เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต แต่ถ้าไม่มีเงิน ทุกอย่างในชีวิตก็จบ! นี่คือสิ่งที่บรรพบุรุษปลูกฝังใส่หัวของ งามระยับ มาตั้งแต่ลืมตาดูโลก และด้วยคำสั่งสอนนี้จึงทำให้หล่อนไม่เคยคิดที่จะงอมืองอเท้า และไม่เคยคิดที่จะกลับไปยากจนข้นแค้นเหมือนสมัยเด็กๆ อีก ดังนั้นอะไรที่เป็นเงินเป็นทอง อะไรที่จะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ หล่อนสาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีทางปฏิเสธมันเด็ดขาด แม้กระทั่งการรับจ้างแต่งงานกับผู้ชายรุ่นคุณอาบ้านข้างๆ ที่เขาหยิบยื่นมาให้ ‘ก็แหม... ค่าจ้างตั้งหนึ่งล้านบาท ใครไม่เอาก็สมองเลอะเลือนแล้วล่ะ’ ไทเรลล์ ลินเดลอฟ คุณหมอหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่ออายุอานามเข้าเฉียดใกล้เลขสี่ ชายหนุ่มถูกมารดาบังคับให้แต่งงาน เพราะกลัวว่าจะไม่ได้อุ้มหลานก่อนตาย แต่ปัญหามันติดอยู่ตรงที่ผู้หญิงที่มารดาเลือกมาเป็นเจ้าสาวไม่ใช่ยายเด็กจอมงกข้างบ้านที่เขาแอบชอบนี่สิ แผนการรักจึงต้องเกิดขึ้น ในเมื่อยัยเด็กงามระยับหายใจเข้าออกเป็นเงินตลอดเวลา เขาก็จะใช้เงินที่หล่อนแทบจะกินแทนข้าวนี่แหละ ลวงล่อให้หล่อนเดินเข้ามาในหลุมรัก และฝังกลบหล่อนเอาไว้ในหัวใจของเขา จนหล่อนไม่มีทางดิ้นหนีไปไหนได้อีกตลอดกาล ‘เธอชอบเงินก็อยู่กับเงินไป ส่วนฉันชอบเธอ ฉันก็จะอยู่กับเธอไปชั่วชีวิต เห็นไหม เราวินวินกันทั้งคู่’
บทที่ 1
บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ในชุดทำงานสะอาดสะอ้านก้าวออกจากคฤหาสน์หลังงาม มุ่งหน้าตรงไปยังรถยนต์ส่วนตัวที่คนขับรถติดเครื่องจอดรออยู่
ไทเรลล์ ลินเดลอฟ คือชื่อของเขา หนุ่มลูกครึ่งไทย-รัสเซียผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรลงมาจุติ ใบหน้าของเขาคมสัน เครื่องหน้าเหมาะเจาะลงตัว ริมฝีปากหยักสวยสีแดงสดแย้มยิ้มเสมอเมื่อมีสิ่งที่พึงใจอยู่ตรงหน้า
เขาอายุอานามย่างเข้าสามสิบแปดปีแล้ว แต่ก็ยังครองตัวเป็นโสด ไม่ยอมแม้แต่จะมีคนรักอีกหลังจากที่เลิกรากับอดีตคนรักไปเมื่อเจ็ดปีก่อน ทุกคนรวมถึงมารดาของเขาต่างลงมติว่าไทเรลล์อาจจะยังเจ็บปวดกับความรักครั้งเก่า ทำให้ไม่ยอมมีความรักครั้งใหม่ ดังนั้นท่านจึงมักจะจัดหาหญิงสาวชาติตระกูลดีแต่หน้าตาไม่ได้ดีตามชาติตระกูลมานำเสนอให้เขาเลือกเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีสาวคนไหนสามารถเอาชนะใจคุณหมอหนุ่มรูปงามคนนี้ได้เลย
“คุณหมอคะ”
เสียงกระหืดกระหอบของสาวใช้ดังขึ้นด้านหลัง ชายหนุ่มชะงักเท้าและหมุนตัวกลับไปมอง
“มีอะไรหรือมาลี”
“คุณผู้หญิงให้มาเตือนว่าเย็นนี้คุณหมอมีนัดดูตัวนะคะ”
สีหน้าของไทเรลล์เกลื่อนไปด้วยความเบื่อหน่าย แต่ก็ยังคงระบายยิ้มอบอุ่น
“ฉันไม่ลืมหรอก”
สาวใช้ระบายยิ้มกว้าง ยืนมองเจ้านายหนุ่มสุดหล่อแล้วก็บิดตัวม้วนไปมา เพราะไทเรลล์หล่อเหลาเหลือเกิน
“ไปบอกคุณแม่ได้แล้ว ไม่ต้องมายืนจ้องฉันแบบนี้หรอก”
“ก็คุณหมอหล่อเหมือนไม่ใช่คนนี่คะ”
ริมฝีปากของไทเรลล์คลี่ยิ้มขบขัน “ถ้าฉันไม่ใช่คน แล้วฉันเป็นผีหรือไง”
“เปล่าค่ะ เป็นเทวดา”
ไทเรลล์หัวเราะเสียงดังมากขึ้น ก่อนจะยกมือขึ้นโบกไล่สาวใช้อย่างไม่อยากเสียเวลาอีก
“ไปได้แล้ว ฉันจะไปทำงานเหมือนกัน”
“ค่ะคุณหมอ”
ไทเรลล์มองสาวใช้วัยรุ่นที่วิ่งหน้าตั้งหายเข้าไปในตัวตึกใหญ่ด้วยความขบขัน ก่อนจะเดินตรงไปที่รถคันงาม
“ไปได้แล้วครับ ลุงริชาร์ด”
“ครับคุณหมอ”
ชายหนุ่มก้าวขึ้นรถ ริชาร์ดปิดประตูรถให้อย่างนุ่มนวล ก่อนจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ และเคลื่อนเจ้ายานพาหนะราคาแพงระยับไปข้างหน้า เพื่อไปยังโรงพยาบาลเอกชนสุดหรูใจกลางเมือง ซึ่งเป็นกิจการหลักของตระกูล ลินเดลอฟ
หลังจาก มิลเลอร์ ลินเดลอฟ เสียชีวิตลงกะทันหันด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสิบปีก่อน ลินดา ลินเดลอฟ ผู้เป็นมารดาของไทเรลล์ ลินเดลอฟ ก็ต้องเข้ามาดูแลกิจการเองทุกอย่าง โชคดีที่ไทเรลล์สนใจเรียนทางการแพทย์ เมื่อชายหนุ่มเรียนจบ จึงได้เข้ามาบริหารโรงพยาบาลของครอบครัวแทนผู้เป็นมารดา ซึ่งแน่นอนว่าไทเรลล์ทำได้เป็นอย่างดี เพราะหลังจากที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารเต็มตัว ลินเดลอฟ ฮอสปิตอล ก็กลายเป็นโรงพยาบาลชั้นนำอันดับหนึ่งของประเทศไทย และมีสาขามากมายทั้งในประเทศไทย และประเทศรัสเซีย
คุณหมอหนุ่มไทเรลล์ ลินเดลอฟ คือผู้ชายในฝันของสาวน้อยสาวใหญ่ แต่แปลกมากที่ไทเรลล์ไม่สนใจจะสานสัมพันธ์กับสาวใดเลย แม้ว่าลินดาผู้เป็นมารดาจะจัดหาผู้หญิงมาให้ดูตัวแทบทุกวัน
ริชาร์ด ชายสูงวัยผู้รับใช้มาตั้งแต่ที่มิลเลอร์ยังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งตอนนี้เขามารับใช้บุตรชายของเจ้านายเก่าอย่างภักดี ดวงตาสีอ่อนเหลือบมองกระจกมองหลัง เห็นไทเรลล์นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านแฟ้มงานที่ถือติดตัวกลับมาบ้านทุกวันอย่างเคร่งเครียด แต่แล้วพอรถคันงามแล่นผ่านป้ายรถเมล์ปากซอยทีไร สายตาคมกริบของไทเรลล์ก็จะต้องละจากแฟ้มงานในมือหันมองออกไปนอกตัวรถเสมอ มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ทุกวัน จนเขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าที่ป้ายรถเมล์มีอะไรดึงดูดสายตาของไทเรลล์เอาไว้
ไม่มี...ไม่น่ามีอะไรเลย เพราะตรงนั้นล้วนแต่มีผู้คนทั้งหญิงชายหลายวัยยืนรวมกันอยู่ และเฝ้ารอคอยการมาของรถโดยสารประจำทาง หลายครั้งเขาอยากจะเอ่ยถาม แต่เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวจึงทำให้ยั้งปากเอาไว้ได้ทุกครั้ง
เมื่อรถแล่นผ่านป้ายรถเมล์นั้นมาแล้ว สายตาคมกริบของไทเรลล์ก็จะกลับมาจ้องมองแฟ้มงานในมือเหมือนเดิม ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีแต่สีหน้าเรียบเฉยของคุณหมอหนุ่มเท่านั้นแหละที่มีรอยยิ้มน้อยๆ เพิ่มขึ้นมานิดหน่อย
“เดี๋ยวนี้คนหันมาใช้บริการรถเมล์กันมากขึ้นนะครับ”
“มากขึ้นหรือ ผมไม่ทันได้สังเกต” น้ำเสียงติดตลกของไทเรลล์ทำให้ริชาร์ดอดที่จะพูดออกไปอีกไม่ได้
“คุณหมอล้อผมเล่นใช่ไหมครับเนี่ย”
“ล้อเล่นเรื่องอะไรหรือครับ” คนที่ก้มหน้ามองเอกสารในมือเงยขึ้น คิ้วเข้มดกหนาเลิกสูงเช่นกัน
“ก็...คุณหมอพูดเหมือนไม่ได้มองออกไปที่ป้ายรถเมล์อย่างนั้นแหละครับ” ริชาร์ดแกล้งพูดติดตลก
“ผมมอง แต่ไม่ได้มองทุกคนนี่”
คำตอบของไทเรลล์ดังขึ้น ก่อนที่คุณหมอหนุ่มจะก้มหน้าลงอ่านเอกสารในมืออีกครั้ง ทำให้ริชาร์ดไม่กล้ารบกวนอีก คนขับรถสูงวัยจึงได้แต่แปลกใจกับคำตอบของเจ้านายเพียงเท่านั้น
‘ไม่ได้มองทุกคน งั้นก็แสดงว่าต้องมีใครบางคนในนั้นที่ดึงดูดสายตาของคุณหมอเอาไว้อย่างแน่นอน’
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
นาธัชชาถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะเธอมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ใครจะคิดว่าชีวิตเด็กเจ็ดขวบ จะถูกโชคชะตาเล่นตลกครั้งแล้วครั้งเล่า และพลิกผันจนกลายเป็น 18 มงกุฏ เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ฟาเบียน (อายุ 35 ปี) ชายหนุ่มรูปหล่อทายาทคนโตแห่งมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจโรงแรมทั้งที่ไทยและฝรั่งเศส ชีวิตของเขามีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไร้เงาของสาวข้างกาย ใครๆ ก็พูดว่าเขาตั้งมาตรฐานผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไว้สูง บางคนบอกว่าระดับเขาต้องได้ผู้หญิงระดับนางงามที่มีมงกุฏการันตีความสวย ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะสาวที่เข้ามาพัวพันเป็นสาวสวยที่มีมุงกุฏการันตี และไม่ได้มีแค่มงกุฏเดียว เพราะเธอเป็น 18 มงกุฏ นาธัชชา (อายุ 20 ปี) นาธัชชาหรือหนูนา เด็กหญิงผู้เผชิญกับชีวิตที่แสนรันทดตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ เธอถูกพ่อแท้ๆ ยัดเยียดให้เป็นตัวซวย เพียงเพราะมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ชีวิตของเธอต้องพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกราฟชีวิตที่มีแต่จะตกต่ำ จนถึงขั้นต้องเป็น 18 มงกุฏ เพียงเพราะความอยู่รอดของชีวิต ความแตกต่างและความห่างชั้นทางสังคม จะชักนำให้เขาและเธอมาเจอกันได้อย่างไร เรามาติดตามไปพร้อมๆ กันค่ะ - ฟาเบียน ลูกชายคนโตของ เซดริก และมาลารินทร์ จากเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ - นาธัชชา หรือหนูนา ตัวละครใหม่ คำเตือน -นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริง -นิยายอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องเพศ และมีคำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน - นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย