“ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ” “โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ” ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร “คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ” ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า “ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?” นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
“ลุงโจว๋คะ นี่ค่ะ หนังสือข้อตกลงการหย่า ฉันเซ็นชื่อแล้วนะคะ รบกวนช่วยนำไปให้ คุณโฮ่วหลิงเฉิน ด้วยนะคะ”
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เหนียนหย่าเสวียน จะรวบรวมความกล้า ยื่นหนังสือข้อตกลงการหย่าให้กับลุงโจว๋ พ่อบ้านประจำตระกูล โฮ่ว
ลุงโจว๋ ถึงกลับอึ้งไป เมื่อได้ยินเธอพูดว่า “หนังสือข้อตกลงการหย่า” เดิมทีเขาคิดว่าการที่ หย่าเสวียน ต้องการที่จะหย่า เพราะเธอแค่ต้องการสินสมรสของหลิงเฉิน
แต่เมื่อเขาอ่านดูเอกสารแล้ว เขากลับพบว่า เธอไม่ต้องการอะไรเลย
ลุงโจว๋ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “หย่าเสวียน ทำไมคุณถึงได้ซื่อแบบนี้ล่ะ? ทำไมคุณถึงอยากที่จะหย่ากับคุณโฮว่ และไม่ต้องการทรัพย์สินอะไรเลย?”
หย่าเสวียนเป็นเพียงนักศึกษาวิทยาลัย และเธอไม่มีพ่อแม่ที่ไหน มันไม่ฉลาดเลยที่เธอจะขอหย่าตอนนี้ และที่สำคัญคือ เธอไม่ต้องการทรัพย์สินอะไรเลย
หย่าเสวียน แสร้งมองไปทางอื่น ก่อนจะเอามือขึ้นเกาหัวอย่างประหม่า “คุณหลิงเฉินกับฉัน แต่งงานกันมาได้สามปีแล้ว แต่การแต่งงานของเรา เป็นเพียงแค่กระดาษใบหนึ่งเท่านั้น ฉันไม่อยากเสียเวลากับเขาอีกต่อไป” เธอบอกกับลุงโจว๋ออกมาตรง ๆ
เธออยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง เธอไม่ต้องการให้การแต่งงานแต่เพียงในนามครั้งนี้ พรากชีวิตที่ควรจะเป็นไปจากเธอ
ในสายตาของเธอ หลิงเฉินเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่เธอไม่เคยพบเจอเลยสักครั้ง เธอจึงไม่มีอะไรจะเสีย หากจะปล่อยเขาไป และการแต่งงานในครั้งนี้ ล้วนถูกจัดแจงโดยพ่อแม่ที่ล่วงลับไปแล้วของเธอ เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลย
“ผมเข้าใจแล้ว คุณคงตัดสินใจดีแล้ว วันนี้ เอ่อ...ไม่สิ ผมจะนำเอกสารนี่ ไปมอบให้คุณโฮ่ว ในวันพรุ่งนี้นะครับ”
หย่าเสวียน ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ขอบคุณนะคะลุงโจว๋” เธอพูดพร้อมฉีกยิ้มอย่างน่ารัก
ลุงโจว๋ลุกขึ้น แล้วเดินออกไป แต่ก่อนจะก้าวออกไป เขาหันมาหาหย่าเสวียนอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นว่า “คุณโฮว่ เป็นคนดีนะครับ ผมคิดว่าคุณสองคนเหมาะสมกันนะครับ ผมหวังว่าคุณจะทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง”
‘เหมาะสมกันอย่างนั้นเหรอ?’ หย่าเสวียนทวนคำในใจ แต่ตลอดสามปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยเห็นสามีของเธอด้วยซ้ำตลอด ต่อให้เป็นคู่ที่เหมาะสมกัน แล้วยังไงล่ะ?
รอยยิ้มที่ขมขื่น ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเธอ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และตอบอย่างหนักแน่นว่า “ฉันตัดสินใจแล้วค่ะลุงโจว๋”
บ่ายวันต่อมา ลุงโจว๋ยังไม่ได้รับโทรศัพท์จากหย่าเสวียน เขาหวังว่าเธอจะคิดได้ และเสียใจที่ตัดสินใจขอหย่า หรืออย่างน้อย ๆ เธออาจจะอยากแก้ไขเงื่อนไข และเรียกร้องอะไรบ้าง แต่เธอก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น
ลุงโจว๋จำใจหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วกดโทรออก ทันทีที่ติดต่อ หลิงเฉินได้ เขาก็พูดว่า “คุณโฮว่ครับ มีเอกสารให้คุณโฮว่เซ็นครับ
“เอกสารอะไร?” หลิงเฉินถามอย่างไม่ใส่ใจ
ลุงโจว๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “มัน...เป็น หนังสือข้อตกลงการหย่าครับ”
โฮว่หลิงเฉิน ซึ่งกำลังจัดการกับเอกสารบางอย่างอยู่ ถึงกับชะงักไปทันที
ตอนนั้นเองที่เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเขามีภรรยาแล้ว
เมื่อลุงโจว๋ไม่ได้รับคำตอบจากปลายสาย เขาจึงพูดต่อว่า “นายท่านครับ ทำไมคุณโฮว่ไม่ลองคุยกับ คุณหย่าเสวียน เกี่ยวกับเรื่องนี้ดูล่ะครับ”
“เธอต้องการเท่าไหร่?” หลิงเฉินถามอย่างเย็นชา
“เธอไม่ต้องการอะไรเลยครับ แม้แต่สินสมรส
“เธอไม่ต้องอะไรเลยงั้นเหรอ?”
“ครับ แต่คุณโฮว่ครับ ตอนนี้คุณท่านอาการไม่สู้จะดี ถ้าคุณท่านรู้เรื่องนี้เข้าอาจจะอารมณ์เสียได้นะครับ และถ้ามีข่าวว่าคุณโฮว่ถูกภรรยาทิ้ง แพร่ออกไป ผมเกรงว่าจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของบริษัทได้นะครับ” ลุงโจว๋ให้เหตุผล
“เอาล่ะ เอาหนังสือข้อตกลงที่ว่ามาให้ผมที่ทำงานล่ะกัน ผมจะกลับไปที่เมืองเยว่ในอีกสองวันนี้”
“ได้ครับ คุณโฮว่” ลุงโจว๋ไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านั้น
ถ้าหลิงเฉินได้ตัดสินใจอะไรแล้ว ไม่มีใครจะเปลี่ยนใจเขาได้
ที่บลูไนต์บาร์ในเมืองเยว่
ตกกลางคืนจะมีหนุ่มสาวทยอยกันเข้าไปในบาร์ ยิ่งดึกบาร์ก็ยิ่งคึกคัก
ปกติหย่าเสวียนมักจะสวมชุดลำลองแบบสบาย ๆ แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ เธอจึงสวมชุดราตรีสีชมพูประดับลูกไม้ ปกติแล้วเธอจะไม่แต่งตัวแบบนี้ เพื่อน ๆ ของเธอต่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพร่วมกับเธอผู้เป็นเจ้าของวันเกิด
ขณะหนุ่มสาวกำลังสนุกสนานกับงานเลี้ยงอยู่ จู่ ๆ ชายขี้เมารูปร่างอ้วนท้วมคนหนึ่งก็เดินเข้ามา และจู่โจมเข้าไปกอดหย่าเสวียน
“เฮ้ คนสวย ถ่ายรูปด้วยกันหน่อยสิ”
เมื่อถูกชายคนดังกล่าวลวนลาม หย่าเสวียนจึงตบหน้าเขาไปอย่างเต็มแรง
ชายขี้เมาสร่างเมาในทันที เขากัดฟันกรอด และปรี่เข้าหาเธอ หวังจะให้บทเรียนแก่หย่าเสวียน
โชคดีที่เพื่อนของเธอยืนขวางไว้
หย่าเสวียนเป็นคนสวยสะดุดตา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกผู้ชายล่วงเกิน
เพื่อนคนหนึ่งของหย่าเสวียน มองไปที่ชายขี้เมาคนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็พูดอย่างเหยียด ๆ ว่า “แก่ขนานนี้แล้ว ไม่ดูสังขารตัวเองบ้างเหรอ? มาลวนลามผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง?”
“ก่อนจะออกจากบ้าน หัดส่องกระจกดูสารรูปตัวเองบ้างนะ กล้าดียังไงมาขอผู้หญิงสวย ๆ อย่างนี้ถ่ายรูป?” “ไอ้โรคจิต” เพื่อนเธอคนหนึ่งสบถออกมา
ชายคนนั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่ถูกเด็กวัยรุ่นพูดจาดูถูกเยีนดหยามเรื่องรูปร่างหน้าตา เขาวางเครื่องดื่มลงด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน และตะโกนออกมาว่า “แกกล้าดียังไง!? ฉันไม่ปล่อยแกไปแน่!”
ทันทีที่พูดจบเขาก็โบกมือ ทันใดนั้น กลุ่มอันธพาลก็เข้ารุมล้อมหย่าเสวียนและเพื่อน
คนที่มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของหย่าเสวียนล้วนเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของเธอ ด้วยเกรงจะสร้างปัญหาให้ตัวเอง พวกเขาจึงไม่กล้ามีเรื่องนอกสถานศึกษา
ขณะนั้นนัตย์ตาของหย่าเสวียนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อตระหนักว่าพวกเธอมีคนน้อยกว่า เธอจึงตะโกนขึ้นอย่างไม่รอช้าว่า “วิ่ง!”
เพื่อน ๆ ของเธอต่างรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาของฮีโร่ พวกเขาต่างคว้ากระเป๋า แล้ววิ่งหนีอย่างไม่รีรอ
แล้วพวกอันธพาลก็วิ่งไล่ตามพวกเธอ
โชคร้ายที่หย่าเสวียนวิ่งเร็วไม่ได้เพราะเธอสวมชุดราตรี และรองเท้าส้นสูง เธอหลุดออกจากกลุ่มเพื่อน ก่อนจะไปถึงทางออก
เธอถอดรองเท้าออก และวิ่งด้วยเท้าเปล่า
เมื่อถึงทางเลี้ยวตรงหัวมุม เธอสังเกตเห็นร่างคุ้น ๆ
ขณะนั้นพวกอันธพาลกำลังใกล้เข้ามา หย่าเสวียนที่เมานิดหน่อย ๆ ไม่มีเวลาคิดหน้าคิดหลัง จึงเหวี่ยงตัวเองเข้าสู่อ้อมแขนของชายคนนั้น และโอบกอดเขาอย่างไม่มีทางเลือก “ที่รักขา!” แล้วเธอก็เรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อน
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี