‘พี่อยากมีลูก เปรมไม่คุมไม่ได้หรือไง’ เธอยังจำคำพูดของเขาได้ทุกคำ จำสีหน้า แววตาของเขาได้เสมอ แล้วเขาเล่ายังมีเธอหลงเหลืออยู่ในความทรงจำบ้างไหม หรือมีพรรษมนแทนที่เธอจนหมดแล้ว
ณวกาญจน์ละสายตาที่ชอบใช้เหม่อครุ่นคิดกลับมาสบตาเพื่อนร่วมโต๊ะ บรรยากาศโดยรอบของผับชื่อดังแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองที่คนแก่อาวุโสกว่าเป็นคนนำมา ทำไมถึงดูคึกคักต่อเนื่องไม่หยุด เป็นแบบนี้เสมอหรืออย่างไร พวกเขาเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาเต้นได้ตลอดทั้งคืน
เมธาวี เพื่อนสนิทของเธอที่ตามมาด้วยนั่งไขว้ขาเล็กๆที่พันเกี่ยวกระหวัดกันไปมาเหมือนงูสองตัวพลอดรัดกัน โยกตามจังหวะเสียงเพลงเร็วบ้างช้าบ้างสลับตามอารมณ์ของเจ้าตัวหาใช่ตามจังหวะของเพลงที่ได้ยินไม่
ณวกาญจน์มองแล้วขำ โน้มตัวเข้าไปพูดกับวาสนาให้ใกล้ที่สุด จุดประสงค์คือเสียงโดยรอบนั่นดังและเธอขี้เกียจตะเบ็งแข่ง
“วุ่นวายจังเลยเนอะพี่วา”
วาสนาปรายตามองณวกาญจน์ บุตรสาวของอาจารย์ณหทัย ที่เป็นครูสอนวาสนามาตั้งแต่ชั้นอนุบาล และวาสนาเองก็เคารพรักท่านไม่ต่างจากแม่ เหน็บแนมตามนิสัย
“ผับนะนังหนู ไม่ใช่วัด”
ณวกาญจน์มุ่ยหน้า บอกต่อด้วยใบหน้าแหยๆ
“ไม่น่าเชื่อนะคะว่าจะมีคนชอบมาที่แบบนี้ด้วย”
“พูดจาดูเป็นคนดี๊ คนดีอ่ะ” เพื่อนสนิทที่มองไปทางโต๊ะชายหนุ่มล้วนยิ้มหวานให้ทางนั้น ปากยังสามารถพูดแขวะเธอได้อย่างชำนิชำนาญตามนิสัยอีกคน
ณวกาญจน์เถียงยิ้มๆ “อ้าว! ก็จริงนี่”
ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั่น เด็กในร้านเข้ามาหาวาสนาพร้อมรายงาน “พี่วาคะ คุณตุลามาค่ะ”
วาสนาพยักหน้าเชิงว่ารับรู้ ไม่ตอบอะไร แต่หันมาบอกกับพวกเธอแทน “นั่งคุยกันไปนะ พี่ขอไปเทคแคร์ป๋ากระเป๋าหนักซักเดี๋ยว”
แต่แล้วคนที่วาสนาต้องถึงกับลุกออกไปบริการด้วยตนเองกลับเดินมาหยุดยืนที่ด้านหลังโต๊ะตัวที่พวกเธอกำลังนั่งกันอยู่
เขาเป็นเจ้าของร่างสูงสง่าเกินมาตรฐานชายไทย แม้เสื้อผ้าที่สวมใส่จะไม่หวือหวาแฟชั่นจ๋าแบบคนอื่นที่เห็นดาษดื่นในผับแห่งนี้ แต่ดูโดดเด่นน่ามองไม่น้อย อาจเป็นที่บุคลิกนิ่งขรึมของเขาที่ดูขัดแย้งกับสถานที่ รวมถึงราศีที่จับอยู่รอบตัวเขาด้วยละมังที่ทำให้ณวกาญจน์ผู้ไม่เคยแอบมองใคร ละสายตาจากเขาไปไม่ได้
“สวัสดีคุณวา...”
เขาเอ่ยทักทายวาสนาก่อน อาจเป็นเพราะอายุที่น้อยกว่าวาสนาก็เป็นได้ แต่เป็นวาสนาเสียเองที่ยกมือขึ้นไหว้เขาพร้อมทักทายกลับด้วยสีหน้าอ่านไม่ใคร่ออกเท่าไรนัก
“สวัสดีค่ะคุณตุลย์ เดี๋ยววาให้เด็กจัดโต๊ะโซนด้านในให้นะคะ”
“ไม่เป็นไรไม่ต้องยุ่งยากหรอกครับ ผมแค่พาน้องๆมาดื่มครู่เดียว แล้วว่าจะขอตัวกลับเลย ช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่ง ไม่มีคุณวาคอยช่วย ผมก็เหมือนคนพิการดีดีนี่เอง”
วาสนาทำเพียงยิ้มน้อยๆหน้าเจื่อนไปนิด
ดูเหมือนทั้งสองคนจะเข้าใจความหมายของสายตาและคำพูดของกันและกันดี วาสนาเตรียมมองหาพนักงานในร้านเพื่อจัดโต๊ะให้ชายหนุ่มเป็นกรณีพิเศษ แล้วลุกยืนเดินนำไปยังโต๊ะในโซนที่เป็นส่วนตัวมากกว่าที่ตนนั่งอยู่กับสองสาวรุ่นน้อง
ตุลามองพวกเธอก่อนยิ้มแบบผู้ใหญ่ใจดีแล้วจากไป ทันทีที่นั่งลงเรียบร้อย วาสนาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่จริงจัง
“เด็กคนนั้น...วารักเหมือนน้องสาวแท้ๆเลยนะคะ”
วาสนาออกปากขรึมเข้มปกป้องหนึ่งในสองสาวราวแม่ไก่ที่กางปีกออก เมื่อเห็นว่ามีเภทภัยอันตรายเข้ามากล้ำกรายใกล้ลูกน้อยของตน
ตุลามองยิ้มๆก่อนแค่นหัวเราะกล่าวว่า
“ผมก็ยังไม่ได้อะไรเลยนี่”
เขารับแก้วจากพนักงานที่ชงเครื่องดื่มให้ จิบก่อนยิ้มแล้วเอ่ยล้อๆ “ดูท่าคุณวาจะหวงน้องคนนั้นไม่น้อยเลยนะ”
“หวงสิคะ เด็กคนนั้นเป็นเด็กดี”
“เด็กดี?”
ตุลาทวนยิ้มๆขัดขึ้น แววตาคล้ายกับไม่เชื่อในคำของวาสนา เหลือบมองไปรอบๆร้าน ราวกับจะบอกว่าเด็กดีในสถานที่แบบนี้น่ะหรือ ย้อนแย้งไม่น้อยเลยนะ
“แกมาหาข้อมูลเอาไปทำงานของแกน่ะค่ะ”
วาสนาปดออกไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“อ้อ ถ้าอย่างนั้น ผมรู้จักไว้คงไม่เสียหายอะไรมั้ง เพราะผมก็เป็นผู้ใหญ่ใจดี”
ตุลาพูดต่อด้วยรอยยิ้มดูสบายๆในแบบของตน
“เด็กคนนี้วาไม่ให้ยุ่งนะคะ” วาสนายืนยันคำเดิมพร้อมส่ายหน้าเบาๆ ส่งสายตาเอือมระอาใส่ผู้ที่เคยเป็นนาย
“ถือว่าวาขอก็แล้วกันนะคะนาย”
“ทำไมต้องออกปากขนาดนั้นกันคุณวา” ชายผู้เคยเป็นนายถามกลับยิ้มๆ
วาสนารู้จักตุลามานานก่อนหน้าจะมาจับธุรกิจผับบาร์แบบนี้ มีหรือที่มองตาแล้วจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว เธอเคยเป็นเลขาของเขามาพักหนึ่ง ก่อนลาออกมาบริหารงานที่ผับแห่งนี้ต่อ
“ผมก็ยังไม่ได้ไปทำอะไรน้องเขาเลยนี่ครับ”
“ให้จริงเถอะค่ะ ถ้าวารู้ว่านายพาตัวเองไปข้อง ไปเกี่ยวกับเด็กคนนั้น อย่ามาวาใจร้ายก็แล้วกันนะคะ”
“ขู่ผมยังกับเป็นเมีย นี่ถ้ายอมให้ผมตั้งแต่แรกนู่นนะ ป่านนี้ลูกเต็มบ้านไปแล้ว” ตุลาเย้าเล่นเบาๆ วาสนาลอบกรอกตาก่อนติง
“ทิ้งลายเถอะค่ะ แก่แล้ว”
“สามสิบห้าแก่ตรงไหน”
“แก่หมดทั้งตัวนั่นแหละค่ะนาย”
“ถ้าเจอคนที่ใช่ก็จะยอมนะคุณวา...ลายที่บอกให้ทิ้งน่ะ”
ตุลาบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่วาสนาฟังออกว่านิ่งแบบนี้แล้วสัญญาณของตุลาคือจะไม่ถอย แถมแววตาที่ใช้มองณวกาญจน์นั่นก็ชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่าอย่างไรก็ต้องเอามาให้ได้อีกด้วย แต่แล้ววาสนาก็ไม่มีโอกาสได้อยู่กางปีกป้องหญิงสาวที่ตนห่วงหวงอีกต่อไป เมื่อมีแขกวีไอพีอีกคนแวะเวียนมาที่ร้าน เจ้าหล่อนจำต้องลุกไปทักทายอย่างนอบน้อมแต่น้อยกว่าตุลาเมื่อครู่นี้แล้วพาตรงไปยังอีกโต๊ะที่ทางนั้นจับจองไว้
ณวกาญจน์มองไปทางที่วาสนาหายไปกับชายแปลกหน้าคนนั้นแล้วค่อยแว่วเสียงเพื่อนซี้ว่าขึ้น
“ท่าทางแบบนี้ เจ้าชู้ตัวพ่อเลยนะนั่นนังเปรม”
ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"
"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ
ปัญญารัตน์กำแท่งตรวจการตั้งครรภ์ในกระเป๋าไว้จนเหงื่อชุ่มเต็มมือ วันนี้เธอมาเพื่อบอกเขาว่า ท้อง แต่นายแพทย์อนลกลับเอ่ยปาก บอกเลิกความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน เพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่าของเขาที่กำลังย้อนกลับมาคบกันอีกครั้ง
คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ
พ่อหายตัวไปอย่างลึกลับ พี่สาวของฉันถูกข่มขืนและจุดไฟเผา พี่ชายถูกทำร้ายจนตายและโยนศพลงแม่น้ำ ใครจะช่วยฉันได้ในสถานการณ์แบบนี้ . "เป็นคนของผม แล้วผมจะช่วยคุณลากคนผิดมาแก้แค้น" เจ้าของคำพูดนั้นคือ รฐนนท์ นิยายไม่เน้นสืบสวน เน้นความสัมพันธ์ของตัวเอก จบดี แฮปปีค่ะ
วันดีคืนดีก็มีมาเฟียมาจอดหน้าบ้าน บอกว่าอยากได้ที่ของผืนสุดท้ายของเธอ มาเฟีย เจ้าของรีสอร์ท ฟาร์มควาย ม้า วัวที่อยู่ตรงรอยต่อของไทยมาเจรจาด้วยตัวเอง ทันทีที่เจอกัน ศศิร์ธาไม่ได้แค่อยากได้ที่ของเธอ ตัวเธอเองเขาก็อยากได้ด้วย เสียแต่ว่าเป็นม่ายลูกติด ไอ้ระยำนั่นมันเอาอะไรคิดถึงได้ถึงผู้หญิงแบบนั้นไป
"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
ฟาเบียน ฟรองซัว (ฟา) 32 ปีลูกเสี้ยว ไทย-ฝรั่งเศส-จีนผู้กว้างขวาง และร่ำรวยจากการทำชิปปิ้งตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของไทยชายหนุ่มที่ขาดเรื่องบนเตียงไม่ได้แต่เขาเบื่อผู้หญิงที่จ้องจะจับเขา ทิพย์ดารา นวลพรรณ (ดาด้า) นางแบบและนักแสดงสาวมากความสามารถกำลังหัวเสียที่เธอถูกฟาเบียนตัดความสัมพันธ์เธอนั่งบ่นให้กับช่างประจำที่ร้านฟังฟาเบียนบอกเธอว่า "ถ้าผมหิว ผมจะซื้อกินเอง" เพราะคำว่าแต่งงานหรือผูกมัดไม่ใช่ทางของเขา ปองรัก พลอยรัตนา (จิล) 22 ปีเธอกำลังต้องการเงินเพื่อไปช่วยครอบครัวที่กำลังถูกฟ้องและถูกหุ้นส่วนโกงจำนวนเงินอาจจะไม่มากเท่าไหร่แต่มันก็ทำให้ครอบครัวที่เคยอยู่เย็นเป็นสุขต้องเดือดร้อน แทบหมดตัวอีกอย่างตอนนี้เธอก็ยังเรียนไม่จบเหลืออีกเทอมเดียวเท่านั้นด้วยความบังเอิญเธอได้บัตรกำนัลทำผมที่ร้านแห่งหนึ่ง..ฟรี จากเพื่อนรักสุจิรา เดชธนาดล (จิรา)ลูกเจ้าของร้านเพชรชื่อดังในเมืองไทย ชื่อและประวัติของ ฟาเบียนทำให้จิลเห็นทางออกหญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์ เธอจะทำยังไงให้ครอบครัวกลับมาอยู่ดีเหมือนเดิมได้เธอยินดี...ทำเธอเดินเข้าไปเสนอขายพรหมจรรย์ให้กับเขาเงินที่เธอร้องขอ สำหรับ ฟาเบียน แค่เศษเงินแค่เห็นหน้าเธอ เขาก็ปิ๊งเสียแล้วฟาเบียน รับข้อเสนอและให้เธอมาเป็น...เมียพาร์ทไทม์ เริ่มต้นก็สนุกเสียแล้ว พลาดได้ไง ขอฝากผลงานเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจของนักอ่านที่น่ารักด้วยนะคะ
"คุณเข้ามาในห้องของฉันทำไม" "นี่อะไร" ศิวัฒน์ชูเอกสารในมือขึ้น "คุณก็เห็นว่ามันคืออะไร" เธอตอบโดยไม่ใส่ใจมากนัก เพราะเกี่ยวกับเขาถึงยังไงเขาก็ต้องรู้ "หึ" เขาเดินเข้าไปใกล้เธอ "เธอคิดว่าเล่นขายของอยู่หรือไง ที่จะเลิกเล่นตอนไหนก็ได้" "คุณเองไม่ใช่เหรอที่อยากหย่าตั้งแต่แรก ตอนนี้ฉันก็ยอมเซ็นใบหย่าให้คุณแล้วเราไปอำเภอกันพรุ่งนี้เลยฉันเตรียมเอกสารครบแล้ว" "มันสายไปแล้ว" เขาบีบต้นแขนเธอแน่น "อยากเป็นเมียก็จะให้เป็น" "ฉันเจ็บนะคุณไตร" เธอพยายามแกะมือของเขาออก "อยากหย่ากับฉันมากละสิ เสียใจด้วยตอนนี้ฉันไม่อยากหย่าแล้ว" น้ำเสียงของเขาเหมือนคนที่กำลังโกรธ ซึ่งฉัตรนลินทร์ก็ไม่เขาใจว่าทำไมเขาถึงได้โกรธขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอพยายามทำในสิ่งที่เขาต้องการตั้งแต่แรกแล้วแท้ ๆ "คุณจะทำอะไร" ฉัตรนลินทร์ร้องถามพลางเอามือดันอกเขาไว้ เมื่ออยู่ ๆ เขาก็พยายามกอดเธอ ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำจิตใจของเธอ "ทำหน้าที่สามีไง จะทำทุกคืนให้คุ้มค่ากับเงินที่แม่ของฉันจ่ายให้เธอ" แม้จะเห็นใบหน้านวลตรงหน้านั้นกำลังซีดเผือดแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ "ไม่นะ...ปล่อยฉันลงสิคุณไตร" เธอร้องสุดเสียงเมื่อโดนศิวัฒน์อุ้มขึ้นพาดบ่าแล้วพาไปที่เตียงนอน อึก!! ................................ "เธออยากหย่าขนาดนั้นเลย" "ใช่ค่ะ ไม่หย่าวันนี้วันหน้าก็ต้องหย่าอยู่ดี" ................................. "ถอยไปดิ อย่ามาขวาง" เธอไม่สนใจลูกชาย "อ้อ เอกสารของบริษัททั้งหมดอยู่ในห้องทำงานนะ ฉันยกให้แกหมดเลย" "แม่!!" "ไม่ต้องเรียก ฉันไม่มีลูกโง่อย่างแก" ................................. "เราไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้วนะ เรามาแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดกันเถอะ" เธอหันไปเผชิญหน้ากับศิวัฒน์ "ฉันขอโทษที่ไม่ยอมปฏิเสธแม่ของคุณในวันนั้น ขอโทษที่ไม่ยอมรับข้อเสนอของคุณ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันไม่อยากให้เรารู้จักกันด้วยซ้ำ แต่เมื่อมันย้อนไม่ได้เราก็เดินไปข้างหน้าเพื่อลืมเรื่องราวของกันและกันเถอะ" ....................................
"ที่รัก ฉันจะชดใช้ให้เธอด้วยทั้งชีวิตของฉัน แต่งงานใหม่กันน๊า!" หลินเอินเอิน "คุณไม่รู้สึกอายเขาบ้างเหรอที่ตามง้อฉันทุกวัน! คุณเป็นหมารึไง!" ป๋อมู่หาน "ที่รัก ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ และเพื่อเธอคนเดียวเท่านั้น!" หลินเอินเอินหัวเราะ เธอเป็นทั้งทนายชื่อดัง หมออัจฉริยะสากล และแฮ็กเกอร์ระดับแนวหน้า ทำไมเธอต้องแต่งงานใหม่กับไอ้ผู้ชายหมาๆ นั่นละ ช่างน่าขันจริง ๆ "ไม่มีวันแต่งงานใหม่หรอก ใสหัวไปไกลๆ ซะ!"
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"