ลืมตาตื่นอีกครั้งในร่างของคนอื่นว่าแย่แล้ว วิญญาณเจ้าของร่างก็ยังตามทวงร่างคืนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้นแย่กว่า
ณ พัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ดินแดนอันเลื่องชื่อจากการมีรถไฟลอยน้ำบนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สะพานผุดกลางแม่น้ำ ทุ่งทานตะวันเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งเมือง ก็ยังมีอีกของดีอีกอย่างหนึ่งที่รอวันถูกค้นพบ
มนุษย์ที่เป็นมิตรกับสรรพสิ่งบนโลก ไม่เว้นแม้แต่...
“หนูลูก มาหาพี่เร็ว อย่าไปทางนั้นเลย พวกพี่สาวเขาตกใจ”
พนักงานคนหนึ่งของร้านนั่งชิลเบะปากออกคล้ายอยากร้องไห้ ซ่อนตัวเองอยู่หลังเสาพลางตะโกนบอกกับอีกฝ่าย “อย่ามัวแต่คุยได้ไหม คนอื่นจะหัวใจวายตายอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มกลับยิ้ม ไม่ได้ถือสาอะไรที่เจ้าหล่อนพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์
“น่า ใจเย็นๆ ต้องให้เวลาน้องเขาด้วย”
เหล่าพี่สาวต่างก็ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายไม่รู้จักหยุดเมื่อ ‘น้อง’ ตัวนั้นไม่ยอมเลื้อยเข้าขวดสักที
สายตาทุกคู่มองดูงูเห่าตัวเล็กที่หัวดื้อไม่ยอมให้ ‘คีรี’ จับง่ายๆ ยังคงดึงเชิงประวิงเวลาอยู่อย่างนั้น ถ้าปากขวดอยู่ทางซ้ายงูก็จะเลื้อยไปทางขวา ถ้าปากขวดอยู่ทางขวางูก็จะเลื้อยไปทางซ้าย เป็นแบบนี้มาหลายนาที คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ลุ้นตัวโก่ง เพราะแม้จะเป็นลูกงูแต่ก็เป็นงูเห่าที่มีพิษร้ายแรง บางจังหวะน้องของคีรียังชูคอแผ่แม่เบี้ยขู่ฟ่อๆ อยู่เลย
มันน่าเอ็นดูตรงไหนทำไมเจ้านั่นถึงยังมองสัตว์ชนิดนี้ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนกัน
ห้านาทีให้หลังลูกงูเห่าก็เลื้อยเข้าไปอยู่ในขวดที่เจาะรูระบายอากาศเรียบร้อย ทำให้พนักงานของทางร้านพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะจวนจะถึงเวลาเปิดร้านแล้ว หากเจองูช่วงที่มีลูกค้าคงได้วุ่นวายกว่านี้ ดีที่พนักงานขนส่งนำพัสดุชิ้นสุดท้ายที่ลูกค้านัดรับมาส่งให้พนักที่ร้านพอดี ผนวกกับมีทักษะอยู่บ้างเลยช่วยจับงูไว้ได้โดยไม่ต้องถึงมืออาสากู้ภัย
“ขอบใจแกมากนะคีน”
“ไม่เป็นไรครับพี่ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมพาน้องไปไว้ที่ศูนย์ก่อนแล้วกันครับ”
ใช้เวลาไม่กี่นาทีคีรีก็มาถึงที่หมาย ชายหนุ่มสืบเท้าเข้าไปในมูลนิธิร่วมกตัญญูพร้อมขวดพลาสติกที่บรรจุเจ้างูน้อยไว้หนึ่งตัว เมื่อเจอกับใครสักคนที่ทำงานอยู่ในนี้ก็ส่งขวดที่ว่าให้ “ผมฝากพี่พาน้องไปปล่อยด้วยนะครับ”
