ครอบครัวของเธอเป็นหนี้คุณย่าของเขา และเขาก็ชี้นิ้วเลือกน้องสาวที่กำลังมีอนาคตสดใสของเธอเพื่อนำไปบำเรอกาม เธอผู้เป็นพี่สาวจึงยอมไม่ได้ จึงต้องสวมรอยเป็นน้องสาวมาบำบัดความใคร่ให้เสือผู้หญิงอย่างเขาแทน ดาหลาสะดุ้งรู้สึกตัวตื่นเมื่อที่นอนข้างตัวยุบยวบ หล่อนรู้ทันทีว่าใครมาเยือน ภูผา... ผู้ชายปากร้าย และใจร้ายคนนั้นนั่นเอง หล่อนไม่กล้าเอะอะโวยวาย เพราะเกรงว่าเขาจะจับได้ว่าตนเองนั้นไม่ใช่ดาริกา อย่างน้อยๆ พรุ่งนี้หากเรื่องมันผ่านไปแล้ว ภูผาก็คงจะยอมปล่อยให้อะไรเลยตามเลย หล่อนหวังเอาไว้แบบนั้น... “คุณภูผา...” ในห้องยังคงมืดสลัวเพราะไม่มีแสงไฟจากโคมไฟหัวเตียง และก็ดูเหมือนว่าผู้ชายตัวโตที่ปรากฏกายพร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์จะไม่ต้องการแสงไฟเช่นกัน มือใหญ่ของเขาคลำสะเปะสะปะมาคว้าแขนของหล่อนเอาไว้ ไอร้อนจากปลายนิ้วแข็งแรงพุ่งเข้าใส่กายสาวทำให้หล่อนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว “พร้อมจะบำเรอฉันแล้วใช่ไหม”
ขยี้สวาทเจ้าสาวนางบำเรอ ตอนที่ 1
ดาหลา ฤกษ์อนันต์ ลูกสาวคนโตของ คุณอนุชา กับ คุณวาสนา ฤกษ์อนันต์ โดยดาหลามีน้องสาวหนึ่งคนชื่อ ดาริกา ซึ่งตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
ดาหลาเพิ่งเรียนจบการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีมาเมื่อต้นเดือนก่อน และตอนนี้ก็กำลังพยายามที่จะหาสมัครงาน แต่ก็ยังไม่มีสถานประกอบการณ์ใดเรียกตัวไปสอบสัมภาษณ์แม้แต่แห่งเดียว
ครอบครัวของดาหลาค่อนข้างยากจน เพราะมารดาอยู่บ้านไม่ได้ทำงาน โดยมีบิดาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการขับแท็กซี่รับจ้างหาเลี้ยงคนในครอบครัว
หล่อนสงสารพ่อมาก และก็ตั้งใจเรียนจนได้รับเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลมาครอบครองได้สำเร็จ แต่กระนั้นก็ยังหางานทำไม่ได้เลย
วันนี้พ่อออกไปขับแท็กซี่เหมือนเช่นทุกวัน พ่อออกไปตั้งแต่เช้ามืด ในขณะที่หล่อนก็รีบตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะไปหาสมัครงานเหมือนทุกวัน
หล่อนแต่งตัวจนเสร็จก็ออกมานอกห้องนอน ก่อนจะต้องแปลกใจ เมื่อเห็นมารดายืนอยู่นอกรั้วบ้านเช่า และกำลังยกมือไหว้ผู้หญิงสูงวัยแต่งตัวภูมิฐานคนหนึ่งอยู่
หล่อนไม่เคยมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นหรือเผือกเรื่องของชาวบ้าน แต่สีหน้าและท่าทางของมารดาที่เห็น ทำให้อดแคลงใจไม่ได้
แม่เหมือนมีอะไรปิดบังอยู่...
