“อย่าบอกใครเด็ดขาดนะคะว่าเค้าใส่กางเกงในสีชมพู” เด็กน้อยรีบเอ่ยขอตาปริบๆ “ได้ครับ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะครับ” “ข้อแลกเปลี่ยนอะไรเหรอคะ” เด็กหญิงแก้วกัลยาเอ่ยถาม “โตขึ้นต้องแต่งงานกับพี่นะครับ” “ทำไมต้องแต่งงานกับพี่ด้วยคะ” “เพราะพี่เป็นคู่หมั้นของน้องแก้วไงครับ” “คู่หมั้นคืออะไรเหรอคะ” เด็กน้อยถามอย่างไม่เข้าใจ “โตขึ้นก็จะรู้เองครับ” “ตอนนี้หนูก็โตแล้ว” เธอทำท่ายืดตัวให้สูงขึ้นแต่ยืดยังไงก็ไม่เท่าพี่ชายใจดีที่ช่วยเหลือเอาไว้ “ยังโตไม่พอ มาครับมาขี่หลังพี่” คเชนทร์นั่งยองๆ ลงตรงหน้า แก้วกัลยาปีนขึ้นไปบนหลังของเขาเพราะล้มเมื่อครู่ทำให้ปวดเข่าปวดแขนไปหมด คงปั่นจักรยานเองกลับไม่ไหว คเชนทร์หิ้วจักรยานคันเล็กๆ มาถือเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวก่อนจะแบกเด็กน้อยพาเดินกลับบ้าน “พี่ชื่ออะไรเหรอคะ” “คเชนทร์ครับ เรียกพี่ว่าเชนนะครับคนดี” +++พี่หมอ อุ๊ย!” เธอดึงเขาอีกรอบ เขาเสียหลักล้มลงมาทาบทับร่างบอบบางอย่างไม่ทันตั้งตัว สายฟ้าที่ฟาดลงมาทำให้เธอได้สบดวงตาอ่อนโยน ที่เต็มไปด้วยความปรารถนาคู่นั้นอย่างชัดเจน คเชนทร์แนบริมฝีปากลงไปหา ครั้งนี้เธอไม่ได้เบี่ยงหลบ แต่กลับสะท้านตอบรับการบดจูบของเขาด้วยริมฝีปากสั่นระริก “กลัวเหรอครับ” เขาเอ่ยถาม คเชนทร์ถอนใจหนักๆ สุดจะหักห้ามใจกับความปรารถนาที่คุกรุ่นรุนแรงอยู่ในห้วงอารมณ์ ณ ขณะนี้นัก เขาบดคลึงปากของเธออย่างเรียกร้อง ปรารถนาเธอเหลือเกินในค่ำคืนนี้ มือของเขาเริ่มสัมผัสลูบโลม แก้วกัลยาครางแผ่วๆ สายฝนห่าใหญ่ด้านนอกทำให้อุณหภูมิในห้องลดลงอย่างฮวบฮาบ เธอเบียดร่างกายเข้าหา ตัวสั่นระริกเมื่อเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอออกจากกาย ปลายลิ้นร้อนหนาของเขากวาดเลียไปทั่วเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอ “เราเป็นคู่หมั้นกันแบบนี้ เคยมีอะไรกันหรือเปล่าคะ” เธอเอ่ยถามออกไปอย่างอยากรู้ สติอันน้อยนิดกำลังบอกให้เธอร้องถามออกไป “ไม่เคยครับ แก้วไม่อยากเห็นหน้าพี่เสียด้วยซ้ำ” เขาตอบเสียงแหบพร่า เอาตามจริงไม่โกหกให้เธอยินยอมพร้อมใจ “แล้วอุ๊ย! พี่หมอคือว่าแก้ว” เธอดันปลายคางของเขาออกห่าง ในขณะที่เขากำลังซุกไซ้เข้ามาหา ปากร้อนจึงงับเลียฝ่ามือของเธอเล่น แก้วกัลยาสะท้านคืนนี้เธอต้องตกเป็นของเขาจริงๆ ใช่ไหม
ร่างเล็กบอบบางของเด็กหญิงตัวน้อยปั่นจักรยานหนีออกมาเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนาน บิดามารดาหวงและไม่อยากให้เธอซุกซนมากเนื่องด้วยเป็นผู้หญิง แต่พี่ชายคนเดียวบอกว่าเกิดเป็นหญิงหรือเป็นชายไม่สำคัญ สำคัญที่เราเป็นคนสามารถทำอะไรก็ได้
“โอ๊ย!” ร่างเล็กๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยล้มเพราะโดนเด็กผู้ชายปาหิน ก้อนเล็กๆ ใส่ เธอหลบและโดนดึงท้ายรถจักรยานเอาไว้จนหกล้มไม่เป็นท่า
“กางเกงเป้าขาดๆ” เด็กพวกนั้นมองร่างที่ล้มลงไปแล้วกางเกงเป้าขาดเห็นกางเกงในสีชมพูหวานแหวว “ใส่กางเกงในสีชมพูด้วย”
“อย่ามองนะ”
“จะมอง กางเกงในสีชมพู” เด็กผู้ชายพวกนั้นยังล้อเลียนอย่างสนุกสนาน
“เขาจะฟ้องพี่กริช” เพราะโดนรุมแกล้งจากหลายคน เด็กชายทั้งสามกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างๆ แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ทำให้เด็กหญิงหน้างอ เบะปากทำท่าจะร้องไห้เพราะเจ็บเข่า
แก้วกัลยาทำท่าจะปล่อยโฮออกมาก็ต้องหยุดกึกเมื่อได้ยินเด็กชาย ทั้งสามร้องขึ้น
เด็กหนุ่มวัยที่โตกว่าดีดหน้าผากเด็กทั้งสามก่อนจะอบรมสั่งสอนว่า ไม่ควรแกล้งผู้หญิง เด็กทั้งสามวิ่งหนีหายไปแทบจะทันที
“มาครับ” คเชนทร์ถอดเสื้อคลุมรัดเอวให้เด็กน้อยเพื่อปกปิดที่กางเกง เป้าขาดจนเห็นกางเกงใน
“อย่าบอกใครเด็ดขาดนะคะว่าเขาใส่กางเกงในสีชมพู” เด็กน้อยรีบเอ่ยขอร้องตาปริบๆ
“ได้ครับ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะครับ”
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรเหรอคะ” เด็กหญิงแก้วกัลยาเอ่ยถาม
“โตขึ้นต้องแต่งงานกับพี่นะครับ”
“ทำไมต้องแต่งงานกับพี่ด้วยคะ”
“เพราะพี่เป็นคู่หมั้นของน้องแก้วไงครับ”
“คู่หมั้นคืออะไรเหรอคะ” เด็กน้อยถามอย่างไม่เข้าใจ
“โตขึ้นก็จะรู้เองครับ”
“ตอนนี้หนูก็โตแล้ว” เธอทำท่ายืดตัวให้สูงขึ้น แต่ยืดยังไงก็ไม่เท่าพี่ชายใจดีที่ช่วยเหลือเอาไว้ และยืนอยู่ด้านหน้า
“ยังโตไม่พอ มาครับ มาขี่หลังพี่” คเชนทร์นั่งยองๆ ลงตรงหน้า แก้วกัลยาปีนขึ้นไปบนหลังของเขาเพราะล้มเมื่อครู่ทำให้ปวดเข่าปวดแขนไปหมด คงปั่นจักรยานกลับเองไม่ไหว คเชนทร์หิ้วจักรยานคันเล็กๆ มาถือเอาไว้ด้วยมือ ข้างเดียวก่อนจะแบกเด็กน้อยพาเดินกลับบ้าน
“พี่ชื่ออะไรเหรอคะ”
“คเชนทร์ครับ เรียกพี่ว่าเชนนะครับคนดี” เสียงมอเตอร์ไซค์ของพี่ชาย วิ่งมาจอดอยู่ข้างๆ แก้วกัลยาโผไปกอดพี่ชายเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ คเชนทร์ปล่อยร่างน้อยให้พี่ชายของเธออย่างนุ่มนวลเด็กหญิงตัวน้อยรีบฟ้องพี่ชายทันทีว่าโดนแกล้ง
“เดี๋ยวพี่จะจัดการจับมาดีดไข่ให้หมด ไอ้พวกเด็กนรกนี่”
“ดีดไข่คืออะไรเหรอคะ” เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างสงสัย กะพริบตาปริบๆ คเชนทร์มองคู่หมั้นตัวน้อยของตัวเองแล้วแทบหลุดขำ
“เอ่อ...” กริชกรอกตาไปมา จะอธิบายยังไงดีหนา เขาหันไปขอความช่วยเหลือจากคเชนทร์ คเชนทร์เป็นลูกชายของเพื่อนรักบิดามารดา พวกท่าน มาเยี่ยมเยียนครอบครัวของเขา และเขาก็ยังรู้ด้วยว่าพวกท่านหมั้นหมาย แก้วกัลยาน้องสาวของเขาเอาไว้กับคเชนทร์
“โตขึ้นจะรู้เองแหละครับ” คเชนทร์เป็นคนตอบ
“หนูยังโตไม่พอเหรอ” ประโยคนี้อีกแล้ว เด็กหญิงตัวน้อยทำปากยื่น
“ยังเด็กอยู่ครับ ฟันแท้ยังไม่ขึ้น มีแค่ฟันน้ำนมแถมยังหลอด้วย”
“มาว่าหนูฟันหลอได้ยังไงกัน” เธอแยกเขี้ยวใส่ คเชนทร์ไม่กลัว แต่ยิ้มเอ็นดูส่งมาให้
“เราชอบกินลูกอมแล้วไม่แปรงฟัน ฟันเลยหลอ ถ้าขี้เกียจแปรงฟันอีก โตขึ้นไม่สวย พี่ไม่รู้ด้วยนะ” กริชหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดูน้องสาว ขณะจูงมอเตอร์ไซค์และให้น้องสาวนั่งอยู่บนเบาะ เพื่อเดินกลับบ้าน
“ต่อไปจะแปรงฟันทั้งเช้าและเย็นเหมือนที่คุณแม่บอกก็ได้ค่ะ” เด็กน้อยรีบบอก สองหนุ่มน้อยหัวเราะประสานเสียงกันในทันที
“ตายแล้วยายแก้ว แอบหนีออกไปปั่นจักรยานจนหกล้มเลยเห็นไหม”
เสียงของมารดาทำให้แก้วกัลยาหนีไปแอบอยู่ด้านหลังพี่ชาย
“คนที่แม่จะจัดการก่อนใครคือกริช ชอบตามใจน้อง สอนน้องให้เป็นลิงทโมน น้องไม่ใช่ผู้ชายนะกริช”
“น้องอยากออกไปปั่นจักรยานเล่นบ้างครับ”
“ให้โตกว่านี้หน่อย ออกไปคนเดียวได้ยังไง อันตรายมากเลยนะ เกิดโดนคนไม่ดีจับตัวไปจะทำยังไง”
“ถ้าคุณแม่จะตีน้อง ตีผมแทนก็ได้ครับ” กริชเหลือบไปมองคนที่ยืน เกาะขาอยู่ทางด้านหลังก็นึกสงสาร คงกลัวโดนตี แต่เวลาซนไม่ยักนึกกลัว
“แม่ตีเราแน่ วันหลังจะได้ดูน้องให้ดีๆ” กริชโดนตีจริงๆ โทษฐานที่ไม่ดูแลน้องให้ดี
หลังจากแก้วกัลยาเห็นพี่ชายคนเดียวโดนตีก็ไม่ค่อยกล้าหนีเที่ยวคนเดียวอีก นอกจากจะแอบหนีไปกับพี่ชาย ทำให้มารดาหัวหมุนไม่น้อย เพราะอยากอบรมสั่งสอนให้ลูกเป็นผู้หญิงเรียบร้อย ไม่ใช่เป็นลิงทโมน กลัวโตขึ้นจะกลายเป็นทอมบอยแทนเป็นผู้หญิงนี่สิ
“สัญญาแล้วนะว่าจะแต่งงานกับพี่” คเชนทร์นั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าคู่หมั้นตัวน้อยก่อนจะดึงนิ้วก้อยเล็กๆ มาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของตัวเอง ตีเนียนว่าอีกฝ่ายยินยอมพร้อมใจไปกับตน
“พี่เชนจะกลับแล้วเหรอคะ” เด็กน้อยไม่ได้รับปากแต่เอ่ยถามแทน
“ครับ พี่ต้องกลับแล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ต้องเดินทางไกล อีกนานกว่าจะได้เจอกัน ต้องคิดถึงพี่ด้วยนะ”
“หนูจะคิดถึงพี่เชนค่ะ” เด็กน้อยยิ้มยิงฟันส่งไปให้ ก่อนจะยืนส่งพี่ชาย ใจดีที่หน้าบ้านขึ้นรถ เพราะอีกฝ่ายต้องเดินทางกลับวันนี้หลังจากมาเยี่ยมเยียนและพักค้างอ้างแรมอยู่ที่บ้านบิดามารดาของเธอหลายวัน
“ยายตัวเล็กนี่โตขึ้นหัวกระไดบ้านต้องไม่แห้งแน่ๆ เลยครับคุณแม่” กริชโยกศีรษะน้องสาวก่อนจะพูดขำๆ
“คงจะมีเด็กผู้ชายตามมาแกล้งกลับน่ะสิไม่ว่า” คุณนาราค้อนให้ลูกชายตัวดี แก้วกัลยาเรียบร้อยเสียที่ไหน ได้ทีก็แกล้งกลับอย่างเจ็บแสบเหมือนกัน ไม่เคยยอมใครเลยจริงๆ
“ถ้าใครแกล้งน้องผมจะจัดการเอง ไม่ก็สอนมวยไทยให้น้องเสียเลย”
“อกอีแป้นจะแตก ดูสิคะคุณ” นาราหันไปหาสามี
“ก็ดีนะคุณ ใครมารังแกจะได้เอาตัวรอดได้ไง”
“โอ๊ย! ทั้งพ่อทั้งลูก ไม่พูดด้วยแล้ว ยายแก้วตามแม่มาเลย แม่จะสอนเรื่องความเป็นกุลสตรีให้ อย่าไปสนใจพ่อกับพี่เรามาก จะสอนเราให้เป็นนักมวยปล้ำหญิงเฉยเลย” ถามว่าแก้วกัลยาตั้งใจทำตามที่มารดาพูดไหมก็แอบตั้งใจเวลาอยู่ต่อหน้า พอลับหลังก็ยังแอบไปเล่นเกมกับพี่ชายอย่างเมามัน ไปยิงนกตกปลา เล่นอะไรแสบๆ เหมือนเด็กผู้ชาย นั่นทำให้แก้วกัลยาสนิทกับพี่ชายคนเดียวเป็นอันมาก และกริชก็รักน้องสาวคนเดียวมากเป็นที่สุด
หลังจากนั้นเรื่องราวของคเชนทร์ก็หายไปกับสายลม แก้วกัลยาเจริญวัยขึ้นมีความสุขกับการเป็นเด็กน้อยที่ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ได้กินทุกอย่างที่ อยากกิน ได้เล่นทุกอย่างที่อยากเล่น ยิ่งเมื่อบิดามารดาเสียชีวิต กริชก็ยิ่ง เป็นห่วงน้องสาวอย่างที่สุด เขาจึงทำทุกอย่างให้น้องน้อยมีความสุขมากที่สุดเท่าที่พี่คนหนึ่งจะทำได้ เพื่อทดแทนการที่น้องสาวคนเดียวสูญเสียบิดามารดาไปอย่างกะทันหัน เขาต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการดูแลครอบครัวและมรดกที่บิดามารดาทิ้งเอาไว้ให้ก่อนตาย
แก้วกัลยาสอบไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ได้ เขาจึงตามไปส่งถึงที่โน่น หาหอพักดีๆ ให้และนั่นก็ทำให้เขาได้เจอกับเพื่อนรักของน้องสาว เพื่อนที่ดีคนหนึ่งที่คอยช่วยเหลือกัน
ในโลกนี้นอกจากบิดามารดาผู้ให้กำเนิด หรือญาติพี่น้องที่ดีๆ แล้วการมีเพื่อนที่ดีมีมิตรที่ดีถือว่าเป็นของขวัญล้ำค่าของชีวิต เพราะการมีครอบครัวที่ดี ที่อบอุ่นทำให้เราเป็นคนที่ดีพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ มีมิตรที่ดีก็จะนำพาเราไปสู่สิ่งดีๆ หรือชักนำให้ทำแต่สิ่งดีๆ กริชชื่นชมในการรู้จักคบเพื่อนของ แก้วกัลยา และยังจดจำคำขอของบิดามารดาก่อนตายได้ดีไม่ลืมเลือน
พวกท่านเคยพูดว่าหากต้องตายจากไปก่อนก็อยากให้ดูแลน้องให้ดี เรียนหนังสือจนจบ ได้ทำงานที่รักและแต่งงานกับคนดีๆ ที่ท่านเคยหมั้นหมายเอาไว้ แต่ถ้าคนที่หมั้นหมายเอาไว้ไม่ดีจริง ก็แล้วแต่ว่าจะตัดสินใจเช่นไร แต่ถ้าคเชนทร์เป็นคนดีจริงๆ ก็จงทำคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับนพรัตน์และรัศมี คุณหมอใจดีที่เคยช่วยชีวิตมารดาของเขาเอาไว้ และแก้วกัลยาก็รับรู้เรื่องนี้ เป็นอย่างดี แต่เธอไม่ได้ยินดียินร้ายและเฉยเมยเมื่อเขาเอ่ยถึงคเชนทร์ เขาจึงเลิกพูดกับน้องสาวเรื่องนี้ ปล่อยให้เธอเรียนให้จบก่อน แล้วคิดจะทำอย่างไรค่อยว่ากันอีกที
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น เพราะผู้ใหญ่ เธอถูกสามีรังเกียจ ก็ให้มันรู้ไปว่าเขาจะเกลียดเธอไปได้สักกี่น้ำ เธอจะแกล้งเขาให้หนำใจ ทำหน้าที่เมียให้สาสมกับที่เขาเกลียด!
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
‘ลู่ซิงเหยียน’ ไม่คิดเลยว่าการอาสาช่วยโจรผู้หนึ่งหลบหนีออกจากจวนเจ้าเมืองเพื่อแลกกับชีวิตของตนเองนั้น จะทำให้โชคชะตาของนางผูกติดกับ ‘เขา’อย่างไม่มีวันแยกจาก ********************* ลู่ซิงเหยียนทำงานอยู่ภายในจวนเจ้าเมืองหลิวลี่ซือในฐานะสาวใช้ เพื่อสืบหาคนร้ายที่ทำให้ตระกูลลู่ของนางถูกประหารทั้งตระกูล ทว่าวันหนึ่งมีชายชุดดำบุกเข้ามาขโมยของในจวนเจ้าเมือง เพื่อแลกกับชีวิตของตนเอง ลู่ซิงเหยียนจึงอาสาช่วยเหลือโจรผู้นี้หลบหนี นางเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเขา นอกจากจะไม่ได้รับคำขอบคุณ เขากลับตามตอแย วนเวียนอยู่รอบกายนางเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่ไม่รู้เป็นเพราะซาบซึ้งใจหรือชิงชังที่นางบังคับให้เขาหลบซ่อนอยู่ในถังอาจมกันแน่!!! ************************** “หมายความว่าอย่างไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ดวงตาเขียวปัด ฟังจากโทนเสียงคล้ายกับเป็นเสียงคำรามในลำคอเสียมากกว่า ส่วนเจ้าของคำถามบัดนี้จับจ้องสตรีตรงหน้าด้วยความโกรธจัดจนแทบอยากจะกระโจนเข้ามาบีบคอ “ปัดโธ่ ท่านมีทางเลือกมากนักหรือ นี่เป็นวิธีเดียวที่ข้าคิดได้แล้ว หากอยากหนีออกไปโดยไม่ถูกจับได้ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น” แม้ปากจะกล่าวไปเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับหดเล็กยิ่งกว่าฝ่ามือ ลู่ซิงเหยียนเหลือบมองร่างสูงสลับกับถังไม้ขนาดใหญ่บนรถเข็นที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็น ยามนี้เมื่อเปิดฝาที่ปิดอยู่ออกก็ยิ่งส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนจนรู้สึกคลื่นเหียนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด นางเห็นร่างสูงยืนแข็งค้างอยู่ในเงามืดหลังพุ่มไม้หนาทึบ มือข้างที่จับมีดกำแน่นขึ้นกว่าเดิมจนน่าหวาดหวั่น ท่าทางโกรธจัดของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต คาดว่าภายในใจตอนนี้คงอยากปาดคอนางแล้วจับหมกลงไปในถังอาจมเป็นแน่ "ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ************************************** สวัสดีค่ะ ไรท์กลับมาแล้ววววว เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องยาวนะคะ แนวโรแมนติกดราม่านิดๆ + เกมการเมืองหน่อยๆ ไม่ทะลุมิติ ไม่ย้อนเวลาค่ะ ไม่อิงประวัติศาสตร์และยุคสมัยใดๆ นะคะ ตัวละครและสถานที่เกิดขึ้นจากจินตนาการทั้งหมดของไรท์ค่ะ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
เนี่ยหลิง ตายแบบ งงๆ และได้ไปเกิดใหม่แบบ งงๆ ในโลกลมปราณของผู้ฝึกตนและพร อีก สอง ข้อ พร้อมธนู และลูกธนูหนึ่งชุด แหวนมิติเก็บของหนึ่งวง อย่าถามหา เหตุผล ว่าทำไม เนี่ยหลิงก็ไม่รู้เช่นกัน หวังว่า มันจะดี