อลัน ซาวันเดอร์ (พี่อลัน) ปัจจุบัน อายุยี่สิบเจ็ดปี ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ที่ต้องพลัดพรากจากพ่อแม่ ไปอยู่และเติบโตที่ประเทศไทย โดยมีพ่อและแม่ทูนหัวเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนจนถึงอายุสิบห้า แต่ตอนที่อลันอายุได้เจ็ดขวบพ่อและแม่ทูนหัวที่เลี้ยงดูเขามา ได้ให้กำเนิดบุตรสาว ผู้ซึ่งที่จะมาครอบครองหัวใจของเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข ปิ่นมุก อัครถาวรกุล (หนูมุก) ปัจจุบัน อายุยี่สิบปี ที่เกิดมาท่ามกลางความรักของคนรอบข้าง และรวมถึงผู้ที่จะมาเป็นเจ้าของหัวใจ ‘พี่อลัน’ ชายเพียงคนเดียวที่เธอต้องรักเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข เมื่อลมหายใจแรกของเธอที่เกิดขึ้นนั้นมาพร้อมกับภาระที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเธอต้องเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลซาวันเดอร์ หนูมุกจึงถูกเลี้ยงดูให้พร้อมกับหน้าที่ตำแหน่ง ‘เมีย’ ของพี่ชายท้องชนกัน ที่เขาไม่ใช่เป็นเพียง อลัน ซาวันเดอร์ แต่เขาคือ ‘ลูกไม้’มาเฟีย ที่มีเลือดส่วนนี้ไหลเวียนเป็นส่วนใหญ่ในร่างกาย ‘ให้ตายเถอะ!!!’ คำนี้ต้องเกิดขึ้นกับอลันแทบทุกวัน เมื่อเขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาต้องรับเจ้าสาวตัวจริงของเขามาดูแลต่อจากพ่อแม่ เพื่อรอเวลาที่เหมาะสมที่เขาจะมอบตำแหน่ง ‘เมีย’ ที่ถูกต้องตามกฎหมายให้กับเธอ แต่เมื่อเธอทั้งแสบ ทั้งดื้อ และรักเขามากมายจนทำให้เขาต้องกระทำบางอย่างเพื่อปกป้องเธอจากภัยร้ายที่ครอบครัวเขาต้องพบเจอ ‘ให้ตายเถอะ!!!’ เขาเกลียดตัวเองที่ต้องทำให้ ‘หนูมุก’ เสียน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาจึงต้องชดเชยให้กับเธอด้วยการมอบตัวเองให้ตกเป็นของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อฆ่าเวลารอคอยวันที่เธอจะเข้ามารับตำแหน่ง ‘ภรรยา’ ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า “ถือซะว่าพี่เป็นสินค้า...ที่เต็มใจให้หนูมุกได้ทดลองใช้ได้ตามใจ...ครับ”
‘ประเทศไทย’
“line....” จันทร์ฉายคว้าโทรศัพท์เมื่อได้ยินเสียงข้อความของไลน์เข้า เมื่อเธอดูมัน มาจากพี่สาวของจันทร์ฉายคือพี่ปกฉัตรซึ่งตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
“เฮ้!...มุกดูนี้สิ...พี่ฉัตรส่งรูปว่าที่พี่เขยมาให้ดูว๊ะ...หน้าตาดีมากเลยว๊ะแก” ฉาย หรือ จันทร์ฉาย เพื่อนของปิ่นมุก โชว์หน้าจอภาพคู่ชายหญิงที่ประคองกอดให้ดู พร้อมรายงานสถานะของคนในภาพเรียบร้อย
ปิ่นมุก กำลังก้มหน้าก้มตาทบทวนเนื้อหาเพื่อเตรียมตัวเข้าห้องสอบวิชาตัวสุดท้ายของภาคเรียนนี้
“เมื่อกี้...แกว่า...อะไรนะ” ปิ่นมุกทวนคำของเพื่อนอีกครั้งทันทีอย่างติดขัดในด้านความรู้สึกและลมหายใจ หลังจากเงยหน้ามามองภาพดังกล่าว ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ได้ยิน แต่อยากฟังอีกครั้งว่าที่ได้ยินตอนแรกไม่ผิด
“ว่าที่พี่เขย...พี่ฉัตรเขาว่าอย่างนั้น...ดูสิพี่เขาบอกว่าเป็นลูกครึ่ง ไทย-อเมริกันด้วย หน้าตาดีมากเลยว๊ะแก...แถมยังพูดไทยชัดเวอร์อีกต่างหาก” จันทร์ฉาย กล่าวต่ออย่างไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของเพื่อนร่วมโต๊ะ ที่ตอนนี้หน้าถอดสีซีดอย่างเห็นได้ชัด เพราะมัวแต่จับจ้องอยู่ที่หน้าโทรศัพท์โต้ตอบกับพี่สาวที่อยู่ต่างแดน
“มุก...ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ...เจอกันที่ห้องสอบเลยแหละกัน” ปิ่นมุกพูดพร้อมกับปิดหนังสือและลุกเดินออกไปจากตรงนั้น
“เฮ้ย!...มุก...มุก” จันทร์ฉายร้องเรียกเพื่อนที่จู่ๆก็หุนหันลุกและเดินจากไป “สงสัยจะปวดมาก” บ่นพึมพำกับตัวเองและก้มหน้าพิมพ์ไลน์คุยกับพี่สาวต่อเพื่อฆ่าเวลารอเวลาสอบ
ปิ่นมุกวิ่งไปหยุดที่ริมสระน้ำ และยืนใต้ต้นไม้ใหญ่มองไกลออกไป ยังกับว่าเธอกำลังใช้ดวงตาคู่สวยมองไปถึงประเทศอังกฤษ เพื่อที่จะได้มองเห็นใครคนหนึ่งที่เธอเฝ้ารอคอยมาตลอดหลายปีนี้ ด้วยแววตาเศร้าอย่างไม่อาจปิดบังได้
‘ประเทศอังกฤษ’
“ขอบคุณครับ พี่แอล” อลันกล่าวขอบคุณแอลหรือมิคาแอลที่เป็นมือขวาและพี่เลี้ยงของอลัน มาตั้งแต่เขาเดินทางมาศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษเมื่ออายุ สิบห้า และเป็นการจากเมืองไทยมาตั้งแต่ตอนนั้นและจากวันนั้นถึงวันนี้เขาอายุยี่สิบเจ็ดปี สิบสองปีแล้วที่ตัวเขาไม่ได้กลับเมืองไทยที่เขาเติบโตมาตลอดสิบห้าปีเพราะอีกสองวันเขาจะเดินทางไปประเทศไทย เพื่อไปจัดการภาระกิจที่ไม่มีใครสามารถจัดการได้ นั้นคือการไปรับ ปิ่นมุก หญิงสาวที่เป็นดั่งดวงใจและชีวิตเขา
แอลจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินในการเดินทางครั้งนี้และแจ้งเพิ่มเติมว่า “ผมจัดการ์ดไปเพิ่มอีกเจ็ดคน”
“รวมพี่กับผมก็เก้าคน...แล้วคุณพ่อวุฒิท่านทราบเหรอยังครับ”
“ครับ...ท่านบอกว่าไม่มีปัญหาครับ...ท่านสำรองบ้านพักให้เรียบร้อยครับ” อลันพยักหน้ารับทราบ แต่การไปครั้งนี้ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย เขาคงสามารถเดินทางกลับได้ภายในหนึ่งสัปดาห์
“หนูมุก...อีกสองวันเราก็จะได้เจอกันแล้ว” อลันบ่นพึมพำกับตัวเองและตั้งหน้าตั้งตาเคลียงานให้เสร็จก่อนการเดินทาง
แอลมองอลัน นายหนุ่มรุ่นน้องอายุน้อยกว่าเขาสองปี เขาในฐานะที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่เลี้ยงมองอย่างกังวลใจ เรื่องงานเขาไม่เป็นห่วงเลยเพราะอลันทั้งเก่งและฉลาดในการทำงาน แม้แต่การเรียนเขาก็ไม่ธรรมดาสมกับเป็นคนตระกูล ซาวันเดอร์ทายาทอันดับหนึ่งเพียงคนเดียว แต่นายเขาคนนี้ยังมีน้องชายที่ห่างกันสามปีแต่สองคนใช้นามสกุลคนละนามสกุล เพราะน้องชายของเขากลับเป็นทายาทของตระกูลเบนเน็ต ใครก็ตามที่ไม่ได้ใกล้ชิดหรือเป็นคนใน จะไม่รู้ถึงความเป็นมาของครอบครัวนี้ เพราะนายใหญ่ของตระกูลนี้ไม่ธรรมดาวางแผนจัดการทุกอย่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ความกังวลของเขาคือเรื่องหัวใจของชายหนุ่มต่างหาก หนูมุก หรือ ปิ่นมุก อัครถาวรกุล บุตรสาวที่เหลือเพียงคนเดียวของเอกวุฒิ นักธุรกิจเจ้าของฟาร์มมุกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเจ้าของเกาะมุก,รีสอร์ท อีกหลายแห่ง และเอกวุฒิกับภรรยายังมีตำแหน่งเป็นพ่อแม่ทูนหัวของอลันด้วย แต่ปัญหาอยู่ที่หญิงสาววัยยี่สิบปี นามว่า ปิ่นมุก เพราะเธอไม่ธรรมดา เรื่องนั้นอลันนายหนุ่มของเขารู้ดี และคิดว่าคงกำลังกังวลเรื่องนี้เป็นแน่
แอล...มือขวาพ่วงตำแหน่งเลขาขอตัวและเดินออกจาห้องไป อลันก็เงยหน้าพิงพนักและถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจและเป็นกังวล เขาย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนที่เป็นสาเหตุของการสร้างปัญหาให้เขา ณ ปัจจุบันนี้
เหตุเกิดที่ร้านอาหารในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นวันที่พร้อมหน้ากันทุกคนไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ของเขา และพ่อแม่ทูนหัวก็คือคุณพ่อคุณแม่ของหนูมุกนั่นเอง และอดัมน้องชายเพียงคนเดียวของเขา เพราะเป็นวันสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทของเขา ทุกอย่างควรจะเป็นในแบบที่เขาจัดการและวางแผนไว้ แต่เนื่องจากเขาไม่ได้ทำการจองแบบปิดร้านเพื่อความเป็นส่วนตัว แต่แค่ให้มีการจัดสถานที่แยกออกมาเฉพาะครอบครัว เพราะฉะนั้นทางร้านก็ยังคงเปิดร้านรับแขกท่านอื่นได้ ถึงแม้บริเวณโดยรอบของโต๊ะเขาจะมีการจัดสถานที่เพื่อครอบครัวเขา และไหนจะการ์ดของพวกเขาอีกรวมกันก็สามสิบคนได้ ถ้ามองมาจากโต๊ะอื่นของลูกค้าท่านอื่นของร้านจะไม่เห็นพวกเขา แต่ห้องน้ำสิยังคงใช้ร่วมกัน
“คุณแม่ขา...หนูมุกอยากเข้าห้องน้ำ” หญิงสาววัยสิบเจ็ด เอ่ยกับมารดาของตนที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่ไม่ทันที่นีออน แม่ของหนูมุกจะได้พูดอะไร
“เดี๋ยวพี่พาไป” อลันเป็นฝ่ายพูดมาซะก่อนด้วยภาษาไทย อลันจะใช้ภาษาไทยกับพ่อแม่ทูนหัวและหนูมุก รวมถึงแม่เขาเองด้วยคือคุณแม่หนูนาเท่านั้น และจะมีเป็นครั้งคราวกับน้องชายของเขาคือ อดัม เพราะทั้งเขาและอดัมสามารถใช้ภาษาไทยสื่อสารได้แต่อาจจะไม่คล่องแคล่วและเข้าใจในเรื่องของการใช้สำนวนไทยก็เขาและอดัมเป็นลูกครึ่งไทยอเมริกันที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ฝั่งยุโรปจึงถนัดการใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกันมากกว่าระหว่างสองพี่น้อง
รวมเรื่องสั้น_เรื่องราวความรัก อ่านเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ -- เมื่อเขาต้องการ -- มายผู้ที่ไม่เคยปฎิเสธยามเมื่อคุณอาหนุ่มต้องการ ซึ่งเธอไม่ปฎิเสธเขาอยู่แล้ว เพราะไม่รู้จะทำไปทำไม เสแสร้งแกล้งเล่นตัวทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่เหลือความสดใหม่ให้ค้นหาอีกต่อไปแล้ว ทำได้เพียงร่วมมือกับเขาอย่างเร้าร้อนในทุกที่ทุกเวลา ‘เมื่อเขาต้องการ’ -- ชนท้องน้องสาว -- หากน้องสาวที่ผมหวังจะท้องชนกัน กำลังจะมีความรักกับผู้ชายคนอื่น...คุณจะทำอย่างไร? -- ค่าคุ้มครองมาเฟีย -- กานต์ จะว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มก็ได้ ชายหนุ่มวัยขบเผาะก็ไม่ผิด เมื่อเขากลายเป็นค่าตอบแทนชดเชยการล้างแค้น อันแสนเร้าใจ ให้กับ คุณเชอร์รี่ พี่สาวที่มักจะปรากฎตัวในชุดรัดรูปอวดส่วนเว้าส่วนโค้ง ต่อหน้าเขา... เอือก!...เสียงลูกกระเดือกขยับเมื่อกานต์พยายามกลืนน้ำลายไม่ให้ไหลออกมา -- ผู้ชายแพร่พันธุ์ -- “หากภรรยาที่แต่งงานกันมาได้ 5 ปี บอกกับคุณว่า จะให้คุณทำกับผู้หญิงอื่น เพื่อมีลูกให้กับเธอ...คุณจะทำอย่างไร?
...ความรู้สึกที่เธอมีให้กับเขามันหยั่งรากแก้วไปถึงกระดูกทุกมวลในร่างกายเธอแล้ว ถ้าให้เธอถอนมันตอนนี้มันจะต่างอะไรกับการเลาะกระดูกกันเล่า! 🌼 🌼 🌼 ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายคนไหนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันมาก่อน มันไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้นแต่มันค่อยๆ เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงต่างหาก ความรู้สึกที่เธอมีให้กับเขามันหยั่งรากแก้วไปถึงกระดูกทุกมวลในร่างกายเธอแล้ว ถ้าให้เธอถอนมันตอนนี้มันจะต่างอะไรกับการเลาะกระดูกกันเล่า! ปิ้ง! นั่งอยู่แบบนี้นานแค่ไหนเธอแทบไม่รู้ตัวจนมีข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ ‘พี่จะออกไปข้างนอก อยากได้อะไรอยากกินอะไรส่งข้อความมานะ’ ลำธารมองประโยคที่ปรากฎบนหน้าจอด้วยใบหน้าซีดเผือก ‘...ส่งข้อความมานะ’ ไม่มีช่องโหว่ตรงไหนให้เธอได้มีความหวังเลยว่าเขาจะชวนเธอไปด้วย “พี่หัสพาลำธารไปด้วย” หญิงสาวพร่ำเพ้อเพียงลำพัง แม้ได้ไปแล้วจะต้องเจ็บปวดยามที่ต้องเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนนั้น แต่ถ้าเธอได้ไปด้วยช่วงกลับเวลาตรงนั้นก็จะเป็นของเธอกับเขาเพียงลำพังสักนิดก็ยังดี แต่เธอก็ได้แต่หลับตาและเอาความต้องการนี้ไปยังความฝัน
พันธะรักวิวาห์จำเป็น [Bond of Love - Wedding] #รุ่งอรุโณทัย เขาเรโนลต์ที่ต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่ไม่เคยเห็นหน้าแม้แต่ครั้งเดียวตามคำสั่งพ่อ ซึ่งทำให้เขาต้องเสียทั้งเงินและเสียสถานะโสด เพราะฉะนั้นเขาไม่มีทางที่จะต้องแต่งเมียคนนี้แล้วเอาขึ้นหิ้งบูชาเป็นแน่ พ่อจะจัดหนักให้อย่างไม่แทงกั๊กในทุกๆ ทั้งเรื่องXXXทั้งแสวงหาผลประโยชน์จากเมียที่ได้มาจากวิวาห์จำเป็นคนนี้เท่าทบทวีเงินที่เขาต้องลงทุนจ่ายไปไม่น้อยคืนมาจนครบพร้อมดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่าย... คำโปรย:: … เรโนลต์ เงียบ! เขาประธานผู้มากด้วยอำนาจ เพียบพร้อมไปด้วยรูปร่างหน้าตาที่สามารถขึ้นแท่นสามีแห่งชาติได้อย่างไร้ข้อกังขา ฐานะการเงินแม้ตอนนี้จะเหลือเพียงอสังหาริมทรัพย์กับรถสามคันและเงินเดือนแต่ก็ยังน่าสนใจอยู่ในหมู่สาวๆ และเหล่าไก่วัดที่เต็มใจให้สมภารอย่างเขากัดแทะเล่นเป็นครั้งคราว คนโสดทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดไม่ผิด แต่จากคำพูดล่าสุดของคุณพ่อไม่กี่คำ เขาที่เป็นฝ่ายกระดิกนิ้วเรียกสาวๆ กลายมาเป็นคนที่ถูกกระดิกนิ้วเรียกไปแล้วอย่างงั้นเหรอ “เธอเป็นหม่อมเจ้าหรือครับ...ผมหมายถึงว่าที่สะใภ้นะครับ” เขาขยายความเมื่อจู่ๆ เขาเงียบไปนานและเอ่ยขึ้นมาคุณพ่อจึงมุ่นคิ้วไม่เข้าใจในตอนแรก คุณอำพลส่ายหน้า “นางสาวธรรมดา” “เธอเป็นลูกนักการเมืองใหญ่หรือเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของผู้ทรงอิทธิพล” เรโนลต์ยังพยายามต่อ “คุณอำพลส่ายหน้า “กำพร้า” … เรโนลต์ เงียบ! “เป็นผู้มีพระคุณของคุณพ่อ” เรโนลต์ไม่ละความพยายาม “แกดูละครมากไปมั้ย” … เรโนลต์ เงียบ! ======================= SET : Bond Of Love พันธะรักโดยไม่ตั้ง [Bond Of Love - Accidence] พันธะรักวิวาห์จำเป็น [Bond Of Love - Wedding] พันธะรักราคีแค้น [Bond Of Love - Revenge]
“ถอยไปนะ!!!” “ไม่สู้แล้วเหรอ” น้ำใสกำปมผ้าขนหนูไว้แน่น ดวงตากลมจดจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาของเขาเขม็ง แม้ตัวเองจะเสียเปรียบแต่เธอไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ “จะเอายังไง” “นั่นสินะ! ไม่อยากเชื่อเลยว่าอย่างเราสองคนจะมาถึงจุดนี้ได้เหมือนกัน...ใครกันนะที่บอกรักกันได้ทุกเวลา...ไม่อายปากบ้างเหรอ” คำเย้ยหยันที่ถูกพ่นออกมามันไม่ได้แค่ทำร้ายจิตใจคนฟังเพียงฝ่ายเดียว ในทางตรงข้ามคนพูดน่าจะอาการสาหัสยิ่งกว่า “แล้วไง! คุณก็เหมือนของกินมีใครบ้างที่กินของเดิมซ้ำๆกันทุกวัน คำแรกมันก็ชื่นมื่นน่าลิ้มลองเป็นธรรมดา คำที่สองก็ยังน่าพิสมัย แต่คำต่อๆไปใครจะยังกลืนมันลงละในเมื่อรู้รสชาติแล้ว เมื่อถึงเวลาก็ต้องหารสชาติใหม่ๆมาลอง...ใช่มั้ย” แววตาของเอ็ดเวิร์ดเปลี่ยนไป สีหน้าและแววตาของน้ำใสมันช่างเข้าได้กับคำพูดของเธอเสียจริง นี่เขาเกิดหวั่นไหวใช่เหรอเปล่าว่าเธอคิดอย่างที่พูดจริงๆ ความเบื่อหน่ายอย่างงั้นเหรอ... “ได้!!! ในเมื่อเธอเบื่อรสชาติที่ฉันอุตส่าห์ปรุงแต่งมันเพื่อเธอคนเดียว งั้นลองรสชาติใหม่ก็...แล้ว...กัน!” อร้ายยยย!!! น้ำใสร้องดังลั่นเมื่อเอ็ดเวิร์ดกระชากผ้าขนหนูออกจากการปกป้องเรือนกายเปลือย ควับ!!! แรงเขากับแรงเธอมันเทียบกันไม่ได้หรอก ควับ!!! และอีกผืนที่หลุดล่วงไปคือของเขา สองร่างเปลือยเปล่าแนบชิดกัน เมื่อน้ำใสพยายามจะหนีให้พ้นจากรัศมีไอร้อนของร่างกายเขาที่พวยพุ่งออกมากระทบพื้นผิวเนียนของเธอ
“พามาที่นี่ทำไม” “กินมื้อเช้า” ณิชาเบิกตากว้างมองเขา นี่เขาไปรับเธอมากินมื้อเช้า ดวงตากลมมองนาฬิกาด้านหน้ารถ และหันกลับมามองเขา เขาอยู่ในชุดกึ่งสูท เป็นทางการมาก โอ้! นี่เขาอายุเท่าไหร่กัน ปกติเขาตื่นกี่โมงกัน เพราะตอนนี้พึ่งจะเจ็ดโมงเช้า “ปกติคุณตื่นกี่โมง” “ตีห้าเป็นประจำทุกวัน” “ทุกวันเลยเหรอ” ภีมะพยักหน้า “แล้วนอนกี่โมง” “ก็แล้วแต่...อยากรู้ไปทำไม” “สงสัยบ้างไม่ได้เหรอ...” พวกเขาแปลกหรือเปล่านะ พี่เหนือก็เป็นคนตื่นเช้าเช่นกัน “คุณออกกำลังตอนเช้าทุกวันเลยใช่มั้ยคะ” ภีมะพยักหน้าอีกครั้ง “คนในตระกูลเราไม่สอนให้ลูกหลานนอนตื่นสาย...แต่สะใภ้อย่างเธอฉันจะให้เวลาค่อยๆปรับตัว”
ฉันเป็น ขวัญชนก วงศ์ษา ตั้งแต่อายุ 1 วัน ถึง อายุ 18 ปี 1 วัน อายุ 18 ปี 2 วัน ฉันเป็น ขวัญชนก ฟง เขาคือ ดีแลน ฟง อายุอานามก็ 30 ปี ชายร่างสูงเมื่อสามปีก่อน ปัจจุบันเขาคือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย ขอย้ำว่าถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น คำโปรย : “ห้าแสน!” “เจ็ดแสน!” เสียงประมูลราคาจากคนด้านล่างเวทีดังแข่งกัน “หนึ่งล้าน” การประมูลยังคงดำเนินกันต่อไปเรื่อยๆ ขวัญชนก สาวน้อยวัยใสวัยย่างสิบเก้าสอดส่ายสายตามองไปยังกลุ่มคนด้านหน้า “หนึ่งล้านสองแสน” เอาสิ! ถ้าเขาไม่มา เธอก็...ขวัญชนกยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ กระตุ้นราคาประมูลจนสูงลิ่วถึงสองล้าน “สองล้านครั้งที่หนึ่ง...” ในมุมมืดชายร่างสูงยกยิ้มมุมปากอีกครั้ง เมื่อเห็นดวงตากลมโตแสดงความหวาดหวั่นในที่สุด “ห้าล้าน!” ก่อนที่ราคาสองล้านจะถูกเคาะครั้งที่สาม เสียงบอกราคาใหม่สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนในงาน แต่กลับสร้างรอยยิ้มให้หญิงสาวบนเวที เธอไม่เคยลืมเสียงของเขา “ชนะแล้ว” ขวัญคิดในใจ “ห้าล้านครั้งที่สาม...ขาย!”
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"