เธอคือเมียรักของเขา เขารักเธอสุดหัวใจ และจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ
เธอคือเมียรักของเขา เขารักเธอสุดหัวใจ และจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ
ซีรีส์เมียสวาท
เล่ม 1 เมียสวาท
“หนูไม่แต่งงานกับพี่เข้มนะแม่”
เสียงของมะลิดังขึ้นอย่างหงุดหงิด เธอหน้างอเป็นม้าหมากรุกเมื่อได้รับข่าวว่าบิดามารดาของเข้มมาทาบทามสู่ขอ แล้วบิดามารดาของเธอก็ดันยกเธอให้เสียได้ โดยที่ไม่เอ่ยถามเธอสักนิด
“ไม่แต่งไม่ได้ พ่อแม่มันมาขอเอ็งแล้ว แล้วข้ากับพ่อเอ็งก็ยกให้ไปแล้วด้วย”
“แม่ ทำไมไม่ถามหนูก่อน” มะลิหน้างอใส่มารดา เข้มเป็นหนุ่มวัยสามสิบที่เป็นเพื่อนรักกับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเธอ หรือเรียกง่ายๆ ว่าญาติผู้พี่นั่นเอง
“ถามแล้วเอ็งจะตอบตกลงรึ”
“แม่ก็รู้ว่าหนูไม่อยากแต่งงาน”
“ไอ้เข้มนิสัยดี ขยันขันแข็งมันไม่ดีตรงไหนรึ เอ็งถึงไม่ชอบมัน”
“พี่เข้มดำ” เธอหลบเลี่ยง จริงๆ ยังไม่อยากออกเรือน อายุแค่ 18 อยากทำอะไรอีกตั้งหลายอย่าง เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนในชนบทถึงให้ลูกหลานแต่งงานเร็วนัก
“ชิชะนังนี่ เอ็งขาวตายล่ะ”
“หนูไม่ขาวแต่ก็ไม่ดำเท่าพี่เข้มก็แล้วกันแม่ แต่งงานกันไปลูกออกมาจะมองเห็นไหม”
“คนตัวดำแต่ใจดีนะโว้ย ขยันก็ขยัน แกแต่งกับมันไปขี้คร้านจะสบายไม่ต้องทำอะไรเลย มันรักเอ็งเทียวไล้เทียวขื่อเอ็งมานานหลายปีแล้ว เอ็งก็ใจอ่อนกับมันบ้างเถอะว่ะ”
เพราะเข้มติดสินบนพ่อแม่ของเธอยังไงเล่า ท่านถึงได้พูดเชียร์ขนาดนี้ เช้าถึงเย็นถึง ซื้อของมากำนัล ผลหมากรากไม้ไม่เคยขาด สุรายาดอง เธอล่ะเกลียดนักพวกเอาหน้ากับผู้ใหญ่
“แม่น่าจะถามหนูก่อน”
“ยังไงก็ตกลงไปแล้ว อย่าให้ต้องเสียผู้ใหญ่ อาทิตย์หน้าฤกษ์ดี พ่อเอ็งไปหาฤกษ์มาให้แล้ว”
“จะบ้าเหรอแม่ ให้แต่งอาทิตย์หน้านี่นะ”
“นังมะลิ เอ็งกล้าว่าข้าบ้าเลยเหรอ”
“หนูไม่ได้ว่าแม่” มะลิรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงเอ็งก็ต้องแต่ง”
“โธ่... แม่ ฉันอยากจะเลือกผัวเองไม่ได้หรือไง”
“เอ็งเป็นลูกก็ต้องทำตามพ่อแม่ พ่อแม่หวังดีเลือกให้ ไม่ดียังไงวะ”
“ไม่พูดกับแม่แล้ว” มะลิลุกหนีสีหน้ามีแง่งอน หน่ายจะคุยกับมารดา เธอรู้ดีว่าเข้มต้องมีของกำนัลมาให้พร้อมด้วยสินสอดที่บิดามารดานึกชอบใจ
หญิงสาวเดินหนีออกมาดูวัวที่ทุ่งนาก็เจอเข้ากับคนที่ต้องแต่งงานด้วย ไม่ชอบวิธีการมัดมือชกของเขากับบิดามารดา เธอเลยเบือนหน้าหนีก่อนจะซอยเท้าหลบเลี่ยงในทันที
“มะลิ เดี๋ยวก่อนสิ” เข้ม หนุ่มวัยสามสิบเรียกเด็กสาววัยยี่สิบอย่างดีใจ ก่อนจะวิ่งมาดักหน้าหล่อนเอาไว้
“ถอยไปเลยนะ”
“คุยกับพี่ก่อนสิ”
