แค่นี้แหละที่เขาต้องการ... ความสุขของเธอ ขอแค่เธออยู่แบ่งปันลมหายใจกับเขา แชร์ทุกเรื่องราวกับเขา ตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขา และให้เขากล่อมเธอหลับไปกับอกเขาทุกคืน เขาพร้อมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธออยู่ข้างกายเขาตลอดไป "ผมรักแพมนะจ๊ะ"
เสียงทักทายดังขึ้นทันทีที่เจ้าของร่างเพรียวระหงเดิน เข้ามาในสำนักงาน หลังจากลาหยุดพักร้อนไปหนึ่งอาทิตย์ ก่อนจะมีเสียงขอบคุณตามมาไม่ขาดระยะ เมื่อของฝากถูกแจกจ่ายครบทุกโต๊ะทุกคนอย่างถ้วนทั่วหน้า
"สวรรค์ทรงโปรด พี่แพมกลับมาแล้ว...สวัสดีค่ะพี่แพม"
ผู้ช่วยสาวซึ่งเป็นรุ่นน้องเอ่ยทักทายขณะวางแก้วกาแฟในมือลงบนโต๊ะทำงานของตนซึ่งอยู่ติดกัน
"นี่ต้องใช่ของฝากเก๋แน่ๆ เลย...ขอบคุณนะคะ"
เจ้าตัวออกท่าออกทางตื่นเต้นดีใจกับของฝากและของกินบนโต๊ะ ให้คนเอามาฝากยิ้ม
"จ้ะ...แล้วเมื่อกี้เก๋ว่าอะไรนะ มีอะไรหรือเปล่าระหว่างที่พี่ไม่อยู่"
"ก็เพราะมีน่ะสิคะ เก๋ถึงได้ดีใจที่พี่แพมกลับมาทำงานซะที...คนในห้องหัวเสียมาสองวันแล้วล่ะค่ะ"
ท้ายประโยคสาวรุ่นน้องขยับเข้ามากระซิบกระซาบใกล้ๆ ทั้งที่คนกำลังกล่าวถึงไม่ได้อยู่ในห้อง
"ทำไมจ๊ะ"
"คงรู้ว่าหมดโอกาสในตัวพี่แพมแน่ๆ ไงคะ"
เป็นที่รู้กันว่าท่านอธิบดีประจำกรมกำลังขายขนมจีบเลขาหน้าห้องของตัวเอง หลังจากตกพุ่มหม้ายมาได้ปีกว่า
"เอาแบบเข้าใจง่ายๆ ได้ไหมจ๊ะ เดี๋ยวท่านมาทำงานก็อดรู้เรื่องพอดี"
"ไม่หรอกค่ะ เก๋ทายเอาไว้เลยว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกที่พี่แพมโดนเรียกเข้าไปคุย...มีคำสั่งจากเบื้องบนลงมาให้พี่แพมไปช่วยงานวิชาการเกษตรที่ประเทศเมเยน* ค่ะ"
"ประเทศเมเยน?"
"ค่ะ"
"เมเยนเป็นประเทศที่เพิ่งแยกตัวออกมาจากประเทศมัวมอรอค* เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาค่ะ...ช่วงที่พี่แพมลาพักร้อน เจ้าชายรัชทายาทของเมเยนเสด็จเยือนไทยพร้อมคณะผู้ติดตามพอดี...ถ้าให้เก๋เดา เก๋ว่าที่มาของคำสั่งมาจากตรงนี้แหละค่ะ...แล้วเรื่องนี้ก็เป็นสาเหตุให้ท่านหัวเสียจนใครๆ เข้าหน้าไม่ติดมาสองวันแล้วค่ะ"
เมเยน...มัวมอรอค
แม้ว่าจะพยายามบอกตัวเองให้ลืม สั่งหัวใจให้ลืมมาหลายปี แต่พอได้ยินชื่อประเทศของคนที่เคยฝากความเจ็บช้ำน้ำใจเอาไว้ให้ หัวใจไม่รักดีกลับกระตุก กระหวัดคิดไปถึงเรื่องราวที่ผ่านมาแต่หนหลังได้ง่ายๆ เหมือนว่าที่สั่งให้ลืม ที่สั่งให้ลบเขาออกไปจากหัวใจนั้น มันไม่เคยได้ผลเลย
หรือว่าการขอให้ไปช่วยงานครั้งนี้จะมีเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง
...ไม่ใช่หรอกน่า นี่มันเมเยน ไม่ใช่มัวมอรอคเสียหน่อย
"พี่แพมคะ...พี่แพม"
"หือ? เก๋ว่าอะไรนะ"
เสียงของผู้ช่วยดึงพิมพ์อรกลับมาอยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง
"พี่แพมเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
"เปล่าจ้ะ...เอ่อ แล้วเก๋พอจะทราบไหมว่าคำสั่งออกมาว่าให้เดินทางเมื่อไหร่"
"ต้นเดือนหน้าค่ะ"
"ต้นเดือนหน้า...ทำเร็วแบบนี้ล่ะ"
เพราะอีกแค่สองสัปดาห์เท่านั้น แล้วแบบนี้เธอจะจัดการอะไรต่อมิอะไรทันได้ยังไง
"มันเร็วตั้งแต่มีคำสั่งออกมาแล้วล่ะค่ะ เพราะไม่มีใครคาดถึงกันสักคน แล้วปกติเวลาจะไปอะไรแบบนี้ เขาจะต้องถามความสมัครใจของเราด้วยถูกไหมคะ แต่นี่เขาเล่นเจาะจงมาเลยว่าเป็นพี่แพม...พี่แพมว่ามันแปลกไหมล่ะคะ"
คำพูดของสาวรุ่นน้องทำให้พิมพ์อรต้องคิดอีกจนได้ แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อ เจ้านายของทั้งสองคนก็เดินหน้าเครียดเข้ามาซะก่อน แล้วก็เรียกพิมพ์อรเข้าไปคุยด้วยทันทีที่เข้านั่งประจำโต๊ะ
จากคำสั่ง พิมพ์อรจะต้องเดินทางไปเมเยนกับผู้เชี่ยวชาญด้านพืชสวนอีกคน เพราะไม่มีใครกล้าคัดค้านคำสั่งที่ออกมา ยกเว้นว่าพิมพ์อรจะลาออกจากราชการ...
เย็นวันนี้ หญิงสาวจึงขับรถกลับบ้านไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้งไม่น้อย แต่เรื่องที่ได้รับมอบหมายมาดูจะกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย เมื่อขับรถกลับเข้ามาในบ้านแล้วพบว่าลูกสาวกำลังเล่นแบดมินตันอยู่กับใครคนหนึ่งที่สนามหญ้าหน้าบ้าน
นี่มันเกิดอะไรขึ้น...
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
"คุณแม่"
เสียงเรียกของลูกสาวกับการกระโดดหย็อยๆ โบกมือให้ ไม่สามารถฉุดสองขาเรียวให้ก้าวออกจากที่ได้เลย
เป็นไปไม่ได้...เธอจะต้องตาฝาดไปแน่ๆ
"คุณแม่ขา"
หนูน้อยร้องเรียกมารดาซ้ำ เหมือนจะอยู่ไกลแสนไกลสำหรับคนเป็นแม่ แต่พอรู้สึกตัวอีกที เจ้าตัวเล็กก็เข้ามาเขย่าแขนเรียกอยู่ตรงหน้าแล้ว
"คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
พิมพ์อรละสายตาจากบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มบอกถึงชาติกำเนิด ที่ฝังแน่นอยู่ในหัวใจมานานปี ก้มลงมองแก้วตาดวงใจของตน...
ใบหน้าพราวเหงื่อนั้นไม่ได้บอกอาการเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้าม ดวงตากลมโตใสแป๋วที่มองตอบกลับมา กลับอาบไปด้วยความสุข...
และมันมากเสียจนเธออดตกใจไม่ได้
"น้องพายตีแบดฯ กับคุณลุงตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะ แล้วตอนเที่ยงเราก็กินข้าวด้วยกันด้วย...คุณลุงบอกว่าเป็นเพื่อนคุณแม่ค่ะ"
ท้ายประโยคออกมา ก็เพราะเห็นว่ามารดาไม่พูดออกมาอะไรสักคำ แล้วก็กลัวมารดาดุด้วยที่เล่นกับคนแปลกหน้า
"น้องพายไปหาป้าตองในบ้านก่อนนะคะ แม่มีเรื่องจะพูดกับคุณ...เอ่อ คุณลุง"
ดวงตาฉายแววเจ็บปวดเหลือบมองเจ้าของร่างสูงใหญ่อยู่อึดใจ ถึงได้ก้มลงบอกกับลูกน้อย
________________________________________________
*เมเยน, มัวมอรอค และ โดมาเนีย เป็นเพียงชื่อสมมุติที่ผู้แต่งตั้งขึ้นมาตามจิตนาการโดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ในนิยายเท่านั้น ไม่ได้อ้างอิงความเป็นจริงตามหลักประวัติศาสตร์ ความเชื่อ หรือศาสนาในพื้นที่ประเทศใดๆ ทั้งสิ้น
ชารีดา พิมพร อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร : เพื่อคุณชายวังกุหลาบขาว เธอยอมทำทุกอย่าง หม่อมราชวงศ์เตชิษฏ์ ปารเมศ : เพื่อให้ได้เธอมา มารยา เล่ห์เหลี่ยมใดในโลกหล้า เขาก็พร้อมขุดมาใช้ ---------------------- “อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” ชารีดาขอร้องเสียงอ่อน เมื่อเขายอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา แล้วก็เป็นฝ่ายรั้งเขาลงมาหาเสียเอง โอบกอดเขาเอาไว้ แนบริมฝีปากกับปากหยักสวยของเขา บดเบียดเงอะงะ ขบเม้มสเปะสปะลงบนริมฝีปากบนและล่างอย่างที่เขาเคยสอนอย่างไม่ประสีประสา หากเพียงเท่านั้นก็ทำให้คนเศร้าเสียใจส่งเสียงครางฮือในลำคอได้ไม่ยากเลย โดยเฉพาะเมื่อริมฝีปากอิ่มเผยอออกต้อนรับปลายลิ้นอุ่นนุ่มที่แทรกผ่านเข้าไปในโพรงปากชุ่มชื้น ดูดซับเอาลมหายใจและความฉ่ำหวานเอาไว้เต็มๆ ปลุกอารมณ์หลากหลายในตัวให้ปั่นป่วนพลุ่งพล่านจนไม่อาจยับยั้ง กลิ่นฮอร์โมนเพศชาย กลิ่นกุหลาบขาวหอมกรุ่นจากร่างนุ่มนิ่มของคนใต้ร่าง กลิ่นความรักและความโหยหา กลิ่นตัณหาและความมึนเมาเย้ายวนอยู่รอบตัวสองหนุ่มสาว จนไม่คิดว่าจะมีอะไรมาหยุดยั้งไว้ได้แล้วในตอนนี้.... ชารีดาโน้มใบหน้าคมสันลงแนบชิดยิ่งขึ้น หลังปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายรุกมากว่าห้านาที.... ประสบการณ์สดๆ ร้อนที่เขาเพิ่งสอนไป ถูกนำมาใช้อย่างกระตือรือร้นเมื่อได้สัมผัสและรู้จักกับรสชาติของการจูบอย่างถึงแก่น...เรียวปากอิ่มประกบติดปากได้รูปสวยของเขาอย่างไม่อาจห้ามใจเอาไว้ได้ ละเลียดชิม เลาะเลม ดูดเม้มริมฝีปากบนและล่างของเขาอย่างกระตือรือร้นปนตื่นเต้น ก่อนจะส่งลิ้นนุ่มออกมาเลียไล้แผ่วหวิวจนคนได้รับการเยียวยาครางกระหึ่มด้วยความถูกใจ พอทนไม่ไหว ก็ส่งลิ้นอุ่นนุ่มออกมาเกี่ยวกระหวัด สำรวจกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร.... สัมผัสความหวานล้ำ ดื่มด่ำ หลงวนอยู่กับความฉ่ำชื้นแสนหวานปานน้ำผึ้งนานตราบเท่าที่ต้องการ จนกระทั่งร่างเล็กสั่นระริกอ่อนระทวย นอนซบร่างแกร่งหนาอย่างคนหมดแรงเมื่อเขาพลิกตัวลงรองรับ โอบกอดเอาไว้แน่นหนาราวกับกลัวว่าเธอจะหนีจาก
สำหรับทิพย์วารีแล้ว เจ้าชายทาริซ วัฟซาลัม อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร เปรียบดั่งแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ สูงไกลสุดเอื้อมถึง แต่เธอจะทำเช่นไร เมื่อฟ้าที่คิดว่าสูงสุดเอื้อม อยากหลอมรวมดวงใจให้แผ่นฟ้าจรดผืนน้ำ...ตลอดไป ------------------ “คนเราถ้าลองได้รักใครสักคน เวลามันไม่สำคัญไปกว่าเรารู้ว่าใจของเราคิดและรู้สึกอย่างไรหรอก...รักก็คือรัก แค่ได้มองสบตา เราก็รู้แล้วว่าใช่ และเราก็ไม่ควรถามหาเหตุผลกับความรักด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่เราถามหานั่นหมายความว่าใจของเราเริ่มไม่มั่นคง และเราก็จะไม่มีทางได้คำตอบจากมัน เพราะเราจะคอยหาเหตุผลนั่นนี่มาเข้าข้างตัวเองจนลืมฟังเสียงของหัวใจ...สำหรับเราสองคน ถึงเราเพิ่งรู้จักกัน แต่ผมก็อยากให้น้ำเชื่อใจผม ว่าผมจะไม่เปลี่ยนใจไปจากน้ำแน่ เพราะผมถูกสอนมาตลอดชีวิตว่าเมื่อไหร่ที่ผมเอ่ยคำพูดใดออกไป นั่นหมายความว่ามันจะต้องเป็นไปตามนั้น เพราะฉะนั้นถ้าผมไม่มั่นใจผมจะไม่พูดเด็ดขาด....ผมบอกว่าจะรอ จะให้โอกาสน้ำก็จริง แต่ผมก็จะไม่อยู่เฉย ถ้าหากว่ามีคนอื่นเข้ามาในชีวิตของน้ำ แล้วเวลาไม่กี่วันที่น้ำว่า ผมก็ได้แสดงตัวตนที่แท้จริง และเปิดเผยทุกอย่างกับน้ำจนหมดเปลือก....ถึงตอนนี้ ก็อยู่ที่น้ำแล้ว ว่าจะกล้าวางชีวิตและหัวใจให้ผมดูแลหรือเปล่า” “...ช่วยกอดหน่อยสิคะ” “หือ?”
ชารีฟ อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร กิวาซ ถูกภรรยาขอหย่าเพราะไม่สามารถมีลูกได้ แต่เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกลับทำให้เขารู้สึกสะกิดใจเข้าอย่างจัง เขาก็เลยต้องหาทางพิสูจน์... ไม่ใช่กับใครที่ไหน แม่ของหนูน้อยแชรีที่หน้าตาถอดแบบมาจากเขาราวกับแกะนั่นแหละ! -------------- “คุณว่ามันเป็นเรื่องน่าอายไหม ที่ผู้ชายคนหนึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นหมัน” “เป็นหมัน!” เสียงแหบแห้งเพราะโดนพิษไข้เล่นงานอุทานออกมาเสียงดังเท่าที่จะดังได้ หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าเขาหน้าตื่น เขาแข็งแรง แข็งแกร่ง สมบูรณ์ไปหมดทุกสัดส่วน และเขาก็เป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาและรูปร่างสวยงามมาก แต่พระเจ้า! เขาบอกว่าเขาเป็นหมัน หมายความว่าจะไม่ใครสามารถสืบต่อกรรมพันธุ์แสนเพอร์เฟกต์นี้ได้อีกต่อไปแม้กระทั่งลูกของเธอ ที่เธออุตส่าห์หมายหมั้นปั้นมือ และเลือกเฟ้นมาแล้วเป็นอย่างดีว่าจะต้องเป็นเขา “อย่ามองผมแบบนี้ แล้วก็ไม่ต้องสงสารผมด้วย” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจในยามจ้องมองทำให้ชายหนุ่มต้องเอาตัวหญิงสาวลงนอนพิงอกกว้างอีกครั้ง “ทำไมคะ” “ที่ผมเป็นหมันน่ะเหรอ” “ค่ะ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะผมเคยประสบอุบัติเหตุก็เป็นได้” “คุณพูดเหมือนไม่มั่นใจ” หญิงสาวท้วง “แล้วใครเป็นคนบอกคุณคะ” “ผมถูกภรรยาขอหย่าเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ และหมอก็ยืนยันแบบนั้น” “คุณแต่งงานแล้ว” “เคยแต่ง แต่ตอนนี้เราหย่ากันแล้ว” ชารีฟบอกไม่เดือดร้อน “เพราะว่าคุณไม่สามารถมีลูกได้แค่นั้นเองเหรอคะ” ชาลินีเหมือนจะลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วคราว เมื่อรู้เรื่องของเขา เขาถามว่าน่าอายไหม สำหรับเธอมันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย แต่น่าสงสารมากกว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ถูกภรรยาขอหย่าเพียงเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ แล้วแบบนี้จะเรียกว่าความรักและการร่วมชีวิตได้อย่างไร "เพราะแบบนี้ผมถึงบอกว่าคุณสบายใจได้ คุณไม่มีทางท้องแน่นอน” เขาย้ำถึงความเป็นจริง โดยไม่เห็นว่าหญิงสาวหน้าซีดเพียงใดเมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของเขา ไม่มีอะไรให้สงสัยอีกต่อไป... เธอเสียตัวฟรีแน่แล้ว!!
"หนูดีเกลียดพี่ธิษณ์" "ไม่จริงหรอก พี่รู้ว่าในโลกใบนี้จะหาใครที่รักพี่ได้เท่าหนูดีไม่ดีอีกแล้ว" คนรู้ใจบอกอย่างรู้แจ้งเห็นจริงให้คนได้ครอบครองหัวใจพูดอะไรไม่ออก "นาทีนี้พี่ตามใจหนูดีทุกอย่างนั่นแหละ หนูดีจะว่าพี่รักพี่หลงไม่ลืมหูลืมตา หรือจะมองว่าพี่ไม่มีเหตุผล เป็นคนเห็นแก่ตัว หรือว่าเอาแต่ใจยังไงก็ได้ แต่พี่ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว พอกันทีกับความทรมานที่ผ่านมา" พิมดาวพูดอะไรไม่ออกอีกครั้งเมื่อคู่หมั้นจัดเต็มและจริงจังกับการเปิดเปลือยความรู้สึกมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จากที่โกรธที่ไม่พอใจก็กลายเป็นว่าต้องเก็บคำพูดของเขามาคิด แล้วเธอล่ะ ต้องการอะไร
สัญญาในวัยเด็กนำเขาและเธอกลับมาเจอกันอีกครั้ง "นี่ยายฟันกระต่าย หัดเป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่หือ...ทีแต่ก่อนขี่คอผมชมสวนทุกวัน ไม่เห็นจะคิดมากเลย" เขาจงใจเท้าความหลังให้อีกฝ่ายเกิดปฏิกิริยา "...ก็ตอนนั้นยังเด็กไง" "อ้อ! ตอนนี้โตแล้ว มีตัวเลือกเยอะ ก็เลยจะถีบหัวส่งเพื่อนวัยเด็กอย่างผม" คีรินทร์จงใจใช้คำพูดยั่วยุเต็มที่ ขณะที่หัวใจก็รู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชีวิตของเขาจากนี้คงจะหายเหงาไปเยอะเลยล่ะ หากได้ปะทะคารมกับยายฟันกระต่ายทุกวัน ซุปเปอร์สตาร์คนดังคิดอย่างครึ้มใจ
"ลิลลี่เป็นผู้หญิงนะคะ แล้วก็เป็นสาวแล้ว จะให้เที่ยวมานอนบ้านผู้ชายได้ยังไง" โรมต้องยิ้มบ้าง ไม่ได้เอะใจเลยว่าฝ่ายนั้นกำลังกระตุ้นเตือนตนกลายๆ ว่าให้เขามองเธอเป็นผู้ใหญ่เสียที "พี่ก็ไม่ได้ว่ายังไม่เป็นสาว" ก็เพราะว่าเธอโตเป็นสาวสวยแล้วนี่แหละ จากความเอ็นดูในหัวใจมันถึงได้กลับกลายเปลี่ยนแปลงเป็นความทรมานแทน ที่ได้แต่แอบรัก และเฝ้ามองดอกลิลลี่แสนสวยเติบโตขึ้นทุกวันๆ หลังจากเลี้ยงต้อยเธอด้วยสายตามานานปี
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
คนอื่นเขาข้ามมิติมาเป็นนางร้ายแล้วได้กับพระเอก ทว่าหวางเสี่ยวเหยาเข้าร่างนางร้ายแล้ววิ่งตามตัวประกอบชายแสนจืดจาง เพื่อตามเขามาปลูกผักซะงั้น…
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
มังกร หนุ่มหล่อหน้าใสลูกชาวไร่ชาวนา อายุ 22 ปี ที่ได้รับทุนเรียนดีจนจบมหาวิทยาลัย ได้แบกร่างกายพาหัวใจอันแตกสลายกลับบ้านเกิดทันทีในวันที่จบการศึกษา เพราะบิดามารดาได้เสียชีวิตกระทันหันทั้งคู่หลังจากกลับจากการนำข้าวไปขายและโดนสิบล้อที่เบรคแตกเสียหลักพุ่งชนรถของพ่อแม่ของมังกร เมื่อสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันเขาจึงกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำไร่ทำนาสานฝันของพ่อแม่และนำความรู้ที่ได้เรียนมากลับมาพัฒนาที่ดินมรดกในบ้านเกิด หากแต่ว่ามังกรยังไม่ทันได้ทำอะไรเขากลับตายลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ตายแบบไม่ตั้งใจและไม่เต็มใจที่สุด เขาจำได้เพียงแค่ว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดเขาได้ไปไหว้พ่อกับแม่ที่วัดในหมู่บ้าน แล้วก็กลับมานอนแต่พอเขากลับตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กชาย อายุ 8ขวบ กับบ้านพุๆพังๆ เขาตื่นมาในร่างของคนอื่นไม่พอ แล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันที่ไหน และใครพาเขามา แล้วมังกรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตที่อยู่ในร่างเด็กชายยากจนคนนี้ มาติดตามชีวิตใหม่ของมังกรกันต่อไปค่ะ
ในช่วงสามปีที่หลูเฉียนหนิงอยู่ข้างๆ เขา โจวเป่ยจิ้งคิดอยู่เสมอว่าเธอเป็นเพียงผู้ช่วยพิเศษ เธอต้องการเงินเพื่อรักษาอาการป่วยของแม่ และจะไม่มีวันจากตนเองไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้เงินแลกกับความต้องการอย่างชัดเจน ในที่สุด เมื่อเขาเกือบจะหลงใหลนั้น หลูเฉียนหนิงก็ไม่อดทนอีกต่อไป "มีคนรักในใจแล้ว ยังนอนกับฉันทุกวัน คุณชั่วชัดๆ" เมื่อข้อตกลงการหย่าถูกโยนต่อหน้าต่อตา โจวเป่ยจิ้งก็ตระหนักว่าภรรยาลึกลับที่เขาแต่งงานเมื่อหกปีที่แล้วกลับคือเธอ? จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ขึ้นชื่อเป็นชายเจ้าชู้อละตามจีบภรรยาทั้งยังเอาเปรียบเธอ! เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยทัศนคติที่เผด็จการและเอาใจเธออย่างเต็มที่ เมื่อทุกคนรังเกียจที่เธอมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย เขาก็มอบทรัพย์สินและหุ้นของตระกูลทั้งหมดอย่างตรงๆ และเข้าไปอยู่บ้านของตระกูลหลู จู่ๆ เธอก็กลายเป็นประธานหลู ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินนับไม่ถ้วน และทุกคนอิจฉา แต่โจวเป่ยจิ้งกลับตกลงไปในวังวนที่ใหญ่กว่านั้น...
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว