ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะว่าเป็นแม่ม่ายสาวพราวเสน่ห์ แต่ ‘โรสิตา’ ก็ต้องยอมรับว่าเธอเป็นอย่างนั้นจริงๆ ช่วยไม่ได้ที่เธอยังสาว ยังสวย หุ่นเชฟบ๊ะ แถมหน้าที่การงานดีจนเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ แต่เพราะความเจ็บปวดจากอดีตคนรักในครั้งก่อน ทำให้เธอไม่เปิดใจให้กับใครง่ายๆ ด้วยเธอมีรักเดียวที่รักมากที่สุดตอนนี้ นั่นคือลูกชายวัยกระเตาะอย่าง ‘อชิ’ ของเธอ แต่...เหมือนชะตาไม่เป็นใจให้เธออยู่โสดคนเดียวไปจนตายสักเท่าไรนัก ต่อให้เธอฝืนกฎธรรมชาติสักแค่ไหน สวรรค์ก็ส่งผู้ชายหล่อล่ำกล้ามใหญ่มาให้เธอถึงหน้าบ้านจนได้ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นล่ะก็ เธอคงไล่ตะเพิดไปง่ายๆ แต่นี่ดันเป็นหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าว ซึ่งเป็นคุณครูประจำชั้นของโรงเรียนเจ้าอชิที่ดันบังเอิญมาอยู่ข้างๆ บ้านเธอนี่สิ อะไรไม่ว่า อชิยังจะไปสร้างเรื่องให้ถึงขั้นไฟไหม้จนเขาต้องซ่อมแซมบ้านใหม่ ไม่โดนลากเข้าคุกเข้าตะรางก็ถือว่าบุญหัวโรสิตาแล้ว! และเพื่อการตอบแทนที่เขาไม่ได้ให้เธอจ่ายค่าเสียหายอะไรมากมายจนถังแตก โรสิตาจึงให้ ‘แมทธิว’ มาอยู่ที่บ้านด้วยจนกว่าบ้านเขาจะซ่อมเสร็จ ทว่า...เจ้าลูกชายคนโปรดนั่นก็... “ทีชเช่อร์ดีกับแม่ชิขนาดนี้ งั้น...แต่งงานกับแม่ของชิเถอะครับ” เก่งมากเจ้าอชิ เอ้ย! ไม่ใช่! โอย...แม่ละปวดหัววันละหลายสิบรอบเหลือเกิน
“แม่ครับ แม่ไม่คิดจะมีแฟนเหรอ”
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าลูกชายตัวน้อยถาม ‘โรสิตา’ ไม่แน่ใจว่าจะเรียกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอเป็นลูกชายตัวน้อยได้อยู่หรือเปล่า เวลาสิบปีแค่แป๊บเดียวราวกับกะพริบตา เจ้าเด็กน้อยเท้าเท่าฝาหอย ตอนนี้ฝ่าเท้าเท่าหน้าแม่แล้ว ตอนนี้เจ้า ‘อชิ’ อายุได้สิบขวบแล้วล่ะ
“จู่ๆ นึกยังไงถึงถามน่ะฮึ?”
โรสิตาถามกลับ สายตาเหลือบมองหน้าลูกชายเล็กน้อยก่อนเหลือบกลับมามองถนนด้านหน้า รอให้เด็กนักเรียนพากันข้ามทางม้าลายก่อนขับรถออกไปต่อ
“ก็แม่ถามชินี่ว่าวันเกิดปีนี้อยากได้อะไร”
ใช่ เธอถาม พรุ่งนี้ก็วันเกิดอชิแล้ว เธอมีของขวัญพิเศษให้ลูกชายทุกปีแหละ
“หรือว่าชิไม่มีอะไรอยากได้เป็นพิเศษ?”
โรสิตาถามกลับอีกครั้ง อชิส่ายหน้า
“อ้าว งั้นก็แสดงว่ามีสิ”
“มีอยู่แล้วสิครับ วันเกิดชิทั้งที มันต้องมีของที่อยากได้อยู่แล้ว”
ช่างต่อปากต่อคำเหลือเกินเจ้าลูกชายของเธอ แต่เอาเถอะ ก็คงจะเหมือนเธอนั่นละ ตอนเธอเด็กๆ ก็ช่างต่อปากต่อคำกับพ่อแม่เหมือนกัน คงกรรมตามสนองล่ะมั้ง
“แล้วตกลงชิอยากได้อะไร”
โรสิตาเริ่มถามอีกครั้ง อชิไม่ตอบ หากแต่ชี้นิ้วไปที่ประตูโรงเรียนอีกประตูหนึ่งเมื่อรถที่โรสิตาขับอยู่กำลังจะขับผ่าน
“แม่ดูนั่นสิครับ”
“หืม?”
“ทีชเช่อร์!”
ทีชเช่อร์...มาจากคำภาษาอังกฤษว่า teacher แปลว่าคุณครู เอาไว้ใช้เรียกครูสอนภาษาอังกฤษของโรงเรียนเอกชนแห่งนี้ เรื่องนั้นโรสิตารู้ดี แต่คนที่อชิชี้ให้ดูนั้น โรสิตาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาเป็นหนุ่มฝรั่งผมสีบลอนด์ ตาน้ำข้าว และเธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
“ทีชเช่อร์คนใหม่เหรอ”
“ครับ เพิ่งมาสอนห้องผมเทอมนี้”
มิน่าล่ะ เธอถึงไม่เคยเห็นหน้าเลย แต่ว่านะ หน้าตาหล่อขนาดนี้ ไม่เหมาะที่จะเป็นครูเลย เป็นนายแบบยังจะเหมาะกว่าอีก ดูพวกแม่ๆ ที่มารับลูกพวกนั้นสิ เดินผ่านเขาที ตาเยิ้ม น้ำลายไหลเป็นทาง โรสิตาเองยังเผลอยกมือขึ้นปาดมุมปากโดยไม่รู้ตัวเลย
น้ำลายสอจริงๆ
“สอนดีไหมล่ะ”
“สอนดีไหม ชิไม่รู้หรอกครับ”
“หมายความว่ายังไงที่ว่าไม่รู้ ตั้งใจเรียนหรือเปล่าเราเนี่ย”
เสียงเข้มขึ้นโดยอัตโนมัติเพราะรู้ดีว่าลูกชายตัวเองซนเพียงใด ครูมาฟ้องประจำว่าไม่ค่อยตั้งใจเรียนหนังสือ ชอบแหย่เพื่อนเวลาเรียน หนำซ้ำยังมีอาการเหมือนสมาธิสั้น อยู่นิ่งๆ ได้ไม่นานเท่าไรนักหรอก ต้องโดนดุ โดนฟ้องผู้ปกครองเป็นประจำ เรียกได้ว่าเธอมาโรงเรียนเพราะถูกเชิญผู้ปกครองทุกอาทิตย์เลยล่ะ
“โธ่แม่ แม่ก็รู้ว่าชิไม่ชอบเรียนหนังสือ ชิชอบทำกิจกรรม”
“รู้จักพูดนะเรา จริงๆ ชอบเล่นมากกว่าล่ะสิไม่ว่า”
โรสิตาเย้า อชิหัวเราะออกมาที่แม่รู้ทัน ก่อนที่โรสิตาจะเข้าเรื่องอีกครั้ง
“แล้วตกลงทีชเช่อร์คนนี้สอนดีไหม”
“ไม่รู้ว่าดีไหม แต่ชิชอบทีชเช่อร์คนนี้ครับ”
แสดงว่าสอนดี ลูกชายเธอถึงได้พูดอย่างนั้น...โรสิตารวบรัดตัดตอน เข้าใจไปเองเรียบร้อย
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ แล้วนี่คิดได้หรือยังว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด แม่จะได้พาไปซื้อวันนี้เลย จะได้รู้ว่าต้องไปที่ไหนต่อ เผื่อของที่ชิอยากได้มันไม่มีที่ห้างแถวบ้านเรา”
“แม่ไม่ต้องไปไหนเลยครับ”
“หืม? ทำไมล่ะ”
“ก็เพราะของที่ชิอยากได้อยู่ที่นี่แล้วไงล่ะ”
โรสิตาไม่เข้าใจ หันไปมองหน้าลูกชายที่ยิ้มแป้นแล้นอยู่ ขณะที่อชิลดหน้าต่างลดลงแล้วตะโกนเรียกเสียงดัง
“ทีชเช่อร์!”
พ่อหนุ่มตาน้ำข้าวละสายตาจากเด็กหญิงคนหนึ่งที่กำลังยกมือขึ้นไหว้เขาไปมอง พอเห็นว่าเป็นอชิ เขาก็ยกมือขึ้นโบกทักทาย ขยับปากที่พอจะจับใจความได้ว่า ‘เฮลโล่ว อชิ’
โรสิตาประหลาดใจกับพฤติกรรมของลูกชายเป็นอย่างมาก ปกติเขาไม่เคยทโมนขนาดนี้ อย่างน้อยก็ไม่ลดกระจกรถลงโดยไม่ขออนุญาตเธอก่อนแล้วกัน ทำเอาเธอรีบจอดรถเข้าเทียบข้างทางเพื่อที่จะดุลูกชาย แล้วจับเขาให้นั่งที่ดีๆ หากแต่เจ้าลูกชายตัวแสบดันปลดล็อกเซฟตี้เบลท์แล้วโผล่หน้าโผล่ตัวออกไปครึ่งหนึ่ง ก่อนจะตะโกนเสียงดังเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงไทยชัดเป๊ะ
“วิล ยู แมรี่ มาย มัม ทีชเช่อร์! ชี อีส ซิงเกิ้ลมัม!”
ว็อทเดอะ...!?
โรสิตาถึงกับเบิกตาโพลง ดึงอชิกลับเข้ามาในรถแทบไม่ทัน ขณะที่ทีชเช่อร์สุดหล่อคนนั้นก็อึ้งงันไปอยู่เล็กน้อย พลันตะโกนตอบกลับมาด้วยเสียงอันดังไม่แพ้กัน
“Thank you but no!” (ขอบคุณ แต่ไม่ดีกว่านะ!)
“วาย!?”
ยังจะตะโกนถามกันอีก โรสิตาไม่ยอมให้ลูกชายทำอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว รีบคว้าอชิกลับเข้ามานั่งในรถ ปิดหน้าต่างอย่างรวดเร็วแล้วมองหน้าเจ้าเด็กชายที่หัวเราะเอิ๊กอ๊าก บอกกับเธอชัดถ้อยชัดคำ
“ของขวัญวันเกิดที่ชิอยากได้คือพ่อคนใหม่ไงฮะแม่”
โรสิตายกมือขึ้นกุมหัวเลย
นี่มันเรื่องบ้าบอคอหอยพอกอะไรกันเนี่ย!?
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"