แต่งงานหลอกๆ เพื่อควบธุรกิจ จบภารกิจเธอยอมเลิกตามสัญญา หากผิดหรือที่เธอตัดใจจากเขาไม่ได้ ผิดหรือที่เธอยังตอแยเขา... ผิดด้วยหรือที่สุดท้ายเธอยอมแพ้และจากไปโดยไม่บอกลา -------- "คุณธีร์อย่า! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ" แค่ฝ่ามือบางสัมผัสกับแผงอกกว้าง ชีวาพรก็ถึงกับตัวสั่น ทว่าวินาทีนั้นเองที่ทุกอย่างก็หยุดลง... "โอ๊ย!" "อ้า!" เสียงแรกเป็นเสียงร้องเหมือนคนกำลังเจ็บหนักจากคนตัวโต ส่วนเสียงเล็กๆ ที่ตามมานั้นเป็นเสียงของคนตัวกลมที่โผล่มาจากข้างหลังของเขา...มือน้อยๆ กำลังขยุ้มผมของพ่อ ชีวาพรตกใจ สัญชาตญาณปกป้องของคนเป็นแม่ทำให้เธอตะครุบไหล่กำยำของธีทัตไว้ เพราะเธอกลัวเขาจะเหวี่ยงมือหรือเบี่ยงตัวหนี แล้วอาจทำให้ลูกของเธอเจ็บ "น้องพร้อมปล่อยก่อนค่ะ หนูจิกผมคนอื่นอย่างนี้ไม่ได้นะคะ" "พี่เป็นพ่อ ไม่ใช่คนอื่น" คนตัวโตที่ถูกเธอกดไหล่เอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนและยังมีมือป้อมจิกผมจนหน้าหงายยังมีหน้ามาค้าน "ฮือ! อือ!"
‘พี่ธีร์ไม่เคยรักกวางเลยหรือคะ แล้วพี่ธีร์แต่งงานกับกวางทำไม’
‘กวางถามทำไม ทั้งที่รู้แก่ใจดีทุกอย่างอยู่แล้ว...หรือกวางอยากให้พี่รู้สึกผิด’
‘แต่พี่เลือกแต่งงานกับกวาง ทั้งที่พี่ชอบ...’
เธอพูดไม่ทันจบประโยค เขาก็พูดสวนขึ้นมา น้ำเสียงและสีหน้าบ่งบอกว่าเขาเริ่มหงุดหงิดแล้ว
‘กวางต้องยอมรับก่อนว่าตอนนั้นกวางเต็มใจแต่งงานกับพี่ พี่ถามความสมัครใจของกวางแล้ว พี่บอกเงื่อนไขการแต่งงานของเราทุกอย่าง กวางยืนยันว่าเข้าใจและรับได้ ดังนั้นการแต่งงานของเราจึงเกิดขึ้น...ส่วนเรื่องที่ทำไมพี่เสนอเงื่อนไขแต่งงานให้กับกวางแทนที่จะเป็นพี่สาวของกวาง เพราะพี่เห็นว่ากวางเป็นคนมีเหตุมีผล กวางดูเป็นผู้ใหญ่ พี่เลยเลือกกวาง เมื่อเรามาจับมือกัน พ่อของกวางก็ขายหุ้นของธุรกิจครอบครัวให้กับราชเวคิน กรุ๊ปได้โดยไม่ขัดกับพินัยกรรมที่บอกให้ขายและถ่ายโอนหุ้นให้คนในครอบครัวเท่านั้น ครอบครัวของกวางได้เงินไปใช้หนี้ พ่อของกวางได้เกษียณงานและได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสบายๆ ส่วนพี่สาวและพี่ชายของกวางก็ได้เงินไปตั้งตัว มันวินวินกันทุกฝ่าย’
‘พี่ธีร์พูดถึงแต่เรื่องเงินและผลประโยชน์’
‘แล้วจะให้พี่พูดถึงเรื่องอะไร? ที่ผ่านมาพี่ไม่เคยหลอกกวาง พี่พูดชัดเจนทุกอย่าง ครอบครัวของกวางเคลียร์กับเรื่องนี้ เมื่อธุรกิจบรรลุผล ทุกอย่างก็ควรจบ!’
