“นี่ใจคอคุณจะไม่ยิ้มให้ผมสักครั้งเลยเหรอครับโรส” คำถามที่ได้ยินทำให้ขวัญชีวาต้องเบือนสายตามาจ้องมองคู่สนทนาอย่างจนใจ เธอนับถือความกล้าและความหน้าทนของเขาเสียเหลือเกินในเวลานี้คนอะไรไร้จิตใต้สำนึกอย่างถึงที่สุด ทั้ง ๆ ที่ทำอะไรกับเธอเอาไว้ตั้งมากมายแต่กลับมาเรียกร้องซึ่งเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ
ปฐมบท
กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศธ
ภายในไนท์คลับขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปารีส เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศธ ซึ่งปัจจุบันนั้นได้กลายมาเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างก็พากันแวะเวียนเข้ามาใช้บริการสถานที่รื่นเริงใจแห่งนี้กันอย่างหนาแน่นตลอดทั้งคืนกันอย่างไม่ขาดสาย
ภายในร้านนั้นถูกตกแต่งด้วยภาพวาดจากน้ำมือของจิตกรชื่อดังมากมายที่ถูกแขวนโชว์เรียงรายเป็นแถวดูเป็นระเบียบน่ามอง ซึ่งภาพวาดส่วนใหญ่นั้นมักจะได้มาจากการประมูลการกุศลของเจ้าของร้านอย่าง ทอมสัน เจย์เดอร์สัน เฒ่าวัยชราชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงในฐานะของนักสะสมภาพวาดเก่าหากยากซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังพาภรรยากับลูกๆ ของเขาหนีอากาศหนาวเย็นไปพักผ่อนกันที่ฮาวายเป็นเวลานานกว่าสัปดาห์แล้ว
ผนังโดยรอบร้านถูกฉาบด้วยอิฐสีน้ำตาลอ่อนทำให้ร้านดูทึบจนแสงจากด้านนอกไม่สามารถส่องเข้ามาได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะว่ามันคือสถานที่รื่นเริงในยามราตรีเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะตกแต่งด้วยสไตล์แบบไหนก็ไม่อาจจะทำให้แขกมากหน้าหลายตาที่เดินทางมาใช้บริการลดน้อยถดถอยลงไปได้เลยสักวัน อีกทั้งแขกส่วนใหญ่ที่มักจะเข้ามาใช้บริการนั้น หากไม่ใช่คนปกติธรรมดาทั่วไป ก็มักจะหนีไม่พ้นพวกคนรวยที่ไม่ได้สนใจรายละเอียดภายในของร้านสักเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่คนเหล่านั้นสนใจ คงจะมีแต่ทำอย่างไรถึงจะได้เรียกสาวๆ มานั่งดื่มที่โต๊ะ ก่อนจะพาไปต่อกันที่โรงแรมหรือไม่ก็บ้านพักส่วนตัวแล้วแต่ฐานะ และความสะดวกของแต่ละบุคคล
จึงไม่อะไรเท่าไหร่แปลกนัก ที่ภาพของชายหญิงกอดจูบลูบคลำกัน จะกลายเป็นภาพที่พนักงานภายในร้านได้เห็นอยู่ทุกค่ำคืน
ต่างจาก ‘ขวัญชีวา’ หญิงสาวชาวไทยที่ตัดสินใจเดินทางมาที่นี่เพื่อเรียนต่อปริญญาโทด้านแฟชั่น ดีไซน์ที่ขึ้นชื่อ เพื่ออยากที่จะนำความรู้ที่เรียนกลับไปพัฒนาธุรกิจส่งออกผ้าไหมไทยของครอบครัวให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวจึงเติบโตมาแบบต้องช่วยเหลือตัวเองเสียส่วนใหญ่ กระทั่งตอนนี้เธอก็อยากเลือกที่จะหาเงินใช้เองด้วยการมาเป็นบาร์เทนเดอร์
แต่อย่างไรก็ยังทำตัวให้ชินกับภาพวาบหวิวของบรรดาแขกภายในร้านไม่ได้สักที อาจจะเพราะวัฒนธรรมที่แตกต่าง จึงทำให้หญิงสาวต้องฝืนทนมองมากกว่าจะยอมทำใจยอมรับว่าคนที่นี่เห็นวัฒนธรรมในการกอดจูบกันตามสถานที่สาธารณะที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่คนปกติทั่วไปเขาทำกัน
หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ไม่รู้เลยว่าตนเองคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่มาทำงานแบบนี้ แต่เพราะตอนกลางวันจะต้องไปเรียน อีกทั้งค่าครองชีพก็สูงลิบลิ่วด้วยอีก แม้ว่าจริงๆ แล้วทางบ้านของเธอจะพอมีฐานะอยู่บ้าง แต่ด้วยอายุและวุฒิภาวะก็ไม่อาจทำให้เธอทนอยู่เฉย โดยไม่ทำอะไรเพื่อช่วยเหลือตัวเองอยู่ดี
สุดท้ายจึงได้เข้ามาสมัครทำงานที่นี่เพราะเพื่อนที่เรียนอยู่ด้วยกันรู้จักเจ้าของร้านจึงได้ฝากให้เธอเข้าทำงานได้อย่างง่ายดาย ส่วนทางด้านงานที่ทำเป็นประจำอยู่ทุกวันนั้นแม้ว่ามันจะดูเหมือนไม่ได้ยากเย็นอะไรสักเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะยากยิ่งกว่าเห็นทีว่าคงจะหนีไม่พ้นพวกชายหนุ่มโสดที่ชอบมานั่งป้อนคำหวานกันอยู่ทุกค่ำคืนไปนั่นต่างหากที่สร้างความรำคาญใจให้เธอไม่รู้จักหยุดหย่อน
ซึ่งวันนี้เองก็เช่นกันที่ทุกๆ อย่างยังคงดำเนินเกิดขึ้นไปอย่างเงียบสงบเรียบร้อยดีเหมือนกับทุกๆ วันที่ล่วงเลยผ่าน จนกระทั่งเมื่อกลุ่มของอันธพาลที่มักจะชอบยกโขยงพากันมานั่งดื่มจนเมามายสุดท้ายก็ไม่พ้นหาเรื่องกับแขกคนอื่นๆ จนเกิดเรื่องวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวันปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆ กับเสียงที่เอะอะโวยเหมือนที่พวกเขาเหล่านั้นมักจะทำทุกทีที่มา
ทว่าวันนี้กลับมีบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเมื่อจู่ๆ ‘จอแดน’ หัวโจกที่ไม่มีใครกล้าหือกับเขาสักเท่าไหร่ปรายสายตาจ้องมองมาที่เธอเข้าโดยบังเอิญ และไม่นานหลังจากนั้นรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจก็ปรากฏขึ้นให้ได้เห็นก่อนที่เขาจะเดินตรงเข้ามาหา
“ไงโรส...คืนนี้หลังเลิกงานแล้วไปต่อกันที่ห้องกับฉันเอาไหม” อีกฝ่ายไม่พูดเปล่าแต่ยังเอื้อมมือไปจับแขนพร้อมทั้งลูบมันขึ้นลงอย่างถือสิทธิ์ เหล้าที่ส่งกลิ่นเหม็นคละฟุ่งไปทั่วตัวของเขามันทำให้เธอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเมาอย่างหนักชนิดที่ว่ายืนอยู่ตรงๆ ด้วยตัวเองไม่ได้ และถึงว่าแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพยายามจะใช้คำพูดที่ไม่ให้เกียรติกันออกมาเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ แต่มันกลับยิ่งมากขึ้นเมื่อเขาไม่พูดเปล่า กลับเอื้อมมือเข้ามาสัมผัสจนถึงเนื้อถึงตัว
“ไม่ละขอบคุณ คืนนี้ฉันมีนัดแล้ว ปล่อยฉันจอแดน!” เสียงหวานโต้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพยายามชักแขนที่ถูกกำไว้แน่นของตัวเองกลับคืนมา แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะเรี่ยวแรงของเธอกับเขามันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน และคนอะไรหน้าด้านเหลือจะทน ทั้งๆ ที่เธอปฏิเสธไปแล้วแท้ๆ แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยกันเสียที...
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่าโรส! เธออยากได้เท่าไหร่ว่ามาเลยดีกว่าคนสวย ฉันทุ่มให้ไม่อั้น ถ้าคืนนี้เธอทำให้ฉันพอใจ” อีกฝ่ายยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะเชื้อชวนบาร์เทนเดอร์สาวสวยตรงหน้ากลับไปด้วยกันหลังเลิกงานให้จงได้ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บนี้
มันคงจะดีกว่าอะไรทั้งหมดหากได้ร่างอวบอิ่มของหล่อนมานอนกอดเพื่อคลายความหนาวสักครั้งสองครั้ง จอแดนคิดก่อนจะแสยะยิ้มร้ายพร้อมๆ กับกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้านเพื่อข่มขู่ใครสักคนที่ริอาจจะเข้ามาแส่
และถึงแม้ว่าแขกภายในร้านจะมองเห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นกันแทบจะทุกคน แต่ก็ไม่มีใครเลยสักคนที่จะรวบรวมความกล้าเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายตรงหน้าเพราะรู้ดีว่ากลุ่มอันธพาลตรงหน้านี้เป็นถึงลูกน้องของมาเฟียโหดในแถบย่านนี้ที่ขึ้นชื่อถึงความโหดร้ายมากแค่ไหน และนั่นก็ยิ่งทำให้จอแดนและพรรคพวกของเขาฮึกเหิมมากขึ้นทุกวัน เขาทะนงตัวเองว่าเป็นใหญ่เหนือทุกๆ คนและหมายมั่นว่าจะต้องได้ทุกสิ่งที่ต้องการไม่เว้นแม้กระทั่งเธอ!
“เก็บเงินสกปรกๆ ที่ได้มาจากการรีดไถคนไม่มีทางสู้ของคุณไปเถอะฉันไม่ต้องการ และอีกอย่างที่คุณต้องรู้เอาไว้คือฉันไม่ได้ขายตัว!” ขวัญชีวาตอกย้ำถึงสถานะที่ตัวเองกำลังยืนหยัดอยู่ออกไปในทันที รู้สึกถึงความเกลียดชังที่เธอเริ่มมีต่อคนตรงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ครั้นพอพยายามที่จะผลักเขาออกไปให้ไกลตัวอีกฝ่ายกลับยิ่งโน้มหน้าเข้ามาหากันเรื่อยๆ ราวกับจะแกล้งกัน และแม้ว่าตอนนี้ระหว่างเธอกับเขาจะมีเคาน์เตอร์บาร์คั่นกลางเอาไว้อยู่แต่ท่าทีคุกคามที่เขากำลังทำอยู่นั้นก็อันตรายเกินกว่าที่เธอจะยอมอยู่เฉยๆ ให้เขารังแกกันได้ง่ายๆ เหมือนอย่างที่ชอบทำกับคนอื่นๆ
“นี่ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้ปล่อย!” ยิ่งปากของเธอเอ่ยร้องห้ามมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งดูเหมือนจะยิ่งยั่วยุให้อีกฝ่ายได้ใจมากขึ้นเท่านั้นเพราะแทนที่เขาจะยอมปล่อยกลับยิ่งจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ และจุดหมายปลายทางของมันนั้นก็ไม่ใช่ที่ไหนนอกจากริมฝีปากที่กำลังร้องห้ามของเธอ
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
“เทียนไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่พูดเพราะเป็นห่วงเท่านั้น” พลอยบุหลันตอบเสียงแผ่วก่อนจะพาตัวเองเดินหนีกลับมาที่ห้อง เพราะไม่อยากอยู่ให้เกะกะสายตา หรือสร้างความรำคาญให้กับเขาอีก หญิงสาวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มต้นสวดมนต์เหมือนทุกคืน ไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอน และไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ “ฝันดีนะคะตัวเล็กของแม่…”
“ลูกศัตรูอย่างเธอที่โซฟานี่ก็พอมั้ง! เพราะว่าเตียงนั่นฉันเก็บเอาไว้ให้ เมีย ในอนาคตของฉัน!” เขาเน้นย้ำถึงคำว่า เมีย อย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะโยนคนที่เอาแต่นิ่งเงียบลงโซฟาอย่างไม่ออมมือนัก “โอ้ย! บุญเจ็บค่ะ…”
“กล้าดียังไงเที่ยวไปให้ท่าไอ้สารวัตรนั่น!” ชรัสตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่หล่อนทำลงไปในวันนี้มันหักหน้าเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบให้เธอทำเรื่องพวกนี้ขณะที่ยังเป็นเมียเขาอยู่! “อินทำอย่างนั้นตอนไหนอย่างนั้นเหรอคะ”
“ทะ…ทำไมคุณไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะคะ” คนได้ยินไม่ได้นึกตำหนิอะไรคนช่างถาม เขายิ้มก่อนจะเอ่ยตอบไปตามความจริง “จะต้องใส่ให้เสียเวลาทำไมล่ะครับ เพราะอีกเดี๋ยว…ก็ต้องถอดออกอยู่ดี” คำตอบที่มาพร้อมจูบหนักๆ ที่แก้มขวาทำเอาคนที่ยังเตรียมใจรับกับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหว ย่นคอหลบหนีความซาบซ่านพัลวัน “คะ…คุณลูซคะ คะ…ว่าภัส…”
“ฉันตั้งใจจะบอกเรื่องลูกในวันที่แกวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกฉันว่าคุณป่านตอบตกลงจะแต่งงานกับแก!” ความจริงที่ได้รู้กลับกลายเป็นธเนศเสียเองที่พูดอะไรไม่ออก เขายังจำภาพของเอื้องทรายที่กอดเขาร้องไห้ปานจะขาดใจในวันนั้นที่ว่าได้ดี แต่เพราะมัวหลงดีใจมากไปเลยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอไม่ได้ร้องไห้เพราะดีใจที่เขาสมหวังกับอดีตคนรัก แต่มันคือความเสียใจ...ความเสียใจที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ต้องมารับฟังมันจากปากของเธอเอง ความโกรธก่อนหน้าค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจในที่สุด
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป