บาปใดๆ ไหนเล่า...จะหอมหวานเท่าบาปสวาท ------------------- ปัง!! เพล้ง!! ขวดแก้วนั้นถูกปาเต็มแรงบุรุษไปกระทบกับประตูห้องที่สายตาคมเข้มเขม่นมองเคร่งขรึม เศษแก้วแตกกระจายเกลื่อนพื้น น้ำเมากระเด็นติดทั้งประตู ฝาผนังและพื้นตามแรงอารมณ์กราดเกรี้ยว หากนึกย้อนกลับไปคิดทบทวนดีๆ สัตตบงกชเป็นคนเอาเหล้าเข้ามาให้เขาก่อนจะขอตัวขึ้นไปนอน และเขาก็นั่งดื่มจนดึก...หลังจากนั้นก็ไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งช่วงเช้า ทั้งที่...การดื่มก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา ต่อให้เมาแค่ไหนก็ไม่เคยไร้สติจนเลอะเลือนความทรงจำสูญสิ้น...อย่างเช่นเมื่อคืนที่ผ่านมา สันกรามขบเข้าหากันแน่นจนเกิดเสียงกรอดผ่านไรฟันหันกลับมาเปิดประตูห้องตัวเองแล้วย่างเท้าเข้าไปทันที มือนึงดึงประตูกระแทกปิดไม่เบาแรงนักตามอารมณ์ที่กำลังฉุนเฉียว นี่เขาต้องนอนร่วมบ้านกับผู้หญิงที่เพิ่งทำให้ครอบครัวของเขากับภรรยาแตกหักไม่มีชิ้นดีอย่างนั้นเหรอ ในคืนที่ฝนฟ้ากระหน่ำตกไม่ลืมหูลืมตา เมียรักต้องจากจรหนีไปอยู่ไหนเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ แต่คนก่อปัญหาร่วมกับเขากลับยังอาศัยอยู่ภายใต้หลังคาบ้านที่เพิ่งถูกสุมไฟจนวายวอด
“อืม... หงส์ ผมรักคุณ อย่าทิ้งผมไปแบบนี้อีกนะ” เสียงทุ้มพร่าเครือครางในลำคอพร่ำออกมาไม่ขาดปาก ใบหน้าคมสันซุกไซ้ซอกซอนไปตามผิวเนื้อหอมนวลเนียนนุ่ม กิริยาพิศวาสต่อเนื้อหนังมังสาที่กำลังดื่มด่ำอยู่นี้เหลือเกิน
‘เกิดอะไรขึ้น... ปล่อยนะ ใคร...’ เสียงประท้วงที่ไม่อาจเปล่งเอ่ยออกมาได้ หวีดร้องอยู่ด้วยความหวาดกลัว หัวใจของร่างเล็กที่กำลังถูกนัวเนียลูบไล้สั่นสะท้าน ชาวาบปลาบแปลบไปทั้งตัว
มันเกิดอะไรขึ้น... ทำไมหล่อนขยับตัวไม่ได้เลย
กระนั้นหล่อนก็ยังมีความรู้สึกรู้สา เพียงแต่อ่อนล้าจนไม่อาจกระดิกส่วนใดได้เท่านั้นเอง
‘อือ...’ เสียงอือออเล็ดลอดเบาหวิว ไม่อาจยั้งหยุดความกักขฬะจากชายหนุ่มผู้มีแต่ความปรารถนาอันเหลือล้น เขาต้องการครอบครองหล่อน เขาคิดถึง... และโหยหิวลุ่มหลงในผิวเนื้อละมุนนี้จนไม่อาจถอนตัวได้ ริมฝีปากหยักหนาประทับจูบหอมไปตามพวงแก้มละมุน กรุ่นกลิ่นสาบสาวคลอฟุ้งอยู่ไม่เลือนหาย มือใหญ่ลากเลื้อยถลกเสื้อผ้าอาภรณ์ไปตามแรงอารมณ์ เนื้อผ้าเสียดสีกับผิวกายละอ่อน ค่อย ๆ ครูดและถูกกระชากดึงออกจากตัวผ่านศีรษะในเวลาอันรวดเร็ว
