ดาราวดีสูดซี้ดริมฝีปากเหมือนกำลังกินของเผ็ดอยู่นานเป็นครู่ กระทั่งความเสียวซ่านลามไหลเข้าไปในช่องท้อง ด้วยไร้ทางจะปัดป้องมือใหญ่ที่กดแผ่นหลังของเธอให้คว่ำหน้าเอาไว้ พีรวิทย์เป็นผู้ชายตัวใหญ่มาก ต่อให้ดิ้นรนขัดขืนยังไงคงไม่เป็นผล “ไม่ต้องกลัว ลืมไปหรือเปล่าว่าเราแต่งงานกันแล้วนะ… จะเป็นไรไปล่ะ ถ้าผัวจะสำรวจร่างกายของเมียแบบนี้” เขาหาเหตุผลมาคัดค้านจนหญิงสาวใจอ่อน ยอมหลับตาปล่อยให้มือใหญ่ลูบล้วงเนินเนื้ออุ่นจัด กระทั่งลำนิ้วแกร่งของเขาชำแรกเข้าไปในกลีบเนื้อสาวซึ่งไร้ทางปัดป้อง “น้องดาวสวยเหลือเกิน… ไม่คิดว่าแก้ผ้าแล้วจะน่าฟัดอย่างนี้” เขารำพึงออกมาด้วยความพึงพอใจ ขณะลำนิ้วแกร่งกำลังเคลื่อนเข้าๆ ออกๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมออยู่ในกลีบเนื้อสาวซึ่งขมิบตอดนิ้วของเขาเป็นจังหวะ “เอาออกไปนะ… ดาวเจ็บ” หญิงสาวอุทธรณ์เสียงอ่อน ชายหนุ่มนึกในใจว่านี่แค่ไถถูแค่เพียงภายนอก เธอก็ยังเจ็บ แล้วถ้าเจ้าแก่นกายอลังการของเขาฝังเข้าไปในตัวเธอจนมิดล่ะ? “อันที่จริงเราผ่านคืนเข้าหอมาแล้วนะ… แต่พี่ยังไม่ได้เข้า ‘หอ’ น้องดาวเลยนะ แล้วในฐานะสามี พี่ก็มีสิทธิ์โดยสมบูรณ์ไม่ใช่หรือ? ที่จะเข้า ‘หอ’ น้องดาว” เขาเริ่มอ้างสิทธิ์ขึนมาในทันที หลังจากปล่อยให้ตัวเองหลงโง่งมงายอยู่ตั้งนาน เพราะว่าในคืนเข้าหอเขาเลือกที่จะออกไปกินเหล้ากับเพื่อนๆ ปล่อยให้เจ้าสาวของตัวเองต้องนอนร้องไห้ ครุ่นคิดด้วยความน้อยใจไปต่างๆ นานาว่าอาจจะเป็นเพราะเธอไม่สวย ไม่เซ็กซี่พอจะเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ได้
“วิวาห์บำเรอสวาท”
“อะไรนะครับคุณแม่… ”
พีรวิทย์ ชายหนุ่มใบหน้าคมคร้าม จมูกโด่งเป็นสันสวย คิ้วเข้มดกดำระบายแนวเป็นแพอยู่เหนือกรอบดวงตาคมประกาย ถึงกับตะลึง อ้าปากค้าง แทบสำลักกาแฟที่กำลังยกขึ้นดื่ม
“ผมหูฝาดไปใช่ไหมครับ”
เขารู้สึกตกใจ กับเรื่องที่เพิ่งได้ยินชัดเจนเต็มสองหู เริ่มโอดครวญขึ้นมาในทันที เมื่อคุณหญิงผกาผู้เป็นมารดา ยื่นคำขาดว่าถ้าเขาไม่ยอมแต่งงานกับ ‘ดาราวดี’ ซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนรักคนสนิท พีรวิทย์จะถูกตัดขาดออกจากมรดกกองโตในทันที
“ก็อย่างที่แกได้ยินนั่นแหละ… ชัดเจนแล้วนี่ ไม่เห็นจะต้องแปลภาษาไทยให้เป็นภาษาไทยนี่นา”
ได้ทีคุณหญิงผกาลอยหน้าเอาจริง กล่าวออกมาอย่างนึกสะใจที่ได้เห็นลูกชายทำหน้าเหมือนโดนผีหลอก คงตกใจแทบ
ช็อคละสิท่า
“นี่มันยุคไหนแล้วครับคุณแม่… ”
คนเป็นลูกชายส่ายหน้าพรืด นึกในใจว่ายุคสมัยนี้ยังมีการ ‘คลุมถุงชน’ ให้เห็นอยู่อีกหรือ? ให้ตายเถอะโรบิ้นให้ดับดิ้นเถอะ
โรเบิร์ต พีรวิทย์ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นกับตน
“ไม่รู้แหละ… ฉันไม่สนใจว่ายุคไหนสมัยไหน เพราะถ้าแกยังขืนทำตัวเสเพล สัมมะเลเทเมา เละเทะไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย ทำตัวเป็นเพลย์บอยควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอยู่อย่างนี้ ฉันกลัวเหลือเกินว่าจะพลาดไปคว้าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายตีนมาเป็นสะใภ้เข้าสักวัน… ถึงตอนนั้นนังแม่อย่างฉันคงอกแตกตายเสียก่อน”
คุณหญิงผกากอดอก เชิดหน้า ยกพัดขึ้นกระพือพรึ่บพรั่บ ไม่ยอมสบสายตาออดอ้อนของลูกชาย ตั้งใจว่าคราวนี้จะไม่ใจอ่อนเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา
“โธ่… จะให้แต่งงานทั้งที่ผมยังไม่เคยรู้จัก ยังไม่เคยเห็นหน้ายัยดาวอะไรนี่?”
พีรวิทย์รีบหาข้ออ้างพัลวัน หวังว่าเหตุผลของตนจะได้รับความเห็นใจจากมารดา
“แกเรียกให้มันถูกหน่อยตาพีร์ น้องเค้าชื่อ ‘ดาราวดี’ ชื่อเล่นว่า ‘ดาว’ เป็นลูกสาวของเพื่อนแม่ รับรองว่าคนนี้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ดูท่าทางแล้วมีความเป็นกุลสตรี เป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างไม่ต้องสงสัย แกไม่รู้หรอกว่าแม่แอบเล็งเอาไว้ให้แกตั้งแต่หนูดาวยังเป็นเด็กๆ รอให้เรียนจบ คนนี้แหละ… เหมาะสมเหลือเกินที่จะมาเป็นสะใภ้ของตระกูล”
น้ำเสียงและแววตาของคุณหญิงผกาแสดงความชื่นชมในตัวว่าที่ลูกสะใภ้อย่างออกนอกหน้า ไม่สนใจลูกชายจอมดื้อรั้นที่กอดอก นิ่วหน้า นิ่งฟังแล้วแอบเบะริมฝีปาก ทั้งที่ก็ยังไม่เคยเห็นหน้าหญิงสาวที่มารดากำลังเอ่ยถึงด้วยซ้ำ
“โห! ‘ดาราวดี’ ชื่อยังกะนางเอกลิเกแน่ะ”
คนปากจัดติติงสารพัด
“อุ๊ย! ไปว่าน้องได้ยังไง ปากหรือนั่น”
คุณหญิงเผลอฟาดต้นแขนลูกชายด้วยพัด
“แล้วคุณแม่มั่นใจได้ยังไงล่ะครับ ว่ายัยนางเอกลิเกคนนี้จะถูกสเปคผม แน่ใจนะว่าไม่อ้วน ดำ ล่ำ สั้น หรือไม่ก็เตี้ยเหมือนตอม่อทางด่วน แน่ใจนะครับว่าสะโพกไม่แฟ่บ หน้าอกไม่แบนแต๊ดแต๋เป็นไม้กระดาน”
คนช่างตำหนิติติงรีบย่นหน้าผาก ร้อนตัวจนต้องตีโพยตีพายออกมาเสียยืดยาว คุณหญิงผกาเหลือบไปเห็นแววของความหนักใจปรากฏขึ้นชัดเจนในดวงตาของลูกชาย
“เออน่ะ… อย่าเพิ่งพูดมาก เอาไว้เจอตัวจริงเสียก่อนแล้วค่อยบ่น” พูดจบก็ยกพัดขึ้นกระพือด้วยความเคยชิน
“แล้วแน่ใจนะครับ… ว่ายัยน้องดาวคนนี้จะเข้ากับผมได้”
พีรวิทย์อุทธรณ์เสียงอ่อน
“แหม… ห่วงเสียจริงนะ ที่ผ่านๆ มาฉันก็เห็นแก ‘เข้า’ กับสาวๆ ได้หมดทุกคน มาคราวนี้ทำเป็นบ่น… ชิ๊”
คุณหญิงเผอทำปากยื่นใส่ลูกชาย ด้วยรู้เห็นกิตติศัพท์ความเจ้าชู้และเรื่องราวกระฉ่อนฉาวมานาน มีหรือที่จะไม่รู้ว่าลูกชายของตัวเองเป็นเช่นไร
“โธ่… คุณหญิงแม่ใจร้ายยยย”
ชายหนุ่มโอดครวญ ลากเสียงยืดยาวจนฟังดูน่าสงสาร นึกในใจว่าถ้าโดนบังคับแถมยังยื่นคำขาดแบบนี้ แล้วเขาจะเอา ‘เมนี่’ หญิงสาวสุดเซ็กซี่ พริตตี้อวบอึ๋ม คู่ควง
คนปัจจุบันที่กำลังคบหากันไปไว้ที่ไหน ถ้าขืนต้องแต่งงานตามบัญชาของมารดา
“แม่มีทางเลือกให้แค่สองทาง… หนึ่งคือยอมแต่งงานเสียโดยดี สองคือโดนตัดออกจากกองมรดก”
คุณหญิงทำเสียงเข้ม ไม่มีวี่แววว่าล้อเล่นเลยสักนิด
“โห… คุณแม่ใจร้าย”
พีรวิทย์ยกมือขึ้นกุมขมับ นั่นเท่ากับบังคับกันเห็นๆ ไม่ให้โอกาสเขาได้เลือกเลยสักนิด
ธุระร้อนของมารดาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันที ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจู่ๆ จะต้องโดนบังคับให้แต่งงานแบบสายฟ้าผ่า กับผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน ให้ตายสิพับผ่า!
แต่เอาเถอะ เพื่อเห็นแก่มรดกกองโตของตระกูล รวมๆ แล้วก็เฉียดหมื่นล้าน ในเมื่อคุณหญิงผกาผู้เป็นมารดาใช้แผนนี้กับตน เขาจะรับมือด้วยการ ‘ซ้อนแผน’
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ………. นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง *เราเตือนท่านแล้ว*
กรุงเทพฯ มหานคร ตอนเช้า ที่ห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ เสียงพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างลูกสะใภ้กับเพื่อนสาวของหล่อนที่อยู่ปลายสาย ทำให้ พ่อเลี้ยง ‘เพลิง’ ถึงกับชะงัก ต้องแอบฟังอย่างเสียมารยาท เพราะมันเหมือนเป็นการหยามเกียรติของลูกชายจนเขาทนไม่ได้
ทีปต์อุทานเบาๆ กับภาพที่เห็น… มาลิลล์กำลังนอนหงายอยู่บนเตียง ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน โดยมีหมอนสีขาวสองใบรองไว้ที่แผ่นหลัง ทำให้สองเต้าคัพเอฟอวบใหญ่มหึมา นูนเด่นอวดสายตาของทีปต์ และสิ่งที่ทำเอาเลือดกำเดาของทีปต์แทบสาดทะลักออกมา ก็คือของดีที่กำลังเปิดเปลือยอยู่ระหว่างเข่าสองข้างตั้งชัน มือข้างหนึ่งจับกล้วยหอมดุนดันเข้าออกเป็นจังหวะ “อ่า… ลุงทีปต์จ๋า กระแทกหนูเถอะค่ะ… อูย… ของลุงใหญ่เหลือเกิน… ซี้ดดดด… เห็นแล้วอยากสุดๆ” มาลิลล์หลับตาพริ้ม…
“ไม่ให้เลียข้างล่าง... งั้นผมดูดข้างบนนะที่รัก” อดัมส์ยังมีอารมณ์ขี้เล่น แม้ในตอนจะร่วมรัก เขารีบผละออกมาจากง่ามขา จูบไซ้ขึ้นมาที่ท้องน้อย กระทั่งถึงเต้านมของหล่อน ครอบริมฝีปากดูดเลียอย่างโหยหาเอาเป็นเอาตาย “อุ๊ย... วันนี้คุณดำซาดิสม์จัง” อรทัยสะดุ้งเฮือก เมื่อทรวงอกอวบโดนมือใหญ่ของสามีบีบขยำอย่างแรง จากนั้นก็เกลือกใบหน้าฟอนฟัดอย่างไม่ลืมหูลืมตา อรทัยเสียวซ่านสุดๆ รีบบีบนมยัดปากเขาที่ค้อมลงมาดูดเลียหัวนมอย่างตะกละตะกลาม อดัมส์ดูดเลียสลับไปมาระหว่างยอดอกทั้งสองข้างเสียงดังซ่วดๆ เหมือนกำลังซดกลืนของอร่อย ทำเอาสาวน้อยที่แอบยืนดู เกิดอาการเสียวซ่านขึ้นมาที่ยอดอกของตัวเองอย่างควบคุมเอาไว้ไม่ได้ รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังโดนพี่เขยดูดนม
แก้วตาพึมพำในใจ มองพี่เขยจัดหนักพี่สาวของหล่อน ยิ่งมอง… ก็ยิ่งตื่นเต้นมีอารมณ์ หน้าขาหนีบแน่น บิดไปบิดมาจนรู้สึกได้ว่ามีน้ำหล่อหลื่นเหนียวๆ หลั่งชุ่มออกมาแฉะแพนตี้ตัวน้อย พอเอามือเอื้อมลงมาแตะที่ง่ามขา ก็รู้ว่ามีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มเป็นยางย้อยติดนิ้ว ‘อุ๊ย… ’ แก้วตาตกใจ หลังจากแอบดูจนน้ำเดิน ด้วยภาพที่เกิดขึ้นในห้องนอน อยู่ห่างจากสายตาของหล่อนเพียงช่วงแขนกระมัง จึงเห็นทุกอย่าง ชัดเจนเต็มสองตาทั้งภาพทั้งเสียง คมชัดปานว่ากำลังมองผ่านจอภาพระบบเอชดี “อ๊าย... ผัวจ๋า... เมียเสียว... เมียทรมาน” ใบหน้าของลีนาบิดเบะ สะบัดไปด้วยความซ่านสยิว ก้นอวบขาวดีดเด้ง แอ่นส่ายไปตามอารมณ์กระเจิดกระเจิง โดนกระแทกกระทั้นดุเดือดขนาดนี้ไม่ว่าเป็นใครก็คงเคลิบเคลิ้มไม่ต่างจากหล่อน ลีนาเปล่งเสียงร้องครางออกมาตลอดเวลาที่ท่อนเอ็นคัดแข็งเป็นลำเหมือนดุ้นมะระจีนใหญ่ๆ ของสามีกระแทกใส่จนมิดสุดโคนพวงสวรรค์ บลั่กๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
“ไม่ไหวแล้วครับ… ผมแข็งแทบระเบิดแล้ว… ไม่เชื่อก็ลองจับ… ” บอสหื่นดึงมือข้างหนึ่งของเลขามาทางด้านหลังเธอจึงต้องไล้ลูบสัมผัสความเป็นชาย ใหญ่ยาวน่าสะพรึง ยิ่งลูบไล้ของเขา… มือเธอยิ่งสั่น ใบหน้าร้อนผะผ่าว ความเสียวซ่านแล่นวาบเข้ามาตรงกึ่งกลางกาย ใจเต้นระทึก มือยังจับท่อนเนื้อยาวใหญ่ของบอส ใหญ่มากจนมือกำไม่รอบ
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"