“ไม่คุย”
“อาทิตย์หน้าเราจะแต่งงานกันแล้วนะ”
“ใครจะแต่งงานกับพี่”
“รังเกียจอะไรพี่นักหนา”
“ฉันยังไม่อยากแต่งงาน”
เธอตอบเสียงแข็ง เธอคิดว่าตัวเองอายุยังน้อย ยังไม่สมควรจะแต่งงานเสียด้วยซ้ำ เธอไม่อยากมีครอบครัว เห็นครอบครัวคนอื่นแล้วมีแต่ความทุกข์ เหนื่อยหนักต้องเลี้ยงลูกดูแลผัว ไม่ได้เที่ยวเล่นสบายๆ เหมือนคนโสด ปกติแล้วในหมู่บ้านนั้น สาวๆ จะออกเรือนกันเร็วเพราะพ่อแม่ขี้เกียจเลี้ยงดู ก็ปล่อยให้ไปอยู่กับสามี
แรกๆ เธอก็เห็นว่าสามีรักสามีเอาใจ แต่พอได้กันแล้ว อยู่กันไปก็ออกลาย สำมะเลเทเมาบ้างล่ะ ไหนจะขี้เกียจบ้างล่ะ ตอนแต่งกันใหม่ๆ ข้าวใหม่ปลามันน้ำต้มผักที่ว่าขมยังหวาน พออยู่กันไปนานๆ น้ำต้มผักว่าหวานยังว่าขม จากที่กลัวเมียเหนื่อยก็ด่าทอให้เมียทำงาน จิกด่าสารพัด มีลูกเต้าก็ต้องเลี้ยงดู เพิ่มภาระเข้าไปอีก สุดท้ายนอกจากเลี้ยงลูกแล้วก็ยังต้องเลี้ยงผัวด้วย
เธอเห็นบิดามารดาเป็นตัวอย่าง มารดานั้นทำงานเหนื่อยหนักทุกวัน บิดาก็ตั้งวงกินเหล้าเมาหัวราน้ำ ทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง หากวันไหนไม่มีจะกินนั่นแหละถึงได้ทำ พอมีกินก็ใช้จ่ายจนหมดแล้วค่อยหางานทำใหม่
“พี่สัญญาว่าจะดูแลมะลิให้ดีไม่ให้ต้องเหนื่อย”
“เหอะ! ผู้ชายทุกคนก็พูดแบบนี้ พอแต่งไปฉันเห็นเมียทำงานงกๆ”
“พี่จะไม่กินเหล้า จะไม่ขี้เกียจ” เข้มรีบตบปากรับคำ เขามองเด็กสาวด้วยความรู้สึกรักใคร่ แอบพึงใจมานานหลายปีรอจนเธอโตเป็นสาว เขาไม่เคยเถลไถล เที่ยวเตร่ สำมะเลเทเมา ทำงานเก็บเงินอดออมและประหยัดจนเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง
“ก็เห็นพูดแบบนี้ทุกคน” ดูอย่างญาติผู้พี่ของเธอสิ ดูเป็นคนดี ก่อนแต่งงานบอกภรรยาว่าจะไม่สำมะเลเทเมา จะไม่ขี้เกียจ ซึ่งก็ทำได้จริง พอมีลูกก็ลายออก ทั้งๆ ที่ก่อนแต่งงานประพฤติตัวดีทุกอย่าง เธอไม่เชื่อ ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ ในหมู่บ้านนี้มีแต่ผู้หญิงบอกว่าย้อนเวลากลับไปจะไม่แต่งงานเด็ดขาด แล้วเธอจะไปตกนรกแบบนั้นทำไมกันล่ะ
“พี่ไปบอกพ่อกับแม่ให้ยกเลิกเลย”
“ผู้ใหญ่เขาตกลงกันแล้ว” เข้มพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ที่เห็นว่าที่ภรรยามองเมินใส่
“ตกลงกันแล้วก็ยกเลิกได้”
“พี่ไม่กล้าทำให้ผู้ใหญ่ผิดคำพูดหรอกนะ”
“ถึงฉันเองจะห้ามพ่อแม่ไม่ได้เพราะฉันเป็นลูก แต่ฉันไม่มีวันรักพี่หรอก และไม่มีวันรักผู้ชายคนไหนด้วย”
“อย่าใจร้ายกับพี่นักเลย” เข้มไม่กล้าเซ้าซี้กับเด็กสาวอีกเมื่อเห็นเธอเดินหนีกลับบ้าน แต่เขาก็ไม่ลดละความพยายามหมั่นแวะเวียนไปมาหาสู่เอาข้าวของไปฝากบิดามารดาของเธอ
ชายหนุ่มวัยสามสิบยึดคติที่ว่าเข้าทางผู้ใหญ่ดีที่สุด เข้าตามตรอกออกตามประตูเขาไม่เคยทำอะไรให้เสียหาย และไม่เคยคิดจะล่วงเกินเด็กสาวก่อนจะถึงวันแต่งงาน
ไปบ้านเธอทีไร เธอก็สะบัดหน้าใส่ เขาก็ไม่เคยถือโทษโกรธเคือง คิดว่าสักวันเธอต้องใจอ่อน
วันงานก็มาถึง เข้มเห็นเจ้าสาวที่ออกมาจากห้องแต่งตัวเพื่อมาร่วมพิธี แม้ใบหน้าจะไม่ค่อยเต็มใจแต่เขาก็ต้องตะตะลึงในความสวยของเธอ ใบหน้ากลม เกลี้ยงเกลาผิวขาวใส ผมสีดำขลับเงางามที่เกล้าอยู่กลางกระหม่อมทำให้มองเห็นใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นในชุดไทยประยุกต์ที่เขาเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้เธอทั้งหมด
เขาคิดว่าผู้หญิงทุกคนแต่งงานก็คงอยากแต่งตัวสวยๆ สักครั้งในชีวิต เขาจึงทุ่มไม่อั้น ไม่ให้เธอต้องอายใคร
สินสอดทองหมั้นที่บิดามารดาของเธอเรียกร้องเขาก็จัดหาให้ไม่ขัด บิดามารดาของเขาก็เอ็นดูเธอมาก
เมื่อเธอไม่ชอบคนดื่มเหล้า ไม่ว่าในงานจะมีแขกเหรื่อหรือเพื่อนฝูงยื่นเหล้าให้ดื่มแค่ไหนเข้มก็ไม่รับมาดื่ม แต่ปฏิเสธอย่างไม่ให้เสียน้ำใจ จนโดนแซวว่ากลัวเมียตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าห้องหอ เขาเพียงแต่ยิ้มได้พูดอะไร
เข้มจับมือเจ้าสาวเอาไว้ แต่เธอสะบัดหนี เขาหน้าเสียเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถือสาหาความอะไรเธอ เข้าใจว่าเธอยังไม่ชินและใจเธอก็ยังไม่ได้รักเขาอย่างเต็มที่
แต่เขาก็ไม่เคยละความพยายามเลยแม้แต่น้อย แต่งงานกันไปเขาจะดูแลและทะนุถนอมเธอให้ดีทำให้เธอมีความสุขที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งได้ เขาสัญญากับตัวเองแบบนั้น
หลังจากผ่านพ้นพิธีต่างๆ ในช่วงกลางวัน รวมถึงการเลี้ยงแขกก็เป็นพิธีส่งตัวเข้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอ ผู้ใหญ่ต่างอวยพรให้คู่บ่าวสาวมีความสุข อยู่กันไปจนแก่เฒ่า มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง เข้มกราบผู้ใหญ่ ในขณะที่มะลิก็ทำตามเช่นกัน
“อย่าเข้ามานะ” พอผู้ใหญ่ออกไปจากห้องแล้ว มะลิก็รีบถอยหนีขู่เสียงฝ่อ
“พี่ไม่ทำอะไรมะลิหรอก ถ้ามะลิไม่เต็มใจ” เพราะเขารักของเขา รอมานาน เขาอยากเอาชนะใจเธอด้วยความดีและความรัก ไม่อยากหักหาญน้ำใจให้เธอต้องขึงโกรธไปมากกว่านี้
“มะลิอาบน้ำก่อนเลยนะ ตามสบายเลย”
เรือนหอแห่งนี้เขาสร้างขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ เป็นบ้านที่เขาปลูกขึ้นมาใหม่ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น เพราะไม่อยากให้เธอต้องลำบาก
มะลิเข้าห้องน้ำก็รีบอาบน้ำแต่งตัวมิดชิดออกมาอย่างระแวดระวัง เธอเห็นเจ้าบ่าวของตัวเองอาบน้ำเรียบร้อยแล้วเหมือนกันก็นึกสงสัยแต่ไม่ถาม เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขาสิ
“พี่ไปอาบน้ำข้างนอกมาจ้ะ ข้างนอกมีห้องน้ำด้วยนะ” เขาบอกคนที่เหลือบมองแต่ไม่พูดอะไร
ปานวาดตื่นขึ้นมาด้วยอาการอ่อนเพลียและปวดหัวอย่างรุนแรง เธอค้นพบว่าไม่ได้นอนอยู่คนเดียว กวาดสายตามองรอบตัวก็เห็นเพียงห้องไม่คุ้นตา แต่ที่ทำให้เธอตกใจแทบช็อกก็เพราะว่าร่างเปลือยเปล่าของผู้ชายข้าง ๆ “กรี๊ด!!!” ปานวาดกรีดร้องสุดเสียง ปลุกให้เชนที่นอนอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตื่น เขารีบคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ ก่อนที่จะจัดการอุดปากของเธออย่างตกใจเช่นกัน “กรีดร้องทำไมแม่ตัวดี เดี๋ยวคนก็แห่กันมาหรอก” “อื้อ ๆ ๆ” เธอร้องประท้วง อึก ๆ อัก ๆ อยู่ใต้ร่างหนาหนัก ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ “ถ้าเธอไม่ร้องพี่จะปล่อยเธอ เข้าใจไหม” เธอรีบพยักหน้า แต่พอเชนปล่อยมือเธอก็กรีดร้องอีก “กะ.. กรี๊ด! อื้อ...” เชนอุดปากของเธอเอาไว้ กอดปล้ำกันจนเตียงสั่นไปหมด สุดท้ายเชนก็กระแทกริมฝีปากลงไปหา บดจูบเพื่อปิดเสียงร้องของเธอ แต่จูบไปจูบมาดันมามีอารมณ์ อาจเพราะเบื้องล่างไม่มีอะไรสวมใส่อยู่เลย ทำให้แก่นกายชายของเขาเสียดสีกับน้องสาวของเธอถนัดถนี่ “ไม่เงียบใช่ไหม งั้นพี่คงต้องหาอะไรอุดปากของเธอซะ”
โปรย คลั่งรักเมียทาส เพราะพี่สาวขโมยเงินและเครื่องเพชรหนีไป เขาจึงต้องจับเธอเอาไว้เป็นตัวประกัน เป็นทาสบำเรอรักบนเตียงกว้างอันแสนเร่าร้อน เหนือสิ่งอื่นใดยังมีบางอย่างแอบแฝงที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อน ว่าเขาอยากได้เธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น และคลั่งรักเธอมากเพียงใด ตัวอย่างบางช่วงบางตอน มยุรินมองเขาอย่างชื่นชม เขาหล่อ ดูดี ร่ำรวย และเซ็กซี่เหลือร้าย แต่เขาก็ร้ายกาจมากเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะหลงรักผู้ชายร้ายกาจคนนี้ได้ เด็กสาวอยากที่จะเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อใจเจ้ากรรมดันตกหลุมคนใจร้ายอย่างเขาไปเสียแล้ว "อาบน้ำให้ฉันหน่อย" เขาเชยคางสาวให้แหงนขึ้นมาสบตา ก่อนที่ก้มลงมาบดจูบอย่างร้อนแรง "คุณชัชคะ หนูเหนื่อยจังค่ะ" เธอประท้วงน้อย ๆ ในชณะที่ชัชมองเด็กสาวด้วยสายตาร้อนแรง "เธอเป็นทาสของฉันจำไม่ได้หรือไง ถ้าเธอทำตัวดี ๆ เจอพี่สาวเธอเมื่อไหร่ฉันจะไว้ชีวิต หรือเธออยากให้พี่สาวของเธอตาย" "ไม่ค่ะ" มยุรินรีบส่ายหน้าไปมา "ก็อย่าขัดใจฉันสิ" ชัชพูดเสียงกร้าว มองเด็กสาวเหมือนจะกลืนกิน "หนูแค่เหนื่อยน่ะค่ะ" เขาตื่นมาตอนเที่ยงแล้วลากเธอขึ้นเตียงจนเกือบเย็น