‘ช่วยด้วย... ช่วย! อื้อ!’ ความหนักอึ้งสัมผัสแนบสนิทถึงผิวเนื้อ หล่อนทำได้แค่เพียงส่งเสียงสะท้านต่อต้านอยู่ในหัว ไม่อาจมองเห็นทางรอดต่ออาเพศในครั้งนี้
“หงส์จ๋า... หงส์ของพี่...” พร่ำเพ้อพรรณนาไปพลางก็นัวเนียนวดเฟ้นร่างแบบบางเกือบเปลือยด้วยความเสน่หา ลมหายใจอุ่น ๆ รินรดรอยทางที่ริมฝีปากหยักหนาดูดเม้มจนเกิดรอยห้อเลือด
หล่อนแน่นิ่งไม่ไหวติง... แต่หัวจิตหัวใจนั้นดำดิ่งคร่ำครวญเหมือนจะขาดใจ ร้าวรานร้อนรุ่มด้วยความรู้สึกผิดชอบ ชั่วดี เมื่อสำนึกรู้ถ่องแท้แล้วว่าผู้ชายที่กำลังล่วงเกินร่างกายของหล่อนนั้นเป็นใคร หล่อนจำน้ำเสียงของเขาได้...
‘พี่เดล... อย่าทำแบบนี้นะ นี่หนูนา... ไม่ใช่พี่หงส์...’ แต่บทประโยคนั้นก็ได้แต่ดังก้องอยู่ข้างใน ไม่อาจเอ่ยเอื้อนออกมาให้ชายหนุ่มได้รับทราบ
หล่อนได้กลิ่นเหล้าคละคลุ้งร่วมกับลมหายใจอุ่นร้อนของเขา ความรู้สึกในยามที่จมูกและริมฝีปากแตะต้องผิวเปลือย มันทำให้ความรู้สึกสั่นไหวไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ทั้งกลัว... ทั้งหวาดระแวงสับสน
“อืม...”
‘พี่เดล!!’ พึ่บ! แม้ร่างกายไม่อำนวยต่อการขัดขืน แต่หล่อนก็ยังมีความรู้สึกแทบครบถ้วน น้ำตาหยดชื้นไหลรินอาบขมับทั้งสองข้างเป็นทางเปียกปอนไปถึงหมอนที่รองหนุน เมื่อปราการซึ่งโอบอุ้มทรวงอกอวบเอาไว้ขาดผึงหลุดปลิวหายไปจากร่าง...
“อา... หงส์จ๋า หอมหวานเหลือเกิน” อุ้งปากอุ่นร้อนครอบครองความงดงามที่ชูช่ออยู่ตรงหน้านั้นอย่างขาดสติ เรียวลิ้นสากตวัดช้อนยอดเกสรที่เกร็งเครียดให้ตอบสนองต่ออารมณ์ปรารถนา
เขาลุ่มหลงหล่อนเกินกว่าจะล่าถอยออกห่างแม้เพียงคืบ คิดถึงสุดหัวใจจนไม่อาจควบคุมความหยาบช้าที่กบดานดำดิ่งให้สำนึกรู้ผิดชอบชั่วดีว่ากำลังทำอะไรอยู่
ไม่เหลือเลยแม้แต่เศษสติจะใคร่ครวญให้ละเอียดว่าหญิงสาวที่นอนนิ่งให้เขาสำรวจร่างตามแต่ใจอยู่นี้ ไม่ใช่ภรรยาที่เขาพร่ำเพรียกร้องหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อยาม แต่กลับเป็นใครบางคน... ที่เขาไม่เคยนึกฝันปรารถนา
และเป็นบุคคลต้องห้ามในเรื่องหยาบช้าเช่นนี้...
“ไม่เจอกันตั้งเกือบเดือน อืม... พี่จะทำให้หงส์เข้าใจ... ความคิดถึงที่พี่มี” ชายหนุ่มกล่าวกระท่อนกระแท่นสลับกับการอมกลืนปทุมถัน หล่อนหายใจแรงจนอกอิ่มกระเพื่อมเป็นจังหวะ อำนวยให้อุ้งปากร้อนผ่าวสำรวจครอบครองได้เต็มที่ มือใหญ่สองข้างที่ลูบคลำไปตามทรวดทรงที่เต็มแน่นของวัยแรกสาว แล้วเคลื่อนมาประกบแล้วนวดเคล้นก้อนเนื้ออวบเต็มกำมือ กระตุ้นกำหนัดป่าเถื่อนให้พุ่งทะยาน สัตตบงกชได้แต่ส่งเสียงอือออที่แทบไม่ได้ยินในขณะที่ถูกกระทำ หากรอดพ้นจากความบัดสีนี้ไม่ได้ หล่อนคงต้องถูกตราบาปสาปแช่งไปชั่วชีวิต
“ที่รัก... คุณสวยไม่มีที่ติ...” ใช่... ทุกอย่างที่เขารู้สึก ทุกสิ่งที่เขากำลังเข้าใจอยู่ในขณะนี้คือจิตสำนึกในส่วนลึกที่มีต่อหญิงสาวอันเป็นที่รัก ไม่ใช่เพราะรู้สึกพิศวาสต่อตัวตนแท้จริงของคนใต้ร่างนี้แม้แต่น้อย
เพียงแต่เขาไม่รู้... เท่านั้นเอง น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลรินอาบเอ่อในขณะที่หล่อนถูกทาบทับจนหนักอึ้งหายใจติดขัด มือของเขาควานคว้าลงไปดึงร่นชายกระโปรงสั้นจนถลกขึ้นถึงไหนต่อไหน แล้วชั้นในสีดำตัวบางก็หลุดลุ่ยออกจากตัว
“!!” หล่อนเจ็บ... และหวาดกลัวเหลือคณา บางอย่างที่แปลกปลอมกำลังกดกระแทกเป็นจังหวะเสียดสีอยู่ตรงหน้าขากลางลำตัว เขาเน้นนาบรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และแทรกสู่ความบอบบางทีละน้อย
‘พี่เดลอย่าทำ ฮือ ๆ พี่หงส์จะเสียใจ...’
สองขาถูกจับผลักให้ออกห่างในขณะที่หล่อนร่ำไห้เหมือนใจจะขาดอยู่นั้น ไม่ได้รู้สึกคล้อยตามไปกับครรลองอารมณ์ของเขาเลยแม้แต่น้อย ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นสูงขนาบกับลำตัวคนเบื้องบนซึ่งเปลือยเปล่า... ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
แล้วความเลวร้ายที่สุดในชีวิตก็กดแทรกเข้ามา หล่อนกรีดร้องอยู่ในใจ แต่น้ำตาไหลปริ่มท่วมเอ่อ เจ็บปวด... แสบระบมทุก ๆ จังหวะการขยับของเขา เสียงทุ้มครางกระหึ่มอยู่เหนือร่างในขณะที่ขยับโยกตัวจนหล่อนไถลไปกับที่นอนทุก ๆ ครั้งตามอารมณ์ของเขาที่ไม่ลดหลั่นลงเลย มีแต่จะเพิ่มความรุนแรงขึ้นทุกขณะจิต
หล่อนสูญสิ้นทุกอย่างแล้ว... ความดีงาม... ความสาว... ความจงรักภักดีและความเชื่อใจที่มีต่อกันในสายเลือด เขาพรากทุกสิ่งโดยไม่นึกปรานี แล้วต่อไปนี้หล่อนจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไรกัน
“หงส์... อื้อ!” ความคับแน่นในยามรุกล้ำบีบอัดให้ชายหนุ่มแทบจะบ้าคลั่ง เขายอมรับในความอิ่มเอมนี้โดยไม่มีข้อแม้ ใบหน้าคมกร้านโน้มลงพรมจูบไปทั่วร่างระหง โยกขยับสะเอวสอบไปตามอารมณ์กระสันที่ฉีดพล่านร้อนเร่าอยู่ในตัวครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อจวนเจียนแก่เวลา... เขาก็ดึงตัวสอดแทรกจนจมมิดสิ้นสุดเสน่หา แล้วกอดรัดหล่อนเอาไว้เต็มแรง ก่อนจะขยับสะโพกสอบถี่รัวหนักหน่วงต่อเนื่องแต่ไม่ยาวนานนัก
ก่อนจะปลดปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามอารมณ์...
ฝากฝังความปรารถนาอันเร่าร้อนเอาไว้ในกายหล่อนจนเอ่อล้นแปดเปื้อนผ้าปูที่นอนด้านล่าง ร่างใหญ่เกร็งตัวและฟุบลงหมดแรงคร่อมตัวของหล่อนเอาไว้ เหงื่อกาฬเปียกชื้นผุดพรายไปทั่ว แรงหายใจหอบหนักเป็นจังหวะค่อย ๆ บรรเทาลงในขณะที่สติของหล่อนเริ่มเลือนรางหนักอึ้งลงไปทุกที
แล้วโลกทั้งใบก็ดับมืดลงราวกับบางอย่างกำลังดึงดูดให้หล่อนจมดิ่งสู่ห้วงเหวอันลึกล้ำราวกับว่าความบัดสีวิบัติที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพฝันอันเลวร้าย
จิตสำนึกคร่ำครวญภาวนาว่า ขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริงเลย
"ไสหัวจากบ้านฉันซะ! แล้วไม่ต้องกลับมาอีกที่นี่ไม่ต้อนรับกาลกิณีที่มีเลือดชั่วๆ อย่างเธอ" "พี่อาร์ม...ปล่อยนะคะพี่อาร์มเป็นบ้าไปแล้วเหรอ นี่มันดึกแล้วจะให้จันทร์เจ้าไปไหนคะ" หล่อนรู้ดีว่าเขาพูดจริงทำจริง ใจดวงน้อยแปลบปลาบหวิวเหมือนจะหลุดลอยไปตามแรงลากดึง อุตส่าห์หลบลี้หนีหน้าไม่ออกไปให้เขาเห็นวายยังถูกตามรังควาญจนได้ และที่สำคัญเขากำลังผลักไสหล่อนออกไปทิ้งข้างถนนหน้าบ้าน "อย่ามาเรียกฉันว่าพี่...ฉันไม่เคยคิดจะนับญาตินับเชื้อกับผู้หญิงกาลกิณีอย่างเธอ อย่าคิดว่ามีคุณแม่ให้ท้ายแล้วจะตีเสมอเป็นเจ้าของบ้านคนนึงได้นะ เพราะต่อไปนี้เธอ! ไม่ต้องเข้ามาเหยียบบ้านฉันอีกแล้ว จะไปไหนก็ไป!!!" ปัง! "ว้าย! พี่อาร์ม!!" ร่างเล็กถูกเหวี่ยงจนกระเด็นติดประตูรั้วที่ยังปิดสนิท แล้วยืนเท้าสะเอวทะมึงถึงจ้องหล่อนราวเป็นสัตว์เดรัจฉานน่ารังเกียจนักหนา "ออกไปซะ...ไม่มีเธอสักคนที่นี่คงสงบสุขมากขึ้น อีกหน่อยฉันจะแต่งงานพาเมียมาอยู่ที่นี่! ฉันไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องเลี้ยงลูกเมียน้อยอย่างเธอไว้เป็นหอกข้างแคร่ทำไม" พรพระจันทร์น้ำตาไหลทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้ หัวอกของหล่อนแน่นจุกกับคำถาถางด่าทอต่างๆ นาๆ ที่เขาสรรหามาพ่นพูด ชายหนุ่มจะรู้บ้างไหมว่าหล่อนก็ไม่ได้อยากเกิดมาเป็นแบบนี้ ถ้าเลือกได้หล่อนคงไม่อยากมีชีวิตอยู่เป็นภาระ เป็นตัวปัญหาของใครหรอก....
