทของ คะนึงนิจเอง เป็นบุตรสาวที่มีอายุไล่เรี่ยกันกับพริมา คะนึงนิจกัดฟันทนรับอุปการะบุหลัน ทั้งที่ชิงชังสุดจิต
“เพรียว...” บุหลันพยายามแย้ง
“ไม่รู้แล้ว ฉันหิว ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ เธอเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่บ่ายสามแล้วนะหลัน” เพรียวดื้อเพ่ง รั้งข้อมือบุหลันแรงๆ แล้วก็ตัดสินใจลากเพื่อนสนิทเดินไปทางด้านหลังคฤหาสน์พินิจดำรง ซึ่งเป็นโรงครัวขนาดใหญ่
ยี่หวาไม่เคยคิดว่าปลายทางชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้ ก่อนที่เธอจะทิ้งอนาคตที่เหลือไปอย่างไร้ค่า เนื่องจากสุดที่จะทนกับความชอกช้ำที่ได้รับมาจากสามีคนเดียว เธอตัดสินใจฝากดวงใจของตัวเองไว้กับน้องสาวฝาแฝด น้องสาวที่ไม่มีคนรอบตัวรู้จัก มันคือความลับที่เธอปิดบังพวกเขาไว้ สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งสองท่านเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงดูคนละคน ยี่หวาอยู่กับแม่ ส่วนญาดาไปอยู่กับบิดา สองสาวที่เหมือนกันทุกกระบิ แตกต่างที่นิสัย คนหนึ่งเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก ส่วนอีกคนตรงข้ามทุกอย่าง แกร่ง และกล้าท้าชน… และเพราะแค้นใจแทนพี่สาว ญาดาเลยรับปากก่อนยี่หวาสิ้นลม เธอจะเอาคืนทั้งสองคนนั้นให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นปกป้องสามีสุดที่รักของยี่หวา หรือแม้แต่...ฉันทา ว่าที่ภรรยาคนใหม่แสนผยองคนนั้น สองคนนี้ต้องหาความสุขไม่ได้ เธอจะรังควานพวกเขา ให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น...การจองเวรคืองานที่เธอควรทำ…ถ้าเป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ ญาดาคงไม่กลุ้มใจหนัก ‘ความรัก’ บทจะมาก็มาประชิด เธออยากแก้แค้น แต่ดันไปหลงรัก ผู้ชายเลวคนนั้นเสียอีก หลังจากเฉดหัวฉันทา คงต้องหาทางมัดใจปกป้อง อย่างน้อยก็ทำเพื่อหลาน ถ้าเธอตกนรก เธอจะลากปกป้องตามไปด้วย...
คงไม่มีความซวยไหนเลวร้ายเท่ากับการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เด็กดริ้ง’ ความตั้งใจของณิรินคือไปจับผิดว่าที่พี่เขย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดเสียเอง แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นคนสำคัญที่เธอต้องคอยดูแลระหว่างที่เขามาเจรจา เพื่อเป็นคู่ค้ากับบริษัทของลุงกับป้า หน้าที่นั้นเลยถูกโยนมาให้ณิรินรับผิดชอบ ผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างงี่เง่าคนนั้น เขาคิดว่าเธอมีอาชีพเสริม และพยายามเกาะแกะจนณิรินโมโห บางครั้งณิรินก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นเพราะช่วงเบญจเพศของเธอหรือเปล่า เรื่องซวยๆ เลยเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดหย่อน
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหู ฉันไม่สามารถสลัดเสียงแหบๆ ของเขาออกไปจากความทรงจำได้เลย นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ สิ่งที่ฉันคิดอยู่นี่คือ...ความผิด แม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันเป็นก้าวแรกที่ฉันตั้งใจทำผิดศีลธรรม กับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!! ฉันกำลังเป็นคนเลว และอีกไม่ช้า ฉันคงโดนคนทั้งโลกประณามหากฉันไม่หยุดความคิดทุเรศๆ นั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย มีเพียงเสียงแหบๆ ของคน คนนั้นดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น “สามีของเธอเดินทางไปทำธุรกิจ” “เธอบอกว่าสามีของเธอจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์!!” “มันจะดีแค่ไหนนะ หากฉันเปลี่ยนสิ่งที่ได้ยินได้ เขาน่าจะไปซัก7ปี” ผมพยายามข่มใจให้รู้สึกเศร้าตาม แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวเกินกว่าจะควบคุมได้ “คุณอยู่ที่ไหน?
รัชศกปีที่สิบ มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่ลืมไม่ลง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็น ‘สาวงาม’ ที่ผู้คนทั้งเมืองหลงใหล เมืองหลวงกว้างใหญ่ใต้แผ่นฟ้าเดียว ข้าผู้มาก่อนกาล เดิมทีข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น แต่ที่ไหนได้ ทุกเหตุการณ์ที่ข้าพบเจอ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ความสุขที่ท่วมท้นอยู่ในใจ เป็นความทรงจำเดียวที่ทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อ...รอ...ใครบางคน
เมื่อสามีตะโกนใส่หน้า “ผมต้องการหย่ากับเธอ!! คนที่ผมรักเขากลับมาหาผมแล้ว” เมษาเซ็นจำใจชื่อบนใบหย่าพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรู เธอตัดสินใจเก็บงำความลับไว้กับตัว พร้อมกับจากไปโดยไม่ปริปากบอกคีรินเลยสักคำ ผ่านไป 5 ปี เด็กชายคนหนึ่งมาตามหาพ่อ... “ผมจะไปหาพ่อผม ปล่อยผมนะ!!” เสียงแผดก้องบริเวณหน้า ล็อบบี้ แม้แต่คีรินเองยังอดสนใจไม่ได้ เด็กชายคนหนึ่งถูก รปภ. รั้งตัวไว้ เขาดิ้นกระแด๋วๆ ตะโกนลั่น ผิวทั้งหน้าแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหน้า และเมื่อเด็กชายวิ่งตรงมาหาเขา “พ่อคร๊าฟฟฟฟฟ” คิรินเข่าอ่อน สัญชาตญาณบางอย่างเตือน เด็กชายตรงหน้าเขานี่ เป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่หยอก หากสามารถปราบพยศผู้ชายเจ้าอารมณ์ได้ ดานันจะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดของบิดา ทว่า...ในความโชคร้าย มีความโชคดีแอบแฝงอยู่ ว่าที่สามีของเธอ เป็นบุตรชายผู้มั่งคั่งของตระกูลใหญ่ แต่เขาเพิ่งสูญเสียดวงตาไปจากอุบัติเหตุ ดานันต้องรองรับความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จนกว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ครามไม่ได้พิกลพิการมาตั้งแต่กำเนิด เขามีหนทางรักษาได้ ขึ้นอยู่กับว่า...ดานันจะโน้มน้าวว่าที่สามีของเธอได้หรือเปล่า
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"