ฉันเชื่อว่าคนเราต้องเคยเจอเรื่องที่บังเอิญไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่มันเป็นเพราะความบังเอิญหรือโชคชะตากันแน่ที่ทำให้ฉันได้มาเจอกับเขา "โซ่" เขาคือผู้ชายที่มีดีทั้งหน้าตา ฐานะ และความสามารถ และเขาก็เป็นนักดนตรีหนุ่มชื่อดังที่สาวๆเกือบครึ่งประเทศล้วนเทใจให้กับเขา แต่แจ็คพอตมันดันมาแตกที่ฉัน เมื่อฉันดันบังเอิญตื่นขึ้นมาบนเตียงของเขา พร้อมกับประโยคแรกที่เขาเอ่ยพูดกับฉันมาว่า.. "ตื่นแล้วเหรอ" เอ๊ะ ฉันมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ยยยยยย!!!!! . . "ในเมื่อเธอก็ได้ลายเซ็นต์ของฉันไปแล้ว เธอช่วยลืมเรื่องวันนี้ไปให้หมดหน่อยได้ไหม"
“เฮ้อ”
“เป็นอะไรของมึงเนี่ย”
ปลาวาฬ หนึ่งในเพื่อนสนิทของฉันหันมาเอ่ยถามด้วยความสงสัย หลังจากที่มันได้ยินเสียงถอนหายใจของฉันเมื่อกี้
“กูหิว”
ฉันพึมพำตอบกลับไป และคำตอบของฉันทันก็ทำให้อีปลาวาฬมองหน้าฉันมาด้วยสายตาเอือมระอาทันที เพราะฉันเป็นพวกประเภทที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการกิน เพราะนอกจากเรื่องกินแล้วในหัวของฉันมันก็ไม่มีเรื่องอื่นให้คิดอีกเลย อ่อ ลืมแนะนำตัวเองไปซะสนิท นารา คือชื่อของฉัน ส่วนชะนีที่ฉันพูดด้วยเมื่อกี้ก็คือเพื่อนสนิทของฉันเอง แต่ตอนนี้นอกจากพวกฉันสองคนยังมีอีกัสตุ๊ดที่ชอบทำตัวน่าหมั่นไส้และอีชีต้าร์ชะนีติดผัวนั่งรวมอยู่ด้วย
ซึ่งตอนนี้พวกฉันกำลังนั่งรอเวลาเลิกเรียนกันอยู่น่ะ เพราะก่อนหน้านี้อาจารย์ประจำวิชาได้สั่งงานให้พวกฉันนั่งทำในคาบเรียนไปพลางๆ ในระหว่างที่อาจารย์ออกไปประชุมด่วน และตอนนี้ฉันก็ทำงานที่ว่านั่นเสร็จแล้วด้วย แต่จะลุกออกไปจากห้องเลยก็ไม่ได้ เพราะต้องรอส่งงานท้ายคาบพร้อมกับรอเช็กชื่อกับอาจารย์อีกที เพราะอย่างนั้นฉันเลยต้องมานั่งถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายอย่างที่เห็นนี่แหละ นอกจากฉันจะเบื่อแล้ว ตอนนี้ฉันก็เริ่มหิวแล้วด้วย เฮ้อ ฉันหิวจนแทบจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วเนี่ย เมื่อไหร่อาจารย์จะประชุมเสร็จเนี่ย
“นอกจากเรื่องกิน มึงเคยคิดถึงเรื่องอื่นบ้างไหมวะอีนารา”
ก็เพราะว่าฉันชอบกินนี่น่า จะให้นึกถึงเรื่องอื่นนอกจากเรื่องอาหารละก็ ฉันนึกไม่ออกหรอก เพราะหัวสมองที่แสนว่าเปล่าของฉันมันได้อุทิศให้กับเรื่องอาหารการกินไปหมดแล้ว อ่อ ฉันบอกไปหรือยังนะว่าตอนนี้พวกฉันเรียนอยู่ชั้นปีที่สี่แล้ว ใช่ ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่พวกฉันจะอยู่ในชุดนักศึกษากันยังไงล่ะ จะว่าไปเวลามันผ่านไปเร็วเหมือนกันนะเผลอแป๊บเดียวฉันก็จะเรียนจบแล้ว เฮ้อ ฉันรู้สึกว่าฉันยังใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยไม่คุ้มเลย เพราะยังเหลือโรงอาหารอีกตั้งหลายคณะที่ฉันยังไม่มีโอกาสได้ไปบุก สงสัยฉันคงต้องเร่งมือเก็บแต้มแล้วล่ะ
“ไม่อะ”
“เฮ้อ ยอมใจมึงจริงๆ”
“วันนี้แวะไปกินข้าวที่ตึกคณะแพทย์ดีไหม กูได้ยินข่าวว่าที่นั่นมีร้านข้าวแกงอร่อยๆ อยู่ด้วย”
“ทำไมต้องถ่อไปกินไกลถึงคณะแพทย์ด้วยวะ ข้าวมันก็เหมือนๆ กันไม่ใช่เหรอ โรงอาหารใต้ตึกคณะเราก็มีร้านข้าวอร่อยๆ เปิดอยู่ตั้งเยอะ”
“ก็กูเบื่อร้านข้าวแถวนี้แล้วอะ และอีกอย่างกูยังไม่เคยไปลองกินข้าวที่นั่นเลย พากูไปกินสักครั้งเถอะนะ”
เรื่องอื่นฉันยอมได้ แต่เรื่องกินฉันพลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นต่อให้ฉันต้องลงไปนั่งคุกเข่าอ้อนวอนฉันก็จะทำ
“เฮ้อ ให้ตายสิ เออๆ ไปก็ไป”
“เยส”
ฉันอมยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจทันทีหลังจากที่อีปลาวาฬมันรับปากว่าจะพาฉันไปกินข้าวที่ตึกคณะแพทย์ อ่า อยากรู้จังว่ามันจะอร่อยอย่างที่ฉันได้ยืนข่าวลือมาหรือเปล่า อืม ฉันจะเลือกกินอะไรดีนะ แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้วสิ
(สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับเข้าสู่รายการ เปิดประเด็นข่าวแซ่บ รายการที่จะพาคุณผู้ชมมานั่งเม้าท์ เกี่ยวกับข่าวสารในวงการบันเทิงต่างๆ ด้วยประเด็นสุดฮอต และเผ็ดร้อนในทุกกระแสข่าว และในวันนี้แขกรับเชิญที่ได้มาเยี่ยมชมรายการของเราก็คือวงดนตรีสุดฮอตที่กุมหัวใจหญิงสาวเกือบทั่วทั้งประเทศ ขอต้อนรับสมาชิกวง ไดอาโทนิค (Diatonic) ค่ะ)
แต่ในระหว่างที่ฉันกำลังนึกถึงเมนูอาหารที่ฉันจะกินหลังจากที่เลิกเรียนอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงพูดของใครคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมา และที่มาของเสียงดังกล่าวมันก็ดังมาจากโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของอีกัสนั่นเอง อีกัสมันกำลังดูอะไรของมันอยู่กันนะ เล่นเปิดซะเสียงดังขนาดนั้นมันจงใจเรียกร้องความสนใจให้ตัวเองอยู่หรือไง และแน่นอนว่ามันได้ผล เพราะตอนนี้มันสามารถดึงความสนใจจากฉันไปได้แล้วหนึ่งคน
(สวัสดีครับพวกเราวงไดอาโทนิคครับ)
“อ๊าย หล่อมากเลยทูลหัวของบ่าว”
เสียงของอีกัสกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นมาเมื่อมีเสียงผู้ชายมากกว่าหนึ่งคนดังออกมาจากโทรศัพท์ของมัน มันเลยทำให้ฉันชะโงกหน้าไปดูที่หน้าจอโทรศัพท์ของอีกัสด้วยความสนใจก็เห็นว่าตอนนี้อีกัสมันกำลังนั่งดูรายการบันเทิงรายการหนึ่งอยู่
“ใครวะ”
ฉันเอ่ยถามมันออกไปด้วยความสงสัยเพราะผู้ชายที่เป็นแขกรับเชิญในรายการที่อีกัสกำลังดูอยู่ตอนนี้มันดูคุ้นหน้าคุ้นตายังไงก็ไม่รู้สิ เหมือนฉันเคยเห็นแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นจากที่ไหน
“พวกพี่ๆ วงไดอาโทนิคไง”
“อ่อ วงนี้นี่เอง”
วงไดอาโทนิค เป็นวงดนตรีที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นพวกประเภทที่ไม่สนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องกิน แต่ฉันก็เคยเห็นผลงานของพวกเขาผ่านหูผ่านตามาบ้างเพราะวงนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงมานานแล้ว และอีกัสเพื่อนของฉันคนนี้ก็เป็นแฟนคลับตัวยงของพวกเขาด้วย ฉันจึงได้ยินอีกัสมันพูดถึงบ่อยๆ ก็ว่าทำไมเมื่อกี้ฉันถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขา
“มึงอย่าพึ่งมารบกวนเวลาเสพความสุขของกูตอนนี้เด็ดขาด กูกำลังตั้งใจดูสุดหล่อของกูอยู่ เข้าใจไหม”
อีกัสเอ่ยกับฉันเพียงแค่นั้นก่อนที่มันจะหันไปเพ่งความสนใจที่หน้าจอโทรศัพท์ของมันต่อ ส่วนฉันนั้นก็ทำได้แค่มองหน้าอีกัสด้วยสายตาเอือมระอาเพราะเพื่อนของฉันคนนี้ไม่เคยสนใจเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่องผู้ชาย เรียกง่ายๆ ก็คือ อีกัสมันบ้าผู้ชายน่ะ ยิ่งเฉพาะผู้ชายหล่อๆ มันยิ่งบ้าจนแทบคลั่งเลยล่ะ
(ยินดีด้วยนะคะสำหรับเพลงใหม่ที่พึ่งปล่อยออกมา เรียกได้ว่ากระแสตอบรับค่อนข้างดีกันเลยทีเดียว รู้สึกยังไงบ้างคะกับกระแสตอบรับในครั้งนี้)
(ตอนแรกก็รู้สึกกังวลมากครับ เพราะเพลงที่พวกเราพึ่งปล่อยออกมานั้นถือว่าเป็นแนวเพลงใหม่ที่วงของพวกเราไม่เคยทำมาก่อน แต่กระแสตอบรับออกมาดีกว่าที่คาดไว้แบบนี้ พวกผมดีใจมากเลยครับ)
(เพลงเพราะมากเลยค่ะ ดิฉันเปิดฟังวันละสิบรอบเลย)
(ขอบคุณครับ)
(เอ่อ..จะว่าไปดิฉันได้ยินมาว่าเพลงที่พึ่งปล่อยออกมาครั้งนี้คุณโซ่เป็นคนแต่งเนื้อร้องและทำนองเองใช่ไหมคะ และแนวเพลงก็เป็นเพลงรักแบบนี้ไม่ทราบว่าคุณโซ่ได้แรงบันดาลใจมาจากเหรอคะ)
(จู่ๆ มันก็ผุดขึ้นมาในหัวครับ)
(ดิฉันนึกว่าคุณโซ่แต่งออกมาจากชีวิตจริงซะอีก เล่นเอาซะดิฉันอินไปกับเพลงเลยค่ะ อ่อ คุณโซ่มีความคิดเห็นยังไงบ้างคะที่น้องพิมนางเอกเอ็มวีเพลงใหม่ของวงไดอาโทนิคให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าคุณโซ่เป็นผู้ชายที่ตรงตามสเปกของเธอ)