"รัก" คำที่ไร้ซึ่งตัวตนไม่สามารถจับต้องได้แต่กลับสร้างความสะท้านสะเทือนให้กับทุกคนที่หลงเข้าสู่ห้วงวังวนนั้น ไม่ได้ต่างจากเธอ หญิงสาวซึ่งถูกลวงล่อผูกมัดให้หลงอยู่กับความงดงามเพริดแพร้วหฤหรรษ์ โดยหารู้ไม่ว่าอีกด้านของมันที่มืดมิดทมิฬและเต็มไปด้วยการทำลายล้างจะเผาผลาญเธอให้เหลือเพียงเถ้าธุลีในวันหนึ่ง... เมื่อปฐมบทแห่งการล้างแค้นเปิดฉากขึ้น ความรักอันสวยหรูหวานล้ำ เสน่หาที่ตรึงใจไว้กับร่างกายซึ่งเคยหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกลับกลายเป็นเพียงมายาที่ไร้ซึ่งความความจริงใจ ความเจ็บปวดรวดร้าวจึงมาเยือน "อรุโณรีย์ วรวงค์นุเดช" หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ เพราะเธอเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่ถูกชายหนุ่มรูปงามนามทอเลเมียส นิโคไลคัส หลอกใช้เป็นเครื่องมือให้คอยประหัตประหารบิดาของเธอเอง ท่ามกลางความพยาบาทที่ร้อนระอุ แม้แต่เสน่หาที่เคยเพียรป้อนให้กันก็ไม่สามารถดับกระหายความแค้นที่ทับถมอยู่ในใจของชายหนุ่มให้บรรเทาเจือจาง
ผมไม่มีเหตุผลว่าทำไมถึงรักคุณ หัวใจสั่งให้รัก ผมก็รัก ...หรัญย์... ____________ ว่ากันว่า...หากหญิงสาวคนใดได้รับช่อดอกไม้เจ้าสาว หรือช่อบูเก้ในงานแต่งจะได้สละโสดเป็นคนต่อไป แต่ไม่เคยมีใครบอกหล่อนเลยว่า ผู้หญิงที่รับช่อบูเก้ของหล่อนได้ จะได้ว่าที่ผัวหล่อนไปด้วย!! ชีวิตต้องพลิกผันในชั่วข้ามคืน เมื่อเจ้าสาวหม้ายขันหมากอย่างณธิดาต้องหอบหิ้วหัวใจอันบอบช้ำอุ้มขวดเหล้าทั้งชุดเจ้าสาวซัดเซพเนจรหนีอดีตคนรักสุดโฉดที่ไม่โสดอย่างปากว่า เพราะมีทั้งเมียทั้งลูกมาเดินร่อนรื่นในงานแต่งที่หล่อนควรเด่นหรูที่สุด แต่กลับถูกแย่งซีนจนชุดแพงหมดแสงออร่า แล้วใครจะทน! ความเมาและบ้าบิ่นทำให้ณธิดาพบชายรูปงามท่ามกลางแสงดาวแสงเดือนและคลื่นทะเล หล่อนจึงบอกเขาว่าเมาจนความจำเสื่อมเพื่อให้เขาเอ็นดูอุปการะ ตั้งใจหันหลังให้รักครั้งเก่าที่น้ำเน่าจนเหม็นเขียว หลบลี้หนีหน้าผู้คนมาซบอกพ่อค้าผู้น่ากินกว่าลูกชิ้นปิ้งที่เขาขาย แต่กลายเป็นว่าหล่อนกลับถูกเขากิน! นัวๆ และตั้งชื่อใหม่ตามสินค้าหน้าร้านให้ว่า ‘ลูกชิ้น’ หรัญย์เป็นผู้ชายใจดี รักหมารักแมวและรักโลก ที่สำคัญ...เขาชอบกินลูกชิ้นเป็นชีวิตจิตใจ
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"