/0/4851/coverbig.jpg?v=253c0a2c7f49e345219b54d5358bc202)
"ข้าแค่อยากเป็นเซียน...ข้าทำผิดอะไร!? ทำไมพวกเจ้าต้องขัดขวางข้า!!!? น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลคำรามกู่ก้องไปทั่วทุกชั้นฟ้า...บุรุษผู้เต็มไปด้วยจิตสังหารกำลังแหงนมองไปยังเงาทั้ง 9
"ข้าแค่อยากเป็นเซียน...ข้าทำผิดอะไร!? ทำไมพวกเจ้าต้องขัดขวางข้า!!!?" น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลคำรามกู่ก้องสะเทือนขวัญไปทั่วทุกชั้นฟ้า...บุรุษผู้เต็มไปด้วยจิตสังหารกำลังแหงนมองไปยังเงาร่างทั้ง 9 ที่ยืนอยู่บนวิหารลอยฟ้าขนาดมหึมา...
"เพราะว่าดินแดนแห่งนี้ไม่ต้องการเซียนที่แท้จริงยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นจงละทิ้งความต้องการของเจ้าเสีย...หรือไม่ก็ตายซะ!!"หนึ่งในเงาทั้ง 9 ตนนึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ชนชั้นต่ำปราถนาจะเป็นเซียนแท้อย่างนั้นหรือ ช่างไม่เจียมกะลาหัว"เงาอีกตนกล่าวด้วยน้ำเย้ยหยัน
"คิดว่าข้าจะกลัวพวกเจ้าทั้ง 9 อย่างนั้นหรือ มา!! มาสู้กันให้ตายไปข้างนึง!!!!" บุรุษหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลาเขาปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีพุ่งขึ้นไปประหัตประหารกับร่างเงาทั้ง 9 อย่างดุดัน การศึกระหว่างผู้แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนแห่งทวยเทพทั้ง 10 คนได้เริ่มต้นขึ้น จุดจบของศึกนี้มีเพียงความตายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น...
เนิ่นนานหลายปีก่อน ณ หมู่บ้านกลางป่ากลางเขาแห่งหนึ่ง กลุ่มเด็กๆหลายสิบคนกำลังวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน แต่ไม่นานความสนุกก็ได้จบลงเพราะเด็กๆทุกคนล้วนถูกเด็กที่รับบทเป็นยักษ์จับได้ทั้งหมด
"เจ้าอ้วนจือหมิง!! มาเร็ว! มาเล่นไล่จับด้วยกัน" เด็กหญิงตัวน้อยอายุราว7-8ขวบปีตะโกนเรียกเด็กชายในวัยไล่เลี่ยกันที่นั่งหลบแดดอยู่ใต้เงาของร่มไม้ "เสี่ยวถัง เจ้าจะไปเรียกเจ้าอ้วนนั้นมาเล่นด้วยทำไมกัน เจ้าก็รู้ว่าเวลามันมาเล่นด้วยกันกับพวกเราทีไรก็หมดสนุกทุกที" เด็กชายวัย10ขวบในกลุ่มคนนึงถามขึ้นด้วยอารมณ์เหนื่อยหน่าย ส่วนเด็กหญิงเด็กชายที่เหลือล้วนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำถามของเด็กชาย "ทำไมล่ะเอ้อร์ซาน จือหมิงเขาก็เป็นเพื่ิอนของพวกเรานะ"เด็กหญิงเสี่ยวถังถามด้วยความสงสัย
ในขณะที่เด็กๆในกลุ่มกำลังพูดคุยกัน เจ้าอ้วนจือหมิงที่พึ่งถูกเด็กหญิงเสี่ยวถังเรียกก็วิ่งเข้ามาหากลุ่มเด็กๆด้วยความว่องไวที่ดูขัดกับรูปร่างอันอวบอั๋นแสนน่ารักน่าชังของเขายิ่งนัก เมื่อมาถึงที่ที่กลุ่มเด็กๆยืนคุยกันอยู่เจ้าอ้วนจือหมิงก็กล่าวถามขึ้นด้วยความดีใจ"ข้าสามารถเล่นไล่จับกับพวกเจ้าได้เหรอ" เด็กคนอื่นๆในกลุ่มล้วนมองหน้ากันและกันแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะหัวหน้ากลุ่มอย่างเอ้อร์ซานยังไม่ได้อนุญาติ ส่วนเด็กหญิงเสี่ยวถังก็ยังคงถามแกมรบเร้าเอ้อร์ซานอยู่เนืองๆ ในที่สุดเอ้อร์ซานก็ต้องยอมแพ้ให้กับการรบเร้าของเด็กหญิงเสี่ยวถัง
เอ้อร์ซานจึงหันมาพูดกับจือหมิง"พวกข้าให้เจ้าเล่นด้วยก็ได้ แต่เจ้าต้องเล่นเป็นยักษ์ตลอดนะ ไม่อย่างนั้นก็อดเล่น" เมื่อจือหมิงได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจมากจนกระโดดโลดเต้นไปมารีบตกลงยอมรับข้อเสนอของเอ้อร์ซานทันที ส่วนเด็กหญิงเสี่ยวถังก็ปรบมือชอบใจกับท่าทางตลกที่จื่อหมิงกำลังทำอยู่ ส่วนเด็กคนอื่นบ้างโล่งใจที่ไม่ต้องเล่นเป็นยักษ์บ้างก็หัวเราะชอบใจกับท่าทางของจื่อหมิง หลังจากนั้นเด็กๆทั้งหลายก็เล่นไล่จับกันทั้งวันโดยมีจื่อหมิงรับบทเป็นยักษ์ตลอดทั้งวันถึงแม้แต่ละรอบจะจบเร็วขึ้นกว่าปกติเกือบเท่าตัวก็เถอะ
เมื่อถึงยามเย็น เด็กๆต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนจือหมิงและเสี่ยวถังที่บ้านอยู่ใกล้กันก็เดินกลับบ้านด้วยกันเหมือนอย่างทุกๆวัน เมื่อมาถึงหน้าบ้านของเสี่ยวถัง จือหมิงก็ตะโกนเข้าไปในบ้านของเสี่ยวถัง"ท่านป้าเซียวขอรับ ข้าพาเสี่ยวถังมาส่งแล้วนะขอรับ"เมื่อตะโกนเรียกแม่ของเสี่ยวถังแล้ว จือหมิงก็หันมากล่าวคำลากับเสี่ยวถังแล้วรีบวิ่งกลับบ้านที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 20 จั้งทันที
เมื่อจือหมิงกลับมาถึงบ้านเขาก็รีบวิ่งเข้าไปในครัวทันที ภายในครัวสตรีวัยกลางคนผู้นึงและหญิงสาววัยแรกแย้มนางนึงกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเย็น "ท่านแม่ ท่านพี่ ข้ากลับมาแล้ว วันนี้ทุกคนยอมให้ข้าเล่นด้วยล่ะ แล้วก็....""กลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำเดี๊ยวนี้เลยนะเสี่ยวจิ่ว ข้ากับท่านแม่กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่อย่าพึ่งเข้ามาวุ่นวาย"หญิงสาวแหวใส่จื่อหมิงที่กำลังจะเล่าวีรกรรมของวันนี้ให้ผู้เป็นมารดาได้ฟัง สีหน้าจื่อหมิงหน้าเจื่อนลงในทันที แต่เขาก็ยอมไปอาบน้ำตามที่หญิงสาวสั่งทันที สตรีวัยกลางคนผู้เป็นมารดาของทั้งสองหันไปมองจื่อหมิงแล้วยิ้มน้อยๆแล้วเอ่ยสัพหยอกกับลูกสาวของตน"อย่าได้ดุร้ายเกินไปนักเดี้ยวหนุ่มๆที่มาตามจีบเจ้าจะหนีหายกันหมด" หญิงสาวเมื่อได้ฟังที่มารดากล่าวก็เขินอายหน้าแดงยันใบหู"โธ่ ท่านแม่ ท่านอย่าได้เอาแต่เข้าข้างเจ้าเด็กแสบคนนั้นเชียว"ในขณะที่หญิงสาวทั้งกับพูดคุณหยอกล้อกัน เสียงเอะอะของชายสองก็ดังมาจากนอกตัวตัวบ้าน "ฮ่าๆๆ เมียข้า ข้ากลับมาแล้ว"ชายวัยกลางคนร่างยักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้ามีความสุข "ท่านแม่ ดูนี่สิขอรับวันนี้นอกจากจะตัดฝืนได้ตามยอดที่ต้องการแล้วข้ายังล่ากวางตาทองได้อีกตัวนึงแน่ะขอรับ"ชายหนุ่มวัยใกล้ 20 หน้าตาใสซื่อแต่ร่างกายบึกบึนที่กำลังแบกกวางกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มแสนซื่อ
"โห พี่ใหญ่เก่งกาจยิ่งนัก ล่ากวางตาทองที่ถือว่าเป็นสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ ได้ด้วย"หญิงสาวกล่าวชมพี่ชายของตนด้วยความตกตะลึง "ที่รัก เจ้าเจ็ด เจ้าแปด เจ้าเก้า ไปไหนซะล่ะ อย่าบอกนะว่าหนีไปเที่ยวเล่นในป่ากันอีกแล้วน่ะ"ชายวัยกลางคนกล่าวถาม แน่นอนว่าบุรุษผู้นี้ย่อมเป็นบิดาของเจ้าอ้วนน้อยจือหมิง และชายหนุ่มผู้แบกกวางนี้ย่อมเป็นพี่ชายคนโตของบ้านตระกูลหวัง หลังจากนั้นไม่นานจื่อหมิงที่พึ่งล้างตัวเสร็จก็กลับเข้ามาในบ้าน
"หวังจื่อหมิง!! เจ้าตัวเเสบ วันนี้เจ้าไปซนที่ไหนมาบ้างมาเล่าให้พี่ใหญ่ฟังซิ" ทุกคนในบ้านรวมไปถึงเจ้าเจ็ด เจ้าเเปดที่กลับเข้าก่อนจื่อหมิงไม่นาน ต่างก็ยิ้มและหัวเราะขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ **********************************************
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