‘เมีย’ ที่เขาไม่อยากได้ จะต่างอะไรกับ ‘กาฝาก’ ในชีวิตที่เขาต้องการเขี่ยไปให้พ้น ๆ ทาง
บทนำ
ความปวดร้าวบนร่างกายคือสิ่งแรกที่ คณานางค์ เกษมรัตน์ รู้สึกเมื่อลืมตาขึ้น หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน
เพราะจำไม่ได้ว่าที่นี่คือที่ไหน และมันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ จนเมื่อหันไปเห็นเข้ากับบางสิ่ง ดวงตาคู่โศกถึงได้เบิกกว้างขึ้น ตกใจจนเนื้อตัวสั่นเมื่อได้เห็นสิ่งมีชีวิตเพศชายคนหนึ่งที่กำลังนอนอยู่ข้าง ๆ กันในสภาพที่เปลือยเปล่า
สิ่งที่เห็นทำให้หญิงสาวผุดลุกขึ้นมานั่งในทันที ก่อนจะก้มมองสำรวจตัวเองแล้วพบกับความน่าตกใจยิ่งกว่า นั่นคือเธอเองก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างอะไรกับเขาเลย
ร่างกายที่ไร้อาภรณ์ ร่องรอยหลายจุดบนร่างกายทำให้รู้ว่าค่ำคืนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นภายในห้องนี้บ้าง ที่ไม่รู้คือมันเกิดขึ้นได้ยังไง ไม่รู้เลยจริง ๆ
ภาพความทรงจำครั้งสุดท้ายเริ่มกลับเข้ามาในหัวอย่างช้า ๆ ก่อนจะจำได้ว่าเธอถูก ดวงกมล พี่สาวต่างมารดาลากให้มาเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศของจิณ ชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นคนรักของพี่สาวเพื่อฉลองวันเกิดของเขา โดยมีเพื่อน ๆ ของพี่สาวเธอและของเจ้าของงานตามมาร่วมสนุกด้วยหลายสิบคน
เธอที่ไม่รู้จะพาตัวเองไปอยู่ตรงส่วนไหนของงาน เพราะไม่ได้สนิทกับใครมากเป็นพิเศษ ตัดสินใจช่วยคุณป้าแม่บ้านกับหลานสาวยกของออกไปเสิร์ฟ พยายามทำตัวให้มีประโยชน์เท่าที่จะพอทำได้
ก่อนจะเจอเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหาพร้อมน้ำส้มแก้วหนึ่ง ซึ่งเธอก็รับไว้เพราะไม่อยากทำตัวเสียมารยาท มองโลกในแง่ดีว่าคงไม่มีใครกล้าคิดร้ายกับเธอในสถานที่ที่คนมากมายแบบนั้น
แต่ก็เหมือนว่าเธอจะคิดผิดไป เพราะหลังจากดื่มน้ำส้มแก้วนั้นไปได้สักพักร่างกายของเธอก็เกิดอาการแปลก ๆ ขึ้น มันทำให้เธอตัดสินใจพาตัวเองกลับห้อง และหลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยกระทั่งตอนนี้
ที่ต้องตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองได้สูญเสียบางสิ่งให้กับใครบางคนไปแล้ว รู้ได้เพราะบางอย่างในร่างกายมันเปลี่ยนไป และคงไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก คำถามคือใคร ใครคือผู้ชายที่นอนอยู่ข้าง ๆ
หญิงสาวชั่งใจอยู่นานก่อนจะตัดสินใจชะโงกไปดูใบหน้าของเขา ก่อนที่เธอจะพบเข้ากับความรู้สึกตกใจอย่างถึงที่สุดในนาทีต่อมา
“คุณจิณ!”
แค่คำว่าตกใจยังน้อยไปเมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้ชายที่นอนอยู่ข้างกายชัด ๆ มันทำให้เนื้อตัวของเธอสั่นไหวอย่างรุนแรง น้ำตาที่เคยคิดว่าจะไม่ยอมให้ไหลก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ภาวนาให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน แต่ก็ดูเหมือนยิ่งกะพริบตามากเท่าไรความจริงที่ตอกย้ำให้รู้ว่าทุกสิ่งตรงหน้าคือความจริงก็เหมือนจะยิ่งเด่นชัดมากขึ้นทุกที
จะเป็นใครก็ได้บนโลกใบนี้ แต่ทำไมต้องเป็นเขา บุคคลต้องห้าม คนที่เธอไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ว่าจะเรื่องไหน คนรักของพี่สาว
จังหวะที่หญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นนั้นเป็นช่วงเวลาที่เขาเองก็ขยับตัวเช่นกัน เธอภาวนาต่อทุกสิ่งให้เขาอย่าได้ลืมตาขึ้น แต่ก็ดูเหมือนโชคชะตาจะยังเล่นสนุกกับชีวิตเธอไม่พอ เพราะทันทีที่ขอเช่นนั้นดวงตาคู่ดุก็ค่อย ๆ ลืมขึ้นก่อนที่มันจะสบเข้ากับดวงตาของเธอ
“เธอ! ทำไมถึงเป็นเธอ”
นานนับนาทีทีเดียวกว่าที่จิณจะหาเสียงของตัวเองพบ แค่คำว่าตกใจยังน้อยไปด้วยซ้ำ เมื่อต้องตื่นขึ้นมาเจอกับผู้หญิงที่จำได้ดีว่าหล่อนคือน้องสาวของคนรัก อยู่ในห้องด้วยกันในสภาพที่ไม่ต้องมีใครบอกเขาก็พอเดาได้ว่ามันเกิดเรื่องห่าเหวอะไรขึ้นบ้างเมื่อคืนที่ผ่านมา
จำได้ว่าเมื่อคืนเขาเมามาก จนเมื่อเริ่มรู้สึกไม่ไหวถึงได้บอกกับทุกคนว่าจะกลับมาพักผ่อนที่ห้องก่อน เมื่อมาถึงก็เห็นร่างบอบบางของใครคนหนึ่งนอนรออยู่บนเตียง
ความเมาบวกกับความมืดทำให้คิดว่าอาจจะเป็นคนรักของตัวเอง ที่ก่อนหน้านี้ได้บอกไว้ว่าเธอมีของขวัญพิเศษจะมอบให้ คำพูดเหล่านั้นทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเอง นี่คงเป็นของขวัญพิเศษที่ดวงกมลหมายถึง และเมื่อเธอให้เขาเองก็ยินดีที่จะรับไว้ด้วยความเต็มใจ
เขายังจำนาทีที่รู้ว่าเป็นคนแรกของแฟนสาวได้ดีว่ามันให้ความรู้สึกดีมากแค่ไหน ทำไมเรื่องมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ทำไมคนที่อยู่บนเตียงกับเขาถึงเป็นอีกคน คำถามเดียวที่กำลังว่ายวนอยู่ในหัวคือทำไม
“ฉันถามว่าเธอมาทำบ้าอะไรในห้องนี้คณานางค์!” เสียงตวาดนั้นทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในสภาวะเสียขวัญสะอื้นไห้ คณานางค์ได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมถึงได้มาอยู่ในห้องนี้ได้
“ออกไป!”
เมื่อถามแล้วไม่ได้รับคำตอบก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ผู้หญิงคนนี้จะอยู่ในห้องนี้ต่อ เพราะหากมีใครบังเอิญมาเห็นหล่อนเข้าคงไม่ดีแน่
ฮึก!
“ฉันบอกให้ออกไป!” หนนี้ไม่รอให้เขาออกปากไล่กันอีกรอบ คณานางค์ค่อย ๆ ฝืนความเจ็บลุกขึ้น ก่อนจะก้มลงไปหยิบเศษเสื้อผ้าที่กองอยู่ที่พื้นมาสวมใส่อย่างรีบเร่ง
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
“เทียนไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่พูดเพราะเป็นห่วงเท่านั้น” พลอยบุหลันตอบเสียงแผ่วก่อนจะพาตัวเองเดินหนีกลับมาที่ห้อง เพราะไม่อยากอยู่ให้เกะกะสายตา หรือสร้างความรำคาญให้กับเขาอีก หญิงสาวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มต้นสวดมนต์เหมือนทุกคืน ไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอน และไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ “ฝันดีนะคะตัวเล็กของแม่…”
“ลูกศัตรูอย่างเธอที่โซฟานี่ก็พอมั้ง! เพราะว่าเตียงนั่นฉันเก็บเอาไว้ให้ เมีย ในอนาคตของฉัน!” เขาเน้นย้ำถึงคำว่า เมีย อย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะโยนคนที่เอาแต่นิ่งเงียบลงโซฟาอย่างไม่ออมมือนัก “โอ้ย! บุญเจ็บค่ะ…”
“กล้าดียังไงเที่ยวไปให้ท่าไอ้สารวัตรนั่น!” ชรัสตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่หล่อนทำลงไปในวันนี้มันหักหน้าเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบให้เธอทำเรื่องพวกนี้ขณะที่ยังเป็นเมียเขาอยู่! “อินทำอย่างนั้นตอนไหนอย่างนั้นเหรอคะ”
“ทะ…ทำไมคุณไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะคะ” คนได้ยินไม่ได้นึกตำหนิอะไรคนช่างถาม เขายิ้มก่อนจะเอ่ยตอบไปตามความจริง “จะต้องใส่ให้เสียเวลาทำไมล่ะครับ เพราะอีกเดี๋ยว…ก็ต้องถอดออกอยู่ดี” คำตอบที่มาพร้อมจูบหนักๆ ที่แก้มขวาทำเอาคนที่ยังเตรียมใจรับกับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหว ย่นคอหลบหนีความซาบซ่านพัลวัน “คะ…คุณลูซคะ คะ…ว่าภัส…”
“ฉันตั้งใจจะบอกเรื่องลูกในวันที่แกวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกฉันว่าคุณป่านตอบตกลงจะแต่งงานกับแก!” ความจริงที่ได้รู้กลับกลายเป็นธเนศเสียเองที่พูดอะไรไม่ออก เขายังจำภาพของเอื้องทรายที่กอดเขาร้องไห้ปานจะขาดใจในวันนั้นที่ว่าได้ดี แต่เพราะมัวหลงดีใจมากไปเลยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอไม่ได้ร้องไห้เพราะดีใจที่เขาสมหวังกับอดีตคนรัก แต่มันคือความเสียใจ...ความเสียใจที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ต้องมารับฟังมันจากปากของเธอเอง ความโกรธก่อนหน้าค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจในที่สุด
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้