“กอดทำไม คิดว่ามัวแต่ทำอาหารเพลินจนลืมอกที่ซบทุกคืนซะแล้ว” “จอมแค่ว่างค่ะ ลองทำดูไว้ให้คุณทาน ลูกน้องคุณพูดว่าอร่อย จอมก็ดีใจ” “ลิ้นพวกมันกับลิ้นฉันจะเหมือนกันได้ยังไง” อาชารั้งร่างหอมเข้ามาแนบอก จ้องนัยน์ตาที่ตื่นตกใจอย่างมีเลศนัย สาวน้อยคนนี้ทำให้เขานั่งเก้าอี้ที่ทำงานไม่ติด ต้องรีบแจ้นมาหาเธอ ดูสิยังมาทำตาโตเขาพูดแบบนี้ น่าฟัดเสียจริง “พูดจนจอมหัวใจเต้นแรงเลยค่ะ คุณอ่ะชอบแกล้ง” “ชอบหรือเปล่าล่ะ” อาชากระซิบเสียงพร่าใกล้ใบหูเล็ก “ถ้าชอบฉันจะเริ่มแกล้งเลยนะ ตอนนี้เลย” ว่าแล้วมือแข็งแรงก็ไล้ปากอิ่มตึง ถอดแว่นสายตาของสาวน้อยออกไป ใบหน้าสาวน้อยแดงก่ำ อาชาก้มหน้าช้าๆ บดจูบริมฝีปากสีสวย
ชายหาดส่วนตัวเม็ดทรายละเอียดขาวเป็นทางโค้งยาวสุดสายตา แสงจันทร์ฉายสีเหลืองทอแสงอาบไล้เม็ดทรายเคียงข้างท้องทะเลมืดดำวิบวับกระเพื่อมสาดซัดเพราะแรงคลื่นลมหน้าบ้านพักตากอากาศสีขาวหลังใหญ่ทรงโมเดิร์นรั้วรอบขอบชิดร่างของหนุ่มสาวสามสิบกว่าชีวิตกำลังปาร์ตี้กันสนุกสุดเหวี่ยง
ห่างชายหาดไม่ไกลในน่านน้ำผืนกว้างมีเรือยอร์ทลำหรูจอดอยู่ของ อาชา เดชาอัศว เดอลาโพล กำลังใช้กล้องส่องทางไกลมองดูบริเวณงานวันเกิดเพื่อนรัก เมฆา ปาณะวงศ์อยู่เงียบๆ
ใบหน้าหล่อเหลาแบบหนุ่มละตินของอาชาปกคลุมไปด้วยหนวดเขียวครึ้ม เขากำลังแย้มมุมปากเพราะกำลังจะได้เจอคนสำคัญถึงสองคน
“เรือเล็กพร้อมแล้วครับนายหัว”
มาวิน คนสนิทในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงยีนต์สีดำเข้ามารายงาน ว่าแล้วเดินไปรอเจ้านายลงเรือ นายหัวหนุ่มทอดน่องแข็งแรงในชุดสบายๆ เสื้อยืดสีขาว กางเกงผ้าลินินเดินตามมาวิน
“ไวท์ที่เตรียมมา พร้อมนะ” ก่อนลงเรืออาชาไม่ลืมซักถามถึงของฝากนักดื่มไวท์หวังว่าเพื่อนจะพอใจมากกว่าของขวัญชิ้นไหน
“ครับ” มาวินให้คำตอบ
แน่ใจว่าไม่ต้องลงเรือมาเอาของอีก หนึ่งเจ้านายหนึ่งคนสนิทเดินลงเรือไปยังบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
อาชา เดชาอัศว เดอลาโพล อายุยี่สิบเก้าปีทายาทโรงแรมห้าดาว และบริษัททัวร์ทั่วฟ้าเมืองไทย ใบหน้าหล่อเข้ม นัยน์ตาสีฟ้าเข้ม คิ้วสีน้ำตาล เส้นผมตรงสีดำ
ครู่ต่อมาเขาก้าวเดินขึ้นจากเรือลำเล็กซึ่งมาส่งที่ชายฝั่ง ร่างสูงก้าวเดินนำหน้ามาวิน
“ผมไปทางด้านหน้าเลยนะครับ”
มาวินบอกกล่าวเจ้านาย ว่าแล้วพยักหน้าการ์ดข้างตัวให้ถือของเดินตาม
“ไม่ต้องเป็นห่วงไปเถอะฉันจะเดินไปด้านหลังเอง”
อาชาตกลง ก้าวเดินห่างจากคนสนิท ทั้งสองรู้จักทุกซอกทุกมุมของบ้านพักสีขาวหลังใหญ่แห่งนี้ดี เคยมาหาเมฆา สังสรรค์กันตอนเพื่อนรักพาคู่นอนมาพักผ่อนหลบหนีความวุ่นวายของเมืองหลวง อาชาเดินไร้เสียงจวบจนถึงโขดหินใกล้บริเวณบ้านแต่ยังไกลจุดที่มีปาร์ตี้ ปรากฏว่ามีเงาวูบวาบกระทบแสงจันทร์ ร่างสูงหยุดเดินหยิบปืนพกที่เอวกระชับมั่นในมือ
การเป็นนักธุรกิจแนวหน้า อยู่กับการขันแข่งหลายรูปแบบ ความป่าเถื่อนก็พบเจอบ่อยครั้ง ทำให้อาชาไม่เคยไว้ใจใคร ระมัดระวังตัวเสมอ ชายหนุ่มก้าวเดินรวดเร็วเข้าหาโขดหินที่ใกล้ตัวที่สุดเป็นที่กำบังกาย
เมฆาไล่ตามจัสมินมาจากบ้านพัก ต้องการงอนง้อสาวสวยที่ทำเรื่องไม่น่าอภัยเมื่อคืนที่ผ่านมาแต่จัสมินไม่ต้องการพูดคุย หยิกข่วนไม่ยั้งมือ เมฆารู้สึกเบื่อหน่ายนิดหน่อยที่สาวสวยช่างเล่นตัวดึงร่างหอมกรุ่นเข้ามาปล้ำจูบ จัสมินต่อต้านในตอนแรก เมื่อลิ้นร้อนของเมฆาชอนไชควานเข้าในโพรงปาก มือร้อนเข้าจู่โจมเนินอกอวบอิ่มหญิงสาวก็ไร้แรงต้านทาน ปล่อยให้เมฆาล้วงมือเข้าภายใต้ชุดยาวบีบเคล้นเต้าอวบอิ่มเพราะตนเองก้พอใจอยู่ลึกๆ เมฆาพอใจท่าทีอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ เร่งมือหนักหน่วงตามใจปรารถนา
“นุ่มมือดีจังดอกมะลิของพี่” เมฆาปากหวาน
“อื้อ…อ้า” จัสมินครางประท้วงเมฆาไล้มือลงหน้าท้องแบนราบไร้ไขมัน รู้สึกกลัวว่าชายหนุ่มจะไม่ยอมหยุดแค่จูบ หญิงสาวจึงหยุดมือปลาหมึกด้วยมือข้างหนึ่ง
“ไม่นะ…อย่า”
“พี่ต้องการเธอนะ ให้พี่เถอะ” เมฆาได้ทีอ้อนด้วยน้ำเสียงหวานหยดแต่สาวสวยยังคงส่ายหน้า เมฆากลืนกลั้นความต้องการปลดปล่อยกับหญิงสาวเอาไว้ คิดว่าคุยกับสาวสวยแบบจริงจังซะทีก็ดี ไม่อยากให้มีเรื่องค้างคาในใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้พี่จะเก็บความต้องการเอาไว้ แต่ขอคุยแค่นาทีเดียวพี่ขอให้เธอฟังพี่จัสมิน ได้โปรดเถอะนะ”
“ก็ได้จะได้จบๆ แค่นาทีเดียวเท่านั้น… จัสมินเกลียดพี่ไม่อยากคุยด้วย” จัสมินเอ่ยตรงข้ามหัวใจ
คำว่าโกรธยังพอขืนแต่เกลียดเมฆาไม่เคยได้รับจากใคร อยากจะเปลี่ยนใจปลุกปล้ำหญิงสาวตรงผืนทรายใต้จันทร์ให้รู้แล้วรู้รอด จะทำให้ครวญครางยิ่งกว่าเมื่อคืนซะอีก
“ว่าไงคะ จะพูดหรือไม่พูด ผ่านไปครึ่งนาทีแล้ว” จัสมินซักถามเมื่อเมฆาเงียบไป
“พี่มีความสุขมากเมื่อคืนไม่ขอให้จัสมินให้อภัยพี่หรอก…”
“หยุดนะ ถ้าพูดเรื่องนี้จะไม่ทนฟัง” จัสมินทุบตีไม่ยั้งมือใบหน้าสาวสวยฉายแววเจ็บปวดสับสนไม่อยากให้เรื่องราวของตนเองกับเมฆามีการสานต่อ เดินหนีร่างสูงอีกครั้ง
“จัสมิน ไหนว่าจะรับฟังไงครับ” เมฆาสวมกอดร่างระหงทางด้านหลังซุกซบบนกลุ่มผมหอมกรุ่นสีดำ ความนุ่มนิ่มของร่างที่ได้เชยชิดมาแล้วชักทำให้ความอดทนของเขาขาดผึง
จัสมินอบอุ่นวาบหวาม แต่หญิงสาวก็ยืนขาแข็งไม่อาจหันไปโอบกอดคนด้านหลังได้ เพราะเรื่องกะทันหันที่เกิดขึ้นมันจู่โจมรวดเร็วเกินจะตัดสินใจอะไรได้ ที่สำคัญเธอมีพันธะสัญญากับครอบครัวเรื่องคู่ครองไปแล้ว
เขาคนนั้นผู้เดียวที่เธอต้องแต่งด้วย อาชา เดชาอัศว เดอลาโพล
เมฆาทนกลิ่นหอมเย้ายวนของร่างอ้อนแอ้น แทบปลิวเพราะแรงลมพัดไม่ได้ ยิ่งเมื่อเธอทำท่ารังเกียจตนอีก เมฆาจึงกอดกระชับร่างสวยแน่นกว่าเดิม สอดมือล้วงไล้เข้าอกอวบ
เอาก็เอาวะ คืนนี้โดนตบ โดนด่าก็จะฝากฝักรสรักเข้าสู่กลีบนวลคับแน่นให้ได้อีกครั้ง เรื่องขอโทษ เอาไว้ที่หลังก็แล้วกัน
“อื้อ…ปล่อย…” จัสมินตกใจดิ้นรนหนี
คำพูดขอร้อง วิชามารที่ใช้มานักต่อนัก ไม่มีวันทำให้จัสมินใจอ่อน ดูท่าเธอจะอ่อนปวกเปียกเพียงโดนลิ้นเปียกสากของเขาลากไล้ทั่วเรือนกายเหมือนเมื่อคืนเท่านั้น…
อทิตยาคือหญิงสาวที่นายพลภัทรอุปการะไว้ตั้งแต่อายุสิบขวบ เธอรัก เคารพนายพลเหมือนพ่อแต่กลัวคุณหญิง ภรรยานายพลมาก ดังนั้นเมื่อโตเป็นสาวเธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้นายพลอีก จนกระทั่งภัทรกร ลูกชายคนโตของนายพลเข้ามาแทรกซึมให้หัวใจที่ว้าเหว่อบอุ่นขึ้น เธอหลงรักเขาอย่างห้ามใจไม่ได้ เธอยอมเป็นคนในความลับ เพื่อรอวันที่จะได้ทะเบียนสมรสจากเขา แต่แล้ววันหนึ่งคนรักเขากลับมา เขาไม่รีรอที่จะมอบเงินให้เธอ ตัดสัมพันธ์ที่เธอหวงแหนลง แล้วเธอจะพูดอะไรได้ นอกจากทำตามที่เขาต้องการ ทว่าเมื่อรู้ว่าตั้งท้องเธอก็เปลี่ยนใจ อยากให้ภัทรกรรู้เรื่องลูก แต่เขากลับคิดว่าเธอโกหกเพราะคิดจะจับเขา หญิงสาวเสียใจมาก เธอยอมไปจากบ้านดลจิตรตามที่คุณหญิงสั่ง เพราะที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้ นายพลเธอก็ไม่อยากให้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอ
กัญญายอมมาเป็นผู้หญิงของรอน กวี อลอนโซแทนน้องเพื่อใช้หนี้ให้พ่อ แม้เธอจะต้องทิ้งรักแรกแต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีได้ ทว่าวันหนึ่งกลับเจอว่าน้องสาวและคนรักเก่ากำลังคบหาจะแต่งงานกัน เธอได้รับรู้ที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจถึงความเสียสละของเธอแม้แต่น้อย กัญญารู้สึกโดดเดี่ยว เสียใจเป็นที่สุด และในเวลานั้นรอนก็กำลังจะแต่งงาน ยุติความสัมพันธ์กับเธอ ซ้ำจะยกเธอให้ลูกน้องเขา เธอไม่มีค่ากับใครเลยหรือ?
เขาทิ้งเธอไว้ไปในวันฝนพร่ำเพื่อไปหาคนรักที่รอคอยมาเนิ่นนาน ความฝันที่จะได้เคียงคู่พลันมลายลง เธอเป็นแค่คนผ่านทาง เธอจะไม่ร้องไห้ แต่ทำไม น้ำตาไหลไม่หยุดแบบนี้เล่า ------------------------ เพราะยินยอมพร้อมใจเป็นเด็กเลี้ยงของหมอดลทัช เมื่อเขาจะจากไป โดยที่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ชลรัมภาจำต้องยอมรับความทุกข์ ความปวดร้าวให้ได้ ทว่าเมื่อต้องเจอหน้าเขาอยู่ร่ำไป เพราะเธอคือเพื่อนรักน้องสาวเขา เธอจะทำตัวเช่นไรดี ให้เขาไม่สมเพช ไม่เห็นน้ำตาที่ไม่มีค่าของเธอ
เพราะอนาคตของน้องสาว เพราะแม่ พลอยหวาน สาวสมองขี้เลื่อยจึงต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ คีตะคราม เขาหล่อ แต่เขาร้าย แต่ไม่ปราณีเธอ แม้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ วันที่หลานชายเขาฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เธอรู้ว่าตนเองท้อง ทว่าพ่อของลูก คนใจร้ายคนนั้นไม่ยอมรับฟัง เขายังต้องการให้เธอไปให้ไกลตาหลานชายของเขา แต่กลับไปบ้าน สักวันคนบ้านนั้นอาจจะรู้เรื่องน้องสาว ที่ไม่เคยเหลียวแลพี่สาวอย่างเธอ ดังนั้นเธอต้องไปหางาน หาเงินเอาข้างหน้า คลอดลูกเมื่อไหร่ จะเอามาให้พ่อเขาก็แล้วกัน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก? เธอน้ำตาไหล เธอหวังลูกจะตอบกลับเป็นประโยคเดียวกับคำถามของเธอ
เรื่องราวของอัญชลียาผู้ซึ่งยึดมั่นในความผูกพัน จนกลายเป็นความรัก แม้รู้ว่าคุณอคินของเรามีให้แค่เงินและสัมพันธ์ทางกายเธอก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากเขา จนกระทั่งวันที่ต้องลาจากมาถึง เพราะคนรักที่เขาสัญญาจะแต่งงานด้วยกลับมาจากเมืองนอก ความผูกพันของเธอก็ดูไร้ค่าจนน่าสมเพชตนเอง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายทำให้ความรักกลายเป็นความแค้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันในเล่มนะคะ ------ “ฉันไปนะอันอัน อย่าลืมฝากคีย์การ์ดไว้ที่เคาน์เตอร์นะ” “อะไรกันแค่คีย์การ์ด ฉันจะเอาไปทำไม” อันอัน เช็ดหน้าเดินไปหาเสื้อผ้า ดึงของใช้ตนเองออกมา” “เธอจะโมโหทำไม เอ๊ะ! หรือว่าคิดไม่ทำตามสัญญา อย่าเชียวนะ นั่นๆ ดึงไปให้หมดเลยเสื้อผ้าพวกนั้น” เขายืนมอง ปากก็พูดไล่อีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเขา “เลือดเย็นกับฉันจังเลยนะอคิน ทั้งที่เมื่อคืนปากบอกว่าชอบฉัน” อดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่เขาคงฟังเป็นถ้อยคำน่ารำคาญ เพราะหันหลังหนีไปอีกครั้ง หยิบกุญแจรถขึ้น “เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังมันส์จะให้พูดว่าเกลียดหรือไง เธอเองก็ชอบนี่น่า พอๆ อย่าหาเรื่อง นั่นเช็คนะ ดูแลตัวเองด้วย” อย่างน้อยยังมีน้ำใจ แม้จะออกมาเพราะเธอคาดคั้น อัญชลียาหันมองเช็ค ใจแห้งเหี่ยวเดินเข้าไปแต่งตัว พร้อมกับเจ้าของห้องหรูเดินห่างไป เสียงประตูปิดลง หญิงสาวผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอ นั่งลงปาดน้ำตา ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่ะ ทรายสีรุ้ง
เขารักคนอื่น กำลังจะแต่งงานกัน ในค่ำคืนหนึ่งเธอกลายเป็นของเขาด้วยความงงๆ อยากบอกเขาให้รับผิดชอบ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คนที่เขาจะแต่งงานเป็นคนที่เธอรัก เคารพ อารยายอมตัดใจ แม้อุ้มท้องและโดนพ่อด่าทอ ทุบตี ว่าแย่งของคนอื่นเธอก็ไม่อาจโต้แย้ง ---------------------- “อย่าเพิ่งไป” มือใหญ่คว้ามือเธอไว้ อารยาสะบัด “จะกลับแล้ว ถ้าคุยเรื่องไร้สาระ” “การที่เรานอนกันดุเดือดคืนนั้น เธอพูดว่าไร้สาระเหรอ ฉันคงจะคิดผิดเสียแล้ว ว่าเธอไร้เดียงสา” ดวงตาคมโตหันไปถลึงตา “พูดอะไรเงียบไปเลยนะ” โยธินหัวเราะขื่น “แสดงท่าทีแบบนี้ ยอมรับแล้วสินะ” อารยากำหมัดแน่น มองซ้ายขวา ที่นี่คงให้เธอตะโกนให้หายแค้นใจได้ “ยอมรับแล้วไง คุณก็ไม่สามารถทำอะไรให้ฉันกลับมาเป็นคนเดิม พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” ไม่คิดจะกลายเป็นคำพูดนี้ที่ปิดการสนทนา เธอแหงนมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่มีอะไรดีขึ้น จะร้องไห้ไปทำไม “เธอหวังอะไรล่ะ น่าจะรู้ฉันจะแต่งกับพี่สาวเธอเท่านั้น” อารยากำหมัดแน่น พลั่ก! “โอ้ย!” โยธินกุมจมูก สบถเสียงดัง “เธอเป็นบ้าอะไร เจ็บนะ” “ให้คุณมีสติและคิดบ้าง ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันเคยอ้อนวอนอะไรคุณบ้าง ฉะนั้นอย่ามาตัดสินว่าฉันคิดหรือไม่คิดอะไร เข้าใจไหม” โยธินอึ้งไปแต่ไม่ยอมแพ้ “ผู้หญิงเก็บกด อยากลองจะว่างั้น แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะ แอบลอบเข้าไปมันคงเร้าใจใช่ไหม ก็แน่ล่ะ หุ่นผมมันคงน่ากิน” อารยายกมือจะซัดอีกครั้งแต่กลับโดนรวบที่เอว ก่อนใบหน้าบึ้งตึงจะก้มลงมาบดจูบปากเธอ หญิงสาวพยายามกระทืบเท้าเขาและดิ้น คนบ้านี่ ทำอะไรอีก
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