หล่อนย่ำเท้าด้วยความระมัดระวังเดินตรงไปยังรั้วที่สูงแค่เพียงครึ่งตัว และหลบอยู่หลังพุ่มไม้
“รบกวนคุณปรานีเรียนคุณหญิงกรรณิการ์ให้ฉันด้วยนะว่า พรุ่งนี้ฉันจะรีบหาดอกเบี้ยมาส่งให้จ้ะ”
“พูดแบบนี้มาตั้งไม่รู้กี่รอบแล้ว คุณท่านไม่ฟังแล้วล่ะ ถ้าไม่ส่งดอก ก็จะถูกยึดรถแท็กซี่นะ”
นี่แม่ของหล่อนเอารถแท็กซี่ที่พ่อขับ ไปจำนองเอาไว้กับคนพวกนี้เหรอ
ดาหลาเต็มไปด้วยความตกใจ และก็เสียใจกับสิ่งที่ได้ยินเหลือเกิน
ทำยังไงหล่อนถึงจะช่วยแบ่งเบาภาระแม่กับพ่อได้บ้างนะ
“ขอร้องล่ะคุณปรานี ช่วยพูดกับคุณหญิงให้ทีนะคะ วันนี้ผัวฉันออกไปวิ่งรถแต่เช้ามืด ยังไงซะพรุ่งนี้ฉันก็มีเงินไปจ่ายดอกอย่างแน่นอนค่ะ”
“ไม่ได้ ยังไงก็ต้องจ่ายดอกวันนี้”
“แต่วันนี้ฉันไม่มีจริงๆ นะคุณปรานี ฉันเหลือติดตัวอยู่แค่ร้อยกว่าๆ เอง ต้องเอาไว้ให้ลูกสาวคนเล็กไปโรงเรียนน่ะ ฉันขอร้องล่ะนะ”
“ฉันก็เห็นใจแม่วาสนานะ แต่ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เพราะช่วยมาหลายครั้งจนคุณท่านด่าฉันเละ ยังไงถ้าเย็นนี้ไม่มีดอกเบี้ยไปจ่าย พรุ่งนี้คุณท่านคงส่งคนมายึดรถแท็กซี่ของผัวแม่วาสนาแน่นอน”
“ไม่ได้นะคุณปรานี... ถ้ายึดรถแท็กซี่ของผัวฉันไป แล้วผัวฉันจะทำมาหากินอะไรล่ะ”
แม่ของหล่อนร้องไห้ และยกมือไหว้หลายครั้ง คนเป็นลูกอย่างหล่อนเห็นแล้วก็เสียใจเหลือเกิน
“แม่...”
หล่อนก้าวออกจากหลังพุ่มไม้ และเดินไปหยุดข้างๆ แม่ หล่อนเห็นแม่รีบปาดน้ำตาทิ้ง เห็นแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งสะเทือนใจนัก
“ออกมาทำไมล่ะ ผึ้ง เข้าบ้านไปลูก”
แม่คงไม่อยากให้หล่อนรู้ว่าบ้านกำลังมีหนี้สินพะรุงพะรัง
“ผึ้งได้ยินหมดแล้วนะแม่”
“ผึ้ง...”
หล่อนเห็นแม่น้ำตาไหลอาบแก้ม แววตาของแม่มีความละอายใจ หล่อนดึงมือแม่มากุมเอาไว้ ก่อนจะพูดกับผู้หญิงสูงวัยตรงหน้า
“ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเย็นนี้เท่าไหร่เหรอคะป้า”
“ห้าพันบาท”
“เย็นนี้หนูจะเอาดอกเบี้ยไปจ่ายให้นะคะ ไม่เกินสองทุ่มค่ะ”
ผู้หญิงสูงวัยตรงหน้ามองหล่อนด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนจะพูดออกมา
“ลูกสาวหน้าตาน่าเอ็นดูนะ แม่วาสนา”
แม่ของหล่อนระบายยิ้มทั้งน้ำตา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“นี่เรียนอยู่ชั้นไหนแล้วล่ะหนู”
“เอ่อ... หนูเรียนจบแล้วค่ะป้า ตอนนี้กำลังหางานทำอยู่ค่ะ”
“ป้าขอให้หนูหางานทำได้เร็วๆ นะ จะได้เอาเงินมาช่วยจ่ายหนี้แทนแม่วาสนาน่ะ”
“หนูกำลังจะพยายามอยู่ค่ะ ขอบคุณนะคะป้า”
หล่อนยกมือไหว้หญิงสูงวัยตรงหน้า และก็ย้ำถึงเรื่องดอกเบี้ยออกมาอีก
“แล้วเย็นนี้หนูจะเอาเงินเข้าไปจ่ายดอกเบี้ยนะจ๊ะ”
คู่สนทนาของหล่อนผงกศีรษะตอบรับ และกำลังจะหมุนตัวเดินไปขึ้นรถยนต์ที่จอดติดเครื่องอยู่ แต่เสียงของดาริกา หรือว่าแตนดังขึ้นเสียก่อน
“แม่จ๋า... ขอเงินไปเรียนหน่อยจ้ะ แล้ววันนี้ก็มีจ่ายค่ากิจกรรมด้วยนะ”
ดาริกาวิ่งมาหยุดข้างๆ มารดา ซึ่งปรานีก็มองแล้วก็เอ่ยถามออกมา
“ลูกสาวคนเล็กเหรอแม่วาสนา”
“ค่ะ”
“หน้าตาสะสวยดีนะ” ปรานีระบายยิ้ม ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนรถยนต์
“ใครเหรอจ๊ะแม่” ดาริกาถามมารดา ซึ่งวาสนาอึกอักเพราะไม่อยากให้ลูกสาวรู้ว่าเป็นหนี้
“คนรู้จักน่ะ แค่แวะมาคุย”
ดาหลาเป็นคนตอบน้องสาวเอง ก่อนจะควักเงินจากกระเป๋าของตัวเองส่งให้น้องสาว
“สามร้อยพอไหมแตน”
“พอจ้ะ ขอบคุณนะจ๊ะพี่ผึ้ง”
ดาริกายกมือไหว้พี่สาว
“งั้นแตนไปเรียนก่อนนะจ๊ะ”
“ขึ้นรถขึ้นราก็ระวังนะแตน”
วาสนาพูดกับลูกสาวแบบนี้ทุกเช้า
“จ้ะแม่ แตนไปก่อนนะ พี่ผึ้งแตนไปก่อน”
“อืม”
เมื่อดาริกาเดินหายออกไปจากรั้วบ้านแล้ว แม่ของหล่อนก็จะเดินหนีเข้าบ้าน ดาหลาจึงรีบเดินตามหลังมา
“แม่จ๋า... ทำไมแม่ไม่เคยบอกผึ้งเลยว่าบ้านเราเป็นหนี้”
“แม่ไม่อยากให้ลูกไม่สบายใจน่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก แม่กับพ่อจัดการได้”
หล่อนรู้ว่าแม่ไม่ต้องการให้ลูกๆ อย่างหล่อนไม่สบายใจ แต่หล่อนจะทำเป็นนิ่งเฉยไม่ได้ หล่อนต้องช่วยเหลือครอบครัว
“เราเป็นหนี้เท่าไหร่จ๊ะแม่”
แม่จ้องมองหล่อน แววตาของท่านเต็มไปด้วยความทุกข์ระบม
เพราะแบบนี้ใช่ไหม แม่ถึงไม่ค่อยยิ้มเลย...
“เก้าหมื่นเจ็ด”
หล่อนยืนนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะยื่นมือไปดึงมือของมารดามาบีบให้กำลังใจ
“ผึ้งจะหางานให้เร็วที่สุด แม่ไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ ผึ้งจะรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้เองจ้ะ”
แม่ของหล่อนน้ำตาไหลรินอาบแก้ม แววตาของแม่มีแต่ความรักความห่วงใยมอบให้
“ขอบใจนะผึ้ง แต่ไม่เป็นไรหรอก แม่กับพ่อจัดการได้ ลูกทำงานเก็บเงินไว้ใช้เถอะ”
“แม่อย่าพูดแบบนี้สิจ๊ะ ที่แม่กับพ่อมีหนี้สิน ก็เพราะส่งผึ้งกับแตนเรียนหนังสือ ดังนั้นผึ้งจะทำเป็นเพิกเฉยไม่ได้หรอก เราจะช่วยกันใช้หนี้นะจ๊ะแม่”
แม่ของหล่อนระบายยิ้มออกมา ทั้งๆ ที่น้ำตายังคงไหลรินอาบแก้ม
“งั้นผึ้ง... ไปหาสมัครงานก่อนนะแม่ บางทีวันนี้อาจจะมีบริษัทที่เคยไปสมัครไว้เรียกสัมภาษณ์ก็ได้”
ดาหลาพูดอย่างมีความหวัง
วาสนายกมือขึ้นลูบศีรษะของลูกสาวคนโต
“แม่ขอให้วันนี้เป็นวันดีๆ ของลูกนะผึ้ง...”
“ขอบคุณจ้ะแม่”
ดาหลายกมือขึ้นไหว้มารดา ก่อนจะเดินออกไปจากบ้านเช่า ในหัวเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก