เธอเฉิ่ม เธอเชย และเธอเป็นเลขาของเขา หน้าที่ของเธอคือเลขาหน้าห้อง แต่หลังจากความผิดพลาดในค่ำคืนนั้นเกิดขึ้น สถานะของเธอก็เปลี่ยนไปจากเดิม จากเลขาหน้าห้อง กลับกลายเป็นเลขาบนเตียงแทน... “เวลาทำงาน คุณก็เป็นเลขาหน้าห้องของผม แต่ถ้าผมเหงา คุณก็ต้องทำหน้าที่เลขาบนเตียง...” “บอส...?!” “ผมรู้ว่าคุณตกใจ ผมเองก็ตกใจเหมือนกันกับสถานะของพวกเรา แต่มันเกิดขึ้นแล้ว จะทำยังไงได้ล่ะ” “บอสคะ...” หล่อนขยับตัวพยายามจะออกจากอ้อมแขนของเขา แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย “ว่าไงครับ” “แก้ว... แก้วว่าให้แก้วทำเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ หรือไม่ก็ให้แก้วลาออกไป...” “ผมให้คุณลาออกไม่ได้หรอก คุณเป็นเลขาที่รู้ใจผมที่สุด อย่าลืมสิแก้ว” “แต่แก้ว...” หล่อนอยู่ในฐานะนางบำเรอของเขาไม่ได้ หล่อนทะเยอทะยานต้องการมากกว่านั้น แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีวันจะได้สิ่งที่หวังมาครอบครอง “ทำตามที่ผมบอก ไม่มีอะไรยากเย็นเลย”
ภาค เศรษฐกร นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบสองกะรัต ชายหนุ่มหล่อจัด โคตรรวย และก็โสดสนิท เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล เศรษฐกร มหาเศรษฐีหมื่นล้านที่ถูกทั่วโลกจับตามอง และเขาก็คือผู้ชายในฝันของผู้หญิงมากมาย แต่ภาคกลับไม่ยอมมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน เขาคบหากับผู้หญิงมากหน้าหลายตา ทั้งนางงาม นางเอก ไม่ว่าจะภายในประเทศไทยหรือต่างประเทศ เขาก็สอยลงมาขย่มบนเตียงแทบหมดวงการ แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่คิดจะลงหลักปักฐานกับใครจริงๆ จังๆ เสียที
เหตุผลของเขาคือความลับ... ใช่ มันคือความลับที่ไม่มีใครล่วงรู้ แม้แต่เลขาหน้าห้องที่ทำงานรับใช้เขามาเป็นเวลานานหลายปีเช่นหล่อนก็ตาม
กนกแก้ว รื่นเริง หรือที่ ภาค มักจะเรียกติดปากว่า ‘แก้ว’ หล่อนทำงานที่บริษัทของภาคมาตั้งแต่เรียนจบมาใหม่ๆ จนตอนนี้อายุอานามของหล่อนก็เกือบจะยี่สิบแปดปีบริบูรณ์แล้ว
หล่อนรู้ใจภาคทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องรสนิยมทางเพศของเขา ภาคชอบผู้หญิงเปรี๊ยวจี๊ดเข็ดฟัน ชอบผู้หญิงลีลาเด็ด และชอบผู้หญิงนมใหญ่ ซึ่งหล่อนก็เป็นคนทำหน้าที่คัดกรองผู้หญิงในแบบที่เจ้านายชอบ และจัดส่งให้ถึงเตียงของเจ้านายในทุกค่ำคืน หรือทุกเวลาที่ภาคต้องการ
แต่ใครจะรู้บ้างเล่าว่า ภายใต้แว่นหนา และการแต่งตัวแสนเชยของหล่อน ได้ซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้ ความลับที่จะเป็นความลับไปตลอดกาล
หล่อนแอบรักภาค...
ใช่... หล่อนรักเขา แต่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่มีทางรักเลขาเฉิ่มเชยเช่นหล่อน
หล่อนไม่ได้อยู่ในสายตาของภาคเลย เขาไม่เคยมองหล่อนแบบที่ผู้ชายมองผู้หญิง หล่อนเป็นแค่เพียงทาสที่ทำงานได้อย่างรู้ใจเขาเท่านั้น แต่หล่อนก็อดทน อดทนที่จะมองเขาขึ้นเตียงกับผู้หญิงคนอื่น เพียงเพราะว่าไม่อยากอยู่ห่างจากเขานั่นเอง
“คิดอะไรอยู่หรือแก้ว”
ภาคยืนกอดอกมองเลขาสาวที่ทำงานกันมานานจนรู้ใจกันทุกอย่าง หรือจะให้พูดตรงๆ ก็คือกนกแก้วรู้จักเขา มากกว่าที่เขารู้จักตัวเองเสียอีก
เขายังจำวันแรกที่ได้ร่วมงานกับแม่สาวแว่นหนา ชอบแต่งตัวเหมือนครูอนุบาลอย่างกนกแก้วได้เป็นอย่างดี หล่อนมาสัมภาษณ์งาน แต่กลับทำกาแฟหกใส่เขาเสียอย่างนั้น เขาควรจะไล่หล่อนออกไปซะ และรับคนอื่นมาทำงานแทน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน เขาถึงเลือกหล่อน และการเลือกในครั้งนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังเลยสักนิด เพราะกนกแก้วทำหน้าที่เลขาหน้าห้องได้เป็นอย่างดี แม้ว่าหล่อนจะไม่ได้เซ็กซี่ในแบบที่เขาต้องการจากเลขาก็ตาม
หล่อนทำงานเก่ง ละเอียด รอบคอบทุกอย่าง และบางครั้งก็ช่วยเขาแก้สถานการณ์ได้เป็นอย่างดี เพราะแบบนี้ไงเขาถึงไม่ยอมให้หล่อนจากไปไหน ผูกมัดหล่อนเอาไว้ด้วยเงินเดือนก้อนโต แต่นั่นไม่ใช่งานเดียวที่หล่อนทำได้ดีหรอก เพราะกนกแก้วยังทำหน้าที่สับรางผู้หญิงที่จะขึ้นเตียงให้กับเขาได้อย่างยอดเยี่ยม หล่อนคัดเลือกผู้หญิงได้ตรงสเป็คเขาที่สุด
“เอ่อ... บอส...”
หญิงสาวตื่นจากภวังค์ เมื่อเสียงของเจ้านายที่ตนเองคิดถึงอยู่ทุกขณะจิตดังขึ้น หล่อนหันไปมองเขา ก็พบว่าเขายืนหล่อลากไส้อยู่ไม่ไกลนัก ดวงตาสีดำขลับจ้องมองมาที่หล่อน และอมยิ้ม
“ทำไมต้องทำหน้าตกใจด้วยล่ะครับ หรือว่ากำลังคิดถึงแฟนอยู่”
เขาเดินเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น และก็ทำให้หัวใจของหล่อนแรงระรัว แต่ก็จำต้องกลบเกลื่อนเอาไว้ ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึก
“แก้ว... ยังไม่มีแฟนหรอกค่ะบอส”
“ไม่น่าเชื่อนะ คุณอายุยี่สิบเจ็ดแล้วนะแก้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะยี่สิบแปด นี่ไม่คิดจะมีครอบครัวเลยหรือ”
หล่อนฝืนยิ้มบางๆ
“แก้วคงยังไม่เจอคนที่ชอบน่ะค่ะ”
เขาพยักหน้ารับน้อยๆ กอดอกมองหล่อนไม่วางตา
“งั้นก็คงเหมือนผมนั่นแหละ เพราะที่ผมยังไม่แต่งงาน ก็เพราะยังไม่เจอผู้หญิงที่ใช่”
“แต่บอสก็นอนกับผู้หญิงมากมาย...”
“นั่นเป็นเพราะร่างกายของผมต้องการปลดปล่อย”
เขาหัวเราะร่วน ราวกับว่าหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่นั้นคือความขบขัน แต่หล่อนขันไม่ออกจริงๆ
“แก้วทราบค่ะ”
เขายิ้มอีก ยิ้มหล่อกระชากใจแบบสุด แต่หล่อนก็ทำได้แค่มอง แต่ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง
“จำงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ได้ใช่ไหมครับแก้ว”
“เอ่อ จำได้ค่ะ”
เขายิ้มอีกแล้ว
“ผมต้องการนางแบบคนนั้นนะ ติดต่อให้ผมสองวันสองคืน ผมจ่ายไม่อั๋น”
หล่อนเจ็บลึกแบบนี้ทุกครั้งที่รู้ว่าเขาจะนอนกับใคร แต่ก็จำต้องยิ้มทำตามหน้าที่
“แก้วติดต่อผ่านผู้จัดการส่วนตัวของเธอแล้วค่ะ แล้วเธอก็รับปากจะมาร่วมงานแล้วด้วยค่ะ”
“ดีมาก คุณนี้เป็นเลขาที่สุดยอดที่สุดที่ผมเคยมีมาก่อนเลยนะแก้ว”
“ขอบคุณค่ะบอส”
“ปีนี้ผมจะปรับเงินเดือนขึ้นให้คุณสิบเปอร์เซ็น แล้วก็จะมอบโบนัสพิเศษให้ด้วย”
หล่อนยกมือไหว้ภาค ทั้งๆ ที่หัวใจเจ็บช้ำเหลือเกิน เพราะถ้าเลือกได้ หล่อนคงไม่ทำแบบนี้
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะบอส”
“โอเค งั้นเดี๋ยวคุณเตรียมเอกสารประชุมตอนสิบโมงให้พร้อมนะ เราจะเข้าประชุมด้วยกัน”
“ค่ะ บอส”
ผู้ชายตัวสูงในชุดทำงานเรียบหรูเดินหายกลับเข้าไปในห้องทำงานแล้ว แต่หล่อนยังคงมองตามไปจนประตูไม้ปิดสนิทลง
หยาดน้ำตารินไหลเอ่อคลอสองขอบตา โชคดีที่มีแว่นหนาช่วยอำพรางความอ่อนแอเอาไว้ได้
หล่อนยกมือขึ้นกุมหน้าอกของตนเอง ตรงตำแหน่งที่มีหัวใจอยู่ และพึมพำทรมาน
“เจ็บ... จัง...”
“ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วนักล่ะลูก”
กนกแก้วเดินเข้ามาในบ้านตอนบ่ายสองโมงเย็น ทำให้มารดาที่กำลังตากผ้าอยู่อดที่จะถามด้วยความสงสัยไม่ได้ เพราะปกติหล่อนกลับบ้านไม่เคยเร็วกว่าสองทุ่มเลยแม้แต่วันเดียว
“วันนี้แก้วมีงานเลี้ยงที่บริษัทฯ น่ะจ้ะแม่ บอสก็เลยให้กลับมาเตรียมตัวน่ะจ้ะ”
“อ้าว แม่ลืมไป แก้วเคยบอกแม่แล้วนี่น่า”
กรมาศ หญิงสูงวัยเอ่ยขึ้นอย่างเอียงอาย และหัวเราะกลบเกลื่อน
“วันนี้แก้วคงกลับดึกหน่อยนะจ๊ะแม่”
“ไม่เป็นไรหรอก แก้วโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ แม่ไม่ห่วงหรอก”
“แล้วแม่อยู่คนเดียวได้นะจ๊ะ”
“แหม แม่อยู่คนเดียวที่ไหน มีเพื่อนสี่ขาอีกตั้งสี่ตัวแน่ะ”
ยังไม่ทันจบคำ สุนัขไทยตัวใหญ่สี่ตัวก็วิ่งกระโจนกันเข้ามาหากนกแก้วอย่างดีใจ พวกมันทั้งเลียทั้งตะกุยจนเสื้อผ้าที่กนกแก้วใส่เป็นรอย แต่หญิงสาวไม่เคยหัวเสียใส่พวกมันเลย เพราะรู้ดีว่าพวกมันรักและคิดถึงตนเอง
“โหๆ เลียใหญ่เลย...”
หล่อนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี และก็เล่นกับสุนัขอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางสายตาของมารดาที่มองมาอย่างมีความสุข
“เจ้าปุย เจ้าด่าง เจ้าขาว เจ้าดำ ไปวิ่งเล่นที่อื่นได้แล้ว”
แม่ของหล่อนสั่งสุนัขเสียงมีเมตตา และพวกมันก็พากันวิ่งไปเล่นที่สวนข้างบ้านกันอย่างว่านอนสอนง่าย หล่อนมองตามไปอย่างเอ็นดู
“เป็นหมาก็ดีนะแม่ ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่รอเจ้าของกลับมา และเล่นด้วยกัน”
“พูดแบบนี้ แสดงว่ามีเรื่องทุกข์ใจใช่ไหมลูก”
แม่ของหล่อนเดินเข้ามาหา ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหล่อนเบาๆ
“ปล่อยวาง พระท่านสอนแบบนี้นะแก้ว”
หล่อนฝืนยิ้มให้กับมารดา
“แก้วก็พูดไปอย่างนั้นแหละจ้ะแม่ ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่วันนี้แม่มีกับข้าวแล้วหรือยังจ๊ะ ถ้ายังแก้วจะได้ออกไปซื้อมาให้ก่อน”
“มีแล้วจ้ะ แม่มีปลาทูเหลืออยู่ ว่าจะทำน้ำพริกกะปิกินน่ะ”
กนกแก้วยกมือขึ้นแตะปากตัวเอง
“แซ่บด้วย แก้วอยากอยู่กินจังเลย”
“เอาไว้พรุ่งนี้แม่ทำให้กินก็แล้วกัน วันนี้ไปงานเลี้ยงกับเจ้านายเถอะ”
หล่อนยิ้มเศร้าๆ แต่ก็รีบสลัดความเศร้าทิ้งไป เพราะเกรงแม่จะไม่สบายใจ
“จ้ะแม่ งั้นแก้วขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ”
“ตามสบายเถอะ อ้อ แล้วแก้วจะไปยังไงล่ะ”
“เดี๋ยวบอสแวะมารับจ้ะ”
กรมาศระบายยิ้มกว้าง
“เจ้านายของแก้วก็ดีนะ ดูเป็นห่วงเป็นใยลูกน้องดีเหลือเกิน”
“บอสใจดีแบบนี้กับทุกคนแหละจ้ะแม่”
หล่อนฝืนยิ้มให้กับมารดาอีกครั้ง ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในบ้าน สีหน้ายามที่มารดาไม่ได้เห็นช่างเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
หล่อนต้องทนยิ้ม ทั้งทนหัวเราะ ในขณะที่ภายในเจ็บปวดนัก ยามที่ต้องพาผู้หญิงที่ไม่ใช่ตนเองส่งไปให้เขาบนเตียง
หน้าที่... ท่องเอาไว้ว่ามันคือหน้าที่...
หญิงสาวบอกตัวเองดังๆ ในอก แต่ก็ไม่อาจจะหักห้ามความเสียใจเอาไว้ได้เลย
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน