ดับความ ‘ร้อน’ ด้วย ‘เร่าร้อน’ ยิ่งกว่า ‘หนูดี’ สาวใสวัย 30 ที่เพิ่งแต่งงานยังไม่ถึงปี ให้มานั่งฟังยืนฟังคนเขาทดลองกันทุกวันทุกเวลามันจะไหวเรอะ และทั้ง ‘เอกพล’ สามีของเธอก็งานยุ้งยุ่ง! ชะมัด เจออย่างนี้หนูดีทำไงดีล่ะ เวลาเครื่องมันร้อนมากๆ เข้า จะหาอะไรผ่อนคลาย หรือถึงเวลาแล้วที่ต้องดับ ‘ร้อน’ ด้วยความ ‘เร่าร้อน’ ยิ่งกว่า ว่าแต่เอกพลจะเล่นกับเมียมั้ยล่ะงานนี้ หรือใครจะเป็นฝ่ายเล่นใครกันแน่ เพราะเอกพลเองก็เครียดกับงานหลายๆ อยากผ่อนคลายอารมณ์กับเมียจนจะแย่ ติดที่ว่าเมียรักนั้นก็แสนอาย จะแตะจะต้องเธอแต่ละครั้ง หนูดีก็อายม้วนต้วน ทั้งที่เขาอยากจะกระแทกใส่เธอไม่ยั้ง
หลังจาก ‘รัชนี’ แห่ง ‘รักต้องแรด!’ ใช้ความ ‘แรด’ ได้เป็นประโยชน์สุดๆ เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ได้บอสสุดหล่อมาครอบครอง สุดท้ายบอสก็ชวนคุณเลขาขึ้นไปนอนดีดดิ้นบนโต๊ะทำงานจนได้ แถมยังขยันทดลองสินค้ากันอยู่บ่อยครั้งซะด้วย
งานนี้ก็เดือดร้อน ‘หนูดี’ น่ะสิ สาวใสวัย 30 ที่เพิ่งแต่งงานยังไม่ถึงปี ให้มานั่งฟังยืนฟังคนเขาทดลองกันทุกวันทุกเวลามันจะไหวเรอะ และทั้ง ‘เอกพล’ สามีของเธอก็งานยุ้งยุ่ง! ชะมัด เจออย่างนี้หนูดีทำไงดีล่ะ
เวลาเครื่องมันร้อนมากๆ เข้า จะหาอะไรผ่อนคลาย หรือถึงเวลาแล้วที่ต้องดับ ‘ร้อน’ ด้วยความ ‘เร่าร้อน’ ยิ่งกว่า ว่าแต่เอกพลจะเล่นกับเมียมั้ยล่ะงานนี้ หรือใครจะเป็นฝ่ายเล่นใครกันแน่ เพราะเอกพลเองก็เครียดกับงานหลายๆ อยากผ่อนคลายอารมณ์กับเมียจนจะแย่ ติดที่ว่าเมียรักนั้นก็แสนอาย จะแตะจะต้องเธอแต่ละครั้ง หนูดีก็อายม้วนต้วน ทั้งที่เขาอยากจะกระแทกใส่เธอไม่ยั้ง
++++++
ดวงตารีเล็กที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นใสกรอกขึ้นบนราวกับไม่พอใจอะไรหรือใครบางคน เพราะสิ่งที่หวังไว้กลับไม่เป็นดังคาด ก่อนลมหายใจจะพรั่งพรูออกมาอย่างระบายความอึดอัดที่มันบีบคั้นอยู่ภายในร่างกายของเธอนี้ เพราะหวังว่าเมื่อกลับถึงบ้าน เธอจะเห็นรถยนต์ของเขาจอดอยู่ แต่... ไม่มี
สิ่งที่ ‘หนูดี’ ทำได้ก็คือ ลงมาจากรถด้วยอาการกระฟัดกระเฟียดเต็มที่ เพราะไม่ได้อยู่ในสายตาของใครให้มองอีกแล้ว เธอไม่ได้อยู่ที่ออฟฟิศจึงต้องรักษากิริยาให้เรียบร้อยและดูดีดูภูมิฐานน่าเชื่อถือ
แต่ขณะนี้เธอจอดรถอยู่หน้าบ้านชั้นเดียวสีขาวสไตล์โมเดิล บนพื้นที่กว้าง 150 ตารางวา ซึ่งเป็นเรือนหอของเธอและ ‘เอกพล’ สามีหนุ่มใหญ่ผู้มีอาชีพทนายความ
และที่ทำให้เธอเดือดปุดๆ แข่งกับแสงแดดยาม 6 โมงเย็นที่ไม่เย็นตามคำเรียก แต่กลับยังคงส่องแสงเจิดจ้าให้เธอหงุดหงิดเพิ่มขึ้นนั้นก็คือ ภายในโรงจอดรถนั้นไม่มีรถของเอกพลจอดอยู่ต่างหาก
ทั้งที่เขาสัญญากับเธอเป็นมั่นเหมาะว่าเย็นนี้เขาจะกลับมาให้ทันกินข้าวเย็นด้วยกัน หลังจากที่เอกพลผิดนัดหลายต่อหลายครั้ง เพราะเขาเห็นงานสำคัญกว่า
‘พี่ถึงบ้านก่อนหนูดีแน่จ้ะ เดี๋ยวพี่ทำกับข้าวรอนะ รับรองว่าอร่อยสุดๆ พี่อยากให้หนูดีกิน... ให้อิ่ม’
เสียงที่กรอกผ่านโทรศัพท์มา เธอยังรับรู้ได้ถึงความสะท้านที่ปลายน้ำเสียง และนั่นยิ่งทำให้เธอหวังว่าอาหารมื้อเย็นที่จะถึงนั้น จะเป็นอาหารจานร้อนที่เธออยากเสิร์ฟให้เขาด้วยความเต็มใจ แต่เมื่อมาเจอกับความว่างเปล่า จะไม่ให้โมโหได้ยังไงล่ะ
“อึ๊ย... คนบ้า! ไหนว่าถึงบ้านก่อนไง อึ๊ย...”
หนูดีบ่นไปเปิดประตูรั้วไปด้วย เพราะถ้าเป็นวันอื่นเธอจะไม่โมโหเลยที่เอกพลผิดนัด เพราะเข้าใจในงานของสามีดีว่า การพินิจพิเคราะห์เพื่อหาช่องทางที่จะทำให้ลูกความพ้นผิดหรือได้รับโทษที่เหมาะสมที่สุดนั้น บางครั้งการค้นหาหลักฐานเหล่านี้ก็ต้องใช้เวลามาก
โดยเฉพาะเอกพลนั้นเป็นคนที่จริงจังในการทำงาน มากเสียจนบางครั้งก็ลืมเวลาส่วนตัวไป เพราะเหตุนี้จึงทำให้ไฟรักของเธอและเขาไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ทั้งที่เอกพลนั้นจัดได้ว่าเป็นคน ‘นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นเอา’ ก็ว่าได้ แต่นั่นก็เป็นเพียง 3 เดือนแรกแห่งการแต่งงานเท่านั้นนะ
เพราะหลังจากที่เขาย้ายไปทำงานกับสำนักงานทนายความ เวลาแห่งความเร่าร้อนก็ดูจะถูกจำกัดไปจนเหลือน้อยเต็มที ส่วนตัวเธอเล่า...
แต่ก่อนว่ามีรัชนีเป็นเพื่อนสาวทึนทึกด้วยกัน พอเธอแต่งงานกับเอกพล เธอก็คิดว่าเธอนั้นโชคดีหนักหนาที่ได้ลงจากคานเสียที ส่วนคนที่ยังค้างอยู่บนคานและไม่เห็นวี่แววว่าจะมีใครทอดสะพานไปหา ก็มีเพียงรัชนีคนเดียวเท่านั้น แต่แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนล่ะ มันเกิดวิปริตอาเพศอะไรขึ้น
เมื่อจู่ๆ รัชนีก็ลุกขึ้นมาแต่งองค์ทรงเครื่อง เปลี่ยนตัวเองจากสาวทึนทึกเป็น ‘แรด’ ตัวแม่ ทั้งยังสร้างสะพานคอนกรีตเสริมใยเหล็กทอดลงมาตรงหน้าบอสสุดหล่อของเธออีกด้วย สุดท้ายคนที่ต้องทนเร่าร้อน สะบัดร้อนสะบัดหนาวไม่เว้นแต่ละวัน ก็คือตัวเธอเอง
เพราะแค่ต้องอดรนทนรอให้เอกพลเจียดเวลามาจุดไฟให้ลุกโชติช่วงก็ว่าลำบากมากพอแล้ว แต่ที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เธอต้องมาอดทนและนั่งรับรู้อยู่ตลอดเวลาว่า ภายในออฟฟิศของบอสนั้น รัชนีและบอส ทำอะไรกันอยู่บ้าง
ทั้งเสียงซี้ดซ้าดครางกระเส่าของคนทั้งคู่ที่ดังเล็ดลอดออกมาระหว่างการโทรศัพท์เพื่อสอบถามเรื่องงาน เสียงโต๊ะทำงานเสียดสีกับพื้นดังเอี๊ยดอ๊าด เสียงดังคล้ายคนปรบมือ ทั้งที่เธอรู้ว่าไม่ใช่อีกนั่น เพราะบอสกับรัชนีจะปรบมืออะไรกันเป็นจังหวะอย่างนั้น โดยเฉพาะบางช่วงของเสียงนั้นมันคือความแฉะชื้นที่เนื้อไปสัมผัส โอว... นั่นมันจังหวะเนื้อกระทบเนื้อชัดๆ
อย่างนี้จะไม่ให้เธอโกรธเอกพลได้ยังไง ในเมื่อเธอร้อนไปหมดแล้ว ทั้ง ‘ร้อนจนแฉะ’ และ ตอนนี้มันก็ ‘ร้อนจนแสบ’ ไปทั้งร่างกายและหัวใจ เพราะระหว่างขับรถออกจากออฟฟิศตรงมาบ้าน เธอก็บริ้วอารมณ์ตัวเองมาเต็มที่
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!