จบ...เขาพูดง่ายเหลือเกิน แต่สำหรับเธอนั้นมันยากแสนยาก
เธอแต่งงานกับเขาหกเดือน ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เขาพาเธอไปเที่ยวทั้งต่างจังหวัดทั้งต่างประเทศ เขาเทกแคร์เธอ เขาสร้างช่วงเวลาแห่งของความสุขให้เธอจดจำ...
เธอยอมเป็นของเขาหลังจากแต่งงานกันได้เพียงหนึ่งเดือน เธอยินดีที่จะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายและตามพฤตินัย เขาไม่ได้บังคับ...ทุกอย่างเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของเธอเอง
‘พี่รู้ว่าเรื่องนี้สุ่มเสี่ยงกับความรู้สึก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับใคร คนคนนั้นต้องรับผิดชอบตัวเอง จัดการกับความรู้สึกของตัวเองให้ได้ เพราะเราต้องยอมรับว่ามันเป็นเพียงเรื่องงานและผลประโยชน์ต่างตอบแทนกัน’
ชีวาพรหายใจขาดห้วง ยกสองมือขึ้นมากำแนบหัวใจ หัวใจของเธอกำลังแหลกสลาย...เธอถอยมาตั้งหลักห่างจากเขาและครอบครัวของเธอตั้งไกล เธอไม่ได้ติดต่อใคร เธอทำตัวสูญหายไปจากโลกใบนี้ ทว่าความรู้สึกของเธอกลับไม่ได้ก้าวไปไหนเลย มันยังวนเวียนอยู่ที่เดิม เธอยังย้ำคิดย้ำทำอยู่กับเรื่องเดิมๆ...
ชีวาพรยังมองไม่เห็นทางเลยว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน เธอถึงก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้
“เธอเป็นผู้หญิงของเขา แล้วเคยเจอเขาหรือเปล่า รู้หรือว่าเขาเป็นคนยังไง” “ทำไมจะไม่รู้ ถึงเขาจะแก่ แต่ฉันชอบเขา คุณใหญ่ใจดี ไม่หยาบคายอย่างนาย จำไว้นะ อย่าบังอาจแตะต้องตัวฉันอีก ไม่งั้นฉันจะฟ้องเขาให้สั่งคนจับนายยิงเป้า” หล่อนประกาศก้อง คนร่างใหญ่ถึงกับยืนจังงัง หากปิ่นลดาตีความไปว่าเขากำลังกลัวโทษที่หล่อนขู่ “อย่าตามมานะ ถ้าไม่อยากตาย” หล่อนถอยอีกสามก้าว ก่อนหันกายวิ่งหนี ร่างน้อยในชุดเสื้อคลุมสีขาวที่เห็นลางๆ ในคืนเดือนมืดจากไปอย่างไม่เหลียวหลัง คนข้างหลังมองตาม ดวงตาคมหรี่ลง กระตุกยิ้มอย่างจอมวายร้าย อย่างนี้จะพึ่งเทคโนโลยีผลิตเลือดเนื้อเชื้อไขให้โง่ทำไม ก็หล่อนร่ำร้องอยากเป็นผู้หญิงของนายใหญ่ใจจะขาดแล้ว!
เมื่อ พราวพิชชา สาวสวยจากเมืองเพิร์ท กลับมายังเชียงราช โดยใช้สิทธิ์ลาพักร้อนสิบห้าวันมาทำภารกิจบางอย่าง...ทั้งหมดก็เพื่อน้องสาว อะไรๆ ก็เป็นไปตามแผน มันดูสำเร็จไม่ยาก แต่แล้วก็มีมนุษย์ป่าเถื่อนอย่าง รัชภาคย์ โผล่มาทำให้แผนของเธอล่มไม่เป็นท่า พราวพิชชาคิดว่าตัวเองแกร่งพอ รับมือเขาได้แน่นอน คราวนี้จะตอกกลับเขาให้หน้าหงาย สมกับที่เคยกวนอารมณ์เธอมาแล้วครั้งหนึ่ง แค่สบโอกาสเถอะ เธอจะจัดการให้อยู่หมัด แล้วจะเป็นไปได้แค่ไหน... เมื่อพราวพิชชาไม่รู้เลยว่าคู่ปรับเก่าอย่างรัชภาคย์มีแผนอะไรอยู่ในใจ เกมนี้เธอจะได้เอาคืนเขา... หรือจะเป็นเขาที่ทำให้ชีวิตเธอพลิกคว่ำคะมำหงายตลอดการลาพักร้อนกันแน่ ----------- "คนท้องคนไส้...หมายถึงลดางั้นหรือคะ ลดาท้องหรือ" "อ้าว! ไม่รู้เหรอว่าน้องสาวคุณท้องจนจะคลอดแล้ว คุณป้า" พราวพิชชา ถึงกับกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินคำพูดสวนของ รัชภาคย์ เธอตั้งใจจะไม่สนใจมนุษย์ป่าเถื่อนคนนี้อยู่แล้ว แต่วาจาเราะร้ายที่กระทบโสตประสาท ไม่อาจทนไหวจริงๆ แล้วชายชราที่ดูน่าเกรงขามก็ห้ามทัพ...เป็นครั้งที่เท่าไหร่เธอก็ไม่ได้จำ "นายเล็ก หยุดพูดสักห้านาทีเถอะ คุยไม่รู้เรื่องกันพอดี" ท่านชายปราม แล้วถามแขกสาว "ชื่ออะไรล่ะหนู จะได้ให้เด็กบอกนายใหญ่ถูก" "พราวพิชชาค่ะ พี่สาวของลดา" "ชื่อยังกะลิเก" เสียงเปรยเข้าหูในระยะประชิด พราวพิชชาต้องกลั้นอารมณ์อีกรอบ...
"คุณจะทำอะไร" บัวบูชา ถามเสียงตื่น ถ้าเขายังรังแกกันอีก เธอจะสู้จนขาดใจ หากสิ่งที่เขาบอกนั้นทำให้หญิงสาวชะงัก ไม่มั่นใจว่าได้ยินถูกหรือเปล่า "ผมจะใส่กางเกงให้คุณ" "ไม่ต้อง ฉันไม่ให้คุณใส่" "นั่งนิ่งๆ เถอะ" แม็กซ์เวล ดึงข้อเท้าขาวสะอาดทั้งสองข้างเข้าหาตัวเอง จนเธอร้องวี้ด ถลารูดไปบนโซฟา แล้วยันกายขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ขณะที่คนตัวใหญ่ตั้งหน้าตั้งตาจะสวมกางเกงยีนให้โดยไม่สนใจว่าเธออยู่ในสภาพไหน กระทั่งกางเกงยีนกระชับเรือนร่างถูกดึงผ่านสะโพกผายตึงและก้นงามงอนได้สำเร็จ มือแข็งแรงจึงรูดซิบแล้วติดกระดุมให้เป็นขั้นตอนสุดท้าย... ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ โดยที่สายตายังจับอยู่ที่ผลงานตัวเองอย่างพอใจ "เสร็จสักที ตอนถอดไม่เห็นยากอย่างนี้เลย"
"เฮีย" เสียงเล็กๆ จากเด็กหญิงทำให้ฉัตรฉายยิ้มกว้างอย่างชอบใจ เขาตรงไปหาแล้วนั่งยองๆ บนส้นเท้า สายตาระดับเดียวกับเด็กน้อย "ว่ายังไงคะ แตงหวานคิดถึงเฮียไหม" "คิดถึง คิดถึงเฮีย" เด็กน้อยพยายามพูด ตั้งใจบอกให้เขารู้ความคิดถึงของตัวเอง ฉัตรฉายเอื้อมมือไปหา เมื่อเด็กหญิงไม่ปฏิเสธ เขาจึงค่อยๆ อุ้มแกขึ้นมา ก่อนจะพูด...เหมือนว่าสื่อกับเด็กน้อยเท่านั้น "วันนี้แตงหวานต้องหยุดเล่นก่อน เพราะเฮียมีงานต้องทำ แตงหวานช่วยเฮียทำงานด้วย...ได้ไหมคะ" "ได้ค่ะ" เจ้าตัวน้อยรับคำแล้วปรบมืออย่างชอบใจอีกต่างหาก ญาณินยืนอึ้ง จับทางยังไม่ถูก มองเจ้าของบ้านที่อุ้มหลานสาวเดินลิ่วเข้าบ้านไปแล้ว จนได้สติถึงเร่งฝีเท้าตาม เดินขึ้นบันไดไปจนเขาผลักประตูห้องหนึ่ง "ส่งแตงหวานมาให้ฉันเถอะค่ะ คุณทำงาน แกจะกวนคุณ" "ใครบอกกันล่ะ แตงหวานจะช่วยเฮียทำงานใช่ไหมคะ" ตอนท้ายถามความเห็นจากคนในอ้อมแขน ซึ่งไม่ผิดหวัง มีเสียงตอบรับในทันทีเช่นกัน "ใช่ค่ะ...แตงหวานทำงาน" อะไรกันนี่ แม่หลานสาวจอมป่วนจะมาสนุกอะไรกันตอนนี้ ญาณินถึงกับทำหน้าปั้นยาก อ่อนใจกับทั้งผู้ใหญ่และเด็ก "มีงานสำหรับเธอด้วย สนใจไหม อย่างน้อยก็เป็นค่าเช่าบ้าน ค่าอาหารวันละสามมื้อ"
เมื่อคนแปลกหน้า นัยว่าเป็นเศรษฐีใหม่เข้ามาในเชียงราช เขากว้านซื้อบ้าน ที่ดินและทรัพย์สินที่ตกทอดมาตั้งแต่ต้นตระกูลของ ณิชา ไป ทายาทที่เหลือเพียงคนเดียว แถมยังสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างเธอจะทำอย่างไรได้ นอกจากทำใจยอมรับ คิดจะหลีกทางให้อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวที่สุด แต่นั่นไม่นับรวมถึงการถูกทำร้ายจิตใจ ดูหมิ่นเกียรติไม่เว้นวัน มันทำให้ณิชาสุดจะทน...จากที่คิดจะถอยอย่างสงบ จึงฮึดสู้ขึ้นมาบ้าง คอยดูนะ เผลอเมื่อไหร่ ณิชาคนนี้จะตลบหลัง เอาทุกอย่างคืนมาให้หมด! ส่วน ไรวินทร์ คนอย่างเขาคงไม่เหมาะกับการปิดทองหลังพระจริงๆ สำหรับแม่คุณหนูตกอับอย่างณิชาคงเข้ากับสำนวนไทยที่ว่าทำคุณบูชาโทษแท้เชียว เมื่อเสียเงินไปก็มาก แต่เจ้าตัวยังทำตัวร้ายกาจไม่เลิก เขาก็หมดความอดทนได้เหมือนกัน แม่จอมวายร้าย งั้นมาลองดูกันสักตั้งไหม ว่างานนี้ใครจะอยู่หรือใครจะไป! .................... “ตกใจที่ฉันรู้ใช่ไหม จะบอกให้ว่าขณะที่คุณอวดตัวว่ารู้เรื่องของฉัน การเคลื่อนไหวของคุณ เรื่องของคุณก็ไม่เป็นความลับ สำหรับฉันเหมือนกัน ฉันรู้ว่าคุณเข้ามาเชียงราชทำไม เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐาน แต่ถ้าฉันหาได้เมื่อไหร่จะส่งให้ตำรวจ อย่าคิดจะมาสร้างเครือข่าย สร้างอิทธิพลในเมืองนี้ได้ สักวันคุณจะตกเป็นผู้ร้ายที่ถูกส่งตัวข้ามแดนกลับไปรับโทษ” คำขู่ดุเดือดจากคนร่างกลมกลึงอรชร มันทำให้ ไรวินทร์ นึกอยาก...สั่งสอนให้รู้จักเขาเสียเดี๋ยวนี้ ชายหนุ่มเดาะลิ้น ปรายตามองแม่แมวน้อยที่กำลังสู้สายตาอย่างไม่ยอมแพ้ นึกพอใจในความเก่งกล้าของ ณิชา อย่างถึงที่สุด มันช่างผิดกับภาพแรกที่เห็นลิบลับ... แล้วอยากรู้ต่อมาว่าภายใต้ผิวขาวนวลแลดูบอบบาง กับท่าทางนิ่มนวลนั้น หล่อนจะซ่อนไฟร้อนอยู่สักขนาดไหน ซีรีย์ชุด สิงห์หนุ่มแห่งเชียงราช
การพบเจอกันครั้งนี้ของ สไลลา กับ ดร.อนล นั้น ไม่ใช่ครั้งแรก ทว่าสองคนเคยเจอกันนานแล้ว เพียงแต่สถานะในวันวานกับวันนี้ได้เปลี่ยนแปลงไป ------------ ดร.อนล จบปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์ ปัจจุบันเป็นนักวิชาการด้านการเงินในธนาคารพาณิชย์ และรับช่วงดูแลธุรกิจส่งออกของครอบครัว ปากกับใจตรงกัน จนบ่อยครั้งที่ถูกมองว่าเป็นคนปากร้าย นิสัยเอาแต่ใจตัวเองตามประสาลูกชายคนโตที่ได้ดังใจพ่อแม่เกือบทุกอย่าง จนเกือบจะมองตัวเองเป็นแกนโลกอยู่ละ...อีกนิดเดียว แต่พอจะมีข้อดีอยู่บ้าง ตรงที่จริงใจกับเพื่อนฝูงและคนรอบข้าง ที่สำคัญจริงจังและมั่นคงกับความรู้สึกที่มีต่อ...สไลลา ------------- สไลลา อาชีพพนักงานขายคอนโด มีฝีมือทำขนมหวานเป็นเลิศ แต่อาหารคาวไม่ได้เรื่องเลยสักนิด พื้นฐานครอบครัวค่อนข้างดี พ่อและพี่ชายเป็นนายแพทย์ แต่ด้วยความที่พ่อและแม่แยกทางกัน เธอจึงต้องย้ายตามแม่ไปอยู่ที่อเมริกา การใช้ชีวิตที่นั่นไม่ง่ายนัก บ่มเพาะให้เธอกลายเป็นคนเงียบขรึม เข้มแข็งเกินตัว แต่ก็มีหนุ่มนักเรียนไทยที่ชื่ออนลชอบมากะเทาะความรู้สึกบ่อยๆ จนเธอย้ายกลับเมืองไทย แล้วได้เจอกับเขาอีกครั้ง...ความสัมพันธ์ก็ถูกเริ่มขึ้นใหม่ แต่ยังไงๆ ก็ไม่ได้ทำให้สไลลาปลื้มเขามากกว่าเดิมเลย ก็ปากร้ายขนาดนั้น แถมไม่มีความหวานกันสักนิด ติดจะกระแนะกระแหนเธอด้วยซ้ำ จนไม่มั่นใจละว่า เขาเข้ามาหาเธอในครั้งนี้ เพราะต้องการอะไรกันแน่
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"