อีกฝ่ายก็รับมาถือไว้อย่างไม่อิดออด เพ่งพินิจเพียงครู่สั้นๆ ก็เอ่ยปากถาม “งูเห่ารึ”
“ครับพี่ ไปได้มาจากร้านเฮียผา”
“เอ็งจับงูเป็นตั้งแต่เมื่อไร”
“เคยเห็นในเน็ตครับ เลยเอามาปรับใช้”
“ครั้งแรก?” เขาพยักหน้ารับ “คนจริงว่ะ ไงก็ขอบใจเอ็งมาก เอาๆ กลับบ้านไปนอนได้แล้ว”
คีรีรับปากพี่กู้ภัยเสียดิบดี แต่แล้วก็มาติกแหง็กอยู่ด้านหน้าศูนย์กับสุนัขหลังอานแสนขี้อ้อนที่เดินมาพันแข้งพันขา พอเขายอบกายลงไปหาพลางยื่นมือไปเกาพุงให้เท่านั้นล่ะ ดูเหมือนเจ้าด่างนี่จะชอบใจมากทีเดียว
คล้อยหลังการเกาพุงน้องหมาเสร็จเป็นที่เรียบร้อย พี่ชายใจดีก็กล่าวเสียงอ่อน “ไว้พี่มาเล่นด้วยนะคนเก่ง”
แล้วจึงได้ฤกษ์กลับสำนักงานเพื่อทำเรื่องเลิกงาน
มอเตอร์ไซค์คู่ใจเคลื่อนไปบนท้องถนนอย่างไม่เร่งรีบ แต่ไม่นานก็มาถึงที่ทำงาน คีรีนำพัสดุที่ส่งไม่สำเร็จในวันนี้ไปเก็บ เนื่องจากลูกค้าไม่สะดวกที่จะรับของและเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้แทน เขาจัดการทุกอย่างด้วยใบหน้าเจือรอยยิ้มบางๆ แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน
คีรีเดินทางกลับบ้านช่วงหนึ่งทุ่มเศษๆ เขาแวะซื้ออาหารสำหรับคนเดียวเพื่อนำกลับไปทานที่บ้านเช่า
เกิดมายี่สิบห้าปีคีรีไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง เขาอยู่บ้านเช่ามาตั้งแต่จำความได้ ในบ้านหลังนั้นเคยมีเขา พ่อ แม่และย่า แต่ตอนนี้เหลือแค่เขาคนเดียวแล้ว โดยที่สมาชิกของครอบครัวคนสุดท้ายเพิ่งจากไปเมื่อสองปีที่แล้วเพราะโรคชรา ในขณะที่พ่อและแม่เสียไปเมื่อช่วงโรคระบาดหนักๆ ทั้งโลกเมื่อห้าปีที่แล้ว
การอยู่คนเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินใจจะทำ
ระหว่างทางกลับบ้านต้องผ่านคลองสายเล็กๆ สายหนึ่ง ปกติแล้วเขาก็แค่ต้องขี่รถข้ามสะพานไป แต่วันนี้ต่างไปจากเดิมเมื่อมีรถหรูทะเบียนกรุงเทพฯ คันหนึ่งจอดอยู่ที่เชิงสะพานซึ่งไม่ค่อยมีใครนิยมจอดรถตรงนี้ พอขี่ผ่านมาครู่หนึ่งสายตาก็สบเข้ากับร่างของใครบางคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ราวสะพาน
คีรีผ่อนความเร็วลงในขณะที่สายตาไม่ละไปจากแผ่นหลังนั้น ในที่สุดล้อรถก็หยุดหมุน พร้อมชายหนุ่มที่ตวัดขาลงไปยืนอยู่ที่พื้น เขาก้าวเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างๆ คนที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกัน
ชายผู้นั้นหันหน้ามามองคนมาใหม่ ก่อนหันกลับไปทางเดิม
ความเงียบปกคลุมพื้นที่อยู่นาน ก่อนเจ้าถิ่นจะเอ่ยขึ้นหวังชวนคุย “สวัสดีครับ ผมคีนนะ คุณล่ะ” อีกฝ่ายไม่ตอบโต้ “มายืนทำอะไรตรงนี้คนเดียวครับ ลมแรงออก”
ชายหนุ่มผิวพรรณดีชำเลืองมองคนปากมากเป็นระยะ “ยุ่ง”
“กินข้าวยังครับ กินข้าวก่อนไหม ที่นี่มีร้านอาหารอร่อยๆ เยอะเลย” เพราะคำว่ายุ่งหรือท่าทีไม่เป็นมิตรนั้นไม่สามารถพรากความมีไมตรีจิตของคีรีไปได้ เขาก็แค่อยากให้คนคนนี้ได้มีชีวิตอยู่ต่อเท่านั้น “ผมไม่รวยหรอกนะ แต่มื้อนี้ผมเลี้ยงคุณได้”
“อย่ามายุ่ง จะไปไหนก็ไป”
คงจะเจอเรื่องไม่ดีมาสิท่า
“นั่นรถคุณเหรอ คันหรูๆ นั่นน่ะ” คนเจ้าอารมณ์ยังคงเงียบ “ไปนั่งบนรถแพงๆ แบบนั้นเถอะ อย่ามายืนตากลมตรงนี้เลย”
“โคตรน่ารำคาญ” ว่าจบก็หมุนตัวเดินกลับไปทางซีดานสีขาว
คีรีไม่ยี่หระกับคำตำหนิ แค่เห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะเปลี่ยนใจไม่มายืนสุ่มเสี่ยงตรงราวสะพานก็พอใจแล้ว เขาตะโกนไปว่า “นี่คุณ ถ้าไม่ให้ผมเป็นเจ้ามือก็อย่าลืมหาข้าวอร่อยๆ กินสักมื้อนะ”
แล้วจึงควบมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้ากลับบ้านของตน ทว่ายังไม่ทันจะพ้นเชิงสะพานอีกฝั่ง เสียงวัตถุบางอย่างก็ตกกระแทกผืนน้ำจนเกิดเสียงดังสนั่น เขารีบพาตัวเองเข้าไหล่ทางพร้อมกับที่ได้ยินเสียงชาวบ้านแถวนั้นตะโกนพูดว่ามีคนกระโดนสะพาน
หัวใจกระตุกวูบ
เป็นคนคนนั้นหรือ คนที่เขาเพิ่งคิดว่าได้ช่วยไว้แล้ว
คีรีว่ายน้ำเป็น และเขาก็ห้ามขาตัวเองไม่ทันถึงได้รีบถอดรองเท้าแล้วกระโดดลงไปในน้ำ ก่อเกิดเสียงกระแทกไม่ต่างจากเมื่อครู่ เขาออกแรงว่ายสุดแรงเกิดเพื่อไปให้ถึงจุดที่มีมือของผู้ประสบภัยชูขึ้นหวังขอความช่วยเหลือ เขาคว้าตัวของชายผู้นั้นไว้ได้ในที่สุด แต่แล้วพ่อหนุ่มหน้ายุ่งก็กอดรัดรอบลำคอและพยายามตะเกียกตะกายเพื่อพาตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำ ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปได้อย่างยากลำบาก เพราะนอกจากจะต้องช่วยคนอื่นแล้ว คีรียังต้องช่วยตัวเองให้ไม่จมดิ่งสู่ใต้น้ำ
ไม่ทันที่คีรีจะได้พาอีกฝ่ายขึ้นฝั่ง ร่างทั้งสองก็จมดิ่งไปพร้อมๆ กัน
จริงอยู่ที่คีรีว่ายน้ำเป็น แต่เขาไม่เคยช่วยคนจมน้ำ เขาลืมไปชั่วขณะว่าหากไม่มีความเชี่ยวชาญก็ไม่ควรเสนอตัวทำเรื่องเกินความสามารถ แต่นาทีนั้นมันยั้งขาตัวเองไม่ทัน
เขายังไม่อยากตาย แต่ความทรมานนี้บอกเขาว่าตัวเองใกล้สิ้นใจแล้ว
พ่อ แม่ ย่า ผมกำลังจะไปหานะ
ในท้ายที่สุดภาพทุกอย่างก็ดับลง...
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน