เธอ” ทิ้งความเจ็บปวดไปเรียนต่อต่างประเทศ กระทั่งกลับมาเเละะรู้ว่าครอบครัวกำลังล้มละลายเพราะหุ้นที่ตกลง เเต่อยู่ ๆ เพื่อนของบิดาก็ยื่นข้อเสนอมาพร้อมการช่วยเหลือ โดยมีเงื่อนไขคือ การเเต่งงานกับลูกชายของเขา ทว่า...เจ้าบ่าวของเธอคือ “รุ่นพี่” ในความทรงจำที่เจ็บปวด ! การเเต่งงานที่เกิดขึ้นเพราะหนี้สินครั้งนี้...จะทำให้เขาหันมารักเธอได้หรือไม ?!
LOVE MARRIAGE วิวาห์รักพิศวาส
(พิมพ์ครั้งที่ 2 ฉบับปรับปรุง)
เรื่องนี้เคยตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์มาเเล้วนะคะ ประมาณ 5 ปีก่อนได้ค่ะ
ดังนั้นจึงเอามารีอัพให้อ่านค่ะ ฉบับนี้อาจะมีการปรับเปลี่ยนสำนวน เนื้อหาบางส่วนที่เคยตีพิมพ์ไปเเล้วให้ดีขึ้นนะคะ
โดนจะปรับเปลี่ยนสำนวน เเละฉาก NC เล็กน้อย เเต่ยังคำสำนวนอิโรติกไว้เช่นเดิม ทั้งไม่มีการเพิ่มเหตุการณ์ด้วยค่ะ
บทนำ
เสียงคุณครูสอนประจำคาบวิชาวิทยาศาสตร์ดังทั่วห้อง แต่ก็ไม่ได้เข้าผ่านหูของเด็กสาวร่างอ้วนท้วมที่ส่งสายตามองออกไปนอกหน้าต่างตลอดเวลาด้วยใจเหม่อลอย แม้กระทั่งเสียงเข้มของคุณครูเรียกถึงสามครั้ง
“ชาลิสา !” เด็กสาวสะดุ้งขึ้น เธอหันมามองหน้าคุณครูประจำวิชาพร้อมก้มลงด้วยความรู้สึกผิด
“เธอเหม่ออะไร ถ้าไม่ตั้งใจเรียนอีกครั้งฉันจะให้ออกไปยืนหน้าห้อง” เสียงเข้มของคุณครูประจำวิชาดุ
“ค่ะ คุณครู” ชาลิวาก้มหน้ารับผิด แต่ทว่าสายตาสอดส่องก้มมองขวดคุกกี้ที่อยู่ใต้โต๊ะด้วยความชื่นชม ทลายความรู้สึกผิดออกไปจนหมดสิ้น เธอมองนาฬิกาข้อมือรอเวลาอีกไม่กี่นาทีที่จะหมดลง
กริ๊ง ๆ
เสียงออดดังขึ้นบ่งบอกถึงเวลาพักกลางวัน เด็ก ๆ ต่างพากันเดินออกจากห้องด้วยความเหนื่อยล้าจากการเรียนในคาบที่ผ่านมา ทุกคนตรงไปที่จุดเดียวกัน นั่นคือ โรงอาหาร เรียงรายหลายสิบร้าน แต่ละร้านอัดแน่นเต็มไปด้วยนักเรียนที่กำลังต่อแถวเพื่อซื้ออาหารกลางวันเป็นจำนวนมาก
ชาลิสาเด็กสาวรูปร่างอ้วนท้วม ผิวสีขาวอมชมพูอายุราว ๆ สิบห้าปี เดินมองหารุ่นพี่ที่อายุมากกว่าถึงสามปี ใบหน้าคมเข้มของเขาที่ยังตรึงใจและติดตาอยู่ไม่เลือนหาย เมื่อสองเดือนก่อนเธอพบเขาโดยบังเอิญในงานกีฬาสีของโรงเรียน ตั้งแต่นั้นก็ชอบเขา มองเขาด้วยความชอบทุกครั้ง
“ลิสามองใครน่ะ” เด็กสาวผู้เป็นเพื่อนหันไปถาม พลางส่งสายตามองไปทางที่เพื่อนสาวมอง
“ไม่มีอะไรหรอก” เธอตอบเลี่ยง ๆ
“อ้าวแล้วนี่จะไม่กินข้าวกลางวันหรือไง” ผู้เป็นเพื่อนถาม แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะเธอเดินจากไปด้วยความรีบร้อนเรื่องอะไรบางอย่าง
ชาลิสาเดินออกมาจากโรงอาหารด้วยความรีบร้อน เธอมาดักรอรุ่นพี่ที่แห่งนี้ เมื่อรู้ว่าทุกเที่ยงเขาจะมาที่สนามบาส วันนี้ตั้งใจจะมอบของให้เขา คุกกี้ช็อกโกแลตถูกบรรจุใส่ขวดโหลอย่างดี พร้อมกับการ์ดเล็ก ๆ สีชมพูน่ารัก ๆ อยากให้รู้ว่าเธอชอบเขา
สายตาเธอสอดส่องมองเขาตลอดเวลาเพื่อที่จะรอรุ่นพี่เดินมายังสนามบาส ฯ ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างสูงโปร่งที่เดินเข้ามายังสนาม แววตาของเธอเป็นประกายเมื่อมองเห็นเขา ร่างอ้วนท้วมของเธอรีบวิ่งเข้าไปหาเขาด้วยความตื่นเต้นอย่างทันที
สายตาเยือกเย็นของรุ่นพี่หนุ่มมองมายังเด็กสาวร่างอ้วนท้วมที่วิ่งเข้ามาหา เขาจึงส่ายหน้าอย่างรำคาญแล้วเดินหนีไป แต่ว่าเสียงเรียกของเธอทำให้เขาหยุดแล้วหันกลับไปมอง
“รุ่นพี่คะ เดี๋ยวค่ะ” ชาลิสาวิ่งเข้ามาหาเขา เธอก้มหน้าพลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยความเหนื่อย ก่อนจะเงยหน้าไปมองใบหน้าคมเข้ม ส่งสายตามาที่เธอ
“คือว่าฉันทำมาให้รุ่นพี่ค่ะ” เธอก้มหน้าพูดแล้วยกขวดคุกกี้ให้
“... ” เขามองขวดคุกกี้ในมือของเด็กสาวอ้วนท้วม ก่อนตัดสินใจรับมาด้วยความรำคาญ มือหนาเอื้อมไปรับขวดคุกกี้ ก่อนหันหลังเดินจากไป ใบหน้าของชาลิสายิ้มออกมาด้วยความเขินอาย ก่อนจะเดินกลับไปที่โรงอาหารอย่างร่าเริง
ช่วงเวลาเย็นหลังเลิกเรียน ชาลิสาก้าวออกจากห้องเรียนอย่างอารมณ์ดี เธอเดินเข้าไปทักเพื่อนสาวที่กำลังเดินอยู่ แต่แล้วสายตาก็ต้องสะดุดเข้ากับของบางสิ่งบางอย่างในมือเพื่อนสาวของเธอ คุกกี้ที่เธอให้รุ่นพี่เมื่อช่วงเที่ยงมาอยู่ในมือของรินดา เพื่อนของเธอ !
“อ้าว ลิสามาพอดีเลย มีอะไรจะให้” รินดาพูดแล้วยื่นขวดคุกกี้ให้
“เอ่อ...” ชาสิลามองขวดคุกกี้ในมือรินดา จุกจนพูดแทบไม่ออก คุกกี้ที่ตั้งใจทำมาให้รุ่นพี่ แต่กลับมาอยู่ในมือของรินดาได้ยังไง !
“เอาไปเหอะ พี่ตั้มให้ฉันมา เขาบอกว่าเพื่อนเขาไม่อยากได้ เห็นทีตอนแรกบอกว่าจะทิ้งด้วยนะ แต่พี่ตั้มเห็นแล้วเสียดายก็เลยเอามาให้ฉัน แต่ฉันไม่ชอบกินคุกกี้สักเท่าไหร่ ก็เลยเอามาให้ลิสา ฉันต้องรีบด้วย แม่มีงานเลี้ยง นี่ให้” รินดาพูดจบแล้วยัดคุกกี้ใส่มือของเธอก่อนจะรีบวิ่งไป แต่คนที่ถูกรับกลับไม่ได้ดีใจเลยสักนิด คุกกี้ที่เธอพยายามทำมาให้เขา แลกกับรอยแผลเป็นบนฝ่ามือที่โดนไฟลวก แต่เขากลับเอาไปให้คนอื่น สุดท้ายแล้วก็ต้องกลับมาอยู่ที่เธอ ใบหน้าเนียนขาวเต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ ความรู้สึกเจ็บได้ถมทับร่างกายของเธออย่างที่ไม่เคยเป็น
ชาลิสาค่อยๆ ก้าวออกมาจากตึกอย่างเหม่อลอยราวกับร่างไร้วิญญาณ สายตามองไปรถที่อยู่จอดตรงหน้า พร้อมกับคนขับรถที่รอรับเธออยู่ก่อนแล้ว
“คุณหนูเป็นอะไรหรือครับ” ลุงเชิดถามด้วยความเป็นห่วง พลางมองเห็นใบหน้าของเด็กสาวที่มีคราบน้ำตา แต่เธอกลับมองหน้าของลุงเชิดแล้วเดินขึ้นรถไปโดยไม่ตอบคำถาม
เวลาผ่านไปราวๆ สามชั่วโมงนับตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน ชาลิสาเก็บตัวเงียบอยู่แต่ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ร่างอวบขดตัวอยู่ที่พื้นข้างเตียงนอน เสียงสะอื้นที่ร้องออกมาเป็นระยะค่อยๆ หยุดเงียบลง เมื่อประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของใครบางคนที่คุ้นเคยเดินเข้ามาหา
หญิงสาวร่างอวบเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหาร เธอวางถาดอาหารลงที่โต๊ะเขียนหนังสือ ก่อนจะเดินเข้ามาหาชาลิสาแล้วนั่งลงข้าง ๆ แม้ใบหน้าของเธอจะดูเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลา แต่รอยยิ้มอ่อนโยนเวลามองมาที่ ชาลิสาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“คุณหนูของนมเป็นอะไรไปคะ”
“แม่นม...เพราะว่า...ลิ...สาไม่สวย ใช่ไหมคะ...”
เสียงสะอื้นชาลิสาของนมฟังดูแล้วติดขัด แต่ถ้อยคำที่เธอพูดออกมาเต็มไปด้วยความน้อยใจและตัดพ้อ
“ไม่นะคะ คุณหนูของนมสวยเสมอ” แม่นมพูดพลางลูบผมสีดำเพื่อปลอบโยน แม่นมได้แต่มองคุณหนูอย่างสงสารและเอ็นดู ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร
“แม่นมโกหก ลิสาอ้วนจะตายไป” ชาลิสาพูดด้วยน้ำเสียงที่ตัดพ้อ
“ไม่หรอกค่ะ แม่นมจะโกหกคุณหนูทำไม คุณหนูน่ารักในแบบของคุณหนู” แต่คนฟังได้แต่นั่งนิ่งเงียบไม่ตอบใดๆ ทั้งสิ้น
“คุณหนูคะ รับประทานอาหารเย็นดีกว่า นี่ก็ดึกมากแล้วค่ะ” แม่นมพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปหยิบถาดอาหารมาวางไว้บนเตียงของเธอ
“กินเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณหนูจะไม่สบายอีกนะคะ” คนฟังได้แต่นั่งนิ่งเงียบแล้วเงยหน้าไปมองแม่นม ก่อนจะลุกขึ้นมารับประทานอาหาร แล้วอาบน้ำเข้านอน ทั้งที่หัวใจนั้นยังร้องไห้
เช้าวันรุ่งขึ้น ชาลิสาเดินเข้ามาภายในห้องเรียนมาด้วยดวงตาที่หมองคล้ำและแดงก่ำ รินดาเดินเข้ามาทักถามด้วยเสียงใส
“ลิสาเป็นไงบ้าง คุกกี้เมื่อวานที่ให้อร่อยไหม” คนถูกถามได้ฟังแล้วถึงกับต้องกำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์ไว้
“อืม อร่อยมากเลยล่ะ”
ช่วงเวลาที่ดูยาวนานผ่านพ้นไปของตลอดทั้งวัน เสียงออดดังขึ้นบ่งบอกว่าเวลาเรียนได้หมดลงแล้ว ชาลิสาเก็บของลงกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องทันที เธอเดินลงมายังบันไดและพบกับใครคนหนึ่ง ใบหน้าคมเข้มที่คุ้นเคย
รุ่นพี่ !
สายตาคู่สวยมองไปยังเขาที่เดินผ่านเธอไปแบบไม่สนใจ เธอตัดสินใจเดินเข้าไปหา แต่ว่ามีคนเดินเข้ามาหาเขาเสียก่อน หญิงสาวจึงหยุดชะงักลงเพื่อรอ
“ไงดล เมื่อวานเห็นตั้มบอกว่าแกให้คุกกี้มันเหรอ แปลกมาก ! แล้วให้มันทำไม ?” ผู้เป็นเพื่อนถามออกมาด้วยความสงสัย เขารู้ดีว่าคนอย่างภูวดลจะไม่รับของจากผู้หญิงคนไหนและจะไม่ให้ของใครสักเท่าไร
“เปล่าก็แค่ได้มาน่ะ ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไร อันที่จริงก็ไม่อยากจะรับไว้เท่าไหร่” ภูวดลตอบด้วยน้ำเสียที่เรียบและไม่ค่อยใส่ใจ
“อ้าว ไม่อยากจะรับ ทำไมไม่ปฏิเสธเขาไป”
“รำคาญก็เลยรับมา”
“แล้วสวยไหม” ผู้เป็นเพื่อนถามอย่างอยากรู้ แต่คนตอบกลับตอบกลับมาว่า
“อ้วนแบบนั้นใครจะไปชอบลง อย่าไปสนใจเลย ไร้สาระ” เขาพูดจบแล้วเดินจากไป คนเป็นเพื่อนได้แต่ยืนส่ายหน้าแล้วเดินตามไป
ชาลิสายืนฟังได้แต่น้ำตาไหลพรากออกมา คำพูดที่ฟังแล้วทิ่มแทง เธอดูน่าเกลียดมากหรือ แล้วทำไมไม่พูดกันตรง ๆ ทำไมต้องพูดลับหลังแบบนี้ ในเวลานี้ภาพลักษณ์ของรุ่นพี่ที่เธอแอบชอบค่อย ๆ จางลงไป เหลือเพียงแต่ความเจ็บและความเกลียดเอาไว้
1. โลภะพิศวาส เสียงสะท้อนในความมืด คือ ปีศาจที่ซ่อนเร้น หากปรากฏขึ้น ไฟพิศวาสอาจแผดเผาเป็นเถ้าธุลี "ครั้งแรกของคุณไม่ใช่เหรอ" เขาเอ่ยขึ้นราวกับเป็นเรื่องปกติ "ถ้าไม่เตรียมให้พร้อมคุณจะเจ็บเอานะ" -------------------------------- 2. ตัณหะราตรี ปีศาจ คือ ความมืดในใจของมนุษย์ หากมีแล้วปีศาจจะปรากฏขึ้น ท่ามกลางไฟราคะแห่งนิรันดร์ "เธอยั่วฉันเองนะ ห้ามพูดว่าไม่ไหว เพราะฉันจะทำให้เธอพูดแค่ว่าเข้ามาลึก ๆ สิ"
หวงรักซาตาน ความรู้สึกที่ต้องเก็บไว้เพียงคนเดียว มันอึดอัดมากขนาดไหนคนๆ นั้นไม่มีทางเข้าใจ ทั้งที่พยายามมาตลอด ทำทุกอย่างให้เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทำไมถึงต้องแสดงท่าทีแบบนั้นออกมา ได้โปรด...เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ "พราว...ฉันขอนะ” เขากระซิบน้ำเสียงพร่าบอกเธอ แต่ทว่าหญิงสาวกลับส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่เอานะ คิวคิว...เราเป็นเพื่อนกันนะ” เพื่อน...!! นครินทร์หยุดชะงักลงมองคนใต้ร่างที่ตัวสั่น มันเป็นที่เขาไม่อยากจะคิดถึงในตอนนี้ จะให้เขาหยุดทั้งที่เขาอยากจะเข้าไปอยู่ในร่างเธอจะตายอยู่แล้ว ไม่มีทางซะหรอก… "แล้วยังไง” ++++++++++++++++++++++ ซ่อนรักซาตาน ยิ่งหนียิ่งโหยหา ยิ่งพยายามดิ้นให้หลุดยิ่งผูกมัด “ฉันนอนกับนายไปแล้ว นายก็รักษาสัญญาบ้างสิ! ...” เธอกำลังกลัว “ฉันไม่เคยบอกว่าจะนอนกับเธอแค่ครั้งเดียว” “ณัฐ!...” เขายิ้มที่มุมปากในขณะที่มองท่าทางโกรธของอีกฝ่าย “นอนกับฉันจนกว่า ฉันจะพอใจแล้วจะไปตามคำที่เธอขอ” “คนใจร้าย...” ญาตาวีมองหน้าชายหนุ่มด้วยความเสียใจและขุ่นเคือง “นายต้องการอะไรอีก!! สนุกมากสินะ...สนุกที่แกล้งฉัน” “อืม...เธอน่าแกล้ง” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับดึงหญิงสาวเข้ามาอยู่ในวงแขนแกร่ง “แล้วก็ น่าเอาด้วย”
เมื่อสาวสายอ่อยสิบแปดมงกุฎได้รับข้อเสนอของมาเฟียหนุ่ม เธอจะต้องทำอย่างไร เพราะเงินเป็นสาเหตุที่ทำให้หนีไม่พ้นจากพันธนาการเขา !
คราแรกไซเรนวัยเเรกผลิได้ลองฝึกใช้เวทย์มนต์กับมนุษย์ เพื่อลวงให้เขาหลงใหล ทว่ากลับหลงลีลาร่ายสวาทจากชายผู้นั้นเสียเองกระทั่งก่อเกิดเป็นความรัก...ทั้งที่รู้ว่าความรักระหว่างเธอเเละเขามิอาจสมหวัง เเต่เธอยังคงปรารถนาที่จะรัก... ไม่ว่าอย่างไรเธอไม่อาจทนกับการสูญเสียเขาได้ “ไม่ต้องถอยห่างข้าก็ได้ ข้าไม่ทำอะไรเจ้า ข้าสัญญา” ฟรานซ์ตอบพร้อมกับยกมือสองข้างขึ้น “ข้าคิดว่าไม่เหมาะ...อีกอย่างท่านมีคนรักอยู่แล้ว...” ไซเรนสาวตอบ ทว่ามือแกร่งชายหนุ่มกลับรั้งร่างอรชรเเนบชิดปะทะแผงอกแกร่งรับรู้ถึงเลือดเนื้อที่ร้อนเร่าดั่งเพลิงพายุ “ฟรานซ์!” “ข้าหนาวเจ้าไม่หนาวบ้างรึ?”
เพราะถูกเข้าใจผิดคิดว่าจะมาเป็นภรรยาคนใหม่ ทำให้บุตรชายเพียงคนเดียวอย่าง "จิรัฎฐ์" ไม่ยอมรับเเละพยายามข่มขู่หญิงสาวด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อให้ออกไปจากชีวิตบิดา แต่กลายเป็นว่าเขากลับติดใจบทลงทัณฑ์ซะเอง
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาเเละพบว่าได้เสียความทรงจำทั้งหมดไป ขณะที่เขาเดินเข้ามาหาเเละบอกว่า "ผมคือสามีของคุณ" ...เธอเชื่อหมดใจ เเละมอบร่างกาย หัวใจให้ จนกระทั่งวันที่เขาพูดขึ้นว่า "ที่รัก...เราหย่ากันไหม?"
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้