(เธอไม่ใช่คนแรกที่บอกแบบนี้ครับ เพราะแฟนคลับผมเกือบครึ่งหนึ่งก็เคยบอกไว้แบบนี้เหมือนกัน)
ฉันถึงกับเบะปากของตัวเองด้วยความรู้สึกหมั่นไส้กับความมั่นใจของคนที่พูดประโยคเมื่อกี้ขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้สนใจกับสิ่งที่อีกัสกำลังดูอยู่ตอนนี้ก็เถอะ แต่มันเล่นซะเปิดเสียงดังแบบนั้นมันเลยเลี่ยงไม่ได้ที่ฉันจะได้ยิน
(แหม่ คุณโซ่เล่นพูดออกมาแบบนี้น้องพิมได้ยินคงเสียใจแย่เลยนะคะ)
(เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันครับ เธอคงไม่เสียใจกับเรื่องแค่นี้หรอกครับ)
(ฮ่าๆ ค่ะ เอ่อ..ถ้าอย่างนั้นสุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ ทางบ้านบ้างคะ)
(พวกเราวงไดอาโทนิคขอฝากผลงานเพลงใหม่และคอนเสิร์ตที่กำลังจะจัดขึ้นเร็วๆ นี้ด้วยนะครับ แล้วเจอกันครับ)
(ค่ะ สุดท้ายนี้ขอบคุณวงไดอาโทนิคที่มาเป็นแขกรับเชิญในวันนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่อาทิตย์หน้าค่ะ)
“พี่โซ่โซแบดมากเลย สมน้ำหน้าอีนังน้องพิม โดนแหกหน้ากลางรายการเลยไหมล่ะ”
ฉันไม่เข้าใจอีกัสเลยจริงๆ จากที่ฉันฟังบทสัมภาษณ์เมื่อกี้ฉันว่าผู้ชายที่ชื่อว่าโซ่อะไรนั่นเป็นผู้ชายที่นิสัยเสียเอามากๆ เลยนะ เพราะคนดีๆ ที่ไหนเขาจะให้สัมภาษณ์แบบนั้นกันละ ต่อให้เขาดังมาจากไหนก็เถอะ แต่เขาจะน่าพูดรักษาน้ำใจคนอื่นบ้าง ไม่ใช่พูดไม่ถนอมน้ำใจคนอื่นไปแบบนั้น เฮ้อ ผู้ชายที่มีความมั่นใจแบบผิดๆ แบบนี้ฉันละเกลียดที่สุดเลย
“มึงชอบไปได้ไง ผู้ชายนิสัยแบบนั้น”
“ก็พี่เขาหล่อ”
เออเนอะ ฉันลืมไปซะสนิทว่าเพื่อนฉันมันไม่สนใจอะไรนอกจากความหล่อของผู้ชาย
“ว่าแต่ช่วงนี้มึงว่างไหมอีนารา”
“ถามทำไม”
“กูจะชวนมึงไปดูคอนเสิร์ตวงไดอาโซนิคเป็นเพื่อนกู”
หืม แล้วทำไมมันต้องชวนฉันด้วย
“ทำไมต้องเป็นกู”
“ก็ชะนีคนอื่นติดผัวหมดยกเว้นมึงคนเดียวที่ยังโสดแถมยังทำตัวว่างอีก กูถึงได้เลือกมึงยังไงล่ะ”
อ้าว ฉันโสดฉันว่างแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ฉันต้องไปคอนเสิร์ตเป็นเพื่อนมันด้วยเนี่ย ไม่เอาหรอก ฉันไม่ไป
“กูไม่ไป มึงไปคนเดียวเถอะ”
ฉันปฏิเสธมันไปแบบไร้เยื่อใยเพราะไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ไปคอนเสิร์ตบ้าๆ นั่นกับมันเด็ดขาด ให้ตายยังไงก็ไม่ไป
“กูเลี้ยงเค้กหน้ามออาทิตย์หนึ่ง”
หือ เค้กเหรอ
“มึงไม่สนใจข้อเสนอกูสักนิดเหรออีนารา”
“...”
“อาทิตย์หนึ่งเลยนะที่มึงจะได้กินเค้กฟรีๆ แบบไม่เสียตัง”
“วันไหน”
“พรุ่งนี้”
“ดิล”
“ให้มันได้อย่างนี้สิวะ เพื่อนรัก”
ฉันไม่คิดว่าการที่ฉันตัดสินใจมาทำงานที่นี่มันจะทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ "รามสูร" หรือว่า "พี่ราม" เขาคือคนที่เข้ามาทำให้ชีวิตฉันต้องเปลี่ยนไป ผู้ชายเอือยเฉื่อยที่มาพร้อมกับใบหน้าไร้อารมณ์ที่มาพร้อมกับข้อเสนอให้ฉัน "แอรีส" ไปเป็นหมอนข้างให้เขา เพราะความอวดดีทำให้ฉันต้องยอมรับต่อชะตากรรมนั้น แต่ใครจะไปรู้ละว่าการเป็นหมอนข้างของผู้ชายที่ชื่อว่ารามสูรคนนั้นมันจะเปลืองตัวมากขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีฉันก็ตกเป็นของเขาโดยไม่มีเงื่อนไขซะแล้ว “พะ พี่ราม” “ใช่ นั่นคือชื่อของผัวเธอ จำไว้ว่าต่อจากนี้ไปเธอคือเมียฉัน และอย่าได้ริไปให้ไอ้เหี้ยนั่นกอดหรือจูบเธออีก ไม่งั้นเอาให้ตายแน่”
ชีวิตของนักศึกษาปีสี่ที่ทั้งเรียนทั้งทำงานหาเช้ากินค่ำอย่างฉัน "สายลม" ก็วุ่นวายมากพอแล้ว แต่ชีวิตของฉันต้องวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อฉันเจอกับไอ้โหดหน้านิ่งนั่น "นาวา" ผู้ชายที่มาพร้อมกับรอยสักเต็มตัว เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ควรจะหลีกเลี่ยงให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทำไมเหมือนยิ่งฉันหนีเขา ผลักไสเขา เขายิ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตฉันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันควรจะทำยังไงกับผู้ชายคนนี้ดี ใครก็ได้เอาไอ้เถื่อนนี่ไปจากชีวิตฉันที "ฉันเป็นคนทานง่าย เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย ไม่เรื่องมากหรอก เอาแต่ใจนิดหน่อย ไม่ชอบให้ใครขัด" "...." "และตอนนี้ฉันก็โสดด้วย ส่วนเรื่องซิงเสียไปตั้งแต่มอสามแล้ว อยากรู้อะไรอีกไหมฉันยินดีบอกนะ" WHAT!!!
ชีวิตของนักศึกษาปีสี่ที่ทั้งเรียนทั้งทำงานหาเช้ากินค่ำอย่างฉัน "สายลม" ก็วุ่นวายมากพอแล้ว แต่ชีวิตของฉันต้องวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อฉันเจอกับไอ้โหดหน้านิ่งนั่น "นาวา" ผู้ชายที่มาพร้อมกับรอยสักเต็มตัว เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ควรจะหลีกเลี่ยงให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทำไมเหมือนยิ่งฉันหนีเขา ผลักไสเขา เขายิ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตฉันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันควรจะทำยังไงกับผู้ชายคนนี้ดี ใครก็ได้เอาไอ้เถื่อนนี่ไปจากชีวิตฉันที "ฉันเป็นคนทานง่าย เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย ไม่เรื่องมากหรอก เอาแต่ใจนิดหน่อย ไม่ชอบให้ใครขัด" "...." "และตอนนี้ฉันก็โสดด้วย ส่วนเรื่องซิงเสียไปตั้งแต่มอสามแล้ว อยากรู้อะไรอีกไหมฉันยินดีบอกนะ" WHAT!!!
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"