หมอปีศาจพันหน้าไม่มีใครรู้ว่าเป็นบุรุษหรือสตรี ทุกย่างก้าวที่หมอปีศาจเดินผ่าน หากไม่มีคนตายก็จะพบความอัศจรรย์คนที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพอีกครั้ง! ชื่อเสียงดังก้องทั่วยุทธภพแต่ไม่มีใครรู้เลยว่าหมอปีศาจพันหน้าเป็นเพียงแม่นางน้อยคนหนึ่งเท่านั้น! และแม่นางน้อยอย่างหลินจื่อเยว่ที่ข้ามภพมาเป็นลูกศิษย์คนที่สิบของหมอเทวดาแห่งหุบเขาเทวะ และไม่รู้ว่าร่างนี้ไม่สามารถดื่มสุราได้ ทำให้นางไปคว้าบุรุษรูปงามมาเป็นพ่อของลูกเพราะฤทธิ์น้ำเมา จึงเกิดผลผลิตน้อยๆ ออกมาอย่างไม่ตั้งใจ แม้จะไม่รู้ว่าบุรุษรูปงามนั้นเป็นใครมาจากไหน แต่นางจะต้องเลี้ยงดูก้อนแป้งที่น่ารักเป็นอย่างดี!
ภายในห้องทดลองขนาดใหญ่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อให้ทำการทดลองและวิจัยยาตัวหนึ่ง การวิจัยและการทดลองกำลังเดินทางมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งหมายถึงเป็นการจบหน้าที่ที่พวกเขากรำกันมาแรมปีแล้ว
“เยว่เจี่ย ไปพักก่อนเถอะ พี่อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่เช้าแล้วนะ เดี๋ยวฉันดูให้เอง” หญิงสาวหน้าตาน่ารักในชุดกาวน์สีขาวเดินเข้ามาบอกกับผู้ที่เป็นหัวหน้า และเป็นเสมือนพี่สาวเธออีกคน
หลินจื่อเยว่ผละสายตาออกจากชาร์ตการทดลองหันไปมองเด็กสาวแล้วคลี่ยิ้มบางออกมาให้หนึ่งสาย
“อาซิน แล้วเธอกินข้าวแล้วเหรอ ถึงจะมาสลับกับพี่”
“กินแล้วสิ ฉันน่ะไม่ยอมหิ้วท้องรอหรอกนะ”
ซินเหลียนถือวิสาสะแย่งแผ่นชาร์ตในมือมา พร้อมกับใช้สองมือดันหลังหลินจื่อเยว่ให้ออกจากห้องทดลองไปพักผ่อน ทว่ายังไม่ทันที่ร่างบางจะได้ขยับไปทางไหน พลันเสียงที่คล้ายกับกระแสไฟฟ้าชอร์ตก็ดังขึ้น เรียกสายตาของสองสาวให้หันไปมองทางเดียวกัน ทว่ายังไม่ทันได้ตั้งตัวเสียงระเบิดก็ดังขึ้น
ตู้ม!!!!
แรงระเบิดรุนแรงจนพังครืนไปทั้งชั้น กลุ่มควันที่ขาวพวยพุ่งออกมาเป็นที่น่าตระหนกของประชาชนในเมืองเป็นอย่างมาก
นัยน์ตาคู่สวยของหลินจื่อเยว่เบิกโพลงมองเห็นประกายไฟที่พวยพุ่งออกมา พร้อมกับร่างเธอที่ค่อย ๆ กระเด็นออกไปจากแรงอัดของระเบิด ก่อนที่ภาพทุกอย่างในครรลองสายตาจะกลายเป็นสีดำมืดสนิทไปเสีย พร้อมกับสติของเธอที่ค่อย ๆ ดับลง...
หุบเขาเทวะ
เท้าเรียวเล็กค่อย ๆ ย่องออกจากเรือนไม้ช้า ๆ เหยียบย่างไปบนพื้นไม้ด้วยความเบาหวิว ทว่าขณะที่กำลังย่างเหยียบไปอีกก้าวก็พลันชะงักค้างเอาไว้ พลางหันไปมองด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกขึ้น
“น้องสิบ นั่นเจ้าจะไปที่ใดกัน เหตุใดต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เช่นนี้” บุรุษในอาภรณ์สีขาวสะอาดนามว่า ‘เจินเฉียง’ เอ่ยขึ้น
“ศิษย์พี่ห้า~ ศิษย์พี่อย่าเสียงดังไปสิเจ้าคะ เดี๋ยวศิษย์พี่ใหญ่ก็ได้ยินเข้าพอดี”
“แล้วเหตุใดต้องกลัวศิษย์พี่ใหญ่รู้ด้วยเล่า เจ้าเด็กคนนี้แปลกคนจริง” เจินเฉียงส่ายหน้าน้อย ๆ เมื่อไม่เข้าใจในปฏิกิริยาของศิษย์น้อง ซึ่งเป็นสตรีเพียงคนเดียวในบรรดาศิษย์ทั้งหมด
“แหะ ข้าสัญญากับศิษย์พี่ใหญ่เอาไว้ว่า ห้าวันนี้ข้าจะมิออกไปข้างนอก เป็นตายเช่นไรก็จะไม่ออกไป แต่ศิษย์พี่ห้าท่านลองคิดดูสิเจ้าคะ จะมีชาวบ้านอีกกี่สิบคนที่กำลังป่วยรอการรักษา ศิษย์พี่ห้าก็รู้ว่าชาวบ้านหลายคนมิได้มีเงินมากมายพอจะซื้อยา หวังพึ่งหมอเช่นเราเข้าช่วยเหลือ หากหนึ่งวันมีคนป่วยสามคน ห้าวันจะมิกลายเป็นสิบห้าคนเลยหรือ”
หญิงสาวพยายามงัดทุกอย่างหวังจะโน้มน้าวใจศิษย์พี่ห้าของนาง สุดท้ายก็ใช้จังหวะที่เจินเฉียงครุ่นคิดตามวิ่งออกไปจากเรือนอย่างรวดเร็ว
“น้องสิบ เจ้า...” เจินเฉียงกว่าจะรู้ตัว น้องสิบของเขาก็วิ่งออกนอกสำนักไปแล้ว
หลินจื่อเยว่เมื่อวิ่งพ้นออกมาจากประตูใหญ่ก็หันไปมองด้านหลัง สำนักหมอเทวดาแห่งหุบเขาเทวะ เป็นบ้านหลังแรกของนางเลยก็ว่าได้ นางคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเดินลงเขาไปเรื่อย ๆ หมายจะใช้โอกาสนี้ท่องยุทธภพไปเรื่อย ๆ และใช้วิชาความรู้ด้านการแพทย์และยาสมุนไพรที่ได้รับการถ่ายทอดจากท่านอาจารย์มาใช้รักษาคนไข้ โดยไม่รู้เลยว่าครั้งนี้นางจะมิอาจหวนคืนสำนักหมอเทวดาแห่งหุบเขาเทวะได้อีกแล้ว
‘สวีไห่’ ศิษย์คนโตของสำนักในอาภรณ์ขาวสะอาดยืนมองร่างเล็กเดินออกไปช้า ๆ จนลับตาก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา
‘สวรรค์ลิขิต ทุกชีวิตมิอาจฝืนชะตา จนกว่าเราจะได้พบกันใหม่’
สวีไห่ยกมือซ้ายขึ้นไพล่ด้านหลังแล้วเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไปเงียบ ๆ รู้ดีว่าที่หลินจื่อเยว่ให้คำมั่น นางมิอาจกระทำได้ เพราะตั้งแต่เรียนรู้จนจบครบทุกตำราศาสตร์หมอเทวดาแล้ว หลินจื่อเยว่ก็มีความมุ่งหมายที่แรงกล้าในการช่วยเหลือชาวบ้านให้หายจากอาการป่วยไข้
หลินจื่อเยว่จำความได้นางก็เป็นศิษย์น้องสิบของสำนักหมอเทวดาแห่งนี้แล้ว มีพี่ชายทั้งเก้าคนและท่านอาจารย์คอยเลี้ยงดูและดูแลมาเป็นอย่างดี เมื่อเติบโตขึ้นศิษย์พี่ใหญ่ก็คอยสอนหนังสือให้นาง รวมถึงท่านอาจารย์ก็ถ่ายทอดวิชาการแพทย์
หญิงสาวฝึกฝนทุกด้านจนแตกฉาน รวมไปถึงการฝึกยุทธ์ เพียงไม่กี่ขวบปีจากเด็กน้อยก็กลายเป็นสาวน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา คอยตามท่านอาจารย์ไปรักษาคนไข้ จนสิบปีให้หลังท่านอาจารย์ของนางก็มิได้ลงจากเขาอีกเลย ด้วยเพราะชราวัยมากขึ้นนั้นเอง
แม้นจะมีวรยุทธ์ กระนั้นหลินจื่อเยว่ไม่เคยคิดใช้มันเลย นางเดินลงเขาไปเรื่อย ๆ เหมือนเช่นทุกครั้งที่ออกมา ทว่าวันนี้กลับมีบางอย่างแปลกไป นางสัมผัสได้ว่าป่าในวันนี้เงียบผิดปกติ สายตาคู่สวยหันมองไปรอบ ๆ ราวกับกำลังชมนกชมไม้ และเพราะถูกฝึกมาอย่างดี นางจึงได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินอยู่อีกด้าน ราวกับเสียงเท้านั้นเดินขนาบไปกับนาง มือเรียวกระชับถุงผ้าที่คล้องติดตัวมาไว้ เดินไปตามเส้นทางโดยไม่เผยพิรุธใดทั้งสิ้น
กระทั่งกลุ่มชายฉกรรจ์ห้าคนเดินออกมาล้อมหน้าล้อมหลังนางเอาไว้ หลินจื่อเยว่พยายามหาทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนไปให้
“พี่ชาย มีผู้ใดเจ็บป่วยหรือถึงได้มาดักเจอข้าเช่นนี้” หญิงสาวทำใจดีสู้เสือเอ่ยถามออกไป
นางอาศัยขนาดตัวที่เล็กกว่า ใช้ปลายเท้าเตะเศษใบไม้ไปตรงหน้าแล้ววิ่งฝ่าพวกมันออกไปอย่างไม่คิดชีวิต ไม่สนทิศทางเช่นกัน โดยที่กลุ่มโจรป่าทั้งห้าคนวิ่งตามมาติด ๆ นางได้แต่คิดในใจว่า หากนางมิดื้อรั้น ทำตามที่ตกลงกับศิษย์พี่ใหญ่เอาไว้ตั้งแต่ทีแรก นางก็คงไม่ต้องมาเผชิญเรื่องราวเช่นนี้
หลินจื่อเยว่วิ่งหนีจนกระทั่งมาถึงทางตัน ด้วยเบื้องหน้าเป็นหุบเหวสูง นางยั้งฝีเท้าเอาไว้แล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับกลุ่มโจรป่าที่เมื่อพวกมันเห็นนางจนมุมก็ค่อย ๆ ย่างสามขุมเข้ามาช้า ๆ
“แม่นาง จะวิ่งหนีให้เหนื่อยไปไย พวกข้าเพียงต้องการข้าวของมีราคาในตัวท่านเท่านั้น” หนึ่งในโจรป่าเอ่ยบอก
“ข้าไม่มีสิ่งของใดมีราคาอย่างที่พวกเจ้าต้องการหรอก ยะ...อย่าเข้ามานะ”
หากเป็นผู้อื่นคงยอมมอบทุกอย่างให้พวกโจรไปเพื่อรักษาชีวิตตน หากแต่หลินจื่อเยว่ได้เห็นแววตาของพวกมันแล้วย่อมรู้ว่า สิ่งที่พวกมันต้องการมิได้มีเพียงข้าวของมีราคาเท่านั้น ก็นะ นางเองก็ถือได้ว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่งนี่นา
ในขณะที่กลุ่มโจรเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ หลินจื่อเยว่ซึ่งไร้หนทางให้หนีแล้ว สุดท้ายนางจึงตัดสินใจกระโดดลงไปจากหน้าผาสูงชันลงสู่หุบเหวเบื้องล่างที่มิรู้ว่าด้านล่างนั้นมีสิ่งใดอยู่
‘ท่านอาจารย์ ศิษย์เนรคุณ อยู่ทดแทนบุญคุณท่านอาจารย์มิได้แล้ว โปรดให้อภัยศิษย์ดื้อคนนี้ด้วย ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าขอโทษที่ผิดสัญญาต่อท่าน หากมีโอกาสชาติหน้าข้าจะตามหาท่าน ให้ท่านได้ลงโทษที่ข้าดื้อรั้น มิฟังคำ’
หลินจื่อเยว่รำพึงในใจถึงอาจารย์ ผู้เปรียบดั่งบิดา และศิษย์พี่ใหญ่ผู้เปรียบดั่งพี่ชายคนโต ก่อนที่ดวงตากลมโตค่อย ๆ หลับลงช้า ๆ ปล่อยให้หยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาปลิวไปกับสายลม
ร่างบางกระแทกเข้ากับกิ่งก้านของต้นไม้กิ่งแล้วกิ่งเล่ากระทั่งตกลงบนพื้นดินข้างล่าง ลมหายใจสุดท้ายหมดลงพร้อมกับร่างโปร่งแสงที่ออกมายืนมองร่างตัวเองซึ่งสิ้นลมหายใจไปแล้วด้วยความเสียใจ มิได้เสียใจที่หมดลม หากแต่เสียใจที่ยังมิได้ใช้ความรู้ความสามารถที่มีช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่ก็เท่านั้น
“ลาก่อน”
เสียงหวานเอ่ยบอกลาก่อนที่ร่างโปร่งแสงจะค่อย ๆ หายไป เหลือเพียงความเงียบที่โอบล้อมไปทั่วบริเวณ ไร้คนเหลียวแลร่างไร้ลมหายใจนี้
ทั่วทั้งแคว้นอ้ายคงมีเพียงบุรุษเช่นหัวหน้ากลุ่มต้าหยางเท่านั้นที่ยอมแต่งเข้าบ้านภรรยา เพราะนั่นมันเท่ากับว่าเขายอมอยู่ใต้บารมีของภรรยา และยอมให้ภรรยาเป็นใหญ่ ทว่าบุรุษที่อกหักมาสิบครั้งอย่างเขา ไม่อยากจะอกหักเป็นครั้งที่สิบเอ็ดแล้วนี่นา อีกทั้งคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางเองก็ใจตรงกัน เรื่องธรรมเนียมอะไรนั่นก็ช่างมันเถิด เทียนจื่อซานแทบจะถูกเรียกว่าเป็นบุรุษอาภัพในรัก ด้วยเพราะเวลาไปเกี้ยวสตรีบ้านไหน จุดจบก็หนีไม่พ้นการถูกปฏิเสธ จนกระทั่งเขาได้มาเจอกับกู้หลินฟาง ไม่แน่ใจว่าเป็นเมตตาจากท่านเทพบนสวรรค์ หรือเทพมารต้องการให้เขาทำลายสถิติอกหักอีกครั้งกันแน่ แต่เขา... เทียนจื่อซานไม่ขอยอมแพ้ และจะเกี้ยวคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางอีกสักครั้ง
เธอตายจากโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จู่ ๆ ดันได้กลับมาเกิดใหม่เป็นสาวน้อยวัยห้าขวบ ฐานะยากจนที่ถูกญาติมิตรรังแก ถึงเวลาแล้วที่ฉินหลิวซีจะถลกแขนเสื้อรื้อฟื้นโชคชะตา "ข้าจะพาครอบครัวร่ำรวยมั่งคั่งให้ได้"
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - - ตัวอย่างในเล่ม “ดูสิ ฉันจะได้อะไร” หลิวตานถูมืออย่างตื่นเต้น ก่อนจะบอกระบบว่าเริ่มสุ่มวงล้อ “ระบบเริ่มสุ่มวงล้อได้เลย” ทันใดนั้นหน้าจอโปร่งใสก็ปรากฏตรงหน้าเธอ ดวงตาคู่งามมองวงล้อสุ่มของรางวัลที่หมุนไปมาด้วยความประหม่า เพราะมันเป็นของรางวัลชิ้นแรกที่เธอคาดหวัง ไม่รู้มันจะสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่ขอให้ช่วยสี่แม่ลูกได้ยิ่งดี “เมล็ดพันธุ์ผักกาด?” หลิวตานมองภาพตรงหน้าแล้วได้แต่น้ำตาตกในเมื่อของรางวัลที่แลกมากับการไปตัดหญ้ามาให้หมูคือเมล็ดพันธุ์ผักกาด!
ไป่จวิ้นเดิมทีก็เป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อย ที่ไม่น่าจะได้รับความสนใจอะไรในกองทัพ ทว่าเมื่อสงครามจบลง และกลับมาพร้อมชัยชนะ เขาจึงได้เงินรางวัลมาจำนวนหนึ่ง ส่วนหนึ่งเพื่อปลอบขวัญที่ต้องจากบ้านไปเป็นระยะเวลานาน อีกส่วนก็เป็นสินน้ำใจตอบแทนที่เขาต้องกลายเป็นคนที่ไม่ต่างจากคนพิการ เดินเหินไปไหนก็ไม่คล่องแคล่วเช่นเมื่อก่อน และเรื่องนี้ก็สร้างความกลัดกลุ้มให้กับมารดาของเขาอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะส่งเทียบดูตัวไปสักกี่ครั้งต่างก็ถูกปฏิเสธ ทว่ามีเพียงสตรียากจนที่เป็นเพียงบุตรสาวของชาวนาจน ๆ คนหนึ่งเท่านั้นที่ยินยอมแต่งเข้าสกุลไป่ แรกทีเดียวไป่จวิ้นไม่ใคร่จะชอบใจภรรยาของตนนัก ด้วยคิดว่านางยินยอมแต่งกับชายพิการเช่นเขาเพียงแค่เพราะเรื่องเงินทอง แต่ความอ่อนโยนและมุ่งมั่นที่จะดูแลเขาของ จางอวี๋จิง’กลับค่อย ๆ ละลายน้ำแข็งในใจของชายหนุ่มลงอย่างช้า ๆ ส่วนทางจางอวี๋จิง นางก็เริ่มมองเห็นความอบอุ่นของสามีที่นางไม่คิดว่าจะรักได้คนนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน และนางก็ได้ตั้งปณิธานอันแน่วแน่ว่า จากนี้ไปจะขอเป็นภรรยาที่ซื่อสัตย์ต่อเขาไปจนชั่วชีวิต สามีของนางพิการเดินเหินไม่สะดวกแล้วอย่างไร นางจะขอเป็นแขนขาให้แก่เขาเอง
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง