หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ โดยมีเขาเข้ามาอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเกือบทุกครั้ง มันทำให้เธออดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเธอเกิดมาเพื่อเป็นของเขา และเขาก็เกิดมาเพื่อเป็นองครักษ์พิทักษ์เธอ... และเธอก็ค้นพบหัวใจตัวเอง ว่าเธอตกหลุมรักเขาโดยไม่รู้ตัว... รัก โดยไม่สนใจด้วยว่าเขาจะรักเธอตอบหรือเปล่า... รัก โดยไม่สนใจว่าเขาจะมองเธอเป็นแค่ลูกสาวของเพื่อนรักของเขา... รัก โดยไม่สนใจว่าเขาอายุมากกว่าเธอเกือบสองรอบ และนี่ก็ดูจะเป็นอุปสรรคใหญ่ ที่เธอจะต้องทะลวงทะลุเข้าไปในหัวใจของเขาให้ได้ เพื่อจะบอกกับเขาว่า 'เด็กกว่าแล้วไงล่ะ' เธอก็หนึ่งหัวใจ เขาก็หนึ่งหัวใจ ในหัวใจมันก็ไม่ได้มีตัวเลขกำกับอยู่ หรือว่าแปะเอาไว้เสียหน่อยว่าความห่างจะทำให้ความรักหมดอายุเร็วขึ้น เธอไม่เข้าใจเลยว่า... เขาจะกลัวอะไร
ข้อความสั้นกระชับได้ใจความบนแผ่นกระดาษสีขาวสะอาดที่มีตราสัญลักษณ์ของบริษัท คงจะไม่ทำให้ประธานใหญ่ของบริษัทเพ่งแล้วเพ่งอีก หลังจากอ่านทวนหลายรอบ เพราะมันก็แค่หนังสือส่งตัว 'เด็กฝึกงาน' ซึ่งปกติเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ มันไม่เคยมาถึงโต๊ะเขาด้วยซ้ำ
แต่เพราะชื่อบนกระดาษ สายตามันก็เลยวนกลับไปเวียนกลับมาหลายรอบ
"เริ่มงานวันนี้ด้วยเหรอ"
ความงุนงงสงสัยส่งผลให้คิ้วเข้มขมวดโดยไม่รู้ตัว และมือก็เร็วพอกัน เมื่อมันยื่นออกไปกดปุ่มอินเตอร์คอมในทันทีทันควัน ตามประสาคนคิดเร็วทำเร็วจนเคยตัว
"คุณลี ผมเป็นคนเซ็นรับอชิรญามาฝึกงานหรือ"
"ครับบอส"
เลขานุการหนุ่มเองก็ตอบรับกลับไปทันใจเช่นกัน และยังจดจำใบหน้าสวยสดงดงามของเจ้าของชื่อได้เป็นอย่างดี เพราะมีผู้หญิงไม่กี่คนหรอกที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของอาณาจักรแห่งนี้ ซึ่งคุณหนูเมลียา อชิรญา อิทธิฤทธิ์ธารารักษ์ สาวน้อยจากเมืองไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น
'มีรุ่นน้องที่เคมบริดจ์ เขาชื่นชมการทำงานของเรย์มาก ก็เลยอยากจะขอไปเรียนรู้การทำงานที่นั่น เรย์ช่วยรับไว้หน่อยนะ'
เสียงของเพื่อนสาวคนสนิท อดีตคนเคยรักดังขึ้นในหัว พร้อมกับคำตอบที่ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
นี่ญารินดาจะรู้ไหมว่ารุ่นน้องที่ว่าก็คือลูกสาวของตัวเองนั่นเอง
แล้วนี่ ชีวิตประจำวันต่อจากนี้ของเขาจะเป็นยังไง จะป่วนมากขนาดไหนเมื่อมี 'ตัวยุ่ง' มาอยู่ด้วย
เรียนวิศวฯ แต่ดันมาฝึกงานเลขานุการ แถมยังระบุมาอีกต่างหากว่าจะต้องเป็นเลขานุการส่วนตัวของเขาเท่านั้น
แต่เขาก็เซ็นอนุมัติ...
ถ้าถามว่าใครไม่รอบคอบสุด อาการหนักสุด ก็คงเป็นเขานี่แหละ ไม่ใช่เด็กฝึกงานกิตติมศักดิ์ของเขาหรอก
สงสัยเขาจะทำงานหนักเกินไปแล้วมั้งเนี่ย
"แล้วนี่เขามาหรือยัง"
"ยังครับ...โอ๊ะ! มาพอดีเลยครับบอส"
เพราะคำอุทานนั้นทีเดียว ที่ฉุดร่างสูงใหญ่ให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เมื่อสำนึกถึงความผิดปกติ ก่อนขายาวจะก้าวสวบๆ ตรงไปที่ประตูและกระชากเปิดออกอย่างคนใจร้อน
"เกิดอะไรขึ้น...แล้วนั่นไปโดนอะไรมา ทำไมสภาพเป็นแบบนี้"
น้ำเสียงห้าวทุ้มฟังแข็งกว่าปกติก็จริง แต่การถลาเข้าไปหาเร็วรี่ พร้อมกับทำการสำรวจ ลูบคลำ จับร่างกลมกลึงอรชรหมุนรอบทิศเพื่อตรวจหาความบอบช้ำที่อาจอยู่นอกครรลองของสายตา กลับอ่อนโยนยิ่งกว่าปีกสัมผัสของผีเสื้อ...
พอเห็นว่าไม่มีตรงส่วนไหนของร่างกายบอบช้ำเสียหาย นอกจากรอยแตกที่หน้าผาก การสำรวจถึงได้หยุดลงชั่วคราว
"คุณลี ขอชุดปฐมพยาบาลให้ผมที่ห้องด้วย"
เสียงห้าวทุ้มทรงอำนาจสั่งความกับเลขาเสร็จ ก็ก้มลงช้อนร่างคนตัวบางเข้าสู่วงแขนให้เลขาตะลึงเล่น ผิดกับคนถูกอุ้มซึ่งนอกจากจะไม่ประท้วงการกระทำของเขาแล้ว ลำแขนเรียวเสลายังยกขึ้นคล้องคอเขาเอาไว้อย่างเหนียวแน่นอีกด้วย
"ตกลงว่าไปทำอะไรมา ถึงได้มอมแมมอย่างกับไปฟัดกับหมามาแบบนี้"
"ถ้าฟัดกับหมาก็คงไม่ได้แผลมาแค่นี้หรอกค่ะ...ตกลงเป็นห่วงลียา หรือว่าจะซ้ำเติมคะ"
ปากต่อว่าเขาไปอย่างนั้นเอง เพราะไม่ว่าเขาจะพูด จะทำอะไร มันก็ไม่สามารถทำให้เธอเปลี่ยนใจไปจากเขาได้อยู่ดี
"กำลังสมน้ำหน้าอยู่"
"เหรอคะ...อย่าลืมสมน้ำหน้าตัวเองด้วยล่ะ"
"เรื่อง?"
"เปล่าค่ะ"
ตัวเล็กแอนด์ตัวยุ่งของเรย์กวนกลับด้วยการปฏิเสธดื้อๆ ซะงั้น ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ปกติอีกนั่นแหละสำหรับสองคน เพราะขณะที่อชิรญาลอยหน้าลอยตาต่อปากต่อคำ การกระทำของฝ่ายนั้นมันก็ขัดแย้งกับคำพูดสุดฤทธิ์ ฝ่ามืออุ่นหนาหรือก็ยังลูบไล้สำรวจหาบาดแผลบริเวณใกล้เคียง ส่วนปากก็คอยเป่าลมอุ่นๆ รดรอยแตกบนหน้าผากเป็นระยะ ราวกับจะช่วยปัดเป่าความเจ็บปวดออกไปให้ ซึ่งการกระทำแบบไม่แคร์สายตาผู้ใด ก็ทำให้เลขาหนุ่มได้อึ้งอีกครั้ง เมื่อเอาของที่เจ้านายต้องการมาส่งที่ห้อง ก่อนจะปลีกตัวออกไปเงียบๆ
"กำลังคิดจะทำอะไร...บอกได้ไหม"
มือใหญ่ทั้งสองข้างนั้นมันควรจะมีพลังมหาศาลตามขนาดของมือ และไม่น่าจะอ่อนโยนได้ขนาดนี้ แต่อชิรญาแทบจะไม่รู้สึกเลยขณะที่มันป้วนเปี้ยนอยู่ที่แผลของเธอ
"เสร็จแล้ว...ทีหลังซนให้มันน้อยกว่านี้หน่อยก็ดี"
"ซนที่ไหนล่ะคะ ถ้าลียาไม่รีบเบรกจนหัวทิ่มได้แผล มีหวังเด็กที่วิ่งตัดหน้ารถซี้ม่องเท่งไปแล้ว"
"นี่ก็อีกเรื่อง บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ขับ..."
"หยุดเลยค่ะคุณแด๊ด จะบ่นทำไมเนี่ย"
"นี่ก็เหมือนกัน บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้เรียกแด๊ด"
"ลียาจะเรียก"
คนตัวเล็กบอกดื้อดึง คนคอยห้ามคอยค้านก็เลยได้ส่ายหัวอีกครั้ง เพราะเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกอีกเหมือนกัน...ก็ตั้งแต่มีเด็กหญิงอชิรญาถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้นั่นแหละ
เวลาเขาบ่นให้หน่อย เขาก็จะได้เป็น 'คุณแด๊ด' ของเธอ ถ้าตอนเขาใจดีเขาก็จะได้เป็น 'พี่' ของตัวยุ่ง แต่ถ้าช่วงไหนที่เขาเข้มงวดกับเธอ เขาก็จะได้เป็น 'คุณเรย์' ที่เจ้าตัวพร้อมที่จะหันหลังเดินหนีเขาได้ตลอดเวลา
แต่ไม่ว่าเธอจะให้เขาอยู่ในสถานะไหน สิ่งหนึ่งที่เขารู้ก็คือ เขาไม่เคยวางเฉยหรือทำเป็นไม่สนใจได้สักครั้งเมื่อเกิดเรื่องกับตัวยุ่ง...
เด็กสาวที่เขา 'กลัว' ตั้งแต่ยังไม่ลืมตามาดูโลกถึงขนาดปฏิเสธการเป็นพ่อทูนหัวเมื่อมารดาของเธอเอ่ยปาก
ชารีดา พิมพร อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร : เพื่อคุณชายวังกุหลาบขาว เธอยอมทำทุกอย่าง หม่อมราชวงศ์เตชิษฏ์ ปารเมศ : เพื่อให้ได้เธอมา มารยา เล่ห์เหลี่ยมใดในโลกหล้า เขาก็พร้อมขุดมาใช้ ---------------------- “อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” ชารีดาขอร้องเสียงอ่อน เมื่อเขายอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา แล้วก็เป็นฝ่ายรั้งเขาลงมาหาเสียเอง โอบกอดเขาเอาไว้ แนบริมฝีปากกับปากหยักสวยของเขา บดเบียดเงอะงะ ขบเม้มสเปะสปะลงบนริมฝีปากบนและล่างอย่างที่เขาเคยสอนอย่างไม่ประสีประสา หากเพียงเท่านั้นก็ทำให้คนเศร้าเสียใจส่งเสียงครางฮือในลำคอได้ไม่ยากเลย โดยเฉพาะเมื่อริมฝีปากอิ่มเผยอออกต้อนรับปลายลิ้นอุ่นนุ่มที่แทรกผ่านเข้าไปในโพรงปากชุ่มชื้น ดูดซับเอาลมหายใจและความฉ่ำหวานเอาไว้เต็มๆ ปลุกอารมณ์หลากหลายในตัวให้ปั่นป่วนพลุ่งพล่านจนไม่อาจยับยั้ง กลิ่นฮอร์โมนเพศชาย กลิ่นกุหลาบขาวหอมกรุ่นจากร่างนุ่มนิ่มของคนใต้ร่าง กลิ่นความรักและความโหยหา กลิ่นตัณหาและความมึนเมาเย้ายวนอยู่รอบตัวสองหนุ่มสาว จนไม่คิดว่าจะมีอะไรมาหยุดยั้งไว้ได้แล้วในตอนนี้.... ชารีดาโน้มใบหน้าคมสันลงแนบชิดยิ่งขึ้น หลังปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายรุกมากว่าห้านาที.... ประสบการณ์สดๆ ร้อนที่เขาเพิ่งสอนไป ถูกนำมาใช้อย่างกระตือรือร้นเมื่อได้สัมผัสและรู้จักกับรสชาติของการจูบอย่างถึงแก่น...เรียวปากอิ่มประกบติดปากได้รูปสวยของเขาอย่างไม่อาจห้ามใจเอาไว้ได้ ละเลียดชิม เลาะเลม ดูดเม้มริมฝีปากบนและล่างของเขาอย่างกระตือรือร้นปนตื่นเต้น ก่อนจะส่งลิ้นนุ่มออกมาเลียไล้แผ่วหวิวจนคนได้รับการเยียวยาครางกระหึ่มด้วยความถูกใจ พอทนไม่ไหว ก็ส่งลิ้นอุ่นนุ่มออกมาเกี่ยวกระหวัด สำรวจกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร.... สัมผัสความหวานล้ำ ดื่มด่ำ หลงวนอยู่กับความฉ่ำชื้นแสนหวานปานน้ำผึ้งนานตราบเท่าที่ต้องการ จนกระทั่งร่างเล็กสั่นระริกอ่อนระทวย นอนซบร่างแกร่งหนาอย่างคนหมดแรงเมื่อเขาพลิกตัวลงรองรับ โอบกอดเอาไว้แน่นหนาราวกับกลัวว่าเธอจะหนีจาก
สำหรับทิพย์วารีแล้ว เจ้าชายทาริซ วัฟซาลัม อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร เปรียบดั่งแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ สูงไกลสุดเอื้อมถึง แต่เธอจะทำเช่นไร เมื่อฟ้าที่คิดว่าสูงสุดเอื้อม อยากหลอมรวมดวงใจให้แผ่นฟ้าจรดผืนน้ำ...ตลอดไป ------------------ “คนเราถ้าลองได้รักใครสักคน เวลามันไม่สำคัญไปกว่าเรารู้ว่าใจของเราคิดและรู้สึกอย่างไรหรอก...รักก็คือรัก แค่ได้มองสบตา เราก็รู้แล้วว่าใช่ และเราก็ไม่ควรถามหาเหตุผลกับความรักด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่เราถามหานั่นหมายความว่าใจของเราเริ่มไม่มั่นคง และเราก็จะไม่มีทางได้คำตอบจากมัน เพราะเราจะคอยหาเหตุผลนั่นนี่มาเข้าข้างตัวเองจนลืมฟังเสียงของหัวใจ...สำหรับเราสองคน ถึงเราเพิ่งรู้จักกัน แต่ผมก็อยากให้น้ำเชื่อใจผม ว่าผมจะไม่เปลี่ยนใจไปจากน้ำแน่ เพราะผมถูกสอนมาตลอดชีวิตว่าเมื่อไหร่ที่ผมเอ่ยคำพูดใดออกไป นั่นหมายความว่ามันจะต้องเป็นไปตามนั้น เพราะฉะนั้นถ้าผมไม่มั่นใจผมจะไม่พูดเด็ดขาด....ผมบอกว่าจะรอ จะให้โอกาสน้ำก็จริง แต่ผมก็จะไม่อยู่เฉย ถ้าหากว่ามีคนอื่นเข้ามาในชีวิตของน้ำ แล้วเวลาไม่กี่วันที่น้ำว่า ผมก็ได้แสดงตัวตนที่แท้จริง และเปิดเผยทุกอย่างกับน้ำจนหมดเปลือก....ถึงตอนนี้ ก็อยู่ที่น้ำแล้ว ว่าจะกล้าวางชีวิตและหัวใจให้ผมดูแลหรือเปล่า” “...ช่วยกอดหน่อยสิคะ” “หือ?”
ชารีฟ อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร กิวาซ ถูกภรรยาขอหย่าเพราะไม่สามารถมีลูกได้ แต่เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกลับทำให้เขารู้สึกสะกิดใจเข้าอย่างจัง เขาก็เลยต้องหาทางพิสูจน์... ไม่ใช่กับใครที่ไหน แม่ของหนูน้อยแชรีที่หน้าตาถอดแบบมาจากเขาราวกับแกะนั่นแหละ! -------------- “คุณว่ามันเป็นเรื่องน่าอายไหม ที่ผู้ชายคนหนึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นหมัน” “เป็นหมัน!” เสียงแหบแห้งเพราะโดนพิษไข้เล่นงานอุทานออกมาเสียงดังเท่าที่จะดังได้ หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าเขาหน้าตื่น เขาแข็งแรง แข็งแกร่ง สมบูรณ์ไปหมดทุกสัดส่วน และเขาก็เป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาและรูปร่างสวยงามมาก แต่พระเจ้า! เขาบอกว่าเขาเป็นหมัน หมายความว่าจะไม่ใครสามารถสืบต่อกรรมพันธุ์แสนเพอร์เฟกต์นี้ได้อีกต่อไปแม้กระทั่งลูกของเธอ ที่เธออุตส่าห์หมายหมั้นปั้นมือ และเลือกเฟ้นมาแล้วเป็นอย่างดีว่าจะต้องเป็นเขา “อย่ามองผมแบบนี้ แล้วก็ไม่ต้องสงสารผมด้วย” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจในยามจ้องมองทำให้ชายหนุ่มต้องเอาตัวหญิงสาวลงนอนพิงอกกว้างอีกครั้ง “ทำไมคะ” “ที่ผมเป็นหมันน่ะเหรอ” “ค่ะ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะผมเคยประสบอุบัติเหตุก็เป็นได้” “คุณพูดเหมือนไม่มั่นใจ” หญิงสาวท้วง “แล้วใครเป็นคนบอกคุณคะ” “ผมถูกภรรยาขอหย่าเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ และหมอก็ยืนยันแบบนั้น” “คุณแต่งงานแล้ว” “เคยแต่ง แต่ตอนนี้เราหย่ากันแล้ว” ชารีฟบอกไม่เดือดร้อน “เพราะว่าคุณไม่สามารถมีลูกได้แค่นั้นเองเหรอคะ” ชาลินีเหมือนจะลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วคราว เมื่อรู้เรื่องของเขา เขาถามว่าน่าอายไหม สำหรับเธอมันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย แต่น่าสงสารมากกว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ถูกภรรยาขอหย่าเพียงเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ แล้วแบบนี้จะเรียกว่าความรักและการร่วมชีวิตได้อย่างไร "เพราะแบบนี้ผมถึงบอกว่าคุณสบายใจได้ คุณไม่มีทางท้องแน่นอน” เขาย้ำถึงความเป็นจริง โดยไม่เห็นว่าหญิงสาวหน้าซีดเพียงใดเมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของเขา ไม่มีอะไรให้สงสัยอีกต่อไป... เธอเสียตัวฟรีแน่แล้ว!!
"หนูดีเกลียดพี่ธิษณ์" "ไม่จริงหรอก พี่รู้ว่าในโลกใบนี้จะหาใครที่รักพี่ได้เท่าหนูดีไม่ดีอีกแล้ว" คนรู้ใจบอกอย่างรู้แจ้งเห็นจริงให้คนได้ครอบครองหัวใจพูดอะไรไม่ออก "นาทีนี้พี่ตามใจหนูดีทุกอย่างนั่นแหละ หนูดีจะว่าพี่รักพี่หลงไม่ลืมหูลืมตา หรือจะมองว่าพี่ไม่มีเหตุผล เป็นคนเห็นแก่ตัว หรือว่าเอาแต่ใจยังไงก็ได้ แต่พี่ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว พอกันทีกับความทรมานที่ผ่านมา" พิมดาวพูดอะไรไม่ออกอีกครั้งเมื่อคู่หมั้นจัดเต็มและจริงจังกับการเปิดเปลือยความรู้สึกมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จากที่โกรธที่ไม่พอใจก็กลายเป็นว่าต้องเก็บคำพูดของเขามาคิด แล้วเธอล่ะ ต้องการอะไร
สัญญาในวัยเด็กนำเขาและเธอกลับมาเจอกันอีกครั้ง "นี่ยายฟันกระต่าย หัดเป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่หือ...ทีแต่ก่อนขี่คอผมชมสวนทุกวัน ไม่เห็นจะคิดมากเลย" เขาจงใจเท้าความหลังให้อีกฝ่ายเกิดปฏิกิริยา "...ก็ตอนนั้นยังเด็กไง" "อ้อ! ตอนนี้โตแล้ว มีตัวเลือกเยอะ ก็เลยจะถีบหัวส่งเพื่อนวัยเด็กอย่างผม" คีรินทร์จงใจใช้คำพูดยั่วยุเต็มที่ ขณะที่หัวใจก็รู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชีวิตของเขาจากนี้คงจะหายเหงาไปเยอะเลยล่ะ หากได้ปะทะคารมกับยายฟันกระต่ายทุกวัน ซุปเปอร์สตาร์คนดังคิดอย่างครึ้มใจ
"ลิลลี่เป็นผู้หญิงนะคะ แล้วก็เป็นสาวแล้ว จะให้เที่ยวมานอนบ้านผู้ชายได้ยังไง" โรมต้องยิ้มบ้าง ไม่ได้เอะใจเลยว่าฝ่ายนั้นกำลังกระตุ้นเตือนตนกลายๆ ว่าให้เขามองเธอเป็นผู้ใหญ่เสียที "พี่ก็ไม่ได้ว่ายังไม่เป็นสาว" ก็เพราะว่าเธอโตเป็นสาวสวยแล้วนี่แหละ จากความเอ็นดูในหัวใจมันถึงได้กลับกลายเปลี่ยนแปลงเป็นความทรมานแทน ที่ได้แต่แอบรัก และเฝ้ามองดอกลิลลี่แสนสวยเติบโตขึ้นทุกวันๆ หลังจากเลี้ยงต้อยเธอด้วยสายตามานานปี
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"