คืน One Night Stand ของมาเฟียอิตาลีกับยัยขี้เมา เช้าวันนั้นเธอหายไป เขาจึงออกตามหา แต่เมื่อได้เจอกันเธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้
คืน One Night Stand ของมาเฟียอิตาลีกับยัยขี้เมา เช้าวันนั้นเธอหายไป เขาจึงออกตามหา แต่เมื่อได้เจอกันเธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้
เรื่อง...มาเฟียระบายรัก
สำหรับนิยายเรื่องนี้เป็นตอนของลิลิน น้องสาวของมิรา แต่งต่อจากเรื่อง...พ่อม่ายกับยัยพี่เลี่ยง นักอ่านสามารถอ่านแยกเรื่องได้ค่ะ เนื้อเรื่องไม่ได้รวมกันอ่านแล้ว ไม่งงแน่นอนค่ะ
คำโปรย
คืน One Night Stand ของมาเฟียอิตาลีกับยัยขี้เมา เช้าวันนั้นเธอหายไป เขาจึงออกตามหา แต่เมื่อได้เจอกันเธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้
แนะนำตัวละคร
ขวัญฤทัย มงคลสวัสดิ์ อายุ 22 ปี (ลิลิน)
นักศึกษาฝึกงานปีสุดท้าย เธอไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อนที่ได้ฝึกงานด้วยกัน เธอเมาจนไม่มีสติ เผลอไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนหนึ่งเข้า เธอจำหน้าเขาไม่ได้ แต่ในที่สุดโลกมันก็กลม...บังเอิญเจอกัน
คริสเตียน คาร์โด้ อายุ 34 ปี (คุณคริส)
เขาเป็นมาเฟีย มาเปิดธุรกิจในไทย เขาหล่อ และรวยมาก เขาไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้อย่างที่คนอื่นๆ เข้าใจ แต่เขาชอบซื้อกิน เพราะเขายังไม่เจอคนที่ทำให้เขาสามารถรู้สึกรักได้ วันหนึ่งเขาได้เจอกับยัยขี้เมาโดยบังเอิญ แล้วเกิดสนใจเธอขึ้นมา เขาและเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันในคืนนั้น
ตอนที่ 1 ชีวิตลิลิน
ลิลิน หญิงสาวตัวเล็กผิวขาวหุ่นดี ใบหน้าสวยใสน่ารักกำลังดี นักศึกษาปีสี่ ในชีวิตมีพี่สาวเพียงคนเดียวที่คอยดูแลเธอมาตลอดตั้งแต่ยังเด็ก เธอรักพี่สาวของเธอคนนี้มาก รักเหมือนแม่คนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมีกันอยู่แค่สองคนพี่น้องเท่านั้น แต่ตอนนี้พี่สาวของเธอได้มีครอบครัวที่อบอุ่นไปแล้ว
พี่สาวกับพี่เขยของเธอได้ส่งเธอเรียน เธออยากอะไร ลิลินก็มักจะได้เรียนในสิ่งที่ต้องการเสมอ ลิลินอยู่อย่างสบายและมีความสุขดี พี่เขยของเธอซื้อคอนโดกับรถอีกหนึ่งคันให้กับเธอ ตอนแรกเธอก็ไม่อยากรับเพราะรู้สึกเกรงใจ แต่พี่เขยของเธอบอกว่า ที่ซื้อให้เพราะไม่อยากให้พี่สาวต้องเป็นห่วง
ลิลินเป็นผู้หญิงที่ต้องอยู่คอนโดคนเดียว ถ้าไม่มีรถก็จะลำบาก ซึ่งลิลินเองก็อยากให้พี่สาวของเธอสบายใจ เธอจึงรับเอาไว้ เธอเลือกที่จะออกมาอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง เพราะมันใกล้กับมหาลัยที่เธอเรียน แต่อีกใจลิลินก็ไม่อยากเข้าไปอยู่ที่บ้านพี่เขยด้วยแหละ เพราะเธอเกรงใจไม่อยากรบกวน แค่ที่เขาส่งเธอเรียนมันก็มากพอแล้ว และตอนนี้เธอกำลังหาที่ฝึกงานก่อนเรียนจบ เพราะตอนนี้เธออยู่ปีสุดท้ายอีกนิดเดียวก็จะจบแล้ว
ลิลินเป็นผู้หญิงเก่ง ไม่ยอมใคร รักตัวเอง เก่งการต่อสู้ ชอบกีฬายิงปืนที่สุด มีเพื่อนสนิทสามคนผู้ชายหนึ่ง ผู้หญิงสอง ทั้งสี่คนรวมถึงเธอด้วยรักกันมาก
“ไอ้ลิน มึงได้ที่ฝึกงานหรือยัง" ธีร์เพื่อนสนิทของลิลินคนแรกถามขึ้น ธีร์เป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม เขาเป็นผู้ชายที่รักเพื่อนมาก มีแฟนไปเรื่อยๆ ส่วนเพื่อนก็คือเพื่อนไม่ได้คิดกับใครในกลุ่มเกินเลยทั้งสิ้น
"ยังเลยรอบริษัทตอบรับอยู่เนี่ย ทำไมบริษัทสมัยนี้ถึงรับเด็กฝึกงานยากจังนะ" ที่จริงเธอกลัวว่าจะต้องไปฝึกงานที่บริษัทของพี่เขยต่างหาก เธอไม่อยากไป เพราะเธออยากจะใช้ชีวิตด้วยตัวเอง พี่เขยของเธอชื่อคุณอาทิตย์ เขาเป็นนักธุรกิจที่โด่งดังมากคนหนึ่ง ส่วนพี่สาวของเธอชื่อมิราเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
"แล้วทำไมมึงไม่ไปฝึกงานที่บริษัทของพี่เขยมึงวะ" ถ้ากูอยากไป กูคงไม่มานั่งหาที่ฝึกงานอยู่แบบนี้หรอกถามไม่คิด...ลิลินค่อนขอดเพื่อนในใจ
"ไม่อ่ะ กูไม่อยากรบกวนเขา แล้วกูก็อยากหาประสบการณ์ด้วยตัวเองด้วย" ลิลินชอบชีวิตอิสระ เธอเป็นผู้หญิงก็จริง แต่เธอก็เป็นผู้หญิงเก่งและเข้มแข็ง ร่าเริง และคิดบวกเสมอ
"เออๆ แม่คนเก่งแล้วแต่มึงเลยครับ พอดีของกูได้แล้ววะ" ธีร์เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในกลุ่ม คำพูดของเขาไม่เคยแบ่งแยกไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เขามักจะพูดกู มึง กับเพื่อนเสมอ เพราะเขารู้สึกว่ามันสนิทกันดี ซึ่งทุกคนในกลุ่มก็คิดเหมือนกัน
"เฮ้ยจริงเหรอโชคดีจังได้ที่ไหนวะ" ลิลินถามอย่างตื่นเต้นแทนเพื่อนที่ได้ที่ฝึกงานแล้ว แต่เธอนี่สิยังไม่ได้สักที ไปสมัครมาก็ตั้งหลายที่ ถ้าไม่ได้จริงๆ มีหวังต้องไปทำงานกับพี่อาทิตย์แน่ๆ ใครจะอยากไปทำงานกับคนแก่กัน ไม่เอาๆ
"บริษัท xxx น่ะ" ลิลินทำหน้าเข้าใจ และก็หวังว่าเธอก็จะต้องได้ที่ฝึกงานบ้าง
"โอ๊ยอิจฉา นี่ถ้ากูได้ที่ฝึกงานบ้างนะ เราไปเลี้ยงฉลองกัน" ลิลินชวน ปกตินานๆ ทีถึงจะชวนกันไปเที่ยวเพราะพักหลังมาเรียนหนักมาก ยิ่งใกล้จะจบนะ ไม่ค่อยมีเวลาไปไหนเลย แต่ถ้าครั้งนี้เธอได้ที่ฝึกงานนะ เธอก็อยากจะให้ของขวัญกับตัวเองบ้าง ให้ชีวิตได้ปลดปล่อยบ้าง
"ไปก็ไปดิ" ธีร์เป็นเพื่อน ที่รักเพื่อนๆ มากและเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในกลุ่ม ถ้าเพื่อนเขาไปไหน เขาก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว รวมถึงแตงโมกับน้ำหวานด้วย เพราะธีร์จะได้ดูแลเพื่อนไปในตัวด้วย เพราะสถานที่ที่ลิลินพูดถึงคงไม่พ้นที่ที่ผู้ใหญ่ชอบไปเที่ยวกันแน่ๆ
"อ้าวๆ พูดแล้วน้า..." แค่เรื่องเที่ยวธีร์สบายมาก เมื่อไหร่ ตอนไหนขอให้บอก เขาพร้อมเสมอ
"เออดิวะกูเคยเบี้ยวมึงหรือไง" ธีร์ตอบอย่างมั่นใจ เพราะทุกครั้งเขาก็ไปด้วยกันเสมอ
"ไม่เคย...มั้ง เดี๋ยวชวนแตงโมกับยัยน้ำหวานไปด้วย" ลิลินนึกเรื่องเที่ยวแล้ว แต่ที่ฝึกงานยังไม่ได้เลยนะ
“ให้มึงได้ที่ฝึกงานก่อนดีมั้ยเพื่อน ไอ้พวกนั้นน่ะ ไม่ต้องชวนมันก็ไป" ลิลินทำท่าพยักหน้าเห็นด้วย กับสิ่งที่เพื่อนพูด เพราะสองคนนั้นไปไหนไปกันอยู่แล้ว อีกอย่างเธอก็ยังไม่ได้ที่ฝึกงานเลย
"แล้วมึงจะรู้ผลเมื่อไหร่วะ กูจะได้เตรียมท้องไปใส่เหล้า" งานนี้คงต้องเต็มที่หน่อยเพราะนานๆ ทีจะได้พากันไปเที่ยว
"แหมมึงแดกอย่างอื่นบ้างก็ได้" ลิลินมักจะพูดแบบนี้กับเพื่อนเช่นกัน แต่ถ้าเธอคุยกับพี่สาวหรือคุยกับผู้ใหญ่ ลิลินก็จะเรียบร้อยและน่ารักไปอีกแบบ
"กูจะดื่มเยอะขนาดไหน ก็ไม่เมาเท่ามึงหรอกไอ้ลิน" เพราะลิลินเป็นคนคออ่อน พอเวลาที่ลิลินเมา ลิลินจะไม่รู้ตัวเรื่องเลย แบบว่าตื่นมาจำอะไรไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นเวลาที่ลิลินดื่มเหล้า เพื่อนของเธอทั้งสามคนจะช่วยกันดูแลลิลินเสมอ
"เออๆ เดี๋ยวมึงคอยดูกูใหม่แล้วกัน ครั้งนี้กูจะไม่เมา" ลิลินพูดไปอย่างนั้นแหละ เพราะเธอรู้ว่า ถ้าเธอเมาเมื่อไหร่ เพื่อนๆ ของเธอก็ไม่ทิ้งเธอแน่นอน
"อ้าวนั้นไงยัยสองคนมาโน้นแล้ว" ธีร์หันไปเห็นแตงโมกับน้ำหวานเดินยิ้มมาแต่ไกลพอดี
"ลินๆ เราได้ที่ฝึกงานที่เดียวกัน" น้ำหวานพูดขึ้นหน้าตาดีใจสุดๆ เพราะได้ที่ฝึกงานที่เดียวกันกับเพื่อนสนิท
"จริงเหรอดีใจอ่ะ...แล้วแตงโมล่ะ" ลิลินยิ้มให้น้ำหวานอย่างดีใจ แล้วหันไปถามแตงโม
"เราได้อีกที่นึงน่ะ" แตงโมก็ยิ้มได้เช่นกัน ถึงจะไม่ได้ไปฝึกกับเพื่อน ก็ไม่เป็นไร แค่รู้ว่าพวกเราจะได้มีที่ให้ฝึกงานมันก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องจะไปฝึกที่เดียวกันหรือไม่นั้น ไม่สำคัญเพราะเดี๋ยวพวกเธอทั้งสี่คน ก็หาเวลามาเจอกันได้อยู่แล้ว
"คนละที่ก็ไม่เป็นไรเนอะ ดีแล้วที่พวกเรายังหาที่ฝึกงานกันได้" น้ำหวานพูดขึ้นแบบให้กำลังใจเพื่อน
"อือ" ทุกคนก็เห็นด้วยเช่นกัน
"ถ้างั้นวันนี้เราไปเลี้ยงฉลองกัน" ลิลินพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นน้ำเสียงดีใจสุดๆ ในที่สุดสิ่งที่หวังเอาไว้ก็เป็นจริง เธอจะได้ไม่ต้องไปทำงานกับพี่อาทิตย์ พี่เขยของเธอ เธอรู้ว่าเขาใจดี แต่เธอไม่รู้ว่าสำหรับเรื่องงานเขาจะเป็นยังไง ด้วยอายุของเขาแล้ว เธอคิดว่าเขาต้องเข้มงวดกับเธอแน่ๆ เพราะฉะนั้นเธอไม่ไปหรอก
"ที่ไหนๆ" แตงโมรีบถาม เพราะเธออยากไปเปิดหูเปิดตาอยู่พอดี
"เออ…ไอ้ธีร์ที่ไหนดีวะ" ลิลินหันไปถามความคิดเห็นธีร์ จากที่คุยกันเมื่อสักครู่ยังไม่ได้สรุปว่าจะไปที่ไหนกันดี
"ร้านอาหารก็พอมั้ง" น้ำหวานเสนอ
"ไม่เอาๆ ครั้งนี้ต้องพิเศษหน่อย ไปผับกัน ผู้ชายเยอะดี" แตงโมออกความคิดเห็นทันที แฟนก็เลิกกันไปตั้งนานแล้ว ว่าจะหาใหม่สักคนมาประดับบารมีสักหน่อย
"อกหักครั้งที่แล้วไม่เข็ดอีกนะไอ้โม" น้ำหวานแซวเพื่อน ทุกคนในกลุ่มล้วนแล้วแต่เคยผ่านผู้ชายมาแล้วทั้งนั้น ส่วนธีร์ก็ผ่านผู้หญิงมาแล้ว ยังเหลือก็แต่ลิลินที่ยังไม่เคยผ่านเรื่องนี้เลย เพราะพี่สาวของเธอขอร้องให้น้องสาวเรียนจบก่อนแล้วค่อยมีแฟน เพราะนางเป็นห่วง กลัวน้องสาวจะเจอผู้ชายที่ไม่ดี ส่วนลิลินก็ไม่อยากให้พี่สาวเป็นห่วง เธอก็เลยเลือกที่จะยังไม่มีแฟนตามที่พี่สาวขอร้อง
"อกหักแล้วไง ไม่ได้ทำให้กูตายสักหน่อย" แตงโมพูดอย่างอารมณ์ดี เธอคิดว่าความรักคือสีสันของชีวิต ส่วนเรื่องบนเตียงเธอก็ไม่ได้จะให้ใครง่ายๆ สักหน่อยถ้าอารมณ์ไม่พาไปจริงๆ เธอก็ไว้ตัวอยู่พอสมควรหรือจะเรียกว่าเล่นตัวก็ได้นะ เธอไม่ได้สนใจว่าผู้ชายคนไหนจะคิดยังไง เพราะเรื่องแบบนี้ ถ้ารีบก็จะเจอแต่ผู้ชายห่วยๆ อย่างที่ผ่านมานั่นแหละ
"เอาที่มึงสบายใจเลยก็แล้วกัน" เพื่อนทุกคนต่างก็เป็นห่วงกันดี พอเวลาที่ใครมีเรื่องไม่สบายใจ ผิดหวัง หรือจะสมหวังก็ตาม ก็มักจะมาระบายและเล่าให้เพื่อนในกลุ่มฟังเสมอ ทำให้ลิลินหญิงสาวโสดแถมยังบริสุทธิ์คนเดียวในกลุ่ม เธอมีข้อมูลเรื่องความรักเยอะมาก เธอไม่ได้ใสซื่อเพราะได้ประสบการณ์จากเพื่อนๆ เหลือก็แต่ปฏิบัติอย่างเดียวที่เธอยังไม่เคย
"เอ้าๆ แยกย้ายสามทุ่มเจอกันที่คอนโดไอ้ลิน เดี๋ยวไปรถกู" ธีร์เป็นคนพูดขึ้น เพราะเขาคิดว่าไปด้วยกันจะได้กลับด้วยกัน และจะได้ดูแลกันด้วย
"ทำไมต้องไปรถมึงด้วย ไม่เอาๆ กูจะขับรถไปเอง" ลิลินเห็นว่าบ้านเพื่อนแต่ละคน ไปกันคนละทิศละทาง ถ้าจะไปคันเดียวกัน ขับมารับไม่เท่าไหร่ ตอนไปส่งนี่สิ คงจะวนไปวนมาทั้งคืนแน่ๆ แล้วเธอก็มีรถ เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่อยากให้เพื่อนลำบากด้วย
"ก็กูเป็นผู้ชาย กูจะได้ดูแลพวกมึงด้วยไง" ธีร์รู้ว่าสถานที่ที่จะไปเที่ยวกัน ในที่แบบนั้นมันค่อนข้างอันตราย แต่ถ้าเพื่อนจะยืนยันไปเองเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่แสดงความเป็นห่วงในสถานะเพื่อนก็เท่านั้น
"เออ...ขอบใจมึงมาก แต่ไม่เป็นไรดีกว่า มึงกินทีไรเมาเป็นหมาทุกที กูเอารถไปเองดีกว่า" ที่จริงแล้วก็เมาเหมือนๆ กันทุกคนนั่นแหละ โดยเฉพาะคนพูด
"ไอ้ธีร์กูไปด้วยนะ ทางผ่านบ้านกูพอดีขี้เกียจขับรถว่ะ" ในที่สุดก็มีน้ำหวานไปกับธีร์หนึ่งคน
"กูด้วยๆ ถึงห้องกูจะอยู่คนละซอย เดี๋ยวกูนั่งรถมาหามึงที่บ้านก็ได้ ขากลับกูจะได้มีคนไปส่งเผื่อกูเมา แฮะๆ" แตงโมเสนอตัวไปกับธีร์อีกคน งั้นก็เหลือแต่ลิลินที่จะขับรถไปเองคนเดียว
"ได้ดิ งั้นไอ้ลินมึงไปคนเดียวนะ" ธีร์สรุป
"อือสบายมาก สามทุ่มเจอกันตามนัด"
"งั้นมึงสองคนตกลงตามนี้" ธีร์หันไปพูดกับแตงโมและน้ำหวาน แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายกัน กลับบ้านใครบ้านมันแล้วเจอกันอีกทีเวลาตามนัด...
แค่เพียงสบตาความปรารถนาอันร้อนแรงของเขาก็ได้ก่อตัวขึ้น ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว เขาย่อมมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกประการ
เรื่อง...คุณหมอสะดุดรัก คำโปรย พริ้งพราวเพื่อนลากให้ไปเที่ยวผับแต่เธอดันถูกยาปลุกเซ็กเข้า แล้วบังเอิญมาเจอกับเขา คุณหมอหนุ่มวัย35ปี แล้วคุณหมอจะมีวิธีช่วยเธออย่างไร... แนะนำตัวละคร วายุภักษ์ ภักดีวัฒนากุล (วายุ) อายุ 35 ปี เขาเป็นผู้ชาย ขี้เล่น อารมณ์ดี และที่สำคัญเขายิ้มเก่งมากๆ วายุเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลสาขาที่เชียงใหม่และยังพ่วงด้วยตำแหน่งคุณหมอโรคหัวใจ เขาเป็นลูกชายคนโตของ เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีสาขาอยู่หลายแห่งของประเทศไทย วายุมีความจำเป็นต้องย้ายมาจากสาขาที่เชียงใหม่ เพราะน้องชายที่ประจำอยู่เกิดอุบัติเหตุ วายุเลยมาประจำอยู่สาขาที่กรุงเทพแทนเป็นการชั่วคราว กมลเนตร ธนพัฒน์ธาดา (พริ้งพราว) หญิงสาวบริสุทธิ์ อายุ 24 ปี ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เธอกับเขาอยู่ด้วยกันและค่อยๆ สนิทกัน เหนือเมฆ ภักดีวัฒนากุล (เมฆ) น้องชายคนเดียวของวายุ ตั้งแต่เขาประสบอุบัติเหตุเดินไม่ได้ เขาก็กลายเป็นคนอารมณ์ร้อน พยาบาลพิเศษที่จ้างมาดูแล ไม่มีใครสามารถอยู่กับเขาได้ จนได้มาเจอกับ...ข้าวหอม ศศินาทิพย์ คงเจริญ (ข้าวหอม) พยาบาลจบใหม่ เธออยู่ในช่วงทดลองงาน ถูกทางโรงพยาบาลขอร้องให้ไปดูแลคนป่วยที่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเงื่อนไข และเงื่อนไขนั้นทำให้เธอยอมตอบตกลงรับทำงานนี้ @@@@@@
เรื่อง...พ่อม่ายกับยัยพี่เลี้ยง คำโปรย...นักธุรกิจหนุ่มลูกติด มีปมชีวิตความใสซื่อและความดีของเธอทำให้เขาสนใจ ส่วนลูกชายที่ไม่ยอมไปโรงเรียนเพราะโดนเพื่อนล้อว่าไม่มีแม่ อยากได้เธอมาเป็นแม่ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับลูกชายเช่นกัน แนะนำตัวละคร คุณอาทิตย์ เจริญเดชาพงษ์ (คุณอาทิตย์) หนุ่มหล่อรวย เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง และยังมีธุรกิจ ผลิต นำเข้า และส่งออก เกี่ยวกับสิ่งอิเล็กทรอนิกส์ รายใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย แต่อาทิตย์เขามีลูกติดชื่อน้องเกียร์เป็นเด็กผู้ชายอายุสามขวบ แม่เสียชีวิตตอนคลอดน้องเกียร์ออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะเธอเสียเลือดมาก นันทิชา มงคลสวัสดิ์ (มิรา) หญิงสาวที่พึ่งเรียนจบมาใหม่ๆ เธอตกงาน ที่บ้านกำลังลำบาก เธอออกหางานทำเพราะต้องส่งน้องเรียน น้องเธออยู่มัธยมต้น เป็นผู้หญิงชื่อลิลิน พ่อแม่เสียไปนานแล้ว เหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านถึงรอดมาถึงทุกวันนี้ได้
เรื่อง...คุณหมออาสากับยัยเด็กบนดอย โปรย...ความรักมันไม่ได้เกี่ยวกับอายุ...แต่มันเกี่ยวอยู่ที่ใจ เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ แนะนำตัวละคร แสงเหนือ หรือ หมอแสง อายุ 32 ปี นิสัย ปากร้าย อารมณ์ดี ขี้เล่น อบอุ่นและขี้หึงสุดๆ แต่เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ ปิ่นงาม หรือ ปิ่น อายุ 20 ปี เธอสวย เก่ง เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่บนดอยสูง เธอมีความสุขตามอัตภาพของเธอ แต่แล้วชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อมีเขาเดินเข้ามา ************* (เรื่องนี้เขียนต่อจากเรื่อง...คุณหมอเจ้าแผนการ) ปล.นิยายเรื่องนี้ทุกเหตุการณ์เป็นการสมมุติขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ ศาสนา วัฒนธรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ในเนื้อหาของเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งที่สมมุติขึ้นทั้งสิ้น
ความสวยสะดุดตา ความสดใสสะดุดใจ ปากที่บอกว่ายังไม่อยากมีใคร แต่ในใจกลับอยากได้เธอมาครอบครอง
เมื่อความผิดพลาดของเขาและเธอ ทำให้ทั้งสองได้เด็กมาเลี้ยง เขาได้เลี้ยงเด็กผู้ชาย ส่วนเธอได้เลี้ยงเด็กผู้หญิง แล้วทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งสี่ปีผ่านไป ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง ด้วยเงื่อนไขวุ่นๆของครอบครัว
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
เมื่อเธอโดนนอกใจจากคนที่รัก จึงหนีไปเริ่มต้อนชีวิตใหม่ที่ดูไบ และเธอก็ได้เจอกับหนุ่มอาหรับสุดแซ่บ ที่มายั่วยวนหลอกล่อให้เธอมีเซ็กส์ที่เร่าร้อนกับเขา และเขายังต้องการให้เธอท้องลูกของเขาอีก.... เรื่องย่อ.... “คุณอัสลาน… คุณออกไปห่างๆฉันหน่อยได้ไหม…ห้องครัวนี่มันก็กว้างมากเลยนะคุณ ทำไมคุณต้องมาใกล้ฉันขนาดนี้ด้วย…” “ก็ผมอยากจะดูว่าคุณใส่ยาเสน่ห์อะไรลงไปในอาหารหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกโหยหาคุณตลอดเลย…” “ใครจะบ้ามาใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกินล่ะ แค่นี้ฉันก็แทบไม่ได้นอนแล้ว… ขืนใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกิน ฉันไม่นอนแกผ้าให้คุณเอาทั้งวันเลยเหรอ…” “หึๆ…ก็คุณมันน่ามั่นเขี้ยวนิ จะจับจะตบตรงไหนก็แน่นไปหมดเลย…แถมกลิ่นตัวก็หอมไปยันหอยเลย…อืม…พูดไปแล้วขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยสิ วันนี้ทำงานมาโคตรเหนื่อยเลย…” “อื้อ…คุณจะทำอะไรน่ะคุณฮัสลาน นี่มันในห้องครัวนะคุณ…เดี๋ยวพวกแม่บ้านเดินเข้ามาจะทำยังไงคะ…ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ จะมาดมอะไรตรงนี้” “ก็ผมอยากดมตอนนี้ไงคุณ…เห็นหน้าคุณแล้วผมก็รู้สึกเสี้ยนจนทนไม่ไหวแล้วเนี่ย…ขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ” “อ้ะ….คุณอัสลาน….อื้อ….ทำไมคุณมันหื่นแบบนี้เนี่ย….เอามือของคุณออกไปนะ เดี๋ยวคนมาเห็น….อ้ะ…ซี๊ด…อ่าส์….” อัสลาน ราเชด บรูฮัมนี อายุ 37 ปี “อัสลาน...” หนุ่มนักธุรกิจชาวอาหรับที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในนิยาย แต่ต้องมาคัดสรรหาเมียเพื่อจะมีลูกสืบทอดวงตระกูลตามคำสั่งของพ่อแม่ ทำให้เขานั้นเลี่ยงไม่ได้กับการที่จะหาเมียสักคนมารับหน้าที่นี้ แต่เขาดันไปถูกใจแม่สาวไทยใจแข็งเข้านี่สิ ไม่ว่าเขาจะเสนออะไรไปเธอก็ไม่ยอมที่จะมาเป็นเมียของเขาเลย เพียงเพราะว่าเขานั้นแก่กว่าเธอไม่กี่ปีเท่านั้น ทำให้เขาต้องใช้เล่ห์กลหลอกล่อเธอให้มาทำงานกับเขา ก่อนจะค่อยๆอ่อยแล้วก็รุกจัดการตะครุบเหยื่ออย่างเธอให้กลายมาเป็นนกน้อยในกรงทองของเขา…. มารียา เวทติวัตร อายุ 27 ปี “มีน มารียา…” สาวไทยหน้าคมที่มีหุ่นอวบอัดเป็นที่ยั่วน้ำลายของพวกหนุ่มนั้น กลับไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักเอาซะเลย เธอจึงหนีจากความเสียใจแล้วมาหางานทำอยู่ที่ดูไบ...เพื่อจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ และเธอก็ได้เจอกับเจ้านายขี้อ่อย ขี้ยั่ว ที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหรือไปไหน เขาก็มักจะมายั่วน้ำลายทำให้หัวใจที่บอบช้ำของเธอนั้นปั่นป่วนอยู่เสมอ จนเธอถลำตัวมีอะไรกับเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ และเธอก็ได้รู้ว่าเขานั้นเป็นผู้ชายแก่ที่หื่นสุดๆเลย…แต่จะหื่นแค่ไหนต้องไปตามอ่านในนิยายนะคะ
รลิน หมอศัลยแพทย์ทั่วไป เธออายุ 27 แต่ความสามารถของเธอนั้นเป็นที่ยอมรับโดยประจักษ์ เธอยังชำนาญด้านแพทย์แผนจีน เรื่องพิษ คนทั่วไปทั้งในโรงพยาบาลและนอกโรงพยาบาลที่รู้จักเธอ รับรู้แค่เธอเป็นหมอลินที่ทั้งสวยและเก่ง แต่ตัวตนที่แท้จริงของเธอนั้น เธอคือนักฆ่าขององค์กรใต้ดิน เธอต้องเรียนรู้และเข้าให้ถึงทุกอาชีพตามที่องค์กรสอน เมื่อได้ภารกิจต้องเข้าให้ถึงทุกบทบาท
© 2018-now MeghaBook
บนสุด