ต่ำศักดิ์ ไร้ค่าแล้วอย่างไร ในสายตาของนาง เขาคือยอดบุรุษผู้สง่างาม ความอัปยศที่เขาเคยได้รับ ความเจ็บช้ำที่เขาเคยต้องอดทน วันนี้นางจะทวงคืนให้เขาเอง "บุรุษของข้า ใครกล้าแตะต้องก็ลองดู"
เผี๊ยะ! เสียงเนื้อปริแตกเพราะถูกแส้ฟาดลงมาที่ร่างกาย อวิ๋นหรงหยางกัดฟันข่มความเจ็บปวด หยัดกายลุกขึ้นช้า ๆ กลิ่นคาวโลหิตโชยมาจากแผ่นหลัง เขารับรู้ได้ถึงความอุ่นร้อน ทว่าไม่อาจเอื้อมมือไปเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากปากแผลของตนได้ ยังไม่ทันได้หยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง แส้เส้นเดิมก็ตวัดลงมาอีกครั้ง
“ลูกแกะตัวน้อย วิ่งเร็วเข้า ฮ่า ๆ เจ้าเชลยต่ำต้อย ข้าบอกให้วิ่ง หากวันนี้เจ้าแพ้ ก็เตรียมตัวเป็นอาหารของเสี่ยวไกวไกวของข้าเสีย ถูกสัตว์เลี้ยงแสนรักของข้ากินเป็นอาหาร นับเป็นวาสนาของเชลยอย่างเจ้าแล้ว ฮ่า ๆ ”
เผี๊ยะ! เหมือนกับว่ายังสะใจไม่พอ แส้จากมือของบุรุษที่ส่งเสียงหัวเราะฟาดลงมาบนร่างกายของอวิ๋นหรงหยางครั้งแล้วครั้งเล่า องค์ชายตัวประกัน กำมือแน่น ดวงตาคมเหลือบมองคนตรงหน้าหมายจะจำใบหน้านี้ให้ฝังลึกเข้าสู่จิตใจอย่างไม่ลืมเลือน
ทว่าก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวเขาก็หลุบเปลือกตาลง โน้มกายไปข้างหน้า จากนั้นก็ก้าวขาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เสียงหมาป่าที่เห่ากระโชกดังอยู่ข้างหน้า อีกเพียงชั่วอึดใจเดียวเขาก็จะวิ่งไปถึงมันแล้ว แต่ก่อนที่เท้าข้างซ้ายจะพ้นขาหน้าของหมาป่าตัวใหญ่ เชือกที่รัดลำตัวของเขาก็ถูกกระตุกจากด้านหลัง องค์ชายเชลยล้มคว่ำลงกับพื้น ฟันกรามขบเข้าหากันแทบแตกเป็นผุยผง มือกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาเขาเต็มไปด้วยสีแดงฉาน แต่กระนั้นก็รีบหลับตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนร้าวไปทั้งทรวงอก
“ฮ่า ๆ ขาไร้ประโยชน์ของเจ้าไม่เอาไหน เหมือนเช่นแคว้นต้าอวี่ของเจ้าไม่มีผิด” เสียงหัวเราะขบขันดังไปทั่วทุ่งหญ้า ต่อให้ได้รับความอัปยศเพียงใด คนเช่นเขาก็ทำได้เพียงอดทน ทหารผู้หนึ่งฟาดแส้ลงมาอีกครั้ง ร่างกายที่กำลังจะลุกขึ้นก็ล้มลงไปที่เดิม
“ยังจะนอนอยู่อีก เจ้าคิดว่าสนามแห่งนี้เป็นตั่งคนงามหรืออย่างไร ข้าบอกให้ลุก!” อวิ๋นหรงหยางพยายามลุกขึ้น มีเพียงแค่ต้องอดทนเท่านั้น จึงจะอยู่รอด ชายหนุ่มเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้า กัดฟันแน่นไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ความอัปยศเหล่านี้นับเป็นอันใดได้ หากเทียบกับเสด็จแม่ของเขาแล้ว แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ
‘เสด็จแม่ พระองค์สุขสบายดีหรือไม่ หยางหยางจะอดทน’
ใช่แล้วอวิ๋นหรงหยางเป็นเพียงองค์ชายเชลย ที่ถูกส่งมาเป็นตัวประกันเพื่อแลกกับความสงบสุขของแคว้นต้าอวี่ เขาเป็นเพียงเชลยไร้ค่าสำหรับแคว้นเซียนเป่ย ไม่ว่าจะถูกหยามเกียรติเพียงใด ก็ทำได้เพียงอดทนเท่านั้น เสด็จแม่เสียสละตนเองเพื่อให้เขาเติบโต เขาจะทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ไม่ได้ ยังมีหลายอย่างที่เขายังไม่ได้ทำ หนี้เลือดของเสด็จพ่อ หนี้แค้นของเสด็จแม่ หนี้ชีวิตของน้อง ๆ ที่ถูกฝังทั้งเป็น!
อวิ๋นหรงหยางหยัดกายลุกขึ้นอีกครั้ง เขาก้าวขาออกวิ่งไปจนสุดแรง ถึงแม้จะรู้ดีว่าไม่มีวันที่คนเถื่อนเหล่านั้นจะปล่อยให้เขาวิ่งชนะหมาป่าตัวนั้น แต่เขาก็ต้องวิ่ง วิ่งเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป
ฉึก! ปลายเชือกที่รั้งตัวเขาเอาไว้ถูกตัดขาด ร่างกายที่เสียสมดุลกำลังจะล้มลงไปนอนกองกับพื้น เขาเกร็งร่างกายรอรับแรงกระแทก แต่แล้วบั้นเอวก็ถูกปลายแส้ตวัดรั้งเอาไว้ ร่างผอมแห้งลอยมาคุกเข่าลงตรงหน้าของสตรีผู้หนึ่ง เขามองดูนางยื่นมือมากระตุกเชือกที่ขาด พันรัดเข้ากับข้อมือตนเอง รั้งให้เขาและนางเชื่อมโยงกันด้วยเชือกเส้นใหญ่
“เสด็จพี่สามเล่นสนุกหรือไม่ น้องสาวก็อยากเล่นสนุกด้วยเช่นกัน คนผู้นี้ข้าเอาตัวไปแล้ว”
“โฮ่วทู่! เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ เชลยผู้นี้เป็นของข้า เจ้ากล้าดีอย่างไรมาแย่งชิง”
“กล้าหรือไม่เขาก็อยู่ในมือข้าแล้ว หากอยากได้ก็แย่งชิงไป!”
อวิ๋นหรงหยางนั่งคุกเข่าอยู่ที่เดิม ปลายเชือกยังคงอยู่ในมือของสตรีผู้นั้น ทว่าอีกมือหนึ่งของนางตวัดปลายแส้ออกไปอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เพียงไม่นานคนของอีกฝ่ายก็ล้มลงนอนกับพื้น โลหิตไหลนองส่งกลิ่นคาวคลุ้ง การต่อสู้ที่ดุเดือดจบลงอย่างรวดเร็ว อาจเพราะคนพวกนั้นสู้นางไม่ได้ หรือเพราะคนพวกนั้นไม่กล้าสู้นาง เขาไม่อาจรู้ เขารู้ก็เพียงว่า ต่อไปนี้เขาจะต้องติดตามนางให้ดี ศักดิ์ศรีหรือ หึ! คนชนะเท่านั้นถึงจะกล้าพูดคำว่าศักดิ์ศรี และเขาต้องชนะ
“ลูกแกะน้อย จากนี้ไปเจ้าก็กลับตำหนักข้าเถิด” อวิ๋นหรงหยางเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้างดงามฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างเต็มที่ ตะวันทอแสงที่อยู่ด้านหลังของสตรีสูงศักดิ์เจิดจ้าเสียจนดวงตาเขาพร่ามัว เขายกยิ้มทั้งที่เจ็บไปทั้งริมฝีปาก ร่างกายโอนเอนก่อนที่ความมืดมิดจะคืบคลานเข้ามา
ตึ้ง!
**********
ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
เพราะความผูกพันที่มีมาตั้งแต่เกิด ทำให้หทัยชนกไม่อาจหักห้ามความรักที่มีต่ออาหมอสิงได้อีกต่อไป และแม้รักนี้พ่อจะไม่ปลื้ม แต่หญิงสาวจะขอฝ่าฟันและไม่มีทางยอมแพ้ให้อุปสรรคในครั้งนี้เด็ดขาด
เพราะคำสัญญาของผู้ใหญ่ ทำให้ ศิรวิช จำใจต้องแต่งงานกับ สุทธิดา ชายหนุ่มทำทุกทางให้หญิงสาวทนไม่ไหว แต่เพราะความรักตั้งแต่แรกเจอ ทำให้สุทธิดาทนอยู่กับคนใจร้าย จนวันที่หญิงสาวทนไม่ไหวในวันที่สายไป ศิรวิชต้องเสียเธอไปพร้อมกับลูกแฝดที่เขาไม่เคยรับรู้
นพวรรณ ถูกบิดาและมารดาบังเกิดเกล้าที่ติดการพนันอย่างหนักขายหักหนี้ให้กับ คิม ซีวาน หนุ่มลูกครึ่งไทยเกาหลีเจ้าของบ่อนคาสิโนหรูย่านใจกลางเมือง หลังจากรู้จักกับซีวาน นพวรรณ จึงได้รู้ว่าการตกนรกทั้งเป็น มันคือยังไง ชายหนุ่มปฎิบัติกับหญิงสาวเยี่ยงทาส นพวรรณจะทนได้นานแค่ไหน เธอจะหนีจากขุมนรกนี้ได้อย่างไร
ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตบุรุษแปลกหน้ากลางป่าในวันนั้น จะย้อนกลับมาช่วยชีวิตนางในวันนี้ "บุญคุณช่วยชีวิต วันหน้าข้าจะชดใช้ให้" "เช่นนั้นก็ชดใช้เสียวันนี้... มาเป็นสามีของข้าเถิด" ------ เยี่ยนหลิง : หญิงสาวชาวบ้าน นางเกือบถูก บังคับให้แต่งงานกับบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อแลกกับยารักษาร่างกายให้พี่ใหญ่ แต่แล้วที่นางเก็บบุรุษแปลกหน้าได้ที่กลางป่า ชีวิตนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เซียวชินหย่วน : ซื่อจื่อจวนเซียวกั๋วกง ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร แต่ถูกลอบทำร้ายจนพลัดตกเขา โชคดีที่ได้เยี่ยนหลิงช่วยชีวิตเอาไว้
อดีตที่เธอเคยทำร้ายจิตใจเขาเอาไว้ ยังคงเป็นรอยแผลใจยากจะสมานกลับคืนได้ คนเคยร้ายอย่างเธอต่อให้เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดียังไง เขากลับมองเป็นเพียงผู้หญิงร้ายกาจไม่เปลี่ยนแปลง
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"