นางหาใช่คณิกา เพราะความเข้าใจผิดจึงเกิดสัมพันธ์สวาทคืนเดียว ก่อกำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขที่คุณชายเช่นเขาไม่เคยรู้ว่ามี ****** นางบังเอิญพบเขาบนถนนระหว่างพาเสี่ยวอวี๋ออกไปข้างนอก บังเอิญพบเขานั่งในร้านใกล้กับแผงขายขนมของนาง บังเอิญที่เขาอยากไปนั่งดูเด็กๆ เล่นกันที่ตลาด บังเอิญมีคนสั่งขนมแป้งทอดของนางตะกร้าใหญ่ และคนที่มารับก็คือเขา บังเอิญกับผีน่ะสิ! ‘ท่านลุงหลางใจดี’ ‘เสี่ยวอวี๋ชอบท่านลุงหลาง’ ‘ท่านลุงหลางบอกจะพาไปเที่ยว’ ‘ท่านลุงหลางบอกว่ารักเสี่ยวอวี๋’
“จิบยาสักหน่อยนะเจ้าคะ ข้าได้ยาเทียบใหม่มา ท่านหมอบอกจะ ช่วยอาการไอของท่านแม่ได้ดีกว่าเทียบเก่า”
เการื่อหงวางถ้วยยาเพิ่งต้มเสร็จหมาดๆ ข้างโต๊ะปักผ้าของมารดา จางฝูละมือจากผ้าที่กำลังปัก มองถ้วยยาที่ควันยังลอยกรุ่น
“สรรพคุณดีกว่าเดิม ก็ต้องราคาสูงกว่าเดิม จะสิ้นเปลืองทำไม” รายได้จากการปักผ้าหลักๆ ตอนนี้มาจากลูกสาววัยสิบหกของนาง
“กินยาดีก็หายป่วยเร็ว ไม่ต้องกินยาอีก ไม่ดีหรือเจ้าคะ พวกเรามีเงินจ่าย ท่านแม่อย่ากังวลเลยเจ้าค่ะ”
ถูกคะยั้นคะยอจางฝูก็ยกยาขึ้นจิบ “หวาน...”
“ข้าผสมน้ำผึ้งลงไปตามท่านหมอบอก”
“นี่ก็เปลืองอีกแล้ว”
“ท่านพ่อแบ่งซื้อมาจากคณิกาหอลิ่งไถ ได้ราคาพิเศษเจ้าคะ”
ท่านแม่ป่วยกระเสาะกระแสะไอเรื้อรังมานาน ถ้าปรับตัวยาที่ดีกว่าเดิมได้ นางกับท่านพ่อก็ยอมจ่าย นอกจากยากิน มียาจิบให้ชุมคอระหว่างวันก็นับเป็นเรื่องดี
“จะไปที่หอลิ่งไถรึ”
“ข้านัดจะเอาผ้าเช็ดหน้าไปส่งพี่หวั่นเหมย และจะเอาอีกหลายผืนไปขายให้พวกนางที่หอ เผื่อพวกนางเบื่อผืนเก่าอยากจะได้ลายใหม่ ถ้าขายหมดตะกร้าก็คงจะได้หลายตำลึงอยู่นะเจ้าคะ”
ผ้าปักฝีมือแม่ของนางนั้นฝีเข็มละเอียดยิบ การเล่นสีของเส้นไหมก็งดงามและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สามารถทำราคาได้ดี ตัวนางที่เป็นทายาทได้รับการฝึกฝนอย่างหนักจนแบ่งเบาและรับช่วงต่อจากท่านแม่เกือบเต็มตัวแล้ว นอกจากไปวางขายในตลาดทุกเจ็ดวัน กลุ่มลูกค้าสำคัญก็คือหญิงสาวในหอคณิกาลิ่งไถที่ซึ่งท่านพ่อทำงานเป็นหนึ่งในพ่อครัวที่นั่นมาร่วมสิบปี
“ได้หลายตำลึงเจ้าก็ควรรู้จักเก็บไว้วันหน้า อย่าเอามาเสียเปล่ากับหยูกยาแม่มากนัก”
“ก็ท่านแม่เป็นสิ่งล้ำค่าของข้ากับท่านพ่อที่อยากรักษาไว้นี่เจ้าคะ ไม่มีอะไรสูญเปล่า ลองถามท่านพ่อ ท่านแม่ก็จะได้คำตอบเหมือนข้านั่นแหละ”
จางฝูส่ายหน้า จิบยาอีกคำระงับอาการไอที่กำลังจะเกิด “พวกเจ้าสองพ่อลูกก็มักเป็นแบบนี้ ไปเถอะ ก่อนจะค่ำ เดี๋ยวหอลิ่งไถเปิดพวกนางก็คงจะวุ่นวายกับแขกไม่สนใจจะซื้อผ้าเช็ดหน้าของเราหรอก ระวังตัวให้ดี จะกลับบ้านก็อย่าลืมบอกพ่อของเจ้า”
“เจ้าค่ะ”
ลูกสาวนางกำลังอยู่ในวัยแรกสาว การเดินร่อนกลางหอคณิกาในเวลาเปิดรับแขกคงดูไม่งามและไม่ปลอดภัยเท่าไร ครั้นจะห้ามไม่ให้ไป ตัวนางก็ใช่จะไปได้ เดินนิดหน่อยก็เหนื่อยหอบแล้ว ดีว่าผู้เป็นบิดาทำงานที่นั่น การที่รื่อหงเข้าออกหอนางโลมจึงไม่น่าเกลียดนัก
หลังรับคำมารดาแล้ว เการื่อหงก็คว้าตะกร้าใส่ผ้าเช็ดหน้าหลายผืนออกจากบ้านมุ่งตรงไปยังหอคณิกาเลื่องชื่อ
เด็กสาววาดหวังในใจหลังจากขายผ้าเช็ดหน้าได้กำไรงาม จะปันส่วนหนึ่งซื้อเป็ดอบน้ำผึ้งราคาพิเศษจากหอลิ่งไถกลับมาฝากท่านแม่เป็นมื้อค่ำของพวกนางสองคน ส่วนท่านพ่อกว่าจะกลับบ้านก็กลางยามจื่อ ไว้นางค่อยซื้อหมูไว้ทำข้าวต้มตอนเช้าให้ทุกคนกินพร้อมหน้า
ชีวิตนี้ขอแค่ท่านแม่หายป่วยเร็ววัน ส่วนท่านพ่อสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บไข้ได้ทำงานพ่อครัวที่เขารัก นางก็มีความสุขมากแล้ว
ยามจื่อ คือ 23.00 – 24.59 น.
“ฉะ...ฉันไม่พร้อม” บอกว่าไม่พร้อม ผลลัพธ์คงจะดีกว่าคำว่า ‘ไม่ยอม’ ล่ะมัง “ไม่พร้อมก็ไม่พร้อม แต่คืนนี้พี่จะค้างกับออม” นอนด้วยกันน่ะนะ...หล่อนไม่คิดว่าเขาจะแค่นอนเฉยๆ แน่! “กลับห้องของคุณไปเถอะ ฉันขอร้อง” “ออมคิดจะทำอะไร” เขาคาดคั้นถาม สายตาที่ใช้มองเธอนั้นจ้องเขม็ง “คิดจะหนีไปจากพี่งั้นสิ นัดใครไว้ที่ไหนหรือมันจะมาหาออมที่นี่” “ฉันไม่ได้นัดใครทั้งนั้น ออกไปเลยนะออกไป” หล่อนทำท่าจะพุ่งเข้ามาผลักเขาอยู่รอมร่อ “ฉันๆๆ พี่รู้สึกไม่คุ้น ฟังไม่รื่นหู ไม่อยากจะอ้อนพี่แล้วสิ ก็ไหนแต่ก่อนชอบพูดนัก ออมอย่างนั้น ออมอย่างนี้” เขายวนหล่อนเล่นเมื่อเห็นหล่อนโกรธจนหน้าดำหน้าแดง “ไม่คุ้นก็เรื่องของคุณ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก” ศิดิตถ์ส่ายหน้า “ไม่ยุ่งไม่ได้ ผัวเมียกันจะไม่ให้ยุ่งกันก็คงแปลก”
เพราะสัมพันธ์สวาทจากแผนลวง เขาผู้ไร้ซึ่งความรัก จึงเกลียดชังในสิ่งที่เธอไม่ได้ก่อ ตราหน้าด่าทอดั่งหญิงแพศยาไร้ค่า เธอจำสั่งหัวใจให้ด้านชา เพียงฝืนทนอยู่ทดแทนคุณ
ถานเจ๋อบอกว่าฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเขาจะไปเฟิงโจว เฉวียนโจวและถายโจว “เฟิงโจว...” ชายหนุ่มพยักหน้า “ข้าจะไปดูเฉิงหยางปิงเสียหน่อย” สือจิ่วมือกำลังพับผ้า สายตามองอาจื้อที่นั่งเล่นกลองป๋องแป๋งอยู่บนตักอาเจ๋อ “ดูเฉยๆ นะ อย่าเข้าไปยุ่งกับเขา” “กลัวเขาจะทำอะไรข้างั้นรึ เขาไม่รู้จักข้านะ” “ไม่รู้แหละ ถ้าเขาไม่มายุ่งกับเราก่อน ก็ห่างๆ เขาไว้ ข้าไม่อยากให้เจ้าไปดึงดูดเขากลับมาวุ่นวายกับอาจื้ออีก อาจื้อเป็นลูกของข้า” “เป็นลูกข้าด้วย” ถานเจ๋อย้ำ สือจิ่วเห็นถึงความแน่วแน่ในดวงตาคู่นั้น “ตราบใดที่ข้ายังเป็นพระเอกในนิยายเรื่องนี้ ตัวร้ายจะทำอะไรข้าได้” “จัว...ย้าย” เสียงเล็กพูดขึ้นมา คนเป็นพ่อมันเขี้ยวจึงบีบแก้มเด้งของเด็กชายพร้อมทำเสียงดึ๋งๆ ไปด้วย มีเสียงฟึดฟัดของเจ้าอ้วนให้ได้ยิน มือเล็กฟาดกลองป๋องแป๋งใส่เข่าอาเจ๋อไปหนึ่งหน สือจิ่วค้อนพระเอกคนเก่งกับความขี้โอ่ของเขา “ก็ไหนเจ้าบอกว่าพระเอกชื่อจ้าวต่งหมิง” ถานเจ๋อวางอาจื้อบนเตียง มีเขานั่งกั้นไม่ให้ลูกตก ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นนับ “ตอนนี้จ้าวต่งหมิงคงอายุหกขวบเองมั้ง ถ้าเขาเป็นพระเอก เจ้าอ้วนก็ต้องเป็นตัวร้าย มิสู้ข้าแย่งตำแหน่งพระเอกมา ให้เฉิงหยางปิงเป็นตัวร้ายไปเลยยังดีกว่า ส่วนเจ้าก็เป็นนางเอก...ดีไหม”
เมื่อชีวิตและความสาวถูกตีราคาเพียงห้าแสนบาท เดือนอ้ายที่ถูกบังคับขายตัวจึงยอมตกเป็นทาสสวาท มอบความรักและหัวใจให้ผู้เป็นเจ้าของชีวิตเธอ โดยหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะตอบแทนเธอกลับ ด้วยความรักไม่ใช่เพียงความใคร่ แต่ถึงแม้เธอจะรักและทำทุกอย่างเพื่อเขามากแค่ไหน ในหัวใจของจักรพัฒน์ เดือนอ้ายก็เป็นได้เพียงนางบำเรอที่หน้าตาคล้ายคนรักเก่า สำหรับเขา เธอเป็นได้แค่เงาของแพรพราว ไม่ใช่วุ้นหรือเดือนอ้ายที่เขารัก
‘คนของอ้าย อ้ายหวง ไม่เป็นที่หนึ่ง ไม่เป็นที่สอง ถ้าพี่เครื้อรักจริง อ้ายต้องเป็นเมียคนเดียวเท่านั้น’ เน้นคำว่า ‘เมีย’ หนักหน่อย เพราะตำแหน่งนี้ไอ้อ้ายคู่ควร! ‘อ้ายดูแลตัวเอง สะอาดตั้งแต่หัวถึงเท้า วันไหนเที่ยวเล่นมอมแมมหน่อยพี่เครื้อก็ยกเว้นนะ’ ‘อืม’ ‘อ้ายรู้จักกาลเทศะ มีน้ำใจ อันนี้พี่เครื้อชมเองบ่อยๆ ยืดได้ใช่มะ’ ‘ได้’ ‘อ้ายซักล้างกวาดถูทำความสะอาดบ้านได้ งานช่างก็ทำคล่อง กับข้าวก็ทำเป็น ถ้ามีของสดในตู้เย็น ยังไงก็ต้องได้กับไว้กินข้าวสักจาน เนี่ย...ดีพร้อมทุกด้านแบบนี้ ถ้าพี่เครื้อปล่อยอ้ายหลุดมือ จะต้องมีคนบอกว่าพี่เครื้อน่ะ...โงว่วววว’ ‘ครับๆ...พี่จะไม่โงว่ววว น้องอ้ายต้องเป็นเมียพี่เครื้อคนเดียวเท่านั้น’
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"