เธอเป็นคู่หมั้นของเขา เมื่อหลายปีก่อนเคยแกล้งเขาเอาไว้อย่างหนัก กลับบ้านมาทีไรเขาก็เอาแต่หนีหน้า ครั้งนี้ได้เจอกันอีกครั้ง เธอต้องหาทางง้อเขาให้สำเร็จ เพื่อให้เขาให้อภัยเรื่องในอดีต เพราะหัวใจทั้งดวงของเธอมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น
1
พยัคฆ์นั่งหน้านิ้วคิ้วขมวดอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ในบ้านพักกลางไร่จนลูกน้องที่เดินเข้ามาถึงกับชะงัก
“นายน้อยเป็นอะไรครับถึงได้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขนาดนั้น” เวทนเอ่ยถามเจ้านายหนุ่ม
“แกได้ยินข่าวที่ว่ายายตัวแสบจะกลับมาแล้วใช่ไหม” พยัคฆ์เอ่ยถามถึงคู่หมั้นวัยเยาว์ของตนเอง
เขากับบัวระรินโดนจับหมั้นกันแบบไม่เต็มใจ เขาอายุห่างจากเธอหลายปีในขณะที่เธอยังแบเบาะ เพราะบิดาของเขากับเธอแพ้พนันเพื่อนในวงเหล้า เธอกับเขาเลยมีสถานะคู่หมั้นคู่หมายกันมาตั้งแต่บัดนั้น
ศักดิ์ศรีค้ำคอ ค้ำคอใครล่ะ พ่อเขาไง
เกี่ยวอะไรกับลูกอย่างเขาด้วยเล่า
บัวระรินไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ โดยย้ายไปอยู่กับผู้เป็นยาย เธอเรียนเก่งและเรียนจบในวัยยี่สิบเอ็ด เพิ่งผ่านพ้นการบรรลุนิติภาวะมาเอง ในขณะที่เขาน่ะเหรอ อายุสามสิบห้าเข้าไปแล้ว
เรื่องอายุก็ดูไม่ค่อยเหมาะกันนัก ไหนจะนิสัยที่เข้ากันไม่ได้อีก
ตอนเด็กบัวระรินมักมาเที่ยวเล่นที่ไร่ และนำความเดือดร้อนมาให้เขาเสมอ เขาคิดจะจีบผู้หญิงหรือมีแฟนกี่คน โดนเธอแกล้งจนกระเจิง กลับมารอบนี้เขาคงได้ปวดหัวอีกเป็นแน่
ตอนนั้นเขาดีใจมากที่เธอย้ายไปอยู่กับยายที่กรุงเทพฯ ชีวิตของเขาเลยสงบสุขมานานหลายปี
เธอย้ายไปเรียนที่โน่นก็กลับมาเยี่ยมบิดามารดาปีละไม่กี่ครั้ง เขารู้ข่าวว่าเธอจะกลับมาทีไร เขาก็หนีตายนั่งเครื่องบินไปทำธุระต่างจังหวัดในทันที นั่นทำให้เขากับเธอไม่ได้เจอกัน
“รู้แล้วครับ รอบนี้นายน้อยจะหนีไปไหนครับ”
“หนี! หนีอย่างนั้นเหรอ” พยัคฆ์เอ่ยถามลูกน้องเสียงดุ ทำเอาเวทนหน้าเหวอ
เขาพูดอะไรผิดอีกแล้วนี่!
“คนอย่างฉันเหรอจะหนี ไม่หนีโว้ย! เป็นไงเป็นกัน ฉันไม่กลัวยายตัวแสบหรอก”
“ดีแล้วครับ เพราะรอบนี้ถ้านายน้อยต้องหนีอีก ต้องหนีตลอดชีวิตเลยนะครับ เพราะผมได้ข่าวว่าคุณหนูบัวระรินจะกลับมาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ถาวรเลยนะครับ”
“ฉันนี่นะหนียายเด็กนั่น เคยเสียที่ไหนกันล่ะ”
“แล้วตอนที่นายน้อยรีบบินไปเชียงใหม่ ระนอง ระยอง ยะลา ไม่เรียกหนีเหรอครับ” เจ้านายหนีตายไปทุกภาคของประเทศไทยแค่รู้ข่าวว่าบัวระรินจะกลับมา ข่าวจริงข่าวลวงไม่รู้ ขอหนีตายเอาไว้ก่อน
“แกมันไม่รู้อะไร ฉันไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาต่างหาก แล้วฉันเคยหนีไปยะลาที่ไหน ไอ้บ้า” พยัคฆ์ทำเสียงดุใส่ลูกน้อง
“ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา ก็ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาครับ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อยครับ”
“เธอกลับมารอบนี้ฉันจะพูดกับเธอตรงๆ ว่าฉันจะถอนหมั้นกับเธอ”
“เจ้านายกล้าเหรอครับ”
“ทำไมจะไม่กล้า”
“ถึงตายเลยนะครับนั่น”
“ฉันหรือจะกลัวยายเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่น” เขาเตรียมรับมือกับเจ้าหล่อนเอาไว้แล้ว แกล้งมาแกล้งกลับไม่โกง ที่สำคัญเขาซีเรียสมาก บอกบิดามารดายืนยันกระต่ายขาเดียวไปแล้วว่าเขาจะไม่แต่งงานกับยายตัวแสบเด็ดขาด
“คุณหนูบัวระรินก็โตแล้ว คงไม่คิดแกล้งเจ้านายเหมือนตอนเด็กๆ หรอกกระมังครับ”
“ก็ไม่แน่ ยายตัวแสบน่ะสารพัดพิษจะตายไป” เขาไม่ค่อยเชื่อว่าคนเราจะเปลี่ยนนิสัยกันได้จากหน้ามือเป็นหลังมือ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
เสียงเคาะประตูบ้านพักดังขึ้น ก่อนที่คนงานจะเดินเข้ามารายงานเจ้านายหนุ่ม
“มีอะไร” พยัคฆ์เอ่ยถาม
“นายใหญ่ให้มาตามนายน้อยไปที่บ้านน่ะครับ”
“ไปทำไม”
“วันนี้บ้านคุณภาคจะมารับประทานอาหารที่ไร่ของเราครับ”
“มากินข้าวอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ครับ” คนงานรายงานเสร็จก็เอ่ยขอตัว
“ทำเป็นมาพูดว่าบ้านลุงภาคจะมากินข้าวที่บ้านเรา จริง ๆ จะพายายตัวแสบมาทวงสัญญาหมั้นหมายน่ะสิ ไม่มีทางเสียหรอก ฉันจะหาโอกาสคุยกับหล่อนว่าฉันไม่อยากแต่งงานกับหล่อน”
“ผมขออวยพรให้นายน้อยโชคดีนะครับ”
“สมพรปากแกก็แล้วกัน” พยัคฆ์หยิบหมวกปีกกว้างมาสวม ก่อนที่จะเดินออกไปจากบ้านพักเพื่อขี่ม้ากลับไปยังบ้านหลังใหญ่ของบิดามารดา
“อ้าวเสือกลับมาแล้วเหรอลูก ไปอาบน้ำอาบท่าเสียก่อนสิ เดี๋ยวจะได้ลงมากินข้าวด้วยกัน” พิมพ์ดาราเอ่ยกับลูกชายด้วยรอยยิ้ม พยัคฆ์เหลือบมองอาหารมากมายที่มารดาเร่งให้สาวใช้จัดเรียงให้สวยงามก่อนจะเอ่ยถาม
“จัดอาหารเสียเยอะแยะเลยนะครับคุณแม่”
“ก็บ้านลุงภาคเขาจะมากินข้าวกับเราเย็นนี้ แม่ก็ต้องเตรียมอาหารต้อนรับเขาสิจ๊ะ”
“ครับ” พยัคฆ์รับคำ เขารู้ข่าวพักใหญ่แล้วว่าบัวระรินจะกลับมา บิดามารดาคงจัดอาหารต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้
แต่เสียใจด้วย เขาจะหาทางถอนหมั้นกับเธอให้จงได้!
พยัคฆ์อาบน้ำเปลี่ยนชุดลงมารับประทานอาหารกับบิดามารดา ทุกคนนั่งรอแขกคนสำคัญอยู่ตรงห้องรับแขก เขาเดินลงไปนั่งตรงโซฟาตรงข้ามกับบิดามารดา ทำเป็นไม่รู้เรื่องราวอะไร
“คุณพ่อกับคุณแม่ดูตื่นเต้นจังเลยนะครับ ทำยังกับลุงภาคไม่เคยมากินข้าวบ้านเราอย่างนั้นแหละ” พยัคฆ์เหน็บบิดามารดา
“ก็นานๆ ได้กินข้าวกันสักที” พงศ์พูดขึ้น
“ไม่ใช่เพราะวันนี้บัวระรินว่าที่ลูกสะใภ้จะมาด้วยเหรอครับ” พยัคฆ์เอ่ยถามตรงๆ ทำให้คนเป็นพ่อแม่หน้าเหวอ
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
เธอต้องหมั้นหมายกับหลานชายของเขา แต่เพราะประสบอุบัติเหตุทำให้เกิดผลข้างเคียงกลายเป็นผู้หญิงอ้วนสุดแสนอัปลักษณ์ หลานชายของเขาจึงขอถอนหมั้น แต่เธอไม่คิดว่าเขาผู้มีศักดิ์เป็นอาจะเป็นคนหมั้นหมายกับเธอแทน คุณอาหนุ่ม เพื่อนรุ่นน้องของบิดามารดาที่เธอแอบชอบมานานหลายปีแล้ว ในที่สุดจะได้เป็นสามีของเธอจริงๆ
พิมพ์ลภัสโดนมารดาเลี้ยงกับน้องสาวใจร้ายโยนออกจากบ้านท่ามกลางสายฝน และโพทะนาไปว่าเธอหนีตามผู้ชายไป เพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ กลับมาอีกครั้ง พิมพ์ลภัสจึงเปลี่ยนจากบทนางเอกกลายเป็นนางร้ายเอาคืนคนที่ทำเอาไว้กับเธออย่างสาสม!
หวังจื่อหลินอ่านนิยายจบด้วยความโมโหที่นางเอกในนิยายโดนทำร้ายจนตาย เธอเดินข้ามถนนไม่ทันระวังจึงโดนรถชน หลิวเหวินจงเพื่อนชายคนสนิทที่แอบรักเธอจึงเข้ามาช่วยเอาไว้ แต่ทั้งสองก็โดนรถชนอยู่ดี สองหนุ่มสาวกลายเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงนิทรานอนหลับไม่ฟื้น แต่ขณะเดียวกันก็ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายเล่มที่ตัวเองอ่าน และเข้าไปแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นให้แปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"