ก้นของเธอปวดเมื่อยระบบไปหมดแล้ว ช่องคลอดเหมือนจะฉีกขาดเสียให้ได้ ชัชกระแทกไม่ยั้งจนช่วงล่างของเธอแทบพัง เธอตกเป็นของเขาในครั้งแรกยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขายิ่งรู้ก็ยิ่งเอา ไม่ได้บันยะบันยังตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา "นอนอ้าขาเฉย ๆ เหนื่อยด้วยเหรอ บอกให้ตอดก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง" เขาสลัดผ้าห่มที่คลุมกายของเธอออก มยุรินร้องเบา ๆ เพราะตอนนี้ร่างเปลือยเปล่าเปิดเผยต่อสายตาของเขาอีกครั้ง "หนูจะขาดใจแล้วค่ะ" เธอบอกเขาเสียงสั่น กอดอกหน้าแดง แต่เขากระชากแขนที่กอดอกของเธอออก ทำให้ปทุมถันอวบเต็มเด้งไปมาจากแรงขยับ ริมฝีปากหน้าร้ายกาจก้มลงงับดูดอย่างเร่าร้อน
เธอแอบรักเขา จึงยอมเขาทุกอย่าง จนกระทั่งวันที่เธอตั้่งท้อง เธอต้องเลือกระหว่างการทนอยู่กับคนที่ไม่รัก หรือจากไปพร้อมกับลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก
"วันนี้เธอมาหาฉันทำไม" พายัพเอ่ยถามพลางไล่สายตามองร่างสมส่วนไม่วางตา "หนูจะมาขอผัดผ่อนหนี้สินของคุณพ่อไปก่อนจะได้ไหมคะ" เธอบอกเขาเสียงสั่น "ได้สิ มีอะไรแลกเปลี่ยนไหม" เขาแตะลิ้นเลียริมฝีปาก "ตัวหนูพอจะแลกเปลี่ยได้ไหมคะ" เธอรู้ว่าเขาอยากได้เธอ แม้จะรังเกียจเขาเพียงใด แต่เธอก็ต้องทำเพื่อครอบครัว "ก็พอได้นะ" เขายกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มแบบนี้ทำให้เธอต้องกัดปากตัวเอง เขาชอบยิ้มแบบนี้เสมอ ผู้ชายตรงหน้าคือมาเฟียตัวร้าย เขามีเงิน มีอำนาจ ยิ่งใหญ่คับบ้านคับเมืองเสียเหลือเกิน เธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวที่ไม่สามารถต่อกรอะไรกับเขาได้เลย "ไหนลองช่วยตัวเองให้ฉันดูหน่อยสิ" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาด้วยความอาย ฃ เพี้ยะ!!! เธอตบหน้าเขาจนหน้าหัน ไม่รู้เหมือนกันว่ากล้าตบหน้าเขาแบบนี้ได้อย่างไรกัน ใบหน้าของพายัพกระด้าง เขาดุนดันกระพุ่งแก้มเบา ๆ คล้ายเจ็บ ๆ คัน ๆ ดวงตาคมกริบของเขามองเธอไม่วาง "ชอบตบจูบอย่างนั้นเหรอ" เขากระชากเธอเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน "ปล่อยหนูนะ" "ไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าฉันมาก่อน" พายัพดันร่างของเด็กสาวไปจนชิดกับผนัง กวาดสายตามองเธอไม่วาง "ถ้าฉันยังไม่ได้ทดสอบสินค้าจะรู้ได้ยังไงว่ามันคุ้มกับการแลกเปลี่ยนหรือเปล่า เพราะไอ้แฟนของเธอคงไม่ปล่อยให้เธอยังเวอร์จิ้นอยู่กระมัง" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาอีกครั้ง ทั้งอับอาย ทั้งโกรธเกลียดเขาอย่างเหลือล้น เจ้าหนี้หน้าเลือดของบิดา!!!
เธอปลอมตัวไปเป็นเลขาของเขาเพื่อจะจับผิดว่าเขานอกใจเธอหรือเปล่า เพราะแท้ที่จริงเขาคือคู่หมั้นของเธอที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่ปลอมตัวอย่างไรไม่ทราบ ดันไปตกเป็นเมียของเขาเสียนี่ ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “ต่อไปผมจะมารับคุณไปทำงานทุกวัน” “รับทำไมคะ” พิมพ์พิศาอุทานออกมา กำลังคิดอยู่เชียว เขาเหมือนรู้ว่าเธอคิดอะไรเลยพูดดักคอออกมาแบบนี้ “คุณเป็นเลขา เผื่อผมมีงานด่วนอะไรต้องเรียกใช้คุณ คุณก็ต้องพร้อมทุกสถานการณ์ คุณไปทำงานพร้อมผมน่ะดีแล้ว” “เจ้านายคนอื่นเขามารับเลขาไปทำงานด้วยกันแบบนี้ไหมคะ” เธอประชด “รับ” คำสั้น ๆ ของเขาทำให้เธอค้อนเขาเสียวงใหญ่ “เพิ่งรู้นะคะนี่” “คุณกินอาหารเช้าหรือยัง” เสียงท้องของเธอเป็นคำตอบ ทำเอาพิมพ์พิศาต้องลูบท้องตัวเองอย่างเขินอาย “ผมคงไม่ต้องถามคุณซ้ำหรอกนะว่าคุณหิวหรือไม่หิว” ระยะทางที่ขับรถมาถึงคอนโดฯ ของเขาไกลพอสมควร เธอเหลือบมองเขาพลางคิดในใจว่าเขาขับรถจากคอนโดฯ มารับเธอไกลขนาดนี้เชียวหรือ พิมพ์พิศารีบเสไปมองข้างทางเมื่อเขาหันมาสบตากับเธอเข้าพอดี เธอกำลังมองเขาเพลินเชียว เวลาอยู่กับเปรม เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองพอสมควร สมบูรณ์จอดรถหน้าคอนโดฯ หรูของเปรม ก่อนจะรีบลงไปเปิดประตูให้คนทั้งสอง ในขณะที่พิมพ์พิศากำลังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่นั้น เปรมก็แตะข้อศอกของเธอเบา ๆ ทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง “ตามผมมาสิ” เขาเอ่ยกับเธอก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านใน พิมพ์พิศาเริ่มลังเลว่าจะตามเขาขึ้นไปดีไหม เธอเป็นผู้หญิงจะขึ้นห้องไปกับผู้ชายมันก็ดูไม่ดี “เร็วสิคุณ เดี๋ยวไปทำงานสายนะ เรามีเวลาไม่มาก” เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เร่งเร้าให้เธอเดินตามเขาไป พิมพ์พิศาจึงต้องรีบตามเขาขึ้นไปบนห้องพัก “เชิญครับ” เขาเปิดประตูห้องให้เธอ ก่อนจะผายมือให้เธอเข้าไปด้านในก่อน เธอยืนอึ้ง ๆ ทำตัวไม่ถูกอยู่หน้าประตู แต่ก็โดนเขาดันร่างเข้ามาภายในห้องโดยไม่ทันตั้งตัว เพียงแค่ประตูปิดลง เปรมก็กดร่างของเธอไปกับผนังห้อง ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะบดจูบเข้าหาปากของเธออย่างเร่าร้อน “อื้อ... ท่านประธานทำอะไรคะ” พิมพ์พิศาดิ้นรน แต่มือหนาของเขากดมือเธอไปกับผนังห้องไม่ยอมปล่อย “ผมหิว” “หิวอะไรคะ อื้อ... พอก่อนค่ะ” ถามอีกก็ถูกจูบอีก จูบจนปากแทบช้ำ “หิว” เขาตอบสั้นน้ำเสียงอ้อยอิ่ง มองริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอไม่วาง สายตาของเธอนั้นทำให้ท้องไส้ของเธอปั่นป่วนยิ่งนัก “ท่านประธาน อย่าค่ะ” เธอเบี่ยงหลบเมื่อเขาทำท่าจะประทับจุมพิตลงมาอีกครั้ง “ทำไมเรียกพี่เสียห่างเหินแบบนั้นล่ะ” “คะ” พิมพ์พิศาหลุดอุทานออกมา มองเขาตาปริบ ๆ พลางกัดปากตัวเองด้วยความรู้สึกใจสั่นสะท้าน อย่าบอกนะว่าเขารู้ความจริงหมดแล้ว “อุตส่าห์นั่งรถไปตั้งไกล เหนื่อยไหม”
ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “เดี๋ยวบ่าวไปเอาขมิ้นกับมะขามเปียกก่อนนะเจ้าคะ คุณบัวรออยู่ที่ท่าน้ำก่อนนะเจ้าคะ” “จ้ะพี่” กลีบบัวตอบรับ นั่งรออยู่ที่ท่าน้ำด้วยจิตใจเลื่อนลอย “พี่พุดซ้อนมาแล้วเหรอจ๊ะ อุ๊ย! พี่พฤกษ์” หล่อนร้องอุทานเมื่อหันไปก็เจอเข้ากับพฤกษ์ที่วางมือร้อนๆ อยู่ตรงไหล่บอบบางของหล่อน “จะอาบน้ำเหรอ” เขาเอ่ยถาม “ค่ะพี่พฤกษ์” คนพูดมีท่าทีเขินอาย เสียงสั่นสะท้าน ก้มงุดเพราะตัวเองอยู่ในสภาพอันล่อแหลมนัก “ตัวหอมอยู่แล้ว ไม่ต้องอาบก็ได้” เขากระซิบลงตรงริมหู ใช้ริมฝีปากดุนดันกลีบปากของหล่อนเบาๆ พอหล่อนเบี่ยงหลบเขาก็หอมแก้ม ขบเม้มติ่งหูสาวอย่างมีชั้นเชิง “อย่าเจ้าค่ะพี่พฤกษ์ เดี๋ยวบ่าวในเรือนมาเห็นเข้า” “ไม่มีใครมาเห็นหรอก ข้าสั่งไอ้เข้มเอาไว้แล้วว่าไม่ให้ใครเข้ามา” “ตรงนี้เป็นท่าน้ำนะเจ้าค่ะ มันไม่เหมาะสม” “ท่าน้ำแล้วทำไม” เขาปลดอาภรณ์ออกจากกาย ไม่ได้สนใจเสียงประท้วงของหล่อนอีก เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ และเวลานี้เขาต้องได้หล่อนให้สมใจอยาก
หนุ่มใหญ่วัย 42 เจ้าของโรงแรมและรีสอร์ตระดับ 5 ดาว ผู้ทรงอิทธิพลแห่งขุนเขา ดุดัน โหดและดินเถื่อน ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับสายตาและรอยยิ้้มแสนหวาน ของสาวน้อยวัย 19 เธอคือ made mind day เธอคือคนที่ทำให้วันเครียดๆ ของเขากลายเป็นสีชมพู รอยยิ้มของเธอทำให้เขาไม่มีวันลืม นอนไม่หลับ และเฝ้ารอที่จะได้เห็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง “ปวดท้องอีกแล้วค่ะ อื้อ! พอปวดมันก็ไหลออกมาอีก” “บอกอาเลย ให้อาทำยังไง” “ไปร้านสะดวกซื้อ ซื้อผ้าอนามัยให้วีได้ไหมคะ” “ไอ้เขตไปร้านสะดวกซื้อ เร็ว” พ่อเลี้ยงหนุ่มสั่งอย่างรีบร้อน ก่อนจะประคองมนัสวีเขามากอดปลอบไปก่อนเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร “ครับๆ” ว่าแล้วเขตแดนก็ขับรถไปพาร้านสะดวกซื้อทันทีซึ่งหาไม่ยาก “ถึงแล้ว ให้อาซื้ออะไรบ้างบอกมาซิ” ครั้นจะให้หนุ่มๆ ไปซื้อก็มีความรู้เท่ากันนั่นแหละ สู้เขาไปจัดการเองดีกว่า “ได้เหรอคะ วีกลัวคุณอาจะ...” “ไม่เป็นไรวีเดินไม่ไหว ไหนกางเกงน่าจะเปื้อนแล้ว” “เอาแบบกลางวัน ยาว 30 cm. 1 ห่อนะคะ แล้วกลางคืนยาว 35 cm. ค่ะ ถ้าหาไม่เจอบอกพนักงานก็ได้ค่ะ” “โอเคจ้ะ” ได้หรือไม่ได้เขาก็รับปากไปก่อนก็แล้วกัน ว่าแล้วจึงรีบลงจากรถพุ่งตัวเข้าไปในร้านในทันที เพียงไม่กี่ล็อกก็เจอผ้าอนามัยแต่ “คุณพระคุณเจ้ามีเป็นร้อย เอ่อ ไงดีวะ” ด้วยความไม่แน่ใจ กลัวหยิบไปผิด ต้องรวบรวมความกล้าและทิ้งความอายไปถามพนักงาน ไม่งั้นเมียเขาม่ได้ใส่ผ้าอนามัยแน่ๆ เชียว “ขอโทษทีครับ คือ ผม... มาซื้อผ้าอนามัยให้... ภรรยา แต่ไม่รู้ว่าต้องเลือกยี่ห้อไหนขนาดอะไรหรือแบบไหนถึงจะดี”
เซี่ยถิงถิง ย้อนเวลากลับมาในวันที่แฟนหนุ่มได้บอกเลิกกับเธอ เด็กสาวที่มากความสามารถจากหมู่บ้านเชิงเขาเล็กๆ ครอบครัวของเธอเป็นเกษตรกรมา 13 ชั่วอายุคน เซี่ยถิงถิงถือว่าเป็นปัญญาชนคนแรกของหมู่บ้าน ตลอดเวลาเด็กสาวที่หน้าตาสะสวยและเรียนดีผู้นี้ เป็นคนที่เชื่อฟังคำสั่งสอนของครอบครัวและค่อนข้างจะหัวโบราณอยู่บ้าง นี่จึงเป็นสาเหตุให้แฟนหนุ่มของเธอมีอันต้องเลิกรากันไปเพราะถิงถิงไม่เคยหลับนอนกับเขา นั่นถือว่าเป็นการหมื่นเกียรติของตัวเธอเอง แต่สาเหตุที่แท้จริงแล้วแฟนหนุ่มของเธอเพียงต้องการเกาะกิ่งไม้สูงเพื่อความก้าวหน้าเพียงเท่านั้น เพียงเพราะถิงถิงมาจากครอบครัวชาวนาในชนบทไม่มีแรงสนับสนุนเขาให้ปีนป่ายขึ้นไปอยู่บนกิ่งไม้สูงได้ตามที่เขาต้องการ เขาจึงต้องหันหลังให้กับถิงถิงเพื่อไปเกาะขาลูกสาวนายทหารยศใหญ่ที่มีฐานะร่ำรวยและพร้อมสนับสนุนเขาในสิ่งที่เขาต้องการ ถิงถิงเองถึงแม้จะเสียใจมาก แต่สำหรับเธอแล้ว ชาวนาแล้วอย่างไร ชาวนาก็ถือว่ามีเกียรติ คุณรังเกียจชาวนาก็อย่ากินข้าวที่ชาวนาปลูกก็แล้วกัน ในเวลาชั่วข้ามคืนจากความรักที่เธอมีให้แฟนหนุ่มแต่ตอนนี้เธอมีเพียงความรังเกียจและเสียใจที่มองคนผิดไปเท่านั้น ถิงถิงตัดสินใจลาออกจากงานและเก็บกระเป๋ากลับบ้านเกิด เธอจะพลิกภูเขาแห้งแล้งที่บ้านเกิดให้เป็นแหล่งอาหาร อันอุดมสมบูรณ์ เธอจะทำให้คนที่ดูถูกเธอได้เห็นว่า เกษตรกรนั้นหาได้ต่ำต้อยไม่ เธอจะต้องร่ำรวยเพราะอาชีพของเธอให้ได้ในสักวันและจะตอกหน้าคนพวกนั้นคืนให้สาสม แต่ที่น่าอับอายที่สุดไม่ใช่ถูกแฟนหนุ่มบอกเลิกในที่สาธารณะ แต่เป็นเธอที่เดินเหยียบเปลือกกล้วยแล้วลื่นล้มหัวฟาดต่างหาก เพราะความโมโหทำให้ไม่ทันได้มองทาง นี่ถือว่าตายด้วยความอับอายและคับแค้นใจมากที่สุด ขอบคุณพระเจ้าที่ให้โอกาสเธอได้กลับมา
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
ลู่หมิงเยว่ถูกแฟนนอกใจ และยังโดนดูถูกว่าเธอแค่ดีแต่หน้าตา ด้วยความโกรธ ลู่หมิงเยว่ใช้เสน่ห์ของเธอไปมีความสัมพันธ์กับเยี่ยนเฉิงจือประธานบริษัท แต่เธอกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ หลังจากเสร็จธุระนั้นเธอก็หนีไปเงียบๆ และยังเข้าใจผิดว่าคนในคืนนั้นคือเพลย์บอย เสิ่นเว่ยตง ทำให้เยี่ยนเฉิงจือเข้าใจผิดว่าเธอชอบคนอื่น เขาเลยแอบอิจฉาและหึงหวงอยู่เงียบๆ มานาน
เสิ่นหยวูแต่งงานกับเหอซวี่ที่เป็นสูติแพทย์ตอนอายุยี่สิบสี่ปี สองปีต่อมา เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว เหอซวี่ก็วางแผนแท้งลูกเธอด้วยมือตัวเอง และหย่าร้างกับเธอ ระหว่างช่วงเวลาที่มืดมนเหล่านี้ ตู้หยวุนปรากฏตัวเข้าในชีวิตของเสิ่นหยวู เขาทำดีต่อเธออย่างอ่อนโยน และให้ความอบอุ่นแก่เธออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ทำให้เธอต้องเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน สุดท้าย เสิ่นหยวูจึงเข้มแข็งขึ้นหลังผ่านพ้นไปกับทุกอย่างแล้ว แต่เมื่อความจริงก็ถูกเปิดเผยในที่สุด เธอจะยอมรับและอดทนได้ไหม? อยู่เบื้องหลังตู้หยวุนผู้ที่หล่อเหลาดูมีเสน่ห์นั้นเป็นใคร?และเมื่อพบคำตอบแล้ว เสิ่นหยวูจะรับมือยังไง